φυβλαςのβλογ
phyblas的博客



Supreme Candy - ฮาเนอิ (ตอนจบ)
เขียนเมื่อ 2009/10/31 08:10
แก้ไขล่าสุด 2021/09/28 16:42

เขียนต่อจากหน้า >>Supreme Candy - ฮาเนอิ (ช่วงต้น)

 

 

ผ่านมาอีกวัน หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ตอนเย็น ขณะที่ทั้งสองคนกำลังนั่งเล่นอยู่ที่ริมฝั่งน้ำซึ่งเป็นบ้านของฮาเนอินั้น ก็เจอกับสิ่งที่ไม่คาดฝันขึ้นอีก เมื่อคนจากสภาเวทมนตร์สูงสุดได้เข้ามาหาเพื่อจะตามตัวเธอกลับ และบอกว่าผู้ใช้เวทย์นั้นห้ามมีความสัมพันธ์ใดๆกับคนในโลกของมนุษย์ทั้งสิ้น เพราะมนุษย์ธรรมดานั้นต่ำต้อยกว่ามาก ถ้าหากคิดที่จะอยู่ด้วยกันละก็ เธอจะต้องถูกขับออกจากโลกเวทมนตร์และไม่มีโอกาสได้กลับไปอีก

เธอถูกปล่อยให้ตัดสินใจว่าจะยอมกลับไปยังโลกเวทมนตร์โดยจะไม่มีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีก จะต้องจากยูและเพื่อนๆทุกคนไป หรือว่าจะยอมโดนขับออกจากโลกเวทมนตร์เพื่อมาอยู่ที่นี่ และจะไม่มีโอกาสได้เจอหน้าพ่อแม่คนในครอบครัวอีกเลย สำหรับเธอแล้วนั่นเป็นทางเลือกที่โหดร้ายมาก เพราะไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็มีแต่การจากลาทั้งนั้น

แล้วสมาชิกสภาเวทมนตร์สูงสุดก็ได้จากไป ทิ้งให้เธอตัดสินใจเป็นเวลาหนึ่งวัน ในที่สุดเธอก็บอกว่าเธอมีความทรงจำที่อยู่กับพ่อแม่อยู่แล้ว ดังนั้นแม้จะรู้สึกผิดอยู่บ้างแต่ก็ไม่เป็นไร ขอเลือกที่จะอยู่กับยู และขอให้ยูพาเธอไปแนะนำให้พ่อแม่เขารู้จัก

ยูแต่งเรื่องโกหกพ่อแม่ไปว่าเธอหนีครอบครัวมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวเพื่อที่จะมาเข้าเรียนโรงเรียนนี้ที่เธอใฝ่ฝันอยากเข้ามาตั้งแต่เด็ก แต่ในวันนี้ที่ห้องเช่าที่เธออยู่เกิดเรื่องนิดหน่อยทำให้คนที่บ้านเธอรู้เรื่องที่เธออยู่ที่นี่ จึงส่งคนมาตาม ดังนั้นเธอจึงต้องหาที่อยู่ใหม่ ด้วยเหตุนี้จึงมาขออาศัยที่นี่ไปก่อนจนกว่าจะหาที่พักใหม่ได้

ยูรู้สึกเจ็บปวดที่ต้องโกหกพ่อแม่ไปแบบนั้น โดยเฉพาะเรื่องที่แต่งขึ้นนั้นกลับดูคล้ายกับความเป็นจริงอีกด้วย ทางด้านพ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังดีใจและให้การต้อนรับอย่างเต็มที่

ระหว่างที่ฮาเนอิไปอาบน้ำ ยูก็ถามพ่อว่าถ้าหากตัวเองไม่อยู่จะรู้สึกยังไง พ่อก็เล่าเรื่องความหลังให้ฟัง แล้วก็ตอบว่าถ้ายูไม่อยู่ทั้งพ่อและแม่ก็คงจะรู้สึกเหงามาก

ในที่สุดยูก็ตัดสินใจขึ้นมา เขานึกได้เรื่องผลข้างเคียงของชูเพรมแคนดีที่ว่าหากทานสองเม็ดพร้อมกันจะทำให้ลืมสิ่งสำคัญไป จึงเอาชูเพรมแคนดีสองสีมาละลายเข้าด้วยกันและแอบให้ฮาเนอิทาน เพื่อที่จะได้ลืมเรื่องของเขาและยอมกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว ยูบอกเธอว่าเขาชอบเธอ แต่ว่าเพียงแค่นั้นก็ไม่อาจทำให้เธอมีความสุขได้หรอก ครอบครัวนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะมีความทรงจำอยู่นั่นล่ะ ทำให้การแยกจากนั้นจะยิ่งเจ็บปวด ยูบอกลาฮาเนอิ และหลังจากนั้นเธอก็ลืมเขาไปในที่สุด

วันต่อมายูไปส่งฮาเนอิที่ริมฝั่งน้ำ ตามที่สัญญาไว้กับสมาชิกสภาเวทมนตร์สูงสุด เมื่อมาถึงเขาก็ได้ชมเชยยูว่าตัดสินใจได้ถูกต้องแล้วที่ทำแบบนี้ และเล่าเรื่องในอดีตให้ฟัง

สมัยก่อนนั้นในโลกเวทมนตร์นั้นได้เกิดผู้ใช้เวทย์ที่ไม่สามารถบินได้ขึ้นมา คนพวกนั้นมีพลังเวทย์ที่ด้อยกว่า ไม่สามารถแม้แต่จะบินได้ ทำให้ถูกขับไล่ออกไป และในที่สุดคนพวกนั้นก็ได้สร้างโลกใหม่ขึ้นมา ซึ่งนั่นก็คือโลกของมนุษย์นั่นเอง นั่นคือมนุษย์ธรรมดานั้นแยกออกมาจากผู้ใช้เวทย์

ในตอนแรกเหล่าผู้ใช้เวทย์คิดที่จะกำจัดคนเหล่านั้นที่แยกตัวออกมาให้พ้นทางไป แต่ก็ถูกห้ามเอาไว้โดยคนผู้หนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจปล่อยทิ้งเอาไว้แบบนั้น และแล้วโลกทั้งสองก็แยกตัดขาดออกจากกัน โดยหลังจากนั้นในโลกเวทมนตร์ก็ได้เกิดการปรับปรุงพันธุกรรมจนไม่มีคนที่ไม่สามารถบินได้เกิดขึ้นมาอีก ดังนั้นถึงตอนนี้การที่ผู้ใช้เวทย์จะมามีความสัมพันธ์กับมนุษย์ธรรมดานั้นจึงเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ เพื่อจะไม่ให้มีพันธุกรรมที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นมาอีก สภาเวทมนตร์สูงสุดมีหน้าที่คอยกำกับและควบคุมในส่วนนี้

ยูถามว่าเมื่อก่อนมีผู้ใช้เวทย์ที่เป็นแบบฮาเนอิในครั้งนี้มั้ย เขาก็ตอบว่ามี เมื่อก่อนเคยมีผู้ใช้เวทย์คนหนึ่งชื่อว่าแจ๊ก ยูได้ยินชื่อนี้ก็นึกขึ้นมาได้ถึงหนังสือเรื่องความทรงจำของจาโกแลนเทิร์นที่ฮาเนอิเล่าให้ฟัง จึงถามว่าใช่แจ๊กในหนังสือนั้นหรือเปล่า เขาก็ตอบว่าไม่ใช่ นั่นเป็นแค่นิทานปรัมปราเท่านั้น

หลังจากเล่าเสร็จ สมาชิกสภาเวทมนตร์สูงสุดก็ได้ขอลา เขาได้เรียกประตูบานหนึ่งให้ปรากฏขึ้นมา ซึ่งประตูนั้นคือประตูที่เชื่อมต่อโลกทั้งสองเข้าด้วยกัน ยูถามว่านั่นใช่ประตูแห่งห้วงคำนึงหรือเปล่า ก็ได้รับคำตอบว่ามันไม่ใช่ของอะไรเล็กๆแบบนั้นหรอก ของแบบนั้นแค่มนุษย์ธรรมดาที่มีพลังจินตนาการสูงก็สามารถเปิดได้ แต่ว่าสำหรับประตูบานนี้ แม้แต่ในหมู่ผู้ใช้เวทย์ก็ยังไม่สามารถเปิดได้ง่ายๆ ต้องเป็นผู้ใช้เวทย์ที่ระดับสูงเท่านั้นจึงเปิดได้ ดังนั้นถ้าหากยูสามารถเปิดประตูนั้นได้จริงๆละก็ ตัวเขาก็ต้องเป็นผู้ใช้เวทย์

ประตูได้ปิดลงและหายไป ทั้งสมาชิกสภาเวทมนตร์สูงสุดและฮาเนอิได้จากไป ในขณะนั้นยูรู้สึกเจ็บปวดมากมาย ยิ่งนึกถึงความหลังกับฮาเนอิ เขาก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถกลับคืนมาได้แล้ว

หลังจากวันที่ฮาเนอิจากไป คนรอบข้างก็ค่อยๆลืมฮาเนอิลงเรื่อยๆ ราวกับว่าเธอไม่มีตัวตนอยู่แล้วแต่แรก จนเหมือนจะเหลือแต่ยูเท่านั้นที่ยังจำได้

วันหนึ่งเมื่อเขากำลังนั่งอยู่ริมฝั่งน้ำที่ทั้งสองคนแยกจากกันพลางนึกความหลัง ยูริก็เข้ามาคุยด้วยและถามว่าไม่ได้อยู่กับฮาเนอิเหรอ ยูสงสัยว่าเธอเองก็ไม่ลืมฮาเนอิเหมือนกันเหรอ เธอบอกว่าเธอไม่ลืมหรอก และยูเองก็ไม่มีทางลืมเช่นกัน เช่นเดียวกับที่ยูไม่ลืมกระต่ายสีขาวตัวหนึ่งที่ไม่เข้ากับฝูงและไปกัดมนุษย์เข้าจนถูกฆ่า

ยูตกใจว่าทำไมยูริถึงได้รู้เรื่องของชิรายุกิได้ จากนั้นก็อยู่เป็นเพื่อนคุยกันอยู่สักพัก เธอให้ผ้าเช็ดหน้ากับเขาที่กำลังร้องไห้อยู่ จากนั้นก็จากไป

วันต่อมา ขณะที่ยูกำลังนั่งอยู่ในห้องเรียน หัวหน้าชมรมก็ได้มาหาเขา เขารู้สึกได้ว่ายูดูแปลกไป และบอกว่ายูในตอนนี้ดูเหมือนกับต้นไม้ใหญ่ที่รอฟ้าผ่าลงมาเลย ต้นไม้ใหญ่ในขณะที่เติบโตสูงขึ้นแตกกิ่งก้านและหยั่งรากลึกลงไป ยิ่งใหญ่ขึ้นไปก็ยิ่งมีโอกาสโดนฟ้าผ่าได้ง่าย แม้ว่าจะมุ่งหันหน้าไปทางที่แสงอาทิตย์ส่องมา แต่ในเวลาเดียวกันก็ต้องเตรียมใจกับความมืดด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มันมีสองด้าน ในขณะที่เรียนรู้เรื่องดีๆก็จำเป็นจะต้องเรียนรู้ในเรื่องที่ไม่ดีไว้ด้วย

หลังจากกลับมาถึงบ้าน เขาก็ถามพ่อกับแม่ว่าตัวเขาในตอนนี้ดูเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่รอฟ้าผ่าหรือเปล่านะ แต่แล้วอยู่ดีๆก็ทำให้นึกขึ้นได้ว่าจะว่าไปแล้วต้นไม้ใหญ่ที่เขาเคยไปนั่งคุยเล่นอยู่กับฮาเนอิตอนเด็กนั้นตอนนี้หายไปไหนแล้ว แต่แล้วพ่อแม่ก็ตอบแปลกๆเหมือนกับว่าที่ริมฝั่งน้ำนั้นไม่มีต้นไม้ใหญ่อยู่แต่แรกแล้ว แถมหยิบรูปสมัยก่อนให้ดู พอยูดูแล้วก็ต้องตกใจว่าแถวนั้นไม่มีต้นไม้ใหญ่ๆอยู่เลย

ยูตกใจมากจึงรีบวิ่งไปยังริมฝั่งน้ำเพื่อสำรวจดู จึงพบความจริงว่าที่นั่นไม่มีร่องรอยว่าเคยมีต้นไม้ใหญ่อยู่เลย เขากำลังสับสนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่าจะเป็นเพราะว่าทุกคนลืมฮาเนอิ ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับฮาเนอิก็จะค่อยๆเลือนหายไปด้วย แต่แล้วก็เริ่มคิดได้ว่าไม่น่าใช่

ยูเริ่มสะกิดใจขึ้นมาว่าทำไมตอนนั้นเขาถึงได้มีโอกาสได้เจอกับฮาเนอิได้ทั้งๆที่ควรจะอยู่กันคนละโลกแท้ๆ ฮาเนอิในตอนนั้นก็เป็นเด็กอยู่ไม่น่าจะสามารถเปิดประตูที่เชื่อมระหว่างโลกเพื่อมาหาเขาในโลกนี้ได้ เมื่อเป็นแบบนั้นแล้วทำไมจึงมาพบกันได้

และยูก็เริ่มนึกได้ว่าบางทีคนที่เปิดประตูข้ามมาโดยไม่รู้ตัวอาจเป็นเขาเองก็ได้ เมื่อคิดแบบนี้ทำให้เขาเริ่มเข้าใจแล้ว ว่าทำไมตอนที่เล่นอยู่กับเธอเขาถึงได้ลืมเรื่องบ้านตัวเองไปเลย นั่นเพราะในตอนนั้นเขาหลุดเข้ามาอยู่อีกโลกแล้วนั่นเอง และนั่นก็ทำให้นอกจากที่ริมฝั่งน้ำแล้วเขาไม่สามารถไปเล่นกับเธอที่อื่นได้อีกเลย ที่นั่นเป็นโลกที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่ และฮาเนอิก็เข้าใจว่าเขาเป็นผู้ใช้เวทย์ด้วยเช่นกันเพราะเหตุนั้น

ยูจึงพยายามที่จะลองเปิดประตูดูอีกครั้ง เขาพยายามนึกถึงสิ่งที่ฮาเนอิพูด ประกอบกับสิ่งที่สมาชิกสภาเวทมนตร์พูด ทำให้เข้าใจว่าประตูที่เชื่อมระหว่างโลกนั้นน่าจะเป็นเหมือนกับประตูแห่งห้วงคำนึง แต่ว่าต้องอาศัยปัจจัยอะไรในการเปิดเยอะกว่า

และยูก็นึกได้ว่าในตอนนั้นเขารู้สึกสิ้นหวังกับเรื่องที่ตัวเองบินไม่ได้และอยากเจอกับผู้ใช้เวทย์ พยายามจินตนาการและปรารถนาถึงการปรากฏตัวของผู้ใช้เวทย์ พลังจินตนการของเขาสูง และตัวเองก็ดูเหมือนจะไม่ใช่คนธรรมดาอยู่แล้ว จึงสามารถเปิดประตูนั้นขึ้นอย่างง่ายดายโดยไม่รู้ตัว

ในที่สุดยูก็พยายามจนเห็นประตูอยู่ข้างหน้าอีกครั้ง

ถ้อยคำที่อยากส่งถึง

หากเธอร้องไห้เพื่อผมละก็ ผมจะลองท้าทายดูเพื่อเธอ

เปลี่ยนชะตากรรมแห่งบาปนี้ให้กลายไปเป็นอนาคตแห่งความหวัง

เปลี่ยนโลกที่ไม่น่าดูนี้ให้กลายเป็นโลกที่หฤหรรษ์

ถ้าหากเธอเชื่อผมละก็ ผมก็จะรักอุปสรรคขวากหนามอันแสนสาหัสนี้

ต่อสู้กับความหวาดกลัวภายในใจ

ท้าทายต่อความปรารถนาที่เป็นราคะภายในวิญญาณ

หากเธอจะปรารถนาเพื่อผมละก็ ผมก็จะบินไปพร้อมกับความปรารถนาของเธอ

และโลกจะเปี่ยมไปด้วยรัก

ชีวิตผู้คนจะถูกแต่งเติมด้วยความฝัน

ความสงบของจิตใจจะกลายเป็นสิ่งชั่วนิรันดร์กาล

ประตูเอ๋ย จงนำทางผมไปหาเธอ

และประตูก็ได้เปิดออก เขาก้าวผ่านมันเข้าไปเพื่อไปหาฮาเนอิ เมื่อผ่านประตูเข้ามา ภาพที่เห็นก็เป็นริมฝั่งน้ำที่ไม่ได้ต่างจากเดิมเลย เพียงแต่ต่างกันตรงที่มีต้นไม้ใหญ่ตั้งอยู่

ยูได้เจอกับฮาเนอิทันที แต่ในตอนนี้เธอกลับไม่รู้จักว่ายูเป็นใครอีกต่อไป ทำให้ยูรู้สึกเศร้าใจ ยูถามฮาเนอิว่าตอนนี้มีความสุขดีหรือเปล่า เธอตอบว่ามีความสุขดีเพราะว่าคุณพ่อคุณแม่ก็แข็งแรงดี และเธอก็ได้ไปโรงเรียน ได้เรียนอะไรหลายอย่างอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นยูจึงรู้สึกหายห่วง และคิดว่าการที่เขาหายไปคงจะเป็นสิ่งถูกต้องแล้วจริงๆ

แต่แล้วก่อนที่จะตัดสินใจเดินจากออกไปเธอก็กลับพูดต่อ เธอบอกว่าเธอมาที่ริมฝั่งน้ำนี้ตอนเย็นทุกวัน เพราะมีคนที่อยากเจอ แม้ว่าจะนึกไม่ออกว่าเป็นใคร แต่ว่าเป็นคนที่ดีมาก ถึงอย่างนั้นก็เป็นคนที่เธอโกรธแค้นมาก เพราะอยู่ดีๆก็หายจากไปโดยไม่ฟังอะไรเลย

พูดจบเธอก็เข้ามากอดยูไว้ และบอกเขาว่าตั้งแต่วันที่เขาหายไป เธอไม่อาจมีความสุขได้เลย เหมือนมีบางอย่างที่ไม่อาจเข้าใจได้คอยทำให้รู้สึกเศร้าอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเวลาที่สนุกหรือเวลาที่ดีใจก็ตาม ได้แต่ตามหามาตลอดว่าเพราะอะไร เธอจึงมาที่ริมฝั่งน้ำนี่ทุกวันเพื่อตามหาคนที่อยู่ในความทรงจำ และในที่สุดก็ได้พบแล้ว เธอจำเขาได้ในที่สุด

สักพักเหล่าสมาชิกสภาเวทมนตร์สูงสุดก็เดินเข้ามาและบอกว่าดูเหมือนยูจะเป็นผู้ที่ถือ กุญแจ ไว้ เป็นผู้ที่จะเชื่อมต่อโลกของมนุษย์กับโลกเวทมนตร์เข้าด้วยกัน พวกเขาต้อนรับยูในฐานะผู้ที่จะเชื่อมต่อระหว่างโลกทั้งสอง นั่นเพราะเขาสามารถเปิดประตูที่เชื่อมระหว่างโลกทั้งสองเพื่อเข้ามาได้ ดังนั้นทุกคนจึงยอมรับเขา

และเรื่องยุ่งยากก็จบลง ในคืนนั้นพวกเขาก็ได้กลับมายังโลกของยู ความทรงจำของทุกคนที่เคยหายไปก็กลับคืนมาเหมือนเดิม จากนี้ไปยูได้รับหน้าที่จากสภาเวทมนตร์สูงสุดให้เป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างมนุษย์กับผู้ใช้เวทย์ ส่วนฮาเนอิก็ได้กลับมาอยู่โลกของมนุษย์ในฐานะนักสำรวจเหมือนอย่างที่ผ่านมา

ยูพาเธอมาที่บ้าน ซึ่งพ่อแม่ของเขาได้เตรียมจัดงานวันเกิดให้ฮาเนอิเอาไว้ เพราะวันนี้เป็นวันที่ ๓๑ ตุลาคม(ตรงกับวันฮาโลวีนพอดี)ซึ่งเป็นวันเกิดของเธอ เพื่อนๆของเธอเองก็มาร่วมด้วย ในคืนนั้นทุกคนก็ได้สนุกด้วยกัน และในที่สุดจากนี้ไปก็จะได้อยู่ร่วมกันตลอดไป

 

 

 

--------------------

 

 

 

~จบบทฮาเนอิ~

 

สุขสันต์วันเกิดฮาเนอิ お誕生日おめでとう~

 

จบไปแล้วกับบทฮาเนอิ

โดยส่วนตัวแล้ว คิดว่าเป็นบทที่จบแบบงงๆ และห้วนเกินไป เหมือนกับควรจะมีอะไรต่อ แต่ก็โดนตัดไปโดยที่ยังไม่เข้าใจอะไรสักเท่าไหร่

ทั้งเรื่องที่ว่าทำไมอยู่ๆฮาเนอิถึงจำยูได้แล้ว ก็ยังไม่เข้าใจนัก ที่จริงงงตั้งแต่ว่าทำไมยูถึงมั่นใจในผลลัพธ์ของชูเพรมแคนดีนัก ว่าทานแล้วฮาเนอิจะลืมตัวเขาไปจริงๆ

อาจเป็นเพราะว่าไม่เข้าใจ จึงไม่ใช่บทที่ประทับใจมากนัก ทั้งๆที่น่าจะซึ้งแท้ๆ

ส่วนเรื่องสมาชิกสภาเวทมนตร์สูงสุด กับความลับของยูนั้น จะถูกไขในบทอื่น

อย่างไรก็ตาม ในที่สุดก็ได้ลงตอนจบตรงกับวันเกิดของฮาเนอิพอดี

 

--------------------

 

รวมศัพท์ท้ายตอน
功績 こうせき คุณงามความดี,ผลงานสร้างสรรค์
猶予 ゆうよ การลังเล,การเลื่อนออกไป,การผัดผ่อน
嘸 さぞ อย่างแน่นอน,โดยไม่ต้องสงสัย,จริง ๆ
書斎 しょさい ห้องอ่านหนังสือหรือทำงานในบ้าน
同棲 どうせい การอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยาโดยที่ยังไม่ได้แต่งงาน
劣等 れっとう ด้อยกว่า,สู้ไม่ได้
一掃 いっそう ปัดกวาด,กำจัด
駆除 くじょ การกำจัด
阻止 そし ระงับ,ยกเลิก
不条理 ふじょうり ไม่สมเหตุสมผล
落雷 らくらい ฟ้าผ่า
熾烈 しれつ รุนแรง,ดุเดือด
試練 しれん อุปสรรค,ขวากหนาม,วิกฤต(เรื่องงาน ชีวิต)
親御 おやご พ่อแม่ของอีกฝ่าย



-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- บันเทิง >> เกม >> vn

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

目录

从日本来的名言
模块
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
机器学习
-- 神经网络
javascript
蒙古语
语言学
maya
概率论
与日本相关的日记
与中国相关的日记
-- 与北京相关的日记
-- 与香港相关的日记
-- 与澳门相关的日记
与台湾相关的日记
与北欧相关的日记
与其他国家相关的日记
qiita
其他日志

按类别分日志



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  查看日志

  推荐日志

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ