เหตุผลที่เราชอบญี่ปุ่น
เขียนเมื่อ 2009/05/06 21:35
แก้ไขล่าสุด 2021/09/28 16:42
จากหน้าบล็อกที่แล้ว** เรามีตั้งคำถามไปว่าทำไมถึงชอบญี่ปุ่น ซึ่งก็ได้รับความคิดเห็นไม่น้อย (**หน้าบล็อกที่ว่านั้นอยู่ใน exteen และไม่ได้ย้ายตามมาด้วย)
ครั้งนี้จะพูดถึงเหตุผลของตัวเองบ้างล่ะ อย่างที่บอกไว้ ว่าอาจยาวจนเขียนบล็อกได้ทั้งหน้าเลย และก็ดูเหมือนจะจริง
ส่วนสาเหตุที่มาคิดถึงเรื่องนี้ ก็เนื่องจากว่านี่น่าจะเป็นคำถามหนึ่งที่จะถูกถามได้ง่าย เวลาเจอสัมภาษณ์นั่นเอง
ขณะที่กำลังนั่งเฝ้ามองหมู่เมฆอันสวยงามบนฟ้าไปเรื่อยๆ ก็คิดย้อนไปเรื่อยๆ ถึงเหตุผลต่างๆนั้น
๑. รู้จักมาจากเกมหรือการ์ตูนตั้งแต่เมื่อสมัยเด็ก
คิดว่าคนส่วนใหญ่ก็น่าจะด้วยเหตุผลนี้เช่นกัน คือตั้งแต่สมัยเด็กมา แทบจะทุกสิ่งที่เกี่ยวกับบันเทิงนั้นมาจากญี่ปุ่นหมด ดังนั้นจึงได้รับซึมซับวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาทีละนิดโดยไม่รู้ตัว สุดท้ายมันก็กลายเป็นความใฝ่ฝันถึงไป
นอกจากนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากเรียน ภาษาด้วย เกมส่วนใหญ่เป็นภาษาญี่ปุ่น ทีแรกๆก็เล่นกันโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย แต่ก็ยังเล่นกันได้ งมจนหาทางไปได้ ซึ่งจริงๆมันผิดวัตถุประสงค์ของเกมที่เขาต้องการให้เราอ่านเนื้อเรื่องตาม แต่ตอนนั้นก็เล่นกันไปได้โดยที่ไม่ต้องอ่านออกเลย
เมื่อสมัยประถม เราเล่นเกมเช่นโปเกมอน จำได้ว่าตอน ป.๕ เล่นจนจำคาตาคานะได้หมดทุกตัว แต่นอกจากนั้นก็ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย หัวเด็กๆคงรับได้แค่นั้น ทั้งฮิรางานะ หรือไวยากรณ์อะไร มาเรียนรู้เอาจากการเรียนตอนโตทั้งนั้น แต่ก็ได้ยินว่าบางคนก็เก่ง เล่นเกมจนเข้าใจภาษาญี่ปุ่นได้เลย
๒. เป็นศูนย์กลางความเจริญ
ตั้งแต่โบราณมาแล้ว ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่มาตลอดกาล ในประวัติศาสตร์ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร ไม่เคยถูกตีแตกเลยสักครั้ง แม้ว่าอาณาจักรจีนหรือมองโกลจะมีอำนาจเหนือกว่าในยุคแรกๆก็ตาม
ตั้งแต่สมัยเมย์จิ(ตรงกับรัชกาลที่ ๕ ไทย)มา ญี่ปุ่นก็เปิดประเทศและได้เติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วมาก และไม่มีประเทศไหนในแถบนั้นที่จะตามได้ทันอีกเลยจนถึงปัจจุบัน
ถึงตอนนี้ก็ยังเป็นประเทศที่เจริญที่สุดประเทศ หนึ่งของโลก เป็นที่หนึ่งของโลกในหลายๆด้าน เป็นศูนย์กลางของความเจริญทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมากมาย
๓. อากาศเย็นสบาย
เนื่องจากเป็นคนที่เกลียดอากาศร้อนมากๆ ดังนั้นจึงอยากแสวงหาที่ที่อากาศเย็นพอเหมาะ และญี่ปุ่นก็เป็นประเทศที่อากาศอบอุ่นดีมาก ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป มีฤดูกาลทั้ง ๔ และในฤดูหนาวก็ยังสามารถเห็นหิมะได้ด้วย
เมื่ออากาศเย็น ก็ทำให้คนมีกำลังใจทำอะไรได้มากขึ้น ซึ่งนี่น่าจะเป็นข้อได้เปรียบของประเทศที่อยู่บริเวณเขตอบอุ่นเลย ยิ่งสมัยก่อนที่ไม่มีแอร์คอยช่วยให้เย็นแล้ว สังเกตได้ว่าประเทศที่เจริญมาแต่โบราณส่วนใหญ่อยู่ที่เขตอบอุ่นทั้งนั้น
๔. อาหารอร่อย
วกมาเรื่องกินจนได้แฮะ ปกติเป็นคนที่ไม่ค่อยเห็นแก่กินเท่าไหร่หรอก แต่สำหรับอาหารญี่ปุ่นเนี่ย ถือว่าสุดยอดจริงๆ ชอบมากกว่าอาหารไทยหรืออาหารจีนซะอีก แต่น่าเสียดายที่ราคามันแพงมากจนหาโอกาสกินได้ไม่บ่อยนัก
นอกจากนี้อาหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็ไม่เผ็ด ซึ่งปกติเราเป็นคนกินเผ็ดไม่ได้อยู่แล้ว เพราะงั้นก็ยิ่งสบายเลย แต่ถึงอย่างนั้นญี่ปุ่นก็มีข้าวแกงกะหรี่ที่เป็นของเผ็ด เคยลองทานอยู่เหมือนกัน ปรากฏว่าเผ็ดมาก จากนั้นก็ไม่คิดจะทานอีกเลย แต่นอกจากนั้นส่วนใหญ่ไม่เผ็ด จึงไม่มีปัญหา
๕. อนิเมะ
ก็แทบจะเรียกได้ว่าญี่ปุ่นผูกขาดอนิเมะทั่วโลกในตอนนี้ ไม่ว่าประเทศไหนจะทำอนิเมะออกมาก็ทำได้ไม่ดีเท่าญี่ปุ่น ยังไงภาพก็ไม่สวยเท่า (โดยเฉพาะความน่ารักของตัวละคร) ดังนั้นถ้าพูดถึงอนิเมะก็ต้องญี่ปุ่นเท่านั้น
ความจริงเราเพิ่งจะมาบ้าอนิเมะตอนช่วงหลังๆ ตอนที่เริ่มคิดจะตั้งใจฝึกภาษาญี่ปุ่นนี่เอง ก็คือเมื่อปลายปี ๒๐๐๗ ไม่นานเท่าไหร่ แต่จนถึงตอนนี้ก็ดูไปหลายเรื่อง เป้าหมายหลักก็คือฝึกภาษา จนตอนนี้ทำให้ก้าวหน้าขึ้นเยอะเลย
ไม่ใช่แค่อนิเมะ ยังรวมถึงวิชวลโนเวล หรือคิเนติกโนเวลด้วย วิชวลโนเวลเองก็มีต้นกำเนิดมาจากญี่ปุ่น ตอนนี้เราก็รู้จักวิชวลโนเวลอยู่มากมาย เป็นตัวช่วยฝึกภาษาที่ดีจนถึงตอนนี้ เพียงแต่มีโอกาสได้เล่นเพียงนิดเดียวเนื่องจากใช้เวลามาก
๖. ชอบภาษา
แน่นอนว่าถ้าหากเรียนแล้วไม่ชอบ ก็คงจะถอดใจและเลิกเรียนไปตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ที่เรียนมาได้จนถึงตอนนี้ก็เพราะความชอบเท่านั้น
ตั้งแต่เด็กมาทุกคนต้องทนกับการเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งเราเองก็เรียนอย่างค่อนข้างทรมานมาโดยตลอด มักเป็นตัวคอยฉุดเกรดอยู่เรื่อยๆ ทำยังไงก็หาความสนุกกับการเรียนไม่ได้สักที
แต่พอได้เรียนภาษาญี่ปุ่นกลับรู้สึกไปในทางตรงกันข้ามเลย กลับรู้สึกสนุก น่าสนใจ ยิ่งเรียนก็กลับยิ่งอยากรู้มากขึ้นไปอีก
ภาษาที่เรียนด้วยใจรัก กับภาษาที่เรียนด้วยความจำเป็นนั้น มันต่างกันมากจริงๆ
เพราะเริ่มจากการเรียนภาษาญี่ปุ่น ทำให้เรารู้สึกสนใจการเรียนภาษาขึ้นมา ไม่เช่นนั้น เราก็คงยังเป็นคนที่ไม่ชอบการเรียนภาษาอยู่มาจนถึงตอนนี้
๗. เพราะเรารู้ภาษา
เป็นผลสืบเนื่องมาจากข้อก่อนๆที่ผ่านมา เมื่อสนใจและมีโอกาสได้รู้ภาษามาจนถึงขนาดนี้แล้ว ก็ย่อมทำให้เรารู้สึกผูกพันธ์กับมันมากเป็นพิเศษ คงไม่มีใครเรียนภาษาทั้งๆที่เกลียดประเทศที่ใช้หรอก ยกเว้นสถานการณ์บังคับจริงๆ
เราตั้งเป้าว่าจะไปญี่ปุ่นตั้งแต่ขึ้นมาอยู่ปี ๑ แล้ว ดังนั้นจึงตั้งใจเรียนภาษาญี่ปุ่นมาโดยตลอด กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ก็ใช้เวลาไม่ใช่น้อยเลย นานจนพอที่ความคิดของคนจะเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาได้ โชคดีที่เรายังคงตั้งใจมาตลอดไม่เลิกกลางคันมาจนถึงตอนนี้
การเรียนภาษาใดภาษาหนึ่งนั้นต้องใช้เวลา การที่เรามุ่งแต่ภาษาญี่ปุ่นนั้นอาจถือว่าเป็นการปิดกั้นตัวเองก็ได้ เพราะจะไม่สามารถเปลี่ยนเส้นทางไปเรียนที่ประเทศอื่นแทนได้ เนื่องจากเราจะรู้อยู่แค่ภาษาเดียว เป็นภาษาที่ใช้ได้แค่ประเทศเดียว แทนที่จะเอาเวลาไปเน้นภาษาอังกฤษซึ่งใช้ได้ทุกที่
การเน้นภาษาญี่ปุ่นแทนภาษาอังกฤษนั้นเพิ่มความได้ เปรียบในการไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น แต่ถ้ารู้ภาษาอังกฤษจะได้เปรียบในการเรียนต่อที่ประเทศอื่นโดยรวมๆ แต่นั่นก็ไม่ใ่ช่ปัญหาถ้ามีเป้าหมายที่แน่วแน่พอว่าจะไปญี่ปุ่นจริงๆ แน่นอนว่าถ้าสนแต่ไปญี่ปุ่นจริงๆ ภาษาญี่ปุ่นก็สำคัญกว่าภาษาอังกฤษอยู่แล้ว(แต่อังกฤษก็ขาดไม่ได้ซะทีเดียว)
หลังๆมานี้ เริ่มมีความคิดอยากไปเกาหลีหรือจีนแทนถ้าไม่ได้ญี่ปุ่นเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้สนใจไปกว่าญี่ปุ่น ดังนั้นก็ไม่เป็นไร ประเทศที่อยากไปมากที่สุดก็คือญี่ปุ่นอยู่ดี
-----------------------------
ถ้าถามว่าทำไมถึงอยากไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ก็คงตอบต่อได้อีกยาวเช่นกัน แต่ไว้ก่อน สำหรับหน้าบล็อกนี้ก็จบลงแต่เพียงเท่านี้
-----------------------------------------
囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧
ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ