พิพิธภัณฑ์ศุลกากรจีน
เขียนเมื่อ 2015/05/31 21:41
แก้ไขล่าสุด 2021/09/28 16:42
#ศุกร์ 1 พ.ค. 2015
วันที่ 1 พ.ค. เป็นวัดหยุดของจีนวันหนึ่ง นั่นคือวันแรงงาน (劳动节, เหลาต้งเจี๋ย) หรือนิยมเรียกกันว่าอู่อี (五一)
วันหยุดแบบนี้ก็ย่อมเป็นวันที่ผู้คนต่างถือโอกาสไปเที่ยวข้างนอกกัน เราเองก็ได้ออกไปเที่ยวมาเช่นกัน แต่ถ้าหากไปเที่ยวที่ที่คนไปเยอะในวันแบบนี้คนย่อมจะแน่น ดังนั้นจึงคิดว่าควรไปเที่ยวในสถานที่ซึ่งคนน่าจะไปน้อย จึงตัดสินใจไปเข้าชมพิพิธภัณฑ์ศุลกากรจีน (中国海关博物馆, จงกั๋วไห่กวานปั๋วอู้กว่าน)
พิพิธภัณฑ์ศุลกากรจีน เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องประวัติศาสตร์เกี่ยวกับศุลกากรของจีนและเรื่องที่เกี่ยวข้อง เพิ่งเปิดใหม่เมื่อเดือน 30 มี.ค. 2014 ที่ผ่านมา ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักจึงไม่ค่อยจะมีใครมาเข้าชมมากนัก การเข้าชมที่นี่สามารถเข้าได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ว่าต้องเตรียมบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตไปด้วย
ที่นี่ตั้งอยู่ข้างรถไฟฟ้าสถานีเจี้ยนกั๋วเหมิน (建国门站) ใกล้กับหอสังเกตการณ์โบราณปักกิ่ง (北京古观象台) การมาจึงเดินทางได้ง่ายๆคือนั่งรถไฟฟ้าสาย 2 มาลงแล้วถึงทันที
จีนเริ่มติดต่อทำการค้ากับต่างแดนมาตั้งแต่สมัยอดีตแล้ว ศุลกากรจึงมีความสำคัญเพื่อที่จะควบคุมการติดต่อกับต่างแดน มีความเกี่ยวพันกับเรื่องราวประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์กับต่างประเทศของจีน จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่มีความน่าสนใจน่าลองศึกษาข้อมูลดูสักหน่อย เราสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์จีนส่วนหนึ่งได้จากที่นี่
วันที่ไปนี้อากาศไม่ค่อยดี เมฆครึ้มฟ้ามืดทัศนวิสัยไม่ค่อยดีตลอด น่าเสียดายแทนคนที่อุตส่าห์ออกมาเที่ยวในวันหยุด แต่สำหรับการเที่ยวสถานที่ในร่มอย่างพิพิธภัณฑ์อากาศจะเป็นยังไงก็ไม่สำคัญ
พอนั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานีเจี้ยนกั๋วเหมินแล้วออกจากสถานีเดินมาทางตะวันตกผ่านหอสังเกตการณ์โบราณปักกิ่งก็มาถึง
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan01.jpg)
ทางเข้า ต้องไปยื่นบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตเพื่อรับบัตร ปกติแล้วพิพิธภัณฑ์ที่เข้าได้ฟรีจะต้องแสดงหลักฐานแบบนี้ไม่งั้นก็จะเข้าไม่ได้ ดังนั้นควรจะพกพาสปอร์ตไปด้วยตลอดเวลา
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan02.jpg)
สถานที่แบ่งเป็น ๓ ชั้น คือชั้น ๑ ชั้น ๒ และชั้นใต้ดิน การชมนั้นต้องเริ่มชมจากชั้น ๒ ก่อน ซึ่งจะอธิบายประวัติศาสตร์สมัยโบราณ ส่วนชั้น ๑ จะเป็นเรื่องของสมัยปัจจุบัน และชั้นใต้ดินจะแสดงเกี่ยวกับผลงานของศุลกากรจีน
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan03.jpg)
เมื่อขึ้นมาถึงชั้น ๒ ในส่วนแรกสุดจะอธิบายถึงประวัติศาสตร์ในช่วงยุคแรกสุด
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan04.jpg)
ตั้งแต่ยุคราชวงศ์โจว ( 周朝, 1046 - 256 ปีก่อน ค.ศ.) ก็เริ่มมีระบบศุลกากรที่เรียกว่ากวานจิน (关津) ต่อมาพอถึงในยุคราชวงศ์ถังนั้นระบบศุลกากรจีนเรียกว่าซื่อปั๋วซือ (市舶司) หรือซื่อปั๋วสื่อ (市舶使) ระบบนี้ใช้ไปตลอดตั้งแต่ราชวงศ์ถัง (唐朝, ปี 618 - 907) ไปจนถึงราชวงศ์หมิง (明朝, ปี 1386 - 1644)
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan05.jpg)
ตอนช่วงที่เริ่มเข้าสู่ยุคราชวงศ์หมิงนั้นเนื่องจากมีกองโจรสลัดญี่ปุ่นที่เรียกว่าวอโค่ว (倭寇, ในภาษาญี่ปุ่นเรียก วาโกว (わこう)) ออกอาละวาดอยู่ในทะเลจีนตะวันออก ทางราชวงศ์หมิงกลัวว่าจะมีพวกกบฏทำการค้าอาวุธกับพวกนี้แล้วมาใช้ต่อสู้กับรัฐบาล ดังนั้นในปี 1370 จึงได้สั่งยกเลิกซื่อปั๋วซือ และปี 1371 สั่งปิดด่านทางทะเลทั้งหมด จีนเข้าสู่ช่วงยุคแห่งการปิดประเทศ
ต่อมาในปี 1567 สมัยจักรพรรดิหลงชิ่ง (隆庆, ปี 1567 - 1572) ได้มีการเปิดด่านเยวี่ยก่าง (月港) ในเมืองจางโจว (漳州) มณฑลฝูเจี้ยนให้เปิดทำการค้าได้ แต่ก็จำกัดให้แค่พ่อค้าในถิ่นนั้น และห้ามค้าขายกับญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามก็นับว่าเป็นการเปิดประเทศอีกครั้ง ทำให้การค้าเริ่มกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง เหตุการณ์ครั้งนี้เรียกว่าการเปิดด่านในสมัยหลงชิ่ง (隆庆开关, หลงชิ่งไคกวาน)
เดินข้ามด่านเข้ามาตรงส่วนต่อไปจะอธิบายถึงประวัติศาสตร์ตั้งแต่ช่วงยุคราชวงศ์ชิง (清朝, ปี 1644 - 1912)
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan06.jpg)
ส่วนจัดแสดงตรงนี้ตั้งอยู่บนเวทีที่ทำเป็นลักษณะเหมือนเรือและยังมีภาพวาดบนฝาผนังสวยๆด้วย
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan07.jpg)
ตั้งแต่เริ่มต้นยุคราชวงศ์ชิงในปี 1644 นั้นจีนปิดประเทศมาโดยตลอด จนในปี 1684 สมัยจักรพรรดิคางซี (康熙, ปี 1662 - 1722) หลังจากที่ได้รวมเกาะไต้หวันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของจีนแล้ว ก็ได้มีการเปิดด่านการค้าทั้งหมด ๔ ด่านให้ทำการค้าขายกับต่างชาติ เรียกว่าไห่กวาน (海关) ซึ่งคำว่าไห่กวานนี้ได้กลายมาเป็นคำที่ใช้ในความหมายว่าศุลกากรในภาษาจีนซึ่งใช้โดยทั่วไปมาถึงปัจจุบัน ไห่กวานแปลตรงตัวว่าด่านทะเล
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan08.jpg)
ด่านทั้ง ๔ แห่งนั้นได้แก่เมืองกว่างโจว (广州), ฝูโจว (福州), เซึ่ยงไฮ้ (上海) และหนิงปัว (宁波)
พอมาถึงปี 1757 ในสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง (乾隆, ปี 1736 - 1795) ได้มีการเปลี่ยนแปลงให้การค้ากับชาติตะวันตกเปิดเพียงแค่ด่านเดียวคือที่กว่างโจว เรียกระบบนี้ว่าอี้โข่วทงซาง (一口通商) แปลว่าการค้าด้วยช่องทางเดียว
แต่ในทางปฏิบัติแล้วยังมีนักล่าอาณานิคมบางส่วนทำการค้าขายอยู่โดยเฉพาะที่มณฑลฝูเจี้ยน ชาวสเปนซึ่งตอนนั้นยึดฟิลิปปินส์เป็นอาณานิคมอยู่ได้เข้ามาทำการค้าด้วย นี่เป็นเหรียญเงินของสเปนที่ใช้ในช่วงนั้น
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan09.jpg)
แบบจำลองที่เห็นอยู่ตรงกลางห้องนี้คือจำลองย่านการค้าที่เปิดในกว่างโจวเพื่อทำการค้ากับชาติยุโรป ๑๓ ประเทศ เนื่องจากเปิดให้ทำการค้าได้ที่เดียว เรือจากต่างชาติก็ต้องมาชุมนุมกันอยู่ที่นี่ ย่านการค้าตรงนี้ถูกเรียกว่าสือซานหาง (十三行) จะเห็นว่ามีธงของประเทศหลักๆที่เข้ามาทำการค้าคือสวีเดน, ฮอลันดา, สหรัฐอเมริกา, สเปน, เดนมาร์ก และอังกฤษ
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan10.jpg)
พอมาถึงปี 1839 - 1842 ได้เกิดสงครามฝิ่นครั้งที่หนึ่ง (第一次鸦片战争) ขึ้นระหว่างจีนกับอังกฤษ เนื่องจากสมัยนั้นอังกฤษขายฝิ่งให้กับจีนจนทำให้มีคนติดฝิ่นกันมาก รัฐบาลจีนพยายามจะหาทางแก้ด้วยการยกเลิกการค้าฝิ่นกับอังกฤษ แต่อังกฤษไม่พอใจจึงเป็นชนวนของสงคราม ผลคือจีนพ่ายแพ้ย่อยยับและต้องทำสนธิสัญญาหนานจิง (南京条约) ในปี 1842 ซึ่งเป็นสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม
เนื้อหาของสนธิสัญญานี้คือจีนต้องชดใช้ค่าเสียหายจากสงคราม อีกทั้งมอบเกาะฮ่องกงให้อังกฤษ นอกจากนี้ยังต้องเปิดให้เมืองกว่างโจว, เซี่ยเหมิน, ฝูโจว, หนิงปัว และเซี่ยงไฮ้ ๕ เมืองนี้เป็นเขตการค้าที่ให้อังกฤษสามารถทำการค้าได้อย่างเสรี อีกทั้งทางอังกฤษจะต้องมีอำนาจในการกำหนดภาษีนำเข้าส่งออกด้วย การค้าผ่าน ๕ เมืองนี้เรียกว่าอู๋โข่วทงซาง (五口通商)
นอกจากนี้ในปี 1844 สหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศสก็มาขอทำสนธิสัญญาคล้ายๆกับของอังกฤษ ทำให้มีสิทธิ์ในการค้าขายโดย ๕ ช่องทางนี้เช่นเดียวกัน นั่นทำให้ระบบศุลกากรจีนต่อจากนี้ไปถูกควบคุมโดยชาติตะวันตก จีนสูญเสียอำนาจในการควบคุมการค้าด้วยตัวเองไปแล้ว
แต่เรื่องร้ายๆก็ไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เมื่อเวลาผ่านไปทางฝั่งอังกฤษ ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา เริ่มรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้ผลประโยชน์มากพอจากสนธิสัญญานี้ อยากจะขอแก้สัญญาเพิ่มเติมอีก จึงได้เสนอขอกับทางจีน แต่ทางจีนไม่ยอม สงครามจึงปะทุขึ้นอีกครั้งในปี 1856 กลายเป็นสงครามฝิ่นครั้งที่สอง (第二次鸦片战争) ซึ่งครั้งนี้อังกฤษกับฝรั่งเศสรวมพลังกันตีจีน
กล้องส่องทางไกลที่ใช้โดยฝรั่งเศสในตอนที่มาบุกจีน
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan11.jpg)
ในปี 1858 หลังแพ้สงครามที่ป้อมปืนใหญ่ต้ากู (大沽口炮台) เมืองเทียนจิน ทำให้จีนต้องยอมทำสัญญาใหม่ชื่อสนธิสัญญาเทียนจิน (天津条约)
ผลของสนธิสัญญานี้ทำให้จีนต้องยอมเปิดท่าเรือสำหรับทำการค้าเพิ่มเติมอีกหลายแห่ง ซึ่งไม่เพียงแต่เมืองริมทะเลเท่านั้นยังรวมถึงเมืองที่อยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดินด้วย
นี่เป็นภาพวาดสีน้ำมันของอาคารศุลกากรในเมืองต่างๆที่เปิดในช่วงยุคนั้น จะเห็นว่าสร้างเป็นอาคารแบบตะวันตก
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan12.jpg)
หนึ่งในบรรดาเมืองที่ถูกกำหนดให้ตั้งด่านสำหรับทำการค้าก็คือเมืองแต้จิ๋ว (潮州, เฉาโจว) แต่ต่อมาก็พบว่ามีการต่อต้านจากชาวเมืองอย่างหนักจึงต้องเปลี่ยนมาตั้งที่เมืองซัวเถา (汕头, ซ่านโถว) ซึ่งขณะนั้นเป็นแค่เมืองเล็กๆริมฝั่งทะเล ด่านที่นี่ถูกเรียกว่าด่านเฉาไห่กวาน (潮海关) ถูกเริ่มก่อตั้งเมื่อปี 1860
นี่คือแผ่นป้ายหินของด่านเฉาไห่กวานแห่งเก่าที่สร้างขึ้นในปี 1860 ก่อนที่จะถูกย้ายไปยังที่ใหม่ในปี 1921![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan13.jpg)
ภาพวาดสีน้ำมันของสำนักงานศุลกากรแห่งใหม่ของซัวเถาซึ่งตั้งแต่ปี 1921 แทนที่เก่า อาคารนี้ปัจจุบันกลายมาเป็นหอจัดแสดงประวัติศาสตร์ศุลกากรซัวเถา (汕头海关关史陈列馆)
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan14.jpg)
หลังจากที่ได้ตั้งเป็นสถานีการค้า และเนื่องจากความได้เปรียบของตำแหน่ง นั่นเป็นจุดเริ่มที่ทำให้เมืองซัวเถาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนแซงหน้าเมืองแต้จิ๋ว กลายเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในซึกตะวันออกของมณฑลกวางตุ้งไปจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นการเปิดด่านครั้งนี้ก็เรียกได้ว่ามีความสำคัญมากสำหรับซัวเถา
ตราประทับที่ถูกใช้ในด่านเฉาไห่กวานที่ซัวเถา
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan15.jpg)
หลังจากสนธิสัญญาเทียนจินไปแล้วสงครามฝิ่นก็ยังไม่ได้จบลง ปี 1859 จีนพยายามเรียกร้องให้แก้สัญญา แต่ทางอังกฤษและฝรั่งเศสไม่ยอมสงครามจึงเปิดฉากขึ้นต่อ ผลจบลงโดยที่ปี 1860 ทัพอังกฤษฝรั่งเศสบุกเข้าถึงปักกิ่งและบังคับให้ทำสนธิสัญญาปักกิ่ง (北京条约) เพิ่มขึ้นอีก ซึ่งสัญญานี้ทำให้ต้องเปิดเมืองเทียนจินเป็นสถานีการค้าเพิ่มขึ้นอีกเมือง และยังต้องมอบดินแดนเกาลูนซึ่งอยู่ติดกับเกาะฮ่องกงให้กับอังกฤษ
ภาพบนเป็นการทำสนธิสัญญาเทียนจินปี 1858 ส่วนภาพซ้ายล่างเป็นสนธิสัญญาปักกิ่งปี 1860
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan16.jpg)
ด่านที่เปิดขึ้นที่เทียนจินนี้ใช้ชื่อเรียกว่าจินไห่กวาน (津海关) นี่คือป้ายที่เคยใช้ติดบนอาคารของจินไห่กวาน เขียนว่าจินไห่ซินกวาน (津海新关) โดยมีคำว่าซิน (新) ที่แปลว่าใหม่แทรกเข้ามาด้วย มีลงชื่อหลี่หงจาง (李鸿章) ซึ่งมีตำแหน่งเป็นอุปราชมณฑลจื๋อลี่อยู่ในขณะนั้น
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan17.jpg)
หลังจากที่จีนพ่ายแพ้สงครามฝิ่นและสูญเสียอำนาจในศุลกากรให้ชาติตะวันตกไปแล้วก็ทำให้เจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ในศุลกากรนั้นจำนวนหนึ่งเป็นชาวต่างชาติ
มุมนี้มีหุ่นจำลองและสถานที่จำลองขนาดเท่าของจริงที่แสดงถึงห้องสำแดงสินค้าของศุลกากรจีนในช่วงปลายราชวงศ์ชิง
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan18.jpg)
นี่คือเจ้าหน้าที่ชาวต่างชาติแต่ละคนที่มีบทบาทเด่นๆ
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan19.jpg)
มุมนี้จำลองห้องทำงานของสำนักงานภาษีผ่านด่าน
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan20.jpg)
ตั้งแต่ปี 1842 การพ่ายแพ้สงครามจนต้องเปิดประเทศนั้นทำให้จีนเสียหายไปหลายอย่าง แต่มันก็นำจีนเข้าสู่ยุคใหม่ เปิดโอกาสสู่อะไรมากมาย ตั้งแต่ปี 1861 จีนได้เริ่มเรียนรู้สิ่งต่างๆจากชาติตะวันตกเพื่อจะนำมาพัฒนาชาติตัวเอง
อนึ่ง ช่วงนั้นไทยกำลังอยู่ในยุครัชกาลที่ ๔ (ปี 1851 - 1868) ก็เป็นช่วงที่เพิ่งเปิดประเทศเช่นกันหลังจากที่ลงนามในสนธิสัญญาเบาว์ริงกับอังกฤษไปในปี 1855 เนื้อหาใกล้เคียงกับสนธิสัญญาหนานจิง ส่วนญี่ปุ่นก็โดนบังคับให้เปิดประเทศในปี 1854 ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน
เอกสารสัญญาที่ด่านเฉาไห่กวานที่ซัวเถา และด่านที่เซี่ยงไฮ้
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan21.jpg)
นี่เป็นกล่องใส่อุปกรณ์ที่ใช้ที่ด่านหมินไห่กวาน (闽海关) ที่เมืองฝูโจวสมัยปลายยุคราชวงศ์ชิง
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan22.jpg)
การตรวจค้นของตามด่านในยุคนั้น
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan23.jpg)
กระเป๋าถุงใส่พัสดุที่ขนส่งจากสำนักงานภาษีศุลกากรที่เซี่ยงไฮ้ไปยังปักกิ่งในสมัยปลายยุคราชวงศ์ชิง คนส่งเป็นเจ้าหน้าต่างชาติที่ประจำการอยู่
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan24.jpg)
ตั้งแต่เริ่มเปิดด่านค้ากับชาติตะวันตก ก็ได้เริ่มมีการพัฒนาระบบไปรษณีย์แบบปัจจุบันขึ้นมา ไปรษณีย์ต้าชิง (大清邮政, ต้าชิงโหยวเจิ้ง) ได้ถูกก่อตั้งขึ้นมาในช่วงนั้น เป็นระบบไปรษณีย์สมัยใหม่
นี่คือแสตมป์ว่านโซ่ว (万寿票) สร้างขึ้นในปี 1894 เป็นที่ระลึกแซยิกอายุครบ ๖๐ ปีของซูสีไทเฮา
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan25.jpg)
นี่คือแผนที่ไปรษณีย์ในปี 1907
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan26.jpg)
ประภาคารตามด่านทางทะเลก็เป็นสิ่งสำคัญ ภาพกลางเป็นเรือประภาคารที่เทียนจิน ภาพซ้ายเป็นประภาคารที่ไต้หวัน ภาพขวาเป็นประภาคารที่มณฑลซานตง
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan27.jpg)
ตำแหน่งประภาคารที่กระจายตัวอยู่ในจีนปี 1933
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan28.jpg)
ภาพของอาคารศุลกากรแห่งต่างๆในอดีต
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan29.jpg)
หมดในส่วนของชั้น ๒ ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ในช่วงสมัยก่อนปี 1949 ที่จริงแล้วยังมีอีกหลายอย่างที่ไม่ได้กล่าวถึง เนื้อหาเยอะมากไม่อาจเขียนถึงได้หมด ได้แต่หยิบมาบางส่วน
จากนั้นลงบันไดเลื่อนเพื่อไปชมชั้น ๑ ซึ่งจะพูดถึงเรื่องของศุลกากรในยุคปัจจุบัน ชั้นนี้ใหญ่พอๆกับชั้น ๒ เนื้อหาก็มีมาก แต่จะไม่ขอเล่าถึงอย่างละเอียดเท่าชั้น ๒ เนื่องจากคิดว่าเนื้อหาไม่ได้น่าสนใจเท่า ของส่วนใหญ่ที่จัดแสดงเป็นของในยุคใกล้ปัจจุบัน ไม่มีพวกของเก่าๆให้ดู
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan30.jpg)
ยุคสมัยใหม่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 1949 ซึ่งได้เกิดการปฏิวัติเปลี่ยนประเทศจีนเป็นสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan31.jpg)
ตรงส่วนนี้เล่าประวัติศาสตร์ของศุลกากรตั้งแต่ปี 1949
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan32.jpg)
ตรงนี้พูดถึงการตรวจสอบและยึดของลักลอบนำเข้า
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan33.jpg)
ซากฟอสซิลต่างๆที่ลักลอบนำเข้าและยึดมาได้
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan34.jpg)
ฟอสซิลเต่ากานซู่ (甘肃陆龟) ยึดได้จากด่านที่เมืองเทียนจิน
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan35.jpg)
ฟอสซิลกะโหลกเสือเขี้ยวดาบ (剑齿虎) ยึดได้ที่ด่านที่เมืองหางโจว
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan36.jpg)
ฟอสซิลไข่ไดโนเสาร์ (恐龙蛋) ยึดได้ที่ด่านที่เมืองฝูโจว
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan37.jpg)
แล้วก็พวกอาวุธและยาเสพติดที่ลักลอบนำเข้า
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan38.jpg)
งานศิลปะที่ทำจากงาช้าง ยึดได้จากด่านที่เมืองเจิ้งโจว
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan39.jpg)
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan40.jpg)
หนังหมี ยึดจากด่านที่เมืองปักกิ่ง
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan41.jpg)
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ใช้ในศุลกากร
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan42.jpg)
ฉากจำลองด่านในเขตภูเขาสูงในเขตปกครองตัวเองซินเจียงซึ่งหนาวเย็นอุณหภูมิติดลบ
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan43.jpg)
เครื่องแบบของเจ้าหน้าที่ศุลกากรในอดีต ตั้งแต่ปี 1950 ทางซ้ายสุด ไล่มาทางขวาเรียงตามยุค
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan44.jpg)
เครื่องแบบในปัจจุบัน
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan45.jpg)
จีนได้เข้าร่วมองค์กรศุลกากรโลก (WCO) เนื่องจากติดต่อกับประเทศต่างๆมากมายทั่วโลกทำให้ศุลกากรจีนมีบทบาทมาก
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan46.jpg)
หมดแค่นี้สำหรับส่วนจัดแสดงของชั้น ๑ ต่อจากนี้ก็ลงไปชั้นใต้ดิน
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan47.jpg)
ตรงนี้จัดแสดงผลงานของศุลกากรจีนที่ผ่านมา ขอไม่พูดถึงอะไรมากเพราะเล็กนิดเดียวและแค่มาดูแบบผ่านๆเนื่องจากตอนที่ดูมาจนถึงตรงนี้รู้สึกเหนื่อยมากแล้ว
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan48.jpg)
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan49.jpg)
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan50.jpg)
ด้านในสุดมีเนื้อเพลงของเจ้าหน้าที่ศุลกากรอยู่ด้วย
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan51.jpg)
ภายในอาคารหลักก็มีอยู่เท่านี้ แต่ยังไม่จบแค่นี้เพราะนอกจากส่วนนี้แล้วก็ยังมีส่วนจัดแสดงเล็กๆตั้งอยู่ในอาคารข้างๆ ส่วนจัดแสดงอีกส่วนนั้นจัดแสดงเรือ ไห่กวาน 902 (海关902)
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan52.jpg)
เดินออกจากอาคารหลักเพื่อไปยังอีกอาคารที่อยู่ข้างๆใกล้ๆกัน เข้าไปแล้ว
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan53.jpg)
เรือไห่กวาน 902 ยาว ๕๘.๕ เมตร สูง ๑๓ เมตร กว้าง ๗.๘ เมตร หนัก ๔๐๐ ตัน เป็นเรือศุลกากรที่ถูกใช้ในพื้นที่มณฑลกวางตุ้ง เรือลำนี้เริ่มใช้งานตั้งแต่ปี 1989 และปลดประจำการในปี 2009 หลังใช้งานมานาน ๒๐ ปี หลังจากนั้นจึงถูกนำมาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
เมื่อปี 1992 ที่เติ้งเสี่ยวผิง อดีตผู้นำจีนซึ่งตอนนั้นได้ออกจากตำแหน่งไปแล้ว ได้ออกตระเวนภาคใต้ก็ได้นั่งเรือลำนี้ด้วย
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan54.jpg)
ขึ้นไปเดินดูได้
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan55.jpg)
หัวเรือ
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan56.jpg)
ภายในเรือเข้าไปไม่ได้แต่ว่ามองจากนอกหน้าต่างได้ ข้างในเปิดไฟไว้อยู่
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan57.jpg)
เดินไปตามระเบียงทางเดินด้านข้าง
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan58.jpg)
มองเข้าไปก็เห็นห้องนอน
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan59.jpg)
และห้องนั่งเล่น
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan60.jpg)
ท้ายเรือ
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan61.jpg)
ข้างบนขึ้นไม่ได้
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan62.jpg)
หมดแล้ว มีอยู่แค่นี้เท่านั้น
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/zhongguo/beijing/jianguomen/haiguanbowuguan63.jpg)
รวมทั้งหมดแล้วก็ใช้เวลาเดินชมในนี้ไป ๒ ชั่วโมงกว่า เมื่อออกมาอากาศก็ยังคงฟ้าครึ้มอยู่ เดินกลับไปยังสถานีเจี้ยนกั๋วเหมินเพื่อนั่งรถไฟฟ้ากลับ
การมาชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ในครั้งนี้ทำให้เราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์เพิ่มขึ้นมากมาย จีนให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษาและมีพิพิธภัณฑ์แบบนี้อยู่อีกเยอะ หลังจากนี้ไปก็ตั้งใจที่จะแวะเวียนไปชมอีกหลายแห่ง
-----------------------------------------
囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧
ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ