φυβλαςのβλογ
phyblas的博客



หลักการเขียนทับศัพท์ภาษาทิเบต ฉบับใช้งานเชิงลึก (รวมเสียงวรรณยุกต์)
เขียนเมื่อ 2020/01/05 16:08
แก้ไขล่าสุด 2023/07/15 22:09
ในบทความนี้จะอธิบายถึงหลักการเขียนทับศัพท์ภาษาทิเบตเป็นภาษาไทย โดยเขียนอธิบายอย่างละเอียด

สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าใจแค่คร่าวๆเพื่อให้พอเขียนทับศัพท์อย่างง่าย ให้อ่านหน้าหลักการเขียนทับศัพท์ภาษาทิเบต ฉบับใช้งานทั่วไป

ภาษาทิเบตเป็นภาษาที่ใช้อักษรของตัวเองคืออักษรทิเบตในการเขียนเป็นหลัก อักษรทิเบตมีความซับซ้อนและถูกใช้มานานตั้งแต่อดีต

ปัจจุบันเสียงอ่านภาษาทิเบตได้เปลี่ยนไปจากอดีตมากแต่ยังคงรูปแบบการเขียนเดิมอยู่ การเขียนยังแสดงร่องรอยของภาษาในยุคก่อนอย่างชัดเจนในขณะที่มีส่วนที่ไม่ได้ออกเสียง หรือออกเสียงเปลี่ยนไปมาก จึงทำให้การออกเสียงชื่อต่างๆมีกฎเกณฑ์ยุ่งยากและข้อยกเว้นมากมาย อีกทั้งภาษาทิเบตที่ใช้ในแต่ละท้องถิ่นก็มีความแตกต่างกันมากด้วย

ภาษาทิเบตมีหลายสำเนียง แต่ที่เป็นมาตรฐานที่ยึดถือกันทั่วไปคือสำเนียงลาซ่า (拉萨) ซึ่งเป็นเมืองเอกของทิเบต

ในที่นี้จะอธิบายหลักการอ่านอักษรทิเบต และวิธีการเขียนทับศัพท์เป็นภาษาไทย อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นมากมายที่ไม่อาจกล่าวถึงได้หมด เสียงอ่านจริงมีการพลิกแพลงไปจากตัวสะกดจริงอยู่บ่อยครั้ง จึงอาจใช้ระบบการเขียนทับศัพท์โรมันช่วยในการสังเกตด้วย

ในที่นี้แสดงระบบถอดเสียงเป็นอักษรโรมันโดยใช้ระบบที่เรียกว่า พินอินทิเบต (藏语拼音zàng yǔ pīn yīn) เป็นระบบถอดเสียงมาตรฐานที่ทางการจีนกำหนดขึ้น โดยยืนพื้นจากพินอินของจีนกลาง การเขียนด้วยระบบนี้เขียนตามเสียงอ่านจริงในสำเนียงลาซ่าโดยไม่สนตัวสะกด จึงใช้อ้างอิงเสียงอ่านที่แท้จริงได้

เพียงแต่ระบบนี้ไม่ได้แสดงเสียงวรรณยุกต์ แต่ภาษาทิเบตมีการแบ่งวรรณยุกต์ชัดเจน การเขียนทับศัพท์เป็นภาษาไทยจึงทำการแยกวรรณยุกต์ด้วย ทำให้ต้องพยายามทำความเข้าใจเรื่องหลักของเสียงวรรณยุกต์ในภาษาทิเบตด้วย

นอกจากนี้อีกระบบที่ใช้กันมากคือระบบเวย์ลี่ (威利转写wēi lì zhuǎn xiě) ซึ่งถอดเป็นอักษรโรมันตามตัวสะกดในอักษรทิเบต ใช้ได้ดีกับภาษาทิเบตสำเนียงต่างๆ รวมถึงภาษาภูฏานด้วย

แต่ระบบนี้ไม่ได้แสดงถึงเสียงอ่านที่แท้จริงตามสำเนียงลาซ่า และยังทำให้เข้าใจเสียงอ่านผิดไปไกลเลยได้ เพราะปัจจุบันเสียงอ่านในสำเนียงลาซ่าห่างไกลจากตัวสะกดไปมาก จึงไม่ขอพูดถึงระบบนี้ในที่นี้

สำหรับการพิมพ์อักษรทิเบตนั้น นอกจากตั้งคีย์บอร์ดเป็นภาษาทิเบตแล้วก็ยังมีวิธีที่สะดวกกว่านั้น ทำได้ง่ายโดยใช้โปรแกรมช่วย เช่นใช้เว็บ https://www.lexilogos.com/keyboard/tibetan.htm ซึ่งสามารถพิมพ์ตัวอักษรทิเบตได้โดยใช้อักษรโรมันเป็นพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ในการพิมพ์นั้นใช้ระบบเวย์ลี่ ไม่ใช่ระบบพินอินทิเบต จึงถอดอักษรโรมันตามตัวสะกด แต่ต่างจากเสียงอ่านจริง



ตัวอักษรพยัญชนะ



ภาษาทิเบตมีพยัญชนะทั้งหมด ๓๐ ตัว แบ่งเป็นอักษรสูง ๑๔ ตัว อักษรต่ำ ๑๖ ตัว

อักษรสูงและต่ำนั้นมีหลักการคล้ายกับอักษรสูงกลางต่ำในภาษาไทย คือจะต่างกันที่วรรณยุกต์พื้นฐานในตัวอักษรนั้นๆ

อักษรสูงจะเป็นเสียงสูงเรียบ ฟังดูคล้ายเสียงสามัญหรือเสียงตรี ในที่นี้จะแทนด้วยเสียงสามัญ

ส่วนอักษรต่ำเป็นเสียงต่ำแล้วยกช่วงท้าย ฟังดูคล้ายเสียงตรีหรือจัตวา ในที่นี้จะแทนด้วยเสียงจัตวา

(ระวัง ตรงกันข้ามกับอักษรสูงต่ำในภาษาไทย)

การแบ่งกลุ่มตัวอักษรมีความใกล้เคียงกับการแบ่งเป็นวรรคอย่างในภาษาไทย คือมีแบ่งวรรคหลัก ๕ วรรค และที่เหลือเป็นเศษวรรค

โดยที่แต่ละวรรคจะมีแค่ ๔ ตัว โดย ๒ ตัวแรกเป็นอักษรสูง ๒​ ตัวหลังเป็นอักษรต่ำ เพียงแต่วรรคสุดท้ายมีแค่ ๓ ตัว ทั้งหมดรวมเป็น ๑๙ ตัว เสียงถูกเรียงอย่างเป็นระบบ

ส่วนที่เหลืออีก ๑๑ ตัวเป็นเศษวรรค แทนเสียงที่เหลือ อักษรกลุ่มนี้มีการเรียงที่ไม่เป็นระเบียบนัก ต้องจำเอาเอง โดย ๗ ตัวแรกเป็นอักษรต่ำ ส่วน ๔ ตัวสุดท้ายเป็นอักษรสูง

ตารางแสดงอักษรทั้งหมด จากด้านบนคืออักษรทิเบต IPA ทับศัพท์ไทย และพินอินทิเบต ตามลำดับ ช่องสีชมพูคืออักษรสูง สีม่วงคืออักษรต่ำ

  ตัวที่ ๑ ตัวที่ ๒ ตัวที่ ๓ ตัวที่ ๔
วรรคกา
/ˉka/
กา
ga

/ˉkʰa/
คา
ka

/ˊkʰa/
ขา
ka

/ˊŋa/
หงา
nga
วรรคจยา
/ˉt͡ɕa/
จยา
ja

/ˉt͡ɕʰa/
ชยา
qa

/ˊt͡ɕʰa/
ฉยา
qa

/ˊɲa/
หญา
nya
วรรคตา
/ˉta/
ตา
da

/ˉtʰa/
ทา
ta

/ˊtʰa/
ถา
ta

/ˊna/
หนา
na
วรรคปา
/ˉpa/
ปา
ba

/ˉpʰa/
พา
pa

/ˊpʰa/
ผา
pa

/ˊma/
หมา
ma
วรรคจา
/ˉt͡sa/
จา
za

/ˉt͡sʰa/
ชา
ca

/ˊt͡sa/
ฉา
ca
 
เศษวรรค      
/ˊwa/
หวา
wa

/ˊɕa/
สยา
xa

/ˊsa/
สา
sa
 
/ˊa/
อ๋า
a

/ˊja/
หยา
ya

/ˊɹa/
หรา
ra

/ˊla/
หลา
la
 

/ˉɕa/
ซยา
xa

/ˉsa/
ซา
sa

/ˉha/
ฮา
ha

/ˉa/
อา
a

อักษรใน ๕ วรรคหลักนั้น ตัวที่ ๑ คือเสียงไม่ปล่อยลม ตัวที่ ๒,๓ คือเสียงปล่อยลม ตัวที่ ๔ คือเสียงออกจมูก ส่วน ๑๑ ตัวในเศษวรรคไม่ได้เรียงเป็นระเบียบแบบนั้น

ในอักษรทั้งหมดนี้ มีบางตัวที่เสียงพยัญชนะซ้ำกันเป็นคู่โดยเป็นอักษรสูงหรือต่ำ มีทั้งหมด ๘ คู่ (๑๖ ตัว) แต่ตัวที่เหลือมีแค่อักษรสูง (๖ ตัว) หรืออักษรต่ำ (๘ ตัว) ไม่มีคู่

อักษร ๓๐ ตัว แต่เสียงซ้ำกัน ๘ คู่ เสียงพยัญชนะต้นโดยพื้นฐานแล้วจึงมีทั้งหมด ๒๒​ เสียง

นอกจากนี้อักษรทิเบตยังมีอักษร ཊ, ཋ, ཌ, ཎ, ཥ ซึ่งจริงๆแล้วคืออักษร ཏ (ตา), ཐ (ทา), ད (ถา), ན (หนา), ཤ (ซยา) ที่นำมากลับซ้ายขวา อักษรพวกนี้ใช้เมื่อเขียนภาษาบาลีสันสกฤต ไม่ได้ใช้ทั่วไปในภาษาทิเบต

เสียง ཅ (จยา) ཆ (ชยา) ཇ (ฉยา) ในที่นี้ใกล้เคียงกับเสียง จ หรือ ช ในภาษาไทย แต่มักจะมีเสียงควบ ย ติดมาด้วย จึงเขียนแทนด้วย จย ชย ฉย

ตัว ཉ (หญา) ออกเสียงเหมือน ญ ในภาษาลาวหรืออีสาน ไม่ใช่เสียงแบบ ย ในภาษาไทย ในที่นี้ก็จะใช้ ญ เพื่อแทนเสียงนี้

ตัว ཙ (จา) ཚ (ชา) ཛ (ฉา) ออกเสียงเหมือน z หรือ c ในพินอินจีนกลาง ซึ่งไม่มีในภาษาไทย แต่สามารถเทียบเคียงเป็น จ ช ฉ ได้

ตัว ཞ (สยา) ཤ (ซยา) ออกเสียงเหมือน x ในพินอินจีนกลาง ไม่มีในภาษาไทย แต่อาจออกเสียงเหมือน ซ หรือ ส ที่มี ย ควบอยู่ จึงเขียนเป็น สย หรือ ซย

ར (หรา) เป็นเสียงคล้าย r ในภาษาญี่ปุ่นหรือเกาหลี ไม่ใช่ ร เรือ แบบภาษาไทย แต่ก็ใกล้เคียง จึงให้เขียนแทนด้วย ร

ตัวนอกจากที่กล่าวมาข้างต้นนี้โดยพื้นฐานแล้วออกเสียงเหมือนในภาษาไทย จึงทับศัพท์ได้ตรงตัว



ตัวอักษรสระ

เมื่อพยัญชนะอยู่เดี่ยวๆจะอ่านออกเสียงสระอา แต่ถ้ามีสระมาวางอยู่บนหรือล่างก็จะอ่านตามสระนั้น โดยมีอยู่ ๔ สระ

อักษรเติม ชื่อสระ เสียง IPA พินอินทิเบต ตัวอย่าง
-   อา a a ཀ༌ (กา) ཏ༌ (ตา) ལ༌ (หลา)
  ི གི་གུ་
คีคู
อี i i ཀི༌ (กี) ཏི༌ (ตี) ལི༌ (หลี)
  ུ ཞབས་ཀྱུ་
สยับจยู
อู u u ཀུ༌ (กู) ཏུ༌ (ตู) ལུ༌ (หลู)
  ེ འགྲེང་པོ་
เจร่งโป
เอ e ê ཀེ༌ (เก) ཏེ༌ (เต) ལེ༌ (เหล)
  ོ ན་རོ་
หน่าโร
โอ o o ཀོ༌ (โก) ཏོ༌ (โต) ལོ༌ (โหล)




ส่วนประกอบของพยางค์

ภาษาทิเบตมีการแบ่งพยางค์ชัดเจน ในแต่ละพยางค์อาจประกอบขึ้นจากอักษรหลายตัวมาประกอบกัน โดยอาจประกอบโดยวางบนล่างหน้าหลังได้หมด และแต่ละพยางค์จะกั้นแยกกันโดยขีดสั้น ་ หรือถ้าสิ้นสุดคำจะกั้นด้วยขีดยาว ། จึงแยกพยางค์ได้ง่าย ไม่สับสนเหมือนอย่างภาษาไทย

ส่วนประกอบอาจแสดงได้ดังนี้

  สระอี เอ โอ  
อักษรเติมหน้า
(๕)
อักษรเติมบน
(๓)
อักษรเติมหลัง
(๑๐)
อักษรเติมหลังตัวที่สอง
(๑)
อักษรฐาน
(๓๐)
  อักษรเติมล่าง
(๕)
 
สระอู

แต่ละคำอาจมีแค่อักษรฐาน หรือกรณีที่ซับซ้อนที่สุดอาจมีอักษรเติมจนครบทั้ง ๖ ส่วน พร้อมทั้งรูปสระด้วย

เช่น བསྒྲོགས་ ประกอบด้วย
อักษรเติมหน้า: 
อักษรเติมบน: 
อักษรฐาน:  
อักษรเติมล่าง:  
อักษรสระ:  
อักษรเติมหลัง: 
อักษรเติมหลังตัวที่สอง: 

อักษรฐานอาจเป็นอะไรก็ได้ใน ๓๐ ตัว แต่ส่วนประกอบอื่นนอกจากนั้นมีแค่อักษรบางตัวเท่านั้นที่เป็นได้ เลขในวงเล็บคือจำนวนอักษรที่ใช้ในส่วนนั้นได้

ตารางแสดงตัวอักษรที่ใช้ในแต่ละส่วนได้

   ི (อี),   (เอ),   (โอ)  
(ขา), (ถา), (ผา), (หมา), (อ๋า) (หรา), (หลา), (ซา) (ขา), (หงา), (ถา), (หนา), (ผา), (หมา), (อ๋า), (หรา), (หลา), (ซา) (ซา)
อักษรฐาน
๓๐ ตัว
   ྭ   [ཝ] (หวา),      [ཡ] (หยา),   [འ] (อา),   ྲ   [ར] (หรา),      [ལ] (หลา)  
(อู)

เมื่อเป็นส่วนเติมด้านล่าง อักษร ཝ (หวา), ཡ (หยา), ར (หรา) จะหน้าตาเปลี่ยนไปจากเดิม ไม่เหมือนตัวอักษรเดิมซึ่งอาจทำให้ต้องจำเพิ่มเติม ในที่นี้อยู่ในวงเล็บ [] คือตัวอักษรเดิม แต่รูปที่ถูกใช้เมื่อเติมด้านล่างจะเป็นตามลักษณะที่เห็นหน้าวงเล็บ []



อักษรเติมด้านล่าง

โดยพื้นฐานแล้วเสียงพยัญชนะต้นในภาษาทิเบตประกอบไปด้วย ๓๐ เสียงพื้นฐานตามอักษรดังที่กล่าวข้างต้น แต่เมื่อมีอักษรเติมด้านล่างจะทำให้เกิดเสียงพยัญชนะต้นเปลี่ยนไป ซึ่งบางส่วนก็ซ้ำกับเสียงพื้นฐานที่มีอยู่ แต่ก็มีที่ไม่ซ้ำ ทำให้เกิดเสียงเพิ่มขึ้นมาอีกหลายเสียง

อักษรที่อาจเติมด้านล่างมีได้ ๕ ตัว คือ

รูปเดิม เมื่อเติมล่าง ผลการเติม ตัวอย่าง
  ྭ ไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเสียง གྭ༌ (ขา), ཉྭ༌ (หญา), དྭ༌ (ถา)
  ྱ เติมใส่ ཀ, ཁ, ག, པ, ཕ, བ, མ แล้วเปลี่ยนเสียง ཀྱ༌ (กยา), ཁྱ༌ (คยา), ཕྱ༌ (ชยา)
  ྲ เติมใส่ ཀ, པ, ཁ, ཕ, ག, དྲ, བ, ས, ཧ แล้วเปลี่ยนเสียง ཀྲ་ (จรา), ཁྲ་ (ชรา), ཧྲ་ (ซรา)
  ླ ทำให้กลายเป็นเสียง "ลา" ཀླ༌ (ลา), གླ༌ (ลา), བླ༌ (ลา)
  ทำให้เป็นเสียงยาว (ไม่ใช้ในภาษาทิเบต) ใช้ในภาษาภูฏาน

ในจำนวนนี้ འ จะไม่ได้ใช้ในภาษาทิเบต แต่ใช้ในภาษาอื่นเช่นภาษาภูฏาน ดังนั้นจะไม่พูดถึงต่อไปอีก

ཝ (หวา) นั้นเมื่อเติมแล้วไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนเสียง แต่อาจมีบทบาทในการแยกความแตกต่างระหว่างบางคำ จึงอาจมีการใส่ แม้จะไม่มีผลต่อเสียง การเติมจะเป็นการใส่สามเหลี่ยมเล็กๆที่ปลายด้านล่างของอักษรที่ถูกเติม

ཡ (หยา) จะทำให้เกิดเสียงใหม่ ซึ่งบางตัวก็ไปซ้ำกับเสียงที่อักษรเดิมมีอยู่แล้ว

  ส่วนประกอบ เสียง IPA พินอินทิเบต เสียงซ้ำกับ
ཀྱ ཀ (กา) +  ྱ กยา ˉca gya -
ཁྱ ཁ (คา) +  ྱ คยา ˉcʰa kya
གྱ ག (ขา) +  ྱ ขยา ˊcʰa
པྱ པ (ปา) +  ྱ จยา ˉtɕa ja
ཕྱ ཕ (พา) +  ྱ ชยา ˉtɕʰa qa
བྱ བ (ผา) +  ྱ ฉยา ˊtɕʰa
མྱ མ (หมา) +  ྱ หญา ˊɲa nya

ཀྱ (กยา), ཁྱ (คยา), གྱ (ขยา) ในที่นี้เป็นเสียงคล้ายกับเป็น ก, ข, ค ที่มีเสียง ย มาควบ

ར (หรา) จะทำให้เกิดเสียงใหม่ซึ่งได้รับอิทธิพลของ "ร" ทำให้กลายเป็นเสียงม้วนลิ้น

  ส่วนประกอบ เสียง IPA พินอินทิเบต
ཀྲ ཀ (กา) +  ྲ จรา ˉʈ͡ʂa zha
པྲ པ (ปา) +  ྲ
སྲ ས (ซา) +  ྲ จรา, ซา ˉʈ͡ʂa, ˉsa zha / sa
ཁྲ ཁ (คา) +  ྲ ชรา ˉʈ͡ʂʰa cha
ཕྲ ཕ (พา) +  ྲ
གྲ ག (ขา) +  ྲ ฉรา ˊʈ͡ʂʰa
དྲ ད (ถา) +  ྲ
བྲ བ (ผา) +  ྲ
ཧྲ ཧ (ฮา) +  ྲ ซรา ˉʂa sha

ในที่นี้เสียง ཀྲ, པྲ, སྲ (เขียนทับศัพท์เป็น "จรา") คือเสียงคล้าย zh ในจีนกลาง

สำหรับ སྲ นั้นทีบางคำที่ออกเสียงเป็น "ซ" เหมือนกับ ས ไม่ได้เปลี่ยนเสียง

ส่วนเสียง ཁྲ, ཕྲ (ชรา) และ གྲ, དྲ, བྲ (ฉรา) คล้ายเสียง ch ในจีนกลาง

และเสียง ཧྲ (ซรา) คือเสียงคล้ายเสียง sh ในจีนกลาง

นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ ར ไปเติมใส่ མ (หมา) กลายเป็น མྲ ก็อ่าน "หมา" เหมือนเดิม ไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเสียง

ལ (หลา) เติมใส่ตัวอะไรก็กลายเป็นเสียง "ลา" คือกลายเป็น "ล" ที่เป็นอักษรสูง แต่มีข้อยกเว้นคือเมื่อเติมใส่ ཟ (สา) กลายเป็น ཟླ อ่านว่า "ต๋า" /ˊta/

ต่อไปแสดงการจับคู่ทั้งหมดที่มีการใช้จริง พร้อมเสียงอ่าน

  ཡ (หยา) ར (หรา) ལ (หลา)
ཀ (กา) ཀྱ
/ˉca/
กยา
gya
ཀྲ
/ˉʈ͡ʂa/
จรา
zha
ཀླ
/ˉla/
ลา
la
ཁ (คา) ཁྱ
/ˉcʰa/
คยา
kya
ཁྲ
/ˉʈ͡ʂʰa/
ชรา
cha
 
ག (ขา) གྱ
/ˊcʰa/
ขยา
kya
གྲ
/ˊʈ͡ʂʰa/
ฉรา
cha
གླ
/ˉla/
ลา
ང (งา)   ངྲ
/ˊʈ͡ʂʰa/
ฉรา
cha
 
པ (ปา) པྱ
/ˉt͡ɕa/
จยา
ja
པྲ
/ˉʈ͡ʂa/
จรา
zha
 
ཕ (พา) ཕྱ
/ˉt͡ɕʰa/
ชยา
qa
ཕྲ
/ˉʈ͡ʂʰa/
ชรา
cha
 
བ (ผา) བྱ
/ˊt͡ɕʰa/
ฉยา
qa
བྲ
/ˊʈ͡ʂʰa/
ฉรา
cha
བླ
/ˉla/
ลา
la
མ (หมา) མྱ
/ˊɲa/
หญา
nya
མྲ
/ˊma/
หมา
ma
 
ཇ (สา)     ཟླ
/ˉta/
ต๋า
da
ར (หรา)     རླ
/ˉla/
ลา
la
ས (ซา)   སྲ
/ˉʈ͡ʂa/
จรา, ซา
zha, sa
སླ
/ˉla/
ลา
la
ཧ (ฮา)   ཧྲ
/ˉʂa/
ซรา
sha
 

ในที่นี้ ที่ใส่อักษรสีแดงคือส่วนที่เป็นข้อยกเว้น ต้องระวังเป็นพิเศษ ส่วนที่เป็นสีม่วงคือได้เสียงพยัญชนะใหม่ที่ไม่มีในอักษรเดี่ยว



อักษรเติมด้านบน

มีอักษร ๓ ตัวที่อาจมาเติมด้านบนอักษรฐานได้ คือ ར (หรา), ལ (หลา), ས (ซา) โดยเมื่อเติมแล้วอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนเสียง หรืออาจจะไม่เปลี่ยนก็ได้ แล้วแต่ตัวที่ตามมา และเสียงที่เปลี่ยนไม่ขึ้นกับว่าตัวด้านบนคืออะไร ไม่ว่าตัวไหนก็ให้ผลเหมือนกัน

กลุ่ม อักษร ความเปลี่ยนแปลง
ตัวที่ ๑ ของวรรค ཀ (กา), ཅ (จยา), ཏ (ตา), པ (ปา), ཙ (จา) ไม่เปลี่ยนแปลง
(+เติมด้านล่าง) ཀྱ (กยา), ཀྲ (จรา), པྱ (จยา), པྲ (จรา), ཙྭ (จา)
ตัวที่ ๓ ของวรรค ག (ขา), ཇ (ฉยา), ད (ถา), བ (ผา), ཛ (ฉา) กลายเป็นเสียงไม่ปล่อยลม
(+เติมด้านล่าง) གྱ (ขยา), གྲ (ฉรา), བྱ (ฉยา), བྲ (ฉรา)
ตัวที่ ๔ ของวรรค ང (หงา), ཉ (หญา), ན (หนา), མ (หมา) เปลี่ยนเป็นเสียงอักษรสูง
(+เติมด้านล่าง) མྱ (หญา), མྲ (หมา)
เศษวรรค ཧ (ฮา) ལྷ อ่านว่า "ฮลา" /ˉɬa/

หากอักษรที่เติมด้านบนเป็น ར (หรา) ขีดด้านล่างจะถูกตัดทิ้งไป เช่น རྐ ยกเว้นเมื่อใส่บน ཉ (หญา) จะคงรูปเดิม เป็น རྙ

ตารางแจกแจงรูปแบบที่มีทั้งหมด

กลุ่ม ฐาน ར (หรา) ལ (หลา) ས (ซา)
ཀ (กา) རྐ
/ˉka/
กา
ga
ལྐ
/ˉka/
กา
ga
སྐ
/ˉka/
กา
ga
ཀྱ (กยา) རྐྱ
/ˉca/
กยา
gya
  སྐྱ
/ˉca/
กยา
gya
ཀྲ (จรา)     སྐྲ
/ˉʈ͡ʂa/
จรา
zha
ཅ (จยา)   ལྕ
/ˉt͡ɕa/
จยา
ja
 
ཏ (ตา) རྟ
/ˉta/
ตา
da
ལྟ
/ˉta/
ตา
da
སྟ
/ˉta/
ตา
da
པ (ปา)   ལྤ
/ˉpa/
ปา
ba
སྤ
/ˉpa/
ปา
ba
པྱ (จยา)     སྤྱ
/ˉt͡ɕa/
จยา
ja
པྲ (จรา)     སྤྲ
/ˉʈ͡ʂa/
จรา
zha
ཙ (จา) རྩ
/ˉt͡sa/
จา
za
  སྩ
/ˉt͡sa/
จา
za
ཙྭ (จา) རྩྭ
/ˉt͡sa/
จา
za
   
ག (ขา) རྒ
/ˊka/
ก๋า
ga
ལྒ
/ˊka/
ก๋า
ga
སྒ
/ˊka/
ก๋า
ga
གྱ (ขยา)     སྒྱ
/ˊca/
กย๋า
gya
གྲ (ฉรา) རྒྲ
/ˊʈ͡ʂa/
จร๋า
zha
  སྒྲ
/ˊʈ͡ʂa/
จร๋า
zha
ཇ (ฉยา) རྗ
/ˊtɕa/
จย๋า
ja
ལྗ
/ˊtɕa/
จย๋า
ja
 
ད (ถา) རྡ
/ˊta/
ต๋า
da
ལྡ
/ˊta/
ต๋า
da
སྡ
/ˊta/
ต๋า
da
བ (ผา) རྤ
/ˊpa/
ป๋า
ba
ལྤ
/ˊpa/
ป๋า
ba
སྤ
/ˊpa/
ป๋า
ba
བྱ (ฉยา)     སྤྱ
/ˊtɕa/
จย๋า
ja
བྲ (ฉรา)     སྤྲ
/ˊʈ͡ʂa/
จร๋า
zha
ཛ (ฉา) རྫ
/ˊt͡sa/
จ๋า
za
   
ང (หงา)  རྔ
/ˉŋa/
งา
nga
 ལྔ
/ˉŋa/
งา
nga
སྔ
/ˉŋa/
งา
nga
ཉ (หญา) རྙ
/ˉɲa/
ญา
nya
  སྙ
/ˉɲa/
ญา
nya
ན (หนา) རྣ
/ˉna/
นา
na
  སྣ
/ˉna/
นา
na
མ (หมา) རྨ
/ˉma/
มา
ma
  སྨ
/ˉma/
มา
ma
མྱ (หญา) རྨྱ
/ˉɲa/
ญา
nya
  སྨྱ
/ˉɲa/
ญา
nya
མྲ (หมา)     སྨྲ
/ˉma/
มา
ma
อื่นๆ ཧ (ฮา)   ལྷ
/ˉɬa/
ฮลา
lha
 



อักษรเติมด้านหน้า

การใส่อักษรเติมด้านหน้าจะให้ผลคล้ายกับอักษรเติมด้านบน แค่ใช้กับอักษรต่างกันเท่านั้น อักษรที่อาจมาเติมด้านหน้าได้แก่ ག (ขา), ད (ถา), བ (ผา), མ (หมา), འ (อ๋า)

ผลการใส่อักษรเติมหน้าอาจแบ่งได้เป็น ๔ กลุ่ม

กลุ่ม อักษร ความเปลี่ยนแปลง
ตัวที่ ๑ ของวรรค ཀ (กา), ཅ (จยา), ཏ (ตา), པ (ปา), ཙ (จา) ไม่เปลี่ยนแปลง
(+เติมด้านล่าง) ཀྱ (กยา), ཀྲ (จรา), པྱ (จยา), པྲ (จรา)
ตัวที่ ๒ ของวรรค ཁ (คา), ཐ (ชยา), ཕ (พา), ཚ (ชา)
(+เติมด้านล่าง) ཁྱ (คยา), ཁྲ (ชรา), ཕྱ (ชยา), ཕྲ (ชรา)
ตัวที่ ๓ ของวรรค ག (ขา), ཇ (ฉยา), ད (ถา), བ (ผา), ཛ (ฉา) กลายเป็นเสียงไม่ปล่อยลม
(+เติมด้านล่าง) གྱ (ขยา), གྲ (ฉรา), བྱ (ฉยา), བྲ (ฉรา)
ตัวที่ ๔ ของวรรค ང (หงา), ཉ (หญา), ན (หนา), མ (หมา) เปลี่ยนเป็นเสียงอักษรสูง
(+เติมด้านล่าง) མྱ (หญา)
ตัวยกเว้น དབ_ วา /ˉwa/
དབྱ_ ยา /ˉja/
དབྲ_ รา /ˉɹa/

อักษรเติมด้านหน้ากับอักษรเติมด้านบนอาจปรากฏพร้อมกันได้ โดยในกรณีนี้ ตัวเติมด้านหน้าต้องเป็น བ (ผา) เท่านั้น เช่น བརྐ_ (คา), བརྐྱ_ (คยา), བསྩ_ (จา) เป็นต้น แต่ བ ที่เติมเข้าไปก็ไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเสียงใดๆ



อักษรเติมด้านหลัง

เมื่อมีการเติมอักษรด้านหลังอาจทำให้เกิดเสียงตัวสะกด หรือเปลี่ยนเสียงวรรณยุกต์ รวมทั้งอาจทำให้เสียงสระเปลี่ยนด้วย

อักษรที่อาจเติมอยู่ด้านหลังมีทั้งหมด ๑๐ ตัว

อักษร เสียงตัวสะกด IPA พินอินทิเบต เสียงสระ เสียงวรรณยุกต์ ตัวอย่าง
-ག (ขา) -ก
(อาจไม่ออกเสียง)
k g   เปลี่ยน ཨག อั้ก
-ང (หงา) -ง ŋ ng     ཨང อัง
-ད (ถา) - - - เปลี่ยน เปลี่ยน ཨད แอ้
-ན (หนา) -น
(อาจไม่ออกเสียง)
ɴ n เปลี่ยน   ཨན แอ็น
-བ (ผา) -บ p b   เปลี่ยน ཨབ อั้บ
-མ (หมา) -ม m m     ཨམ อัม
-འ (อ๋า) ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ  
-ར (หรา) -ร์ ɹ r     ཨར อาร์
-ལ (หลา) - - - เปลี่ยน   ཨལ แอ
-ས (ซา) - - - เปลี่ยน เปลี่ยน ཨས แอ้

འ (อ๋า) แม้จะใส่ไปก็ไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆต่อเสียง แต่จะถูกใช้ในกรณีที่มีอักษรเติมหน้าและไม่มีการใส่สระหรืออักษรเติมบนล่าง เช่น དགའ (ก๋า)

ที่ใส่ก็เพื่อให้แยกแยะออกว่าตัวแรกเป็นอักษรเติมหน้าและตัวที่ ๒ คือตัวฐาน

ดังนั้นหากส่วนประกอบมีอักษรแค่ ๒ ตัว ตัวแรกย่อมเป็นตัวฐาน และตัวที่ ๒ คืออักษรเติมหลัง เข่น དག (ทัก) แบบนี้ ད คือฐาน ส่วน ག คืออักษรเติมหลัง เป็นตัวสะกด

นอกจากนี้ འ เติมสระ  ུ เป็น འུ ก็ถูกใช้เป็นส่วนเติมท้ายด้วย โดยจะให้เสียง "ว" อาจเติมหลังสระอา กลายเป็นเสียง "อาว" หรือเติมหลังสระอีหรือเอ กลายเป็น "อีว" ส่วน འི อาจถูกเติมเพื่อให้เกิดสระใหม่ได้

อักษร เสียงอ่าน IPA พินอิน
ทิเบต
ཨའུ อาว au au
ཨིའུ อิว iu iu
ཨེའུ
ཨའི แอ ɛ ä
ཨུའི อวี y ü
ཨོའི เออ ø ö


อักษร ལ (หลา), ད (ถา), ས (ซา) ในปัจจุบันไม่ทำให้เกิดเสียงตัวสะกด แต่มีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสระได้

ตัวสะกด ག (ขา) เดิมทีควรออกเสียงเป็นตัวสะกดแม่กก แต่ในปัจจุบันเสียงตัวสะกดมักหายไป บางคำก็จะออกเสียงตัวสะกดก็ได้หรือไม่ออกก็ได้ แต่ยังมีผลทำให้เปลี่ยนวรรณยุกต์อยู่

ในที่นี้เพื่อความสะดวกจะให้แทนด้วยแม่กกทั้งหมด เพราะในพินอินทิเบตยังเหลือ g เอาไว้ แม้ว่าจริงๆแล้วบางคำไม่ได้ออกเสียงตัวสะกดแล้ว

ส่วน ན (หนา) ไม่ได้ออกเสียงเป็นแม่กนในภาษาไทย แต่ออกเสียง น เบาๆ คล้ายๆ ん ในภาษาญี่ปุ่น หรืออาจเหลือเป็นแค่เสียออกจมูก หรือบางคำอาจไม่ออกเสียงตัวสะกดเลย ในที่นี้ก็จะเขียนเป็นแม่กนเพื่อความง่าย

เรื่องตัวสะกดยังมีข้อยกเว้นอีกมากมาย เช่นบางคำแม้มีตัวอักษรวางท้ายอยู่และตามหลักแล้วควรมีเสียงตัวสะกดก็กลับไม่ออกเสียง หรือบางคำไม่มีตัวอักษรวางท้ายแต่กลับมีเสียงตัวสะกดก็มี



การเปลี่ยนเสียงสระ

เมื่อมีตัว ད (ถา), ན (หนา), ལ (หลา), ས (ซา) เป็นตัวเติมด้านหลัง จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสระเมื่อสระเป็นเสียงอา อู โอ แต่จะไม่เกิดผลใดๆกับเสียง อี เอ

อา /a/ --> แอ /ɛ/
อู /u/ --> อวี /y/
โอ /o/ --> เออ /ø/

เสียง /ɛ/ ในภาษาทิเบตนั้นจริงๆแล้วใกล้เคียงสระเอมาก อาจฟังดูเกือบเป็นสระเอ แต่ก็ค่อนมาทางสระแอ จึงให้เขียนแทนด้วยสระแอ เพื่อแยกให้ชัดจากสระ /ɛ/

เสียง /y/ นี้ไม่มีในภาษาไทย จะคล้ายกับเสียง ü ในภาษาจีนกลาง ให้เขียนทับศัพท์เป็น "อวี"

เสียง /ø/ ก็ไม่มีในภาษาไทย จะคล้ายกับเสียง ö ในภาษาเยอรมัน ฟังดูใกล้เคียงกับสระเออ จึงเขียนทับศัพท์เป็นสระเออ

ใน ๔ ตัวนี้ มีแค่ ན (หนา) ที่ทำให้เกิดเสียงตัวสะกดได้จริงๆ (แม้ว่ามักจะไม่ถูกออกเสียง) ที่เหลือในปัจจุบันไม่ออกเสียงเลย แค่อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนสระเท่านั้น

ตัวอย่าง

  อักษรฐาน อักษรเติมหลัง
-ན (หนา) -ལ (หลา)
อักษร
สูง
ཀ (กา) ཀན
แก็น
ཀུན
กวิน
ཀོན
เกิน
ཀལ
แก
ཀུལ
กวี
ཀོལ
เกอ
ཁ (คา) ཁན
แค็น
ཁུན
ควิน
ཁོན
เคิน
ཁལ
แค
ཁུལ
ควี
ཁོལ
เคอ
ཅ (จยา) ཅན
แจย็น
ཅུན
จยวิน
ཅོན
เจยิน
ཅལ
แจย
ཅུལ
จยวี
ཅོལ
เจยอ
ཆ (ชยา) ཆན
แชย็น
ཆུན
ชยวิน
ཆོན
เชยิน
ཆལ
แชย
ཆུལ
ชยวี
ཆོལ
เชยอ
อักษร
ต่ำ
ག (ขา) གན
แข็น
གུན
ขวิน
གོན
เขิน
གལ
แข
གུལ
ขวี
གོལ
เขอ
ང (หงา) ངན
แหง็น
ངུན
หงวิน
ངོན
เหงิน
ངལ
แหง
ངུལ
หงวี
ངོལ
เหงอ
ཇ (ฉยา) ཇན
แฉย็น
ཇུན
ฉยวิน
ཇོན
เฉยิน
ཇལ
แฉย
ཇུལ
ฉยวี
ཇོལ
เฉยอ
ཉ (หญา) ཉན
แหญ็น
ཉུན
หญวิน
ཉོན
เหญิน
ཉལ
แหญ
ཉུལ
หญวี
ཉོལ
เหญอ

ส่วน ད (ถา) กับ ས (ซา) นอกจากจะทำให้เกิดการเปลี่ยนสระได้แล้ว ก็ยังทำให้เกิดการเปลี่ยนเสียงวรรณยุกต์ด้วย



การเปลี่ยนเสียงวรรณยุกต์

เมื่อมีตัว ག (ขา), ད (ถา), བ (ผา), ས (ซา) เป็นตัวตามหลัง จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเสียงวรรณยุกต์ โดยทำให้เกิดเสียงตกลงช่วงท้าย

อักษรที่เดิมเป็นเสียงสูงเรียบ (ˉ) จะกลายเป็นเสียงสูงตก (`) ฟังดูคล้ายเสียงโทในภาษาไทย ให้เขียนแทนด้วยเสียงโท

อักษรที่เดิมเป็นเสียงต่ำยก (ˊ) จะกลายเป็นเสียงต่ำยกแล้วตก (^) ฟังดูคล้ายเสียงตรีในภาษาไทย ให้เขียนแทนด้วยเสียงตรี

ตัวอย่าง

  อักษรฐาน อักษรเติมหลัง
-ག (ขา) -ད (ถา) -བ (ผา) -ས (ซา)
อักษร
สูง
ཀ (กา) ཀག
กั้ก
ཀད
แก้
ཀབ
กั้บ
ཀས
แก้
ཁ (คา) ཁག
คั่ก
ཁད
แค่
ཁབ
คั่บ
ཁས
แค่
ཅ (จยา) ཅག
จยั้ก
ཅད
แจย้
ཅབ
จยั้บ
ཅས
แจย้
ཆ (ชยา) ཆག
ชยั่ก
ཆད
แชย่
ཆབ
ชยั่บ
ཆས
แชย่
อักษร
ต่ำ
ག (ขา) གག
คัก
གད
แค้
གབ
คับ
གས
แค้
ང (หงา) ངག
งัก
ངད
แง้
ངབ
งับ
ངས
แง้
ཇ (ฉยา) ཇག
ชยัก
ཇད
แชย้
ཇབ
ชยับ
ཇས
แชย้
ཉ (หญา) ཉག
ญัก
ཉད
แญ้
ཉབ
ญับ
ཉས
แญ้



อักษรเติมด้านหลังตัวที่สอง

อักษร ས อาจถูกเติมด้านหลังอักษรเติมหลังอีก กลายเป็นอักษรเติมด้านหลังตัวที่สอง

การเติม ས ข้างหลังจะทำให้เกิดเสียงเปลี่ยนเฉพาะเมื่ออักษรเติมด้านหลังตัวแรกเป็น ང (หงา) หรือ མ (หมา) กลายเป็น -ངས หรือ -མས เท่านั้น โดยจะทำให้เกิดการเปลี่ยนเสียงวรรณยุกต์ (เหมือนกับเมื่อเติม ས ตัวเดียว) แต่ไม่มีผลต่อสระ



สรุปเสียงวรรณยุกต์

ในภาษาทิเบตโดยพื้นฐานแล้วมีเสียงวรรณยุกต์ทั้งหมด ๔ เสียง โดยขึ้นอยู่กับว่าเป็นอักษรสูงหรือต่ำ และตัวสะกดที่ตามมา และยังมีอีกวรรณยุกต์ที่อาจเกิดขึ้นจากการประสม ๒​ พยางค์

เสียง เทียบวรรณยุกต์ไทย คำที่เจอ ตัวอย่าง
ˉ สูงเรียบ สามัญ เสียงอักษรสูง པ་ ปา, ཙབ་ จัม
ˊ ต่ำยก จัตวา เสียงอักษรต่ำ
ไม่เจอในคำสองพยางค์
བ་ ผา, ཛབ་ ฉัม
` สูงตก โท เสียงอักษรสูงที่สะกด ག, ད, བ, ས པད་ แป้, ཙན་ แจ้น
^ ต่ำยกแล้วตก ตรี เสียงอักษรต่ำที่สะกด ག, ད, བ, ས
ไม่เจอในคำสองพยางค์
བད་ แพ้, ཛན་ แช้น
_ ต่ำเรียบ เอก เสียงอักษรต่ำเมื่ออยู่พยางค์แรก
ไม่เจอในคำพยางค์เดี่ยว
བ་པ་ ผ่าปา

เมื่อมี ๒ พยางค์มาต่อกันจะทำให้วรรณยุกต์เปลี่ยนไป

หลักการโดยรวม
- ถ้าพยางค์หน้าเป็นเสียงต่ำยก (ˊ) หรือต่ำหรือต่ำยกแล้วตก (^) จะกลายเป็นเสียงต่ำเรียบ (_)
- ถ้าพยางค์หน้าเป็นเสียงสูงตก (ˋ) ให้เปลี่ยนเป็นสูงเรียบ (ˉ)
- ถ้าพยางค์หน้าเป็นเสียงสูงเรียบ ไม่ต้องเปลี่ยน
- ถ้าพยางค์หลังเป็นเสียงต่ำยก (ˊ) จะเปลี่ยนเป็นเสียงสูงเรียบ (ˉ)
- ถ้าพยางค์หลังเป็นเสียงต่ำตกแล้วยก (^) จะเปลี่ยนเป็นเสียงสูงตก (ˋ)
- ถ้าพยางค์หลังเป็นเสียงสูงเรียบ (ˉ) หรือสูงตก (`) ไม่ต้องเปลี่ยน

ดังนั้นสำหรับคำ ๒​ พยางค์แล้ว พยางค์แรกจะกลายเป็นเสียงต่ำเรียบ (_) ไม่ก็สูงเรียบ (ˉ) พยางค์หลังจะกลายเป็นแค่สูงเรียบ (ˉ) หรือสูงตก (ˋ)

เสียงต่ำยก (ˊ) และเสียงต่ำตกแล้วยก (^) จะไม่ปรากฏในคำ ๒ พยางค์ แต่จะเปลี่ยนเป็นเสียงอื่นเสมอ

อาจเขียนเป็นตารางสรุปได้ดังนี้

พยางค์
หน้า
พยางค์หลัง
ˉ

อา
ˊ

อ๋า
`
ཨད
แอ้
^
འད
แอ๊
ˉ

อา
ˉ ˉ
ཨ་ཨ་
อา อา
ˉ ˉ
ཨ་འ་
อา อา
ˉ `
ཨ་ཨད​་
อา แอ้
ˉ `
ཨ་འད་
อา แอ้
ˊ

อ๋า
_ ˉ
་ཨ་
อ่า อา
_ ˉ
་འ་
อ่าอา
_ `
འ་ཨད​་
อ่า แอ้
_ `
་འད་
อ่า แอ้
`
ཨད
แอ้
ˉ ˉ
ཨད་ཨ་
แอ อา
ˉ ˉ
ཨད་འ་
แอ อา
ˉ `
ཨད་ཨད​་
แอ แอ้
ˉ `
ཨད་འད་
แอ แอ้
^
འད
แอ๊
_ ˉ
འད་ཨ་
แอ่ อา
_ ˉ
འད་འ་
แอ่ อา
_ `
འད་ཨད​་
แอ่ แอ้
_ `
འད་འད་
แอ่ แอ้

เพียงแต่กรณีที่มีตัวสะกด ก หรือ บ กลายเป็นคำตายในภาษาไทย แบบนี้จะไม่สามารถเขียนรูปสามัญได้ ให้เขียนเป็นรูปเสียงตรีแทน เช่น རྙོག་དྲ་ เป็น "ญกจรา"


สรุปเสียงพยัญชนะ

ตารางสรุปเสียงพยัญชนะทั้งหมด แบ่งตามเสียง ตัวที่เป็นสีเขียวคืออักษรตัวเดียวที่เดิมทีก็เป็นเสียงนั้นโดยไม่ต้องประกอบ

อักษร ทับศัพท์
ไทย
IPA พินอิน
ทิเบต
ตัวอย่าง
, རྐหรา กา, ལྐหลา กา, སྐซา กา, ཀྭกา หวา, དཀถา กา, བཀผา กา, བརྐผา หรา กา, བསྐผา ซา กา
กา ˉka ga བཀའ กา /ˉka/ ga
སྐུ กู /ˉku/ gu
རྒหรา ขา, སྒซา ขา, དགถา ขา, བགผา ขา, བརྒผา หรา ขา, བསྒผา ซา ขา,
ལྒหลา ขาམགหมา ขาའགอ๋า ขา
ก๋า ˊka བགོད เก๊อ /^kø/ gö
མགོ โก๋ /ˊko/ go
, ཁྭคา หวา, མཁหมา คา, འཁอ๋า คา
คา ˉkʰa ka མཁོ โค /ˉkʰo/ ko
, གྭขา หวา
ขา ˊkʰa གངས คั้ง /^kʰaŋ/ kang
རྔหรา หงา, ལྔหลา หงา, སྔซา หงา, དངถา หงา, བརྔผา หรา หงา, བསྔผา ซา หงา, མངหมา หงา
งา ˉŋa nga དངུལ งวี /ˉŋy/ ngü
หงา ˊŋa ངུ หงู /ˊŋu/ ngu
ཀྱกา หยา, རྐྱหรา กา หยา, ལྐྱหลา กา หยา, སྐྱซา กา หยา, དཀྱถา กา หยา, བཀྱผา กา หยา, བརྐྱผา หรา กา หยา, བསྐྱผา ซา กา หยา
กยา ˉca gya རྐྱང กยัง /ˉcaŋ/ gyang
དགྱถา ขา หยา, བགྱผา ขา หยา, བརྒྱผา หรา ขา หยา, བསྒྱผา ซา ขา หยา,
མགྱหมา ขา หยา, འགྱอ๋า ขา หยา
กย๋า ˊca བརྒྱད แกย๊ /^cɛ/ gyä
ཁྱคา หยา, མཁྱหมา คา หยา, འཁྱอา คา หยา
คยา ˉcʰa kya མཁྱེན แคย่น /`cʰɛɴ/ kyän
གྱขา หยา ขยา ˊcʰa གྱོན เขยิน /ˊcʰøɴ/ kyön
, ལྕหลา จยา, ཅྭจยา หวา, གཅขา จยา, བཅผา จยา, བྱผา หยา, དབྱถา ผา หยา
จยา ˉt͡ɕa ja ལྕམ จยัม /ˉt͡ɕam/ jam
རྗหรา ฉยา, གཇขา ฉยา, བརྗผา หรา ฉยา, དབྱถา ผา หยา,
ལྗหลา ฉยา, མཇหมา ฉยา, འཇอ๋า ฉยา, འབྱอ๋า ผา หยา
จย๋า ˊt͡ɕa རྗོད เจย๊อ /^t͡ɕø/ jö
, མཆหมา ชยา, འཆอ๋า ชยา, ཕྱพา หยา, འཕྱอา พา หยา
ชยา ˉt͡ɕʰa qa མཆོད เชย่อ /`t͡ɕʰø/ qö
, བྱผา หยา
ฉยา ˊt͡ɕʰa བྱང ฉยัง /ˊt͡ɕʰaŋ/ qang
རྙหรา หญา, སྙซา หญา, གཉขา หญา, བརྙผา หรา หญา, བསྙผา ซา หญา, མཉหมา หญา, ཉྭหญา หวา
ญา ˉɲa nya རྙིང ญิง /ˉɲiŋ/ nying
, མྱหมา หยา
หญา ˊɲa ཉལ แหญ /ˊɲɛ/ nyä
, རྟหรา ตา, ལྟหลา ตา, སྟซา ตา, ཏྭตา หวา, གཏขา ตา, བཏผา ตา, བརྟผา หรา ตา, བལྟผา หลา ตา, བསྟผา ซา ตา, བལྡผา หลา ตา,
ལྠหลา ทา
ตา ˉta da ལྟམ ตัม /ˉtam/ dam
རྡหรา ถา, སྡหลา ถา, གདขา ถา, བདผา ถา, བརྡผา หรา ถา, བསྡผา ซา ถา,
ལྡหลา ถา, མདหมา ถา, འདอ๋า หงา, ཟླสา หลา, བཟླผา สา หลา
ต๋า ˊta རྡོ โต๋ /ˊto/ do
བསྡུ ตู๋ /ˊtu/ du
, མཐหมา ทา, འཐอ๋า ทา
ทา ˉtʰa ta མཐོང ทง /ˉtʰoŋ/ tong
, དྭถา หวา
ถา ˊtʰa དང ถัง /ˊtʰaŋ/ tang
རྣหรา หนา, སྣซา หนา, གནขา หนา, བརྣผา หรา หนา, བསྣผา ซา หนา, མནหมา หนา
นา ˉna na རྣམ นัม /ˉnam/ nam
หนา ˊna ནས แน้ /^nɛ/ nä
, ལྤหลา ปา, སྤซา ปา, དཔถา ปา
ปา ˉpa ba པིར ปีร์ /ˉpiɹ/ bir
རྦหรา ผา, སྦซา ผา, དབถา ผา,
ལྦหลา ผา, འབอ๋า ผา
ป๋า ˊpa འབབ ปั๊บ /^pap/ bab
, འཕอ๋า พา
พา ˉpʰa pa ཕོ โพ /ˉpʰo/ po
ผา ˊpʰa བོད เพ้อ /^pʰø/ pö
རྨหรา หมา, སྨซา หมา, དམถา หมา
มา ˉma ma དམངས มั่ง /`maŋ/ mang
, མྲหมา หรา
หมา ˊma མིང་ หมิง /ˊmiŋ/ ming
, རྩหรา จา, སྩซา จา, ཙྭจา หวา, གཙขา จา, བཙผา จา, བརྩผา หรา จา, བསྩผา ซา จา
จา ˉt͡sa za རྩེ เจ /ˉt͡se/ zê
རྫหรา ฉา, གཛขา ฉา, བརྫผา หรา ฉา,
མཛหมา ฉา, འཛอ๋า ฉา
จ๋า ˊt͡sa རྫོང จ๋ง /ˊt͡soŋ/ zong
, ཚྭชา หวา, མཚหมา ชา, འཚอ๋า ชา
ชา ˉt͡sʰa ca ཚྭ ชา /ˉt͡sʰa/ ca
མཚོ โช /ˉt͡sʰo/ co
ฉา ˊt͡sʰa ฉา /ˊt͡sʰa/ ca
ཀྲกา หรา, ཏྲตา หรา, པྲปา หรา, དཀྲถา กา หรา, དཔྲถา ปา หรา, བཀྲผา กา หรา, བསྐྲผา ซา กา หรา, བསྲผา ซา หรา
จรา ˉʈa zha ཀྲུམས จรุ้ม /`ʈ͡ʂum/ zhum
དགྲถา ขา หรา, དབྲถา ผา หรา, བསྒྲผา ซา ขา หรา, སྦྲซา ผา หรา,
མགྲหมา ขา หรา, འགྲอ๋า ขา หรา, འདྲอ๋า ขา หรา, འབྲอ๋า ผา หรา
จร๋า ˊʈa སྦྲུལ จรวี๋ /ˊʈ͡ʂy/ zhü
ཁྲคา หรา, ཐྲทา หรา, ཕྲพา หรา, མཁྲหมา คา หรา, འཁྲอ๋า คา หรา, འཕྲอ๋า พา หรา
ชรา ˉʈʰa cha ཁྲི ชรี /ˉʈ͡ʂʰi/ chi
གྲขา หรา, དྲถา หรา, བྲผา หรา, གརྭขา หรา หวา
ฉรา ˊʈʰa གྲུ ฉรู /ˊʈ͡ʂʰu/ chu
, དབถา ผา
หวา ˊwa wa དབུ หวู /ˊwu/ wu
ཧྲฮา หรา ซรา ˉʂa sha ཧྲང ซรัง /ˉʂaŋ/ shang
ซยา ˉɕa xa ཤིང ซยิง /ˉɕiŋ/ xing
สยา ˊɕa ཞལ แสย /ˊɕɛ/ xê
, སྲซา หรา, སྭซา หวา, གསขา ซา, བསผา ซา, བསྲผา ซา หรา
ซา ˉsa sa སྲིད ซี่ /`si/ si
, ཟྭสา หวา, གཟขา สา, བཟผา สา
สา ˊsa ཟས แซ้ /^sɛ/ sä
གཟི สี /ˊsi/ si
อา ˉʔa ཨེམ་ཆི เอ็มชยี /ˉʔemt͡ɕʰi/ êmqi
อ๋า ˊʔa འི อี๋ /ˊʔi/ i
གཡขา หยา ยา ˉja ya གཡག ยั่ก /`jak/ yag
หยา ˊja ཡང หยัง /ˊjaŋ/ yang
, རྭหรา หวา
หรา ˊɹa ra རི หรี /ˊɹi/ ri
ཀླกา หลา, གླขา หลา, བླผา หลา, རླหรา หลา, སླซา หลา, བརླผา หรา หลา, བསླผา ซา หลา
ลา ˉla la སློབ ล่บ /`lop/ lob
, ལྭหลา หวา
หลา ˊla ལམ หลัม /ˊlam/ lam
ལྷหลา ฮา ฮลา ˉɬa lha ལྷོ โฮล /ˉɬo/ lho
, ཧྭฮา หวา
ฮา ˉha ha ཧོང་ཀོང ฮงกง /ˉhoŋkoŋ/ honggong



สรุปเสียงสระและตัวสะกด

ตารางสรุปเสียงสระและตัวสะกด

อักษร ทับศัพท์
ไทย
IPA พินอิน
ทิเบต
ตัวอย่าง
อา ˉa a ལྟ་ ตา /ˉta/ da
དགའ་ ก๋า /ˊka/ ga
ཨའུอา อู๋ เอา ˉau au ནའུ་རུ་ เหน่ารู /ˊnauru/ nauru
ཨགอา ก๋า
ཨགསอา ก๋า ซา
อั้ก `ak ag ཇག་ ชยัก /^t͡ɕʰak/ qag
ཨངอา หงา อัง ˉaŋ ang ཁང་པ་ คังปา /ˉkʰaŋpa/ kangba
ཨངསอา หงา ซา อั้ง `aŋ ཤངས ซยั่ง /`ɕaŋ/ xang
གྲངས คั้ง /^kʰaŋ/ kang
ཨབอา ผา

ཨབསอา ผา ซา
อั้บ `ap ab བརྒྱབ་ กยั้บ /`cap/ gyab
ཐབ་ ทั่บ /`tʰap/ tab
ཨམอา หมา อัม ˉam am ཟམ་པ་ สั่มปา /ˊsampa/ samba
ཨམསอา หมา ซา อั้ม `am ཁམས་ คั่ม /`kʰam/ kam
ཨརอา หรา อาร์ ˉaɹ ar པར་ ปาร์ /ˉpaɹ/ bar
ཨལอา หลา
ཨའིอา อี๋
แอ ˉɛ ä མཇལ แจย๋ /ˊt͡ɕɛ/ jä
ངའི་ แหง /ˊŋɛ/ ngä
ཨདอา ผา
ཨསอา ซา
แอ้ སྐད แก้ /`kɛ/ gä
ཨནอา หนา แอ็น ˉɛɴ / ˉɛ̃ än མཁན་ แง็น /ˉɛɴ/ ngän
སྨན་ แม็น /ˉɛɴ/ män
ཨིอี
ཨིལอี หลา
ཨིའིอี อี๋
อี ˉi i མི་ มี /ˉmi/ mi
ཨིདอี ถา
ཨིསอี ซา
อี้ `i ཡིད་ ยี้ /^ji/ yi
ཨིནอี หนา อิน ˉiɴ / ˉĩ in ཡིན​་ ยิน /ˉjiɴ/ yin
ཨིའུอี อู๋
ཨེའུเอ อู๋
อิว ˉiu iu ཀིའུ​་ กิว /ˉkiu/ giu
ཨིགอี ขา
ཨིགསอี ขา ซา
อิ้ก `ik ig རིགས་པ་ หริกปา /ˊɹikpa/ rigba
རིགས་ ริก /^ɹik/ rig
ཨིངอี หงา อิง ˉiŋ ing མིང་ หมิง /ˊmiŋ/ ming
ཨིངསอี หงา ซา อิ้ง `iŋ ལིངས་ ลิ้ง /^liŋ/ ling
ཨིབอี ผา
ཨིབསอี ผา ซา
อิ้บ `ip ib ཞིབ་ཆ་ สยิบจยา /ˊɕipt͡ɕa/ xibja
ཨིམอี หมา อิม ˉim im   ཞིམ་པོ་ สยิ่มโป /ˊɕimpo/ ximbo
ཨིམསอี หมา ซา อิ้ม `im  
ཨིརอี หรา อีร์ ˉiɹ ir པིར ปีร์ /ˉpiɹ/ bir
ཨུอู อู ˉu u ཀླུ ลู /ˉlu/ lu
ཨུགอู ขา อุ้ก `uk ug ལུག་ཤ་​​ หลุกซยา /ˊlukɕa/ lukxa
ཨུངอู หงา อุง ˉuŋ ung གཞུང་ สยุง /ˊɕuŋ/ xung
ཨུངསอู หงา ซา อุ้ง `uŋ  
ཨུབอู ผา
ཨུབསอู ผา ซา
อุ้บ `up ub  འགྲུབ་ จุ๊บ /^ʈ͡ʂup̚/ zhub
ཨུམอู หมา อุม ˉum um ཟུམ สุม /ˊsum/ sum
ཨུམསอู หมา ซา อุ้ม `um ཀྲུམས จรุ้ม /`ʈ͡ʂum/ zhum
ཨུརอู หรา อูร์ ˉuɹ ur བསྒྱུར་ กยู๋ร์ /ˊcuɹ/ kyur
ཨུལอู หลา
ཨུའིอู อี๋
อวี ˉy ü ཕུལ་ พวี /ˊpʰy/ pü
འཛུལ จวี๋ /ˊt͡sy/ zü

ཨུདอู ถา
ཨུསอู ซา
อวี้ `y ག་དུས་ ข่าตวี้ /^kʰty/ kadü
ཞུས་ ซยวี่ /`ɕy/ xü
ཨུནอู หนา อวิน ˉyɴ / ˉỹ ün མདུན་ ตวิ๋น /ˊtyɴ/ dün
ཨེเอ
ཨེལเอ หลา
ཨེའིเอ อี
เอ ˉe ê མེ་ เม /ˉme/ mê
ཨེདเอ ถา
ཨེསเอ ซา
เอ้ `e རེད་ เร้ /^ɹe/ rê
ཚེས་ เช่ /`t͡sʰe/ cê
ཨེནเอ หนา เอ็น ˉeɴ / ˉẽ ên ཆེན་ เชย็น /ˉt͡ɕʰeɴ/ qên
ཨེགเอ ขา
ཨེགསเอ ขา ซา
เอ้ก `ek êg སྟེགས་ เต้ก /`tek/ dêg
ཨེངเอ หงา เอ็ง ˉeŋ êng འགྲེང་པོ་ เจร่งโป /ˊʈ͡ʂeŋpo/ zhêngpo
ཨེངསเอ หงา ซา เอ้ง `eŋ  
ཨེབเอ ผา
ཨེབསเอ ผา ซา
เอ้บ `ep êb དེབ་ เท็บ /^tʰep/ têb
ཨེམเอ หมา เอ็ม ˉem êm   
ཨེམསเอ หมา ซา เอ้ม `em སེམས་ เซ่ม /`sem/ sêm
ཨེརเอ หรา เอร์ ˉeɹ êr གཡེར་མ เยร์มา /ˉjeɹma/ yêrma
ཨོโอ โอ ˉo o སྒོ་ โก /ˉko/ go
ཨོགโอ ขา
ཨོགསโอ ขา ซา
อ้ก `ok og རྙོག་དྲ་ ญกจรา /ˉɲokʈ͡ʂa/ nyokzha
ཨོངโอ หงา อง ˉoŋ ong སྒོང་ང་ ก่งงา /ˊkoŋŋa/ gongnga
ཨོངསโอ หงา ซา อ้ง `oŋ ཡོངས ย้ง /^joŋ/ yong
ཨོབโอ ผา
ཨོབསโอ ผา ซา
อ้บ `op ob སློབ་གྲྭ་ ลบจรา /ˉlopʈ͡ʂa/ lobzha
ཨོམโอ หมา อม ˉom om དོམ་ ถม /ˊtʰom/ tom
ཨོམསโอ หมา ซา อ้ม `om  
ཨོརโอ หรา โอร์ ˉoɹ or དོར​་ โถร์ /ˊtʰor/ tor
ཨོལโอ หลา
ཨོའིโอ อี๋
เออ ˉø ö ཆུ་ཁོལ ชยูเคอ /ˉt͡ɕʰukʰø/ qukö
ཨོདโอ ถา
ཨོསโอ ซา
เอ้อ གཡོས เย่อ /`jø/ yö
ཡོད เย้อ /^jø/ yö
ཉོས เญ้อ /^ɲø/ nyö
ཨོནโอ หนา เอิน ˉøɴ / ˉø̃ ön ཁ་འདོན คันเติน /ˉkʰaɴtøɴ/ kandön
སོན་ เซิน /ˉsøɴ/ sön



ตัวอย่าง

ตัวเลข

เลขฮินดู-
อารบิก
เลข
ทิเบต
สะกด ทับศัพท์ไทย IPA พินอินทิเบต
0 ཀླད་ཀོར་ แลโก lɛː˥˥.koː˥˥ lägo
1 གཅིག་ จยิ้ก / จยี้ t͡ɕi˥˩ jik
2 གཉིས་ ญี ȵiː˥˥ nyi
3 གསུམ་ ซุม sum˥˥ sum
4 བཞི་ ซยี่ ɕi˩˧ xi
5 ལྔ་ งา ŋa˥˥ nga
6 དྲུག་ ชรุก / ชรู้ ʈ͡ʂʰu˩˧˨ chuk
7 བདུན་ ตวิ๋น / ตวี๋ tỹ˩˧ dün
8 བརྒྱད་ แกย๊ cɛː˩˧˨ gyä
9 དགུ་ กู๋ ku˩˧ gu
10 ༡༠ བཅུ་ จยู t͡ɕu˥˥ ju
100 ༡༠༠ བརྒྱ་ กย๋า ca˩˧ gya
1,000 ༡༠༠༠ སྟོང་ ตง toŋ˥˥ dong
10,000 ༡༠༠༠༠ ཁྲི་ ชรี ʈ͡ʂʰi˥˥ chi
100,000 ༡༠༠༠༠༠ འབུམ་ ปุ๋ม pum˩˧ bum
1,000,000 ༡༠༠༠༠༠༠ ས་ཡ་ ซายา sa˥˥.ja˥˥ saya
10,000,000 ༡༠༠༠༠༠༠༠ བྱེ་བ ฉีวา t͡ɕʰi˩˧.wə˥˥ qiwa


ชื่อสถานที่

ชื่อภาษา
ทิเบต
ทับศัพท์
ไทย
พินอิน
ทิเบต
ชื่อจีน ชื่ออื่นๆ
བོད་ เพ้อ 西藏 ซีจ้าง Xīzàng, Tibet
དབུས་གཙང อวีจัง üzang 卫藏/衛藏 เว่ย์จ้าง Wèizàng, Ü-Tsang
ཁམས คั่ม kam คาง Kāng, Kham
ཨ༌མདོ อัมโต amdo 安多 อานตัว Ānduō
ལྷ་ས་ ฮลาซา
  หรือ
แฮลซา
lhasa
  หรือ
lhäsa
拉萨/拉薩 ลาซ่า Lāsà
ནག་ཆུ་ หนักชยู nagqu 那曲 น่าชวี Nàqū, Nakchu, Nagchu
ཆབ་མདོ་ ชยัมโต qamdo 昌都 ชางตู Chāngdū, Chamdo
གཞིས་ཀ་རྩེ་ ซยีกาเจ xigazê 日喀则/日喀則 รื่อคาเจ๋อ Rìkāzé, Shigatse
ལྷོ་ཁ།་ โฮลคา lhoka 山南 ซานหนาน Shānnán
ཉིང་ཁྲི་ หญิ่งจรี nyingzhi 林芝 หลินจือ Línzhī
མངའ་རིས་ งารี่ ngari 阿里 อาหลี่ Ālǐ
མཚོ་སྔོན་ โชเงิน congön 青海 ชิงไห่ Qīnghǎi






-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- ภาษาศาสตร์ >> หลักเกณฑ์การทับศัพท์
-- ภาษาศาสตร์ >> ตัวอักษร

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

目录

从日本来的名言
模块
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
机器学习
-- 神经网络
javascript
蒙古语
语言学
maya
概率论
与日本相关的日记
与中国相关的日记
-- 与北京相关的日记
-- 与香港相关的日记
-- 与澳门相关的日记
与台湾相关的日记
与北欧相关的日记
与其他国家相关的日记
qiita
其他日志

按类别分日志



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  查看日志

  推荐日志

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ