φυβλαςのβλογ
phyblas的博客



ขึ้นรถกระเช้าเบปปุไปยังยอดเขาทสึรุมิสูง ๑๓๗๕ เมตร มองเห็นเมืองเบปปุริมฝั่งทะเลจากมุมสูง
เขียนเมื่อ 2024/11/17 21:46
แก้ไขล่าสุด 2024/11/18 22:53
# เสาร์ 9 พ.ย. 2024

บันทึกการเที่ยวจังหวัดโออิตะต่อจากตอนที่แล้วที่เที่ยวในยุฟุอิงเสร็จแล้วก็นั่งรถเมล์ออกมา https://phyblas.hinaboshi.com/20241116

สำหรับตอนนี้จะเริ่มเที่ยวในเมืองเบปปุ (別府市べっぷし) ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังที่สุดของจังหวัดโออิตะ

แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองเบปปุในจังหวัดโออิตะเป็นสีชมพูเข้ม ติดทะเลในส่วนที่เว้าลงไปเป็นอ่าว อ่าวตรงนั้นเรียกว่าอ่าวเบปปุ (別府湾べっぷわん)




เมืองนี้เป็นแหล่งอนเซงที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น แต่ว่าต่างจากแหล่งอนเซงที่อื่นตรงที่ว่าไม่ใช่มีแค่อนเซงสำหรับให้แช่เท่านั้น แต่ยังมีแหล่งอนเซงรูปร่างแปลกๆสวยงามต่างๆหลายบ่อ เรียกรวมๆว่า เบปปุจิโงกุเมงุริ (別府地獄べっぷじごくめぐり) ซึ่งกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักที่เป็นเอกลักษณ์ของเมือง

นอกจากนี้ด้วยความที่มีอนเซงอยู่ทั่วเมืองทำให้มีควันพุ่งขึ้นมาตามจุดต่างๆภายในเมืองตลอด เมื่อมองทิวทัศน์จากมุมสูงก็เห็นได้ชัด ดูแปลกตา

ภายในเมืองล้อมรอบไปด้วยภูเขาและยังมีที่ลาดชันเยอะจึงมีจุดชมทิวทัศน์หลายจุด สามารถเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ของเมืองนี้ได้

เมืองนี้ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยริตสึเมย์กังเอเชียแปซิฟิก (立命館りつめいかんアジア太平洋大学たいへいようだいがく) หรือเรียกย่อว่า APU ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยนานาชาติ จึงยังเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวต่างชาติ และทำให้มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่จำนวนไม่น้อยด้วย

แต่ว่าเริ่มแรกเราจะยังไม่ได้เข้าไปในตัวเมืองเบปปุ แต่แวะเที่ยวระหว่างทางก่อน

โดยรถเมล์ที่เรานั่งไปนั้นมีจุดเริ่มต้นที่ศูนย์รถบัสหน้าสถานียุฟุอิง และมีปลายทางอยู่ที่สถานีเบปปุ (別府駅べっぷえき) แต่ว่าระหว่างทางรถเมล์ต้องผ่านจุดขึ้นรถกระเช้าเบปปุ (別府べっぷロープウェイ) ซึ่งเป็นรถกระเช้าสำหรับขึ้นไปยังยอดเขาทสึรุมิ (鶴見岳つるみだけ) ซึ่งมีความสูง ๑๓๗๕ จากบนนั้นสามารถมองลงมาเห็นทิวทัศน์เมืองเบปปุได้ ถ้าอากาศดี จึงเป็นสถานที่เที่ยวที่ได้รับความนิยมแห่งหนึ่งของเมืองเบปปุ

รถเมล์ระหว่างยุฟุอิงกับเบปปุนั้น ถ้านั่งตรงยาวจากสถานียุฟุอิงไปสถานีเบปปุเลยจะราคา ๑๐๐๐ เยน แต่เราขึ้นจากสถานียุฟุอิงไปลงระหว่างทางที่จุดขึ้นรถกระเช้าเบปปุ ราคา ๗๕๐​ เยน จากนั้นเที่ยวเสร็จแล้วจึงค่อยขึ้นต่อจากตรงนี้ไปถึงสถานีเบปปุ จ่ายอีก ๕๐๐ เยน รวมทั้งหมดเป็น ๑๒๕๐​ เยน

ส่วนค่าขึ้นรถกระเช้าไปกลับอยู่ที่ ๑๘๐๐ เยน

ส่วนรอบรถเมล์นั้นมีประมาณชั่วโมงละเที่ยว นั่นหมายความว่าเรามีเวลาเที่ยวที่นี่ประมาณชั่วโมง

ตารางสรุปเวลาและค่าใช้จ่ายของเที่ยวนี้เป็นดังนี้

 จาก ไป เวลา ค่าใช้จ่าย
สถานียุฟุอิง จุดขึ้นรถกระเช้า 11:35~12:10 750 เยน
จุดขึ้นรถกระเช้า ยอดเขา 12:20~12:30 1800 เยน
ยอดเขา จุดขึ้นรถกระเช้า 13:00~13:10
จุดขึ้นรถกระเช้า สถานีเบปปุ 13:18~13:42 500 เยน
รวม 3050 เยน



ทิวทัศน์ระหว่างทางจากยุฟุอิงไปจุดขึ้นรถกระเช้า มองลงไปสวยงามมาก



รถเมล์มาถึงจุดขึ้นรถกระเช้า



ตรงนี้มีเรื่องเล่านิดหน่อยว่ามีกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยที่ขึ้นมาจากยุฟุอิงเหมือนกันเขามาลงที่นี่แต่ไม่ค่อยเข้าใจวิธีการจ่ายและทอนเงิน ก็เลยมีปัญหากับคนขับ ยิ่งในกลุ่มไม่มีใครพูดภาษาญี่ปุ่นได้เลยก็เลยทำให้สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง ต้องคุยกันอยู่สักพัก แล้วผู้โดยสารคนอื่นที่ลงหลังจากพวกเขาก็ต้องมารอเขาเคลียร์กันเสร็จก่อนด้วย ไม่งั้นก็ออกไม่ได้ เราก็เลยติดแหง็กอยู่ตรงนั้น กว่าจะได้ลงมาก็ช้าไป ๕ นาทีได้

แล้วกว่าผู้โดยสารอื่นจะลงจนครบแล้วก็ให้ผู้โดยสารอื่นขึ้นอีก สุดท้ายรถเมล์คันนั้นก็เลยต้องล่าช้าไปประมาณ ๗ นาที

นั่นทำให้ได้ยิ่งคิดได้ว่าเวลาเที่ยวญี่ปุ่นให้เตรียมบัตร IC ไปดีที่สุด โดยเฉพาะ Suica ซึ่งสามารถใช้ได้แทบทุกจังหวัดในญี่ปุ่น รวมถึงฟุกุโอกะและโออิตะด้วย เราและเพื่อนที่มาด้วยพกบัตร Suica ทำให้เวลาขึ้นลงก็แค่แตะบัตร ไม่ต้องเตรียมเศษเงิน สะดวกมาก

อีกอย่างก็คือการเที่ยวโดยไม่มีใครรู้ภาษาญี่ปุ่นเลยยิ่งต้องเตรียมตัวพร้อมเป็นพิเศษ เพราะมีปัญหาอะไรก็ไม่สามารถสื่อสารได้ ถ้าเป็นไปได้ มีคนพูดภาษาญี่ปุ่นได้อยู่ในกลุ่มจะดีมาก



หลังจากจบเรื่อง เราก็เดินขึ้นไปยังสถานีรถกระเช้า





ตารางเวลารอบรถกระเช้า มีทุก ๒๐ นาที รอบต่อไปที่เราขึ้นคือเวลา 12:20



ซื้อตั๋วเสร็จเดินมาขึ้นรถกระเช้า



ภายใน



แล้วก็ออกเดินทาง



ระหว่างกำลังขึ้นมองลงไปเห็นตัวเมืองเบปปุได้ด้วย เมืองนี้เป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยทะเลและภูเขาแบบนี้



แต่พอขึ้นไปสักพักก็เริ่มเจอแต่หมอกหนาขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกตัวอีกทีทิวทัศน์ก็ขาวโพลนมองไม่เห็นอะไรแล้ว



มีบางช่วงที่พ้นเหนือเมฆหมอกขึ้นมา



แต่เมื่อขึ้นมาถึงยอดก็พบว่ารอบนอกขาวโพลน



เมื่อมาดูนอกสถานีกระเช้าก็พบว่ามองออกไปไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เท่ากับว่ามาครั้งนี้ถ้าหวังเห็นทิวทัศน์ละก็คงได้แต่ผิดหวัง



ใกล้ๆนั้นมีศาลเจ้าอยู่ แต่แค่มองเข้าไปเห็นด้านในก็ลำบากแล้ว



เข้ามาดูด้านใน ก็แค่เล็กๆ ไม่มีอะไรมาก



จากนั้นก็เดินต่อเพื่อไปยังยอดเขา ที่จริงก็รู้ว่าต่อให้ไปก็คงไม่เห็นอะไรแล้ว แต่อย่างน้อยก็ขอให้ได้ชื่อว่าพิชิตยอดเขาได้ก็ยังดี จากสถานีรถกระเช้าไปยังส่วนที่เป็นยอดเขาจริงๆนั้นยังต้องเดินอีกนิดหน่อย แต่ก็ไม่ไกลมาก สามารถไปกลับได้ภายในครึ่งชั่วโมง ซึ่งก็ทันรถกระเช้าขาลงถัดไป



ตรงนี้มีเทอร์โมมิเตอร์ขนาดใหญ่ บอกให้รู้ว่าอุณหภูมิขณะนี้คือ ๖ องศาเท่านั้น หนาวทีเดียว แต่ตอนนั้นเรากลับไม่ได้รู้สึกว่าหนาวอะไรขนาดนั้น



เดินไปตามทางสู่ยอดเขา ทางเดินไม่ได้ชันมาก เดินง่าย



ส่วนทางขึ้นก็มีบันไดทำไว้อย่างดี




ตรงนี้เหมือนเป็นจุดแวะพักระหว่างทาง แต่ว่าไม่ได้เปิด



ระหว่างทางก็เจอผู้คนอยู่บ้าง แต่คิดว่าน่าจะไม่ถึงครึ่งของคนที่ขึ้นรถกระเช้ามา บางส่วนคงเห็นสภาพหมอกแล้วไม่อยากไปไหน



ตรงนี้มีรูปปั้นเทพจุโรวจิง (寿老人じゅろうじん) หนึ่งใน ๗ เทพแห่งโชคลาภของญี่ปุ่น ที่บนเขานี้มีรูปปั้นเทพทั้ง ๗ องค์อยู่ ถ้าเดินวนรอบก็เห็นได้ครบ แต่เราไม่ได้สนใจเก็บให้ครบ เอาแค่ที่เห็นได้ตามทางไปขึ้นเขาก็พอ



ทางขึ้นยอดเขาไปทางนี้



เริ่มเห็นส่วนยอดแล้ว



เมื่อถึงส่วนยอดเขา เจอพวกนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถถ่ายภาพส่วนยอดโดยไม่มีคนได้เลย




มีที่ให้หยอดเงินอธิษฐานด้วย



มองไปยังทางเบื้องหน้ายังมีเสาสำหรับส่งสัญญาณอยู่ด้วย แต่เห็นไม่ชัดเพราะหมอด แบบนี้ดูน่ากลัวดี



จากนั้นก็รีบเดินย้อนกลับไปให้ทันรถกระเช้าขาลง ระหว่างทางเห็นทางแยะไปหาเทพโฮเตย์ (布袋ほてい) แต่เราไม่ได้ไป



ส่วนตรงนี้เป็นทางแยกไปหาเทพไดโกกุเตง (大黒天だいこくてん) ไม่ได้ไปเหมือนกัน



แล้วก็ผ่านแท่นที่ทำไว้สำหรับชมทิวทัศน์



ซึ่งพอขึ้นมาแล้วก็พบแต่สีขาวโพลนตามคาด มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น



ตรงนี้มีภาพถ่ายให้เห็นว่าเวลาฟ้าใสจะเห็นเป็นยังไงบ้าง นี่คือตัวเมืองเบปปุทั้งหมด ทิวทัศน์ดีมากจริงๆถ้าได้เห็น ก็เอามาดูเป็นตัวอย่างแล้วจินตนาการสมมุติว่าเราได้มาเห็นทิวทัศน์นี้แล้วละกัน



ในเมื่อไม่ได้เห็นอะไรก็ได้แต่กลับลงไปอย่างผิดหวัง



ระหว่างทางยังผ่านเทพฟุกุโรกุจุ (福禄寿ふくろくじゅ) หรือที่คนไทยรู้จักตามสำเนียงแต้จิ๋วว่า ฮกลกซิ่ว นั่นเอง



แล้วก็กลับมาจนถึงสถานีรถกระเช้า



รีบมาขึ้นรถกระเช้ารอบ 13:00 ขาลงได้ทันเวลา



ระหว่างทางเมื่อลงมาอยู่ใต้หมู่เมฆก็เห็นทิวทัศน์เมืองเบปปุได้ ยังดีที่สามารถเห็นระหว่างทางได้ แม้ว่ามุมอาจจะไม่ดีเท่าได้เห็นจากข้างบนก็ตาม แต่ก็ช่วยไม่ได้ เห็นเท่านี้ก็ถือว่าดีแล้ว



แล้วก็ลงมาถึงสถานีด้านล่าง



รีบมารอรถเมล์



แล้วรถเมล์รอบ 13:18 มุ่งสู่เบปปุก็มา



จากนั้นเราก็นั่งรถเมล์ไปยังเบปปุ เพื่อเที่ยวภายในเมืองเบปปุต่อไป https://phyblas.hinaboshi.com/20241118



-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- ประเทศญี่ปุ่น >> โออิตะ
-- ท่องเที่ยว >> ภูเขา

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

目录

从日本来的名言
模块
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
机器学习
-- 神经网络
javascript
蒙古语
语言学
maya
概率论
与日本相关的日记
与中国相关的日记
-- 与北京相关的日记
-- 与香港相关的日记
-- 与澳门相关的日记
与台湾相关的日记
与北欧相关的日记
与其他国家相关的日记
qiita
其他日志

按类别分日志



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  查看日志

  推荐日志

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ