อักษรกรีก (Ελληνικό αλφάβητο) เป็นอักษรเก่าแก่ที่มีความสำคัญ เป็นที่รู้จักดี และยังถูกใช้มาอย่างยาวนานตลอดจนถึงปัจจุบัน
ในปัจจุบันอักษรกรีกมักถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ต่างๆมากมาย และคนทั่วไปก็รู้จักอักษรกรีกกันในฐานะสัญลักษณ์แทนอะไรต่างๆซะมาก แม้ว่าจะไม่รู้ภาษากรีกเลยก็ยังคุ้นเคยกับอักษรกรีกกันพอสมควร
แต่แน่นอนว่าเดิมทีแล้วอักษรกรีกนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เขียน
ภาษากรีก (Ελληνικά) ตั้งแต่สมัยกรีกโบราณเป็นพันๆปีก่อน และยังคงใช้เขียนภาษากรีกสมัยใหม่ซึ่งใช้พูดมาจนถึงปัจจุบัน
อักษรกรีกเป็นอักษรแทนเสียงอ่าน และเสียงอ่านนั้นก็มีความเปลี่ยนแปลงจากยุคโบราณมาจนถึงยุคสมัยใหม่ ทำให้เมื่อพูดถึงอักษรกรีกหรือภาษากรีกแล้วอาจมีการสับสนเกิดขึ้นได้
ในบทความนี้จะอธิบายถึงอักษรกรีก ทั้งชื่อเรียกตัวอักษร และเสียงอ่านตัวอักษรที่เปลี่ยนแปลงไประหว่างกรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
กรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่ ภาษากรีกโบราณกับกรีกสมัยใหม่นั้นต่างก็เขียนโดยใช้อักษรกรีกเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันในรายละเอียด เปลี่ยนไปตายุคสมัย
ภาษากรีกสมัยใหม่ (Νεοελληνική γλώσσα) หมายถึงภาษากรีกที่ใช้ซึ่งพูดโดยชาวกรีกยุคปัจจุบัน ซึ่งมี ๑๐ กว่าล้านคน รวมถึง ซึ่งนอกจากจะใช้ใน
ประเทศกรีซ (Ελλάδα) แล้วยังใช้ใน
ประเทศไซปรัส (Κύπρος) ซึ่งเป็นประเทศเกาะเล็กๆทางใต้ของตุรกีด้วย
แผนที่แสดงตำแหน่งของพื้นที่ที่ใช้ภาษากรีก คาบสมุทรด้านซ้ายและรวมถึงเกาะต่างๆในแถบนั้นคือประเทศกรีซ ส่วนเกาะหนึ่งที่แยกมาโดดเดี่ยวทางด้านขวาคือประเทศไซปรัส
ในขณะที่
ภาษากรีกโบราณ (Αρχαία ελληνική γλώσσα) จะหมายถึงภาษากรีกที่ใช้ในสมัยก่อนนานมาแล้ว
ตัวภาษากรีกเองก็มีการเปลี่ยนแปลงมาตลอดตามยุคสมัย แต่โดยทั่วไปเมื่อพูดถึงกรีกโบราณแล้วจะหมายถึงภาษากรีกที่ใช้ในช่วงยุคที่อาณาจักรของชาวกรีกนั้นได้เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด คือช่วง 400 ปีก่อน ค.ศ. ซึ่งมีการเขียนเอกสารต่างๆบันทึกไว้เป็นภาษากรีกจำนวนมากซึ่งหลงเหลือมาถึงปัจจุบัน
คนกรีกปัจจุบันสามารถเข้าใจภาษากรีกโบราณได้ในระดับนึง แต่ไม่ทั้งหมด เนื่องจากภาษากรีกมีการเปลี่ยนแปลงมาตลอดช่วงระยะเวลาเป็นพันๆปี
อักษรที่ใช้ในภาษากรีกมี ๒๔ ตัวตั้งแต่สมัยกรีกโบราณจนถึงปัจจุบัน ไม่ได้แตกต่างกัน แต่วิธีการเขียนนั้นได้ต่างไปจากเดิม เช่นภาษากรีกโบราณมีการแต่งเติมสัญลักษณ์เพิ่มเติมมากกว่า อีกทั้งแม้แต่อักษรตัวเดียวกันก็มีเสียงอ่านเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งทำให้เวลาพูดถึงชื่อต่างๆในภาษากรีก คนมักจะสับสนว่าจริงๆควรเรียกว่าอะไรกันแน่ เพราะเสียงอ่านจะต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่ายึดตามกรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ปัจจุบันนี้หากศึกษาภาษากรีกเพื่อไปคุยกับคนกรีกก็ต้องเรียนภาษากรีกสมัยใหม่ แต่หากต้องการศึกษาประวัติศาสตร์หรือภาษาศาสตร์ทางยุโรปแล้วก็ควรจะเรียนภาษากรีกโบราณ
ภาษากรีกโบราณนั้นเป็นรากศัพท์ของภาษาต่างๆมากมายทางยุโรป มักถูกใช้ในเชิงวิชาการ ชื่อเทพเจ้าหรืออะไรที่เก่าๆโบราณก็มักจะเรียกตามภาษากรีกโบราณเป็นหลัก ในขณะที่กรีกสมัยใหม่จะใช้เรียกชื่อคนหรือสถานที่ในปัจจุบันเป็นหลัก
อักษรกรีก ๒๔ ตัว อักษรกรีกที่ใช้โดยทั่วไปในปัจจุบันมีทั้งหมด ๒๔ ตัว โดยแต่ละตัวนั้นมีการเขียนเป็นตัวพิมพ์เล็กและตัวพิมพ์ใหญ่
ตารางต่อไปนี้จะแสดงชื่อเรียกอักษรแต่ละตัว รวมถึงเสียงอ่าน โดยเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างกรีกโบราณกับกรีกสมัยใหม่ด้วย โดยจะแสดงด้วย IPA พร้อมทับศัพท์ด้วยอักษรไทย
ชื่ออักษรแต่ละตัวที่นิยมเรียกในภาษาไทยนั้นมีทั้งที่อ่านตามแบบกรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่ปนๆกันไป หรือบางตัวก็ไม่ได้อ่านเหมือนทั้งกรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่ แต่อ่านตามเสียงที่ได้รับอิทธิพลจากภาษาอังกฤษ
เสียงอ่านภาษาไทยตามที่นิยม (อาจมีหลายแบบ) และชื่อที่เขียนด้วยอักษรโรมันก็จะใส่ลงในนี้เพื่อเปรียบเทียบด้วย
อักษร |
ชื่อเรียก |
เสียงอ่าน |
ตัว เล็ก |
ตัว ใหญ่ |
กรีก |
ไทย |
โรมัน |
กรีก โบราณ |
กรีก สมัยใหม่ |
โบราณ |
สมัยใหม่ |
α |
Α |
ἄλφα [alpʰa] อัลพา |
άλφα [alfa] อัลฟา |
อัลฟา แอลฟา |
alpha |
/a/ อา |
β |
Β |
βῆτα [bɛːta] แบตา |
βήτα [vita] วีตา |
เบตา บีตา |
beta |
/b/ บ |
/v/ (ว) |
γ |
Γ |
γάμμα [ɡamma] กัมมา |
γάμμα [ɣama] กามา |
กัมมา แกมมา |
gamma |
/ɡ/ (ก) |
/ɣ/ (ก) |
δ |
Δ |
δέλτα [delta] เดลตา |
δέλτα [ðelta] เดลตา |
เดลตา |
delta |
/d/ ด |
/ð/ (ด) |
ε |
Ε |
εἶ [eː] เอ |
έψιλον [epsilon] เอปซีลน |
เอปซีลอน เอปไซลอน |
epsilon |
/e/ เอ |
ζ |
Ζ |
ζῆτα [zdɛːta] แซตา |
ζήτα [zita] ซีตา |
เซตา ซีตา |
zeta |
/zd/ (ซ) |
/z/ (ซ) |
η |
Η |
ἦτα [ɛːta] แอตา |
ήτα [ita] อีตา |
เอตา อีตา |
eta |
/ɛː/ แอ |
/i/ อี |
θ |
Θ |
θῆτα [tʰɛːta] แทตา |
θήτα [θita] ธีตา |
เธตา ธีตา |
theta |
/tʰ/ ท |
/θ/ (ธ) |
ι |
Ι |
ἰῶτα [iɔːta] อีออตา |
ιώτα [ʝota] โยตา |
อีโอตา ไอโอตา |
iota |
/i/ อี |
κ |
Κ |
κάππα [kappa] กัปปา |
κάππα [kapa] กาปา |
คัปปา แคปปา |
kappa |
/k/ ก |
λ |
Λ |
λάμβδα [lambda] ลัมบ์ดา |
λάμβδα [lamða] ลัมดา |
ลัมบ์ดา แลมบ์ดา |
lambda |
/l/ ล |
μ |
Μ |
μυ [myː] มือ |
μυ [mi] มี |
มิว |
mu |
/m/ ม |
ν |
Ν |
νυ [nyː] นือ |
νυ [ni] นี |
นิว |
nu |
/n/ น |
ξ |
Ξ |
ξεῖ [kseː] กเซ |
ξι [ksi] กซี |
คซี คไซ |
xi |
/ks/ กซ |
ο |
Ο |
οὖ [uː] อู |
όμικρον [omikron] โอมีกรน |
โอมีครอน โอไมครอน |
omicron |
/o/ โอ |
π |
Π |
πεῖ [peː] เป |
πι [pi] ปี |
ไพ |
pi |
/p/ ป |
ρ |
Ρ |
ρώ [rɔː] รอ |
ρώ [ro] โร |
โร |
rho |
/r/ ร |
σ ς |
Σ |
σῖγμα [siɡma] ซิกมา |
σίγμα [siɣma] ซิกมา |
ซิกมา |
sigma |
/s/ ซ |
τ |
Τ |
ταῦ [tau] ตาว |
ταυ [taf] ตัฟ |
เทา |
tau |
/t/ ต |
υ |
Υ |
ὖ [yː] อือ |
ύψιλον [ipsilon] อิปซีลน |
อิปซีลอน อุปซีลอน อิปไซลอน |
upsilon |
/y/ (อือ) |
/i/ อี |
φ |
Φ |
φεῖ [pʰeː] เพ |
φι [fi] ฟี |
ฟี ไฟ |
phi |
/pʰ/ พ |
/f/ ฟ |
χ |
Χ |
χεῖ [kʰeː] เค |
χι [çi] คี |
คี ไค |
chi |
/kʰ/ ค |
/x/ (คฮ) |
ψ |
Ψ |
ψεῖ [pseː] ปเซ |
ψι [psi] ปซี |
พซี พไซ |
psi |
/ps/ ปซ |
ω |
Ω |
ὦ [ɔː] ออ |
ωμέγα [oˈmeɣa] โอเมกา |
โอเมกา |
omega |
/ɔː/ ออ |
/o/ โอ |
ในจำนวนนี้อักษรที่เป็นสระมีอยู่ ๗ ตัวคือ
α ε η ι ο υ ω ในที่นี้แทนด้วยพื้นสีเหลือง ที่เหลืออีก ๑๗ ตัวเป็นพยัญชนะ
ε และ
υ นั้นในกรีกโบราณเรียกชื่อแค่สั้นๆ แต่ในยุคหลังได้มีการเติมคำว่า
ψιλον (psilon) ซึ่งมีความหมายว่า "ก็แค่ธรรมดา" ลงไป จึงกลายเป็น
έψιλον (epsilon) และ
ύψιλον (upsilon) ไป
ส่วนคำว่า
μικρον (micron) และ
μέγα (mega) ในชื่ออักษร
ο และ
ω นั้นหมายถึง "เล็ก" และ "ใหญ่" ถูกเติมมาในสมัยหลังเพื่อแยกชื่อเรียกตัว
ο และ
ω ให้ต่างกัน จึงกลายเป็น
όμικρον (omicron) และ
ωμέγα (omega)
อักษรซิกมานั้นจะพิเศษหน่อยตรงที่ตัวพิมพ์เล็กมีเขียนอยู่ ๒ แบบ ปกติจะเขียนเป็น
σ แต่ถ้าอยู่ท้ายสุดของคำจะเขียนเป็น
ς ความแตกต่างของเสียงสระเดี่ยวในกรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่ ข้อแตกต่างระหว่างเสียงอ่านภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือเสียงสระ
ในที่นี้ขอแสดงตารางเปรียบเทียบเสียงอ่านเฉพาะแค่อักษร ๗ ตัวที่เป็นสระ โดยอธิบายความแตกต่างลงไปด้วย
อักษร |
เสียงอ่าน |
คำอธิบาย |
ตัว เล็ก |
ตัว ใหญ่ |
กรีก โบราณ |
กรีก สมัยใหม่ |
α |
Α |
/a/, /aː/ อา |
เป็นเสียงสระอา ในกรีกโบราณอาจเป็นเสียงสั้นหรือยาว แล้วแต่คำ ในกรีกสมัยใหม่ไม่แยกเสียงสั้นยาว |
ε |
Ε |
/e/ เอ |
เป็นเสียงสระเอ ในกรีกโบราณแทนเสียงสั้นเสมอ ในกรีกสมัยใหม่ไม่แยกเสียงสั้นยาว |
η |
Η |
/ɛː/ แอ |
/i/ อี |
ในกรีกโบราณเป็นสระแอเสียงยาว ในกรีกสมัยใหม่เป็นสระอี (เหมือน ι) |
ι |
Ι |
/i/, /iː/ อี |
เป็นเสียงสระอี ในกรีกโบราณอาจแทนเสียงสั้นหรือยาว แล้วแต่คำ ในกรีกสมัยใหม่ไม่แยกเสียงสั้นยาว |
ο |
Ο |
/o/ โอ |
เป็นเสียงสระโอ ในกรีกโบราณแทนเสียงสั้นเสมอ ในกรีกสมัยใหม่เป็นไม่แยกเสียงสั้นยาว |
υ |
Υ |
/y/, /yː/ (อือ) |
/i/ อี |
ในกรีกโบราณเมื่ออยู่เดี่ยวเป็นเสียง /y/ (คล้าย "อือ") โดยอาจเป็นเสียงสั้นหรือยาวแล้วแต่คำ แต่หากอยู่ต่อจากสระอื่นจะออกเสียงเป็นสระอู ส่วนในกรีกสมัยใหม่เป็นเสียงสระอี (เหมือน ι) |
ω |
Ω |
/ɔː/ ออ |
/o/ โอ |
ในกรีกโบราณแทนสระออเสียงยาว ในกรีกสมัยใหม่แทนเสียงสระโอ (เหมือน ο) |
จากตารางจะเห็นว่าอักษร
η,
υ และ
ω มีเสียงอ่านที่ต่างกันไประหว่างกรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่ จึงต้องระวังให้ดี
ในกรีกโบราณนั้น อักษรสระ ๗ ตัวแทนสระที่ต่างกันออกไปทั้งหมด แต่เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จึงทำให้เสียงอ่านต่างไปจากเดิม ในกรีกสมัยใหม่มีการซ้ำกันเกิดขึ้น สร้างความสับสนขึ้นมาได้
เช่นเดิมทีภาษากรีกโบราณแยกเสียงสระโอกับสระออ โดยสระโอใช้ตัว
ο และสระออใช้ตัว
ω แต่ว่าในปัจจุบันทั้ง
ο และ
ω ต่างแทนเสียงสระโอเหมือนกันทั้งคู่
ส่วนอักษร
η และ
υ นั้นก็เปลี่ยนเป็นสระอีซึ่งไปซ้ำกับอักษร
ι อีกที ทั้งที่เดิมที่เป็นคนละสระกันต่างออกไป
ตัว
υ ในภาษากรีกโบราณออกเสียง /y/ คือคล้าย ü ในภาษาจีนกลางหรือภาษาเยอรมัน ซึ่งเป็นสระที่ไม่มีในภาษาไทย แต่ฟังดูคล้ายๆสระอือ หรือเป็น "อวี"
เพียงแต่หาก
υ ไปตามหลังอักษรสระตัวอื่นจะออกเสียงเป็นสระอูแทน เช่นชื่อเทพ
Ζεύς (Zeus) อ่านว่า "เซอุส"
นอกจากนี้ภาษากรีกโบราณมีการแยกเสียงสั้นและเสียงยาวด้วย โดยอักษร
α ι υ นั้นอาจเป็นได้ทั้งเสียงสั้นหรือยาว แล้วแต่คำ ในขณะที่อักษร
ε ο จะเป็นเสียงสั้นเสมอ และอักษร
η ω จะเป็นเสียงยาวเสมอ
เสียงสั้นหรือยาวของตัว
α ι υ นั้นไม่ได้ถูกเขียนแยกให้ต่างกันชัดเจน แต่ในบางครั้งก็มีการเติมเครื่องหมาย
¯ เป็น
ᾱ ῑ ῡ เพื่อแทนเสียงยาว หรือเติม
˘ เป็น
ᾰ ῐ ῠ เพื่อแสดงเสียงสั้น แต่ก็ไม่ได้ใช้ในการเขียนโดยทั่วไป จึงมักจะต้องแยกเสียงสั้นหรือยาวเอาเองด้วยวิธีอื่น
เสียงสระเมื่อวางต่อกันสองตัว อักษรสระ ๒ ตัวอาจนำมาวางต่อกันเพื่อแสดงเสียงสระประสม หรือสระใหม่ที่ต่างกันออกไปได้ ซึ่งเสียงของสระเหล่านี้ก็มีความแตกต่างกันไประหว่างกรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่เช่นกัน
เขียน |
เสียงอ่าน |
คำอธิบาย |
กรีก โบราณ |
กรีก สมัยใหม่ |
αι |
/ai/, /aːi/ ไอ, อาย |
/e/ เอ |
ในกรีกโบราณอ่านตรงตัวเป็นสระอาตามด้วยสระอี (=สระไอ) ในกรีกสมัยใหม่เสียงกลายเป็นสระเอ |
αυ |
/au/, /aːu/ เอา, อาว |
/af/ อัฟ |
ในกรีกโบราณอ่านตรงตัวเป็นสระอาตามด้วยสระอู ในกรีกสมัยใหม่เสียง υ ด้านหลังกลายเป็น "ฟ" |
ει |
/ei/, /eː/ เอย์, เอ |
/i/ อี |
ในกรีกโบราณเป็นสระเอเสียงยาว หรือสระเอแล้วตามด้วยสระอี ในกรีกสมัยใหม่กลายเป็นสระอี |
ευ |
/eυ/ เอว |
/ef/ เอฟ |
ในกรีกโบราณอ่านตรงตัวเป็นสระเอตามด้วยสระอู ในกรีกสมัยใหม่เสียง υ ด้านหลังกลายเป็น "ฟ" |
οι |
/oi/ โอย |
/i/ อี |
ในกรีกโบราณอ่านตรงตัวเป็นสระโอตามด้วยสระอี ในกรีกสมัยใหม่เสียงกลายเป็นสระอี |
ου |
/u/ อู |
ออกเสียงสระอูตลอดทั้งในกรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่ |
จะเห็นว่าในกรีกโบราณเสียงอ่านจะเกิดเป็นเสียงสระประสมค่อนข้างตรงตัว เข้าใจได้ง่ายกว่า ในกรีกสมัยใหม่ได้สูญเสียสระประสม และเกิดเป็นสระเดี่ยวซ้ำๆกันมากมาย
ส่วนเสียง
υ ใน
αυ กับ
ευ นั้นได้กลายเป็นออกเป็นเสียง "ฟ" ไป
สระประสมที่กลายเป็นสระเดี่ยวในกรีกสมัยใหม่ เนื่องจากภาษากรีกสมัยใหม่มีสระหลายรูปที่เขียนต่างกันแต่ออกเสียงเหมือนกัน จึงขอสรุปรวมแต่ละเสียงไว้ในตารางนี้
เขียน |
เสียงอ่านกรีกสมัยใหม่ |
α |
/a/ อา |
ε αι |
/e/ เอ |
ι η υ ει οι |
/i/ อี |
ο ω |
/o/ โอ |
ου |
/u/ อู |
เครื่องหมายเน้นเสียง ภาษากรีกมีการเติมเครื่องหมายเพื่อเน้นเสียงสูงเสียงต่ำด้วย โดยในกรีกโบราณมีการเติมเครื่องหมายเน้นเสียง ๓ ชนิด ในขณะที่กรีกสมัยใหม่จะใช้แค่
´
เขียน |
ความหมาย |
´ |
วางบนสระเพื่อแสดงเสียงสูง ใช้ทั้งในกรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่ |
` |
วางบนสระเพื่อแสดงเสียงต่ำในกรีกโบราณ ส่วนกรีกสมัยใหม่ไม่ได้ใช้ |
˜ ˆ |
วางบนสระเพื่อแสดงเสียงขึ้นสูงแล้วลงต่ำ ส่วนกรีกสมัยใหม่ไม่ได้ใช้ อาจเขียนเป็น ˜ หรือ ˆ ก็ได้ ความหมายไม่ต่างกัน |
กรณีที่เป็นสระประสมจะวางไว้ที่สระตัวหลัง เช่น
αῖ (ไม่ใช่
ᾶι)
หากเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ เครื่องหมายจะไปอยู่ด้านซ้าย เช่น
Ὲ Έ เสียง "ฮ" ในกรีกโบราณ ในภาษากรีกโบราณนั้นมีเสียง "ฮ" อยู่ด้วย แต่ว่าไม่ได้มีอักษรพยัญชนะที่ใช้แทนเสียง "ฮ" โดยเฉพาะ แต่เสียง "ฮ" กลับถูกแสดงโดยใช้เครื่องหมาย
῾ เติมด้านบนสระ
นอกจากนี้ยังมีการใช้เครื่องหมาย
᾿ เพื่อแยกว่าไม่ต้องออกเสียง "ฮ" แต่ให้เป็น "อ" ไป
สัญลักษณ์
῾ กับ
᾿ นี้จะถูกเขียนบนอักษรสระที่ไม่ได้ตามด้วยพยัญชนะ เพื่อจะแยกว่าเป็นเสียง "อ" หรือ "ฮ" แต่จะไม่เขียนบนสระที่ตามหลังพยัญชนะอยู่แล้ว
การเขียน
῾ และ
᾿ นั้นอาจใช้ปนกับสัญลักษณ์แสดงการเน้นเสียง โดยหากอยู่กับ
´ หรือ
` จะวางอยู่ด้านซ้าย แต่หากอยู่กับ
˜ (หรือ
ˆ) จะวางอยู่ด้านล่าง
ตัวอย่างการใช้เช่นชื่อเทพ
Ἑρμῆς (Hermēs) อ่านว่า "เฮร์แมส" เพราะ
Ε เติม
῾ ส่วนชื่อเทพ
Ἔρις (Eris) อ่าน "เอริส"
Ὲ เพราะเติม
᾿ อย่างไรก็ตาม กรีกสมัยใหม่ได้สูญเสียเสียง "ฮ" ไปแล้ว จึงไม่มีการเติม
῾ กับ
᾿ และอ่านเป็น "อ" ทั้งหมด
เขียน |
ตัวอย่างและความหมาย |
῾ |
ἁ ἃ ἅ ἇ ἑ ἓ ἕ ἡ ἣ ἥ ἧ ἱ ἳ ἵ ἷ ὁ ὃ ὅ ὑ ὓ ὕ ὗ ὡ ὣ ὥ ὧ วางบนสระที่ไม่มีพยัญชนะนำหน้าเพื่อแสดงว่าออกเสียง "ฮ" |
᾿ |
ἀ ἂ ἄ ἆ ἐ ἒ ἔ ἠ ἢ ἤ ἦ ἰ ἲ ἴ ἶ ὀ ὂ ὄ ὐ ὒ ὔ ὖ ὠ ὢ ὤ ὦ วางบนสระที่ไม่มีพยัญชนะนำหน้าเพื่อแสดงว่าไม่ออกเสียง "ฮ" ให้ออกเสียง "อ" ไป |
นอกจากนี้แล้ว
῾ ยังใช้เติมบนตัว
ρ เป็น
ῥ เพื่อแสดงเสียง /r̥/ ด้วย เช่นชื่อเทพ
Ῥέα (Rhea) อ่านว่า "เรอา"
อีโอตาตัวเล็กวางด้านล่าง ในภาษากรีกโบราณนั้นอักษร
ι เมื่อตามหลัง
α (เสียงยาว) หรือตัว
η หรือ
ω นั้นเสียง
ι จะหายไป การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดในกรีกโบราณยุคหลัง แต่เนื่องจากยังมีหน้าที่ทางไวยากรณ์อยู่ จึงมีการเขียน
ι ที่มีตัวตนอยู่แต่เสียงหายไปนี้ในรูปห้อยด้านล่างตัว
α η ω กลายเป็นเหมือนเครื่องหมายขีดด้านล่าง
อักษร |
เสียงอ่านกรีกโบราณ |
ตัว เล็ก |
ตัว ใหญ่ |
ยุคแรก |
ยุคหลัง |
ᾳ |
ᾼ |
/aːi/ อาย |
/aː/ อา |
ῃ |
ῌ |
/ɛːi/ แอย |
/ɛː/ แอ |
ῳ |
ῼ |
/ɔːi/ ออย |
/ɔː/ ออ |
ตัวอย่างเช่นชื่อเทพแห่งขุมนรก
ᾍδης อ่านว่า "ฮายแดส" ในกรีกโบราณยุคต้น แต่เสียง
ι ได้หายไป จึงอ่านเป็น "ฮาแดส" ในกรีกโบราณยุคหลัง ในขณะที่กรีกสมัยใหม่จะละ
ι ไป จึงเขียนเป็น
Άδης (อ่านว่า "อาดีส")
เสียงคู่พ่นลมกับไม่พ่นลมในกรีกโบราณที่หายไป ภาษากรีกโบราณนั้นมีการแยกเสียงพ่นลมและไม่พ่นลม เช่นเดียวกับในภาษาไทย
เสียงไม่พ่นลมหมายถึงเสียง "ก ต ป" ซึ่งแทนด้วยอักษร
κ τ π ทั้งในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ในขณะที่เสียงพ่นลมจะหมายถึงเสียง "ค ท พ" ซึ่งมีในกรีกโบราณ แทนด้วยตัวอักษร
χ θ φ ในขณะที่ในกรีกปัจจุบันนั้นเสียงของอักษรเหล่านี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว
ตารางเปรียบเทียบเสียงแต่ละคู่ แสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลง
อักษร |
เสียงอ่าน |
คำอธิบาย |
ตัว เล็ก |
ตัว ใหญ่ |
กรีก โบราณ |
กรีก สมัยใหม่ |
κ |
Κ |
/k/ ก |
χ เป็นเสียงพ่นลมของ κ ในภาษากรีกโบราณ แต่ในกรีกสมัยใหม่ χ กลายเป็นเสียง /x/ คือเป็นเสียงคล้าย "ค" แต่มีการกักภายในลำคอ |
χ |
Χ |
/kʰ/ ค |
/x/ (คฮ) |
τ |
Τ |
/t/ ต |
θ เป็นเสียงพ่นลมของ τ ในภาษากรีกโบราณ แต่ในกรีกสมัยใหม่ χ กลายเป็นเสียง /θ/ คือเหมือนเสียง th ในภาษาอังกฤษ |
θ |
Θ |
/tʰ/ ท |
/θ/ (ธ) |
π |
Π |
/p/ ป |
φ เป็นเสียงพ่นลมของ π ในภาษากรีกโบราณ แต่ในกรีกสมัยใหม่ φ กลายเป็นเสียง "ฟ" |
φ |
Φ |
/pʰ พ |
/f/ ฟ |
การเปลี่ยนแปลงของพยัญชนะเสียงก้อง ในภาษากรีกมีพยัญชนะที่แทนเสียงก้องอยู่ ๔ ตัว คือ
β γ δ ζ เป็นคู่เสียงก้องของอักษร
π κ τ σ ซึ่งเป็นเสียงไม่ก้อง
แต่อักษรเหล่านี้ล้วนมีการเปลี่ยนแปลงเสียงอ่านต่างไประหว่างกรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
อักษร |
เสียงอ่าน |
คำอธิบาย |
ตัว เล็ก |
ตัว ใหญ่ |
กรีก โบราณ |
กรีก สมัยใหม่ |
β |
Β |
/b/ บ |
/v/ (ว) |
ในกรีกโบราณเป็นเสียง "บ" แต่ในกรีกสมัยใหม่กลายเป็นเสียงเหมือน v ในภาษาอังกฤษ |
γ |
Γ |
/g/ (ก) |
/ɣ/ (ก) |
ในกรีกโบราณเป็นเสียงเหมือน g ในภาษาอังกฤษ แต่กรีกสมัยใหม่กลายเป็นเสียงกักในลำคอ คล้ายเสียง "ฅ" ในภาษาไทยโบราณ |
δ |
Δ |
/d/ ด |
/ð/ (ด) |
ในกรีกโบราณเป็นเสียง "ด" แต่ในกรีกสมัยใหม่กลายเป็นเสียง /ð/ คือคล้าย th ในภาษาอังกฤษคำว่า the |
ζ |
Ζ |
/zd/ (ซ) |
/z/ (ซ) |
ในกรีกโบราณเป็นเสียงเหมือน z ในภาษาอังกฤษปนกับ "ด" แต่ในกรีกสมัยใหม่เป็นแค่เสียง z เฉยๆ |
วิวัฒนาการของอักษรกรีกจากอักษรฟินิเชียและไปสู่อักษรโรมัน อักษรกรีกนั้นถูกพัฒนาขึ้นโดยดัดแปลงมาจาก
อักษรฟินิเชีย (Phoenicia) ซึ่งเป็นอักษรโบราณที่ใช้ในช่วงยุคโบราณ และถือเป็นรากฐานของอักษรอีกหลายชนิดบนโลกนี้
อักษรฟินิเชียมีทั้งหมด ๒๒ ตัว ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ถูกนำมาดัดแปลงเป็นอักษรกรีก โดยได้มีการเพิ่มอักษรบางตัวเข้าไป และอักษรบางตัวได้ถูกเลิกใช้
ลำดับการเรียงอักษรกรีกรวมถึงชื่อเรียกอักษรต่างๆนั้นก็มีที่มาจากการเรียงอักษรฟินิเชียนี้ด้วย โดยอักษรที่อยู่ลำดับท้ายต่อจาก
υ ได้แก่
φ χ ψ ω นั้นล้วนเป็นอักษรที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ไม่ได้มีที่มาจากอักษรฟินิเชียโดยตรง
นอกจากนี้แล้วยังเป็นที่รู้กันว่าอักษรโรมันนั้นได้ดัดแปลงมาจากอักษรกรีกอีกทีด้วย โดยลำดับการเรียงอักษรโรมันก็มีที่มาจากอักษรกรีกด้วย
ดังนั้นในที้นี้จะขอแสดงตารางเทียบระหว่างอักษรฟินิเชีย อักษรกรีก และอักษรโรมัน ที่มีความเกี่ยวข้องวิวัฒนาการกันมา
อักษรฟินิเชีย |
ชื่อเรียก |
อักษรกรีก |
อักษรโรมัน |
𐤀 |
ʼāleph |
α |
Α |
a |
A |
𐤁 |
bēth |
β |
Β |
b |
B |
𐤂 |
gīmel |
γ |
Γ |
c |
C |
g |
G |
𐤃 |
dāleth |
δ |
Δ |
d |
D |
𐤄 |
hē |
ε |
Ε |
e |
E |
𐤅 |
wāw |
ϝ |
Ϝ |
f |
F |
υ |
Υ |
u |
U |
v |
V |
w |
W |
y |
Y |
𐤆 |
zayin |
ζ |
Ζ |
z |
Z |
𐤇 |
ḥēth |
η |
Η |
h |
H |
𐤈 |
ṭēth |
θ |
Θ |
𐤉 |
yōdh |
ι |
Ι |
i |
I |
𐤊 |
kaph |
κ |
Κ |
k |
K |
𐤋 |
lāmedh |
λ |
Λ |
l |
L |
𐤌 |
mēm |
μ |
Μ |
m |
M |
𐤍 |
nun |
ν |
Ν |
n |
N |
𐤎 |
sāmekh |
ξ |
Ξ |
𐤏 |
ʿayin |
ο |
Ο |
o |
O |
𐤐 |
pē |
π |
Π |
p |
P |
𐤑 |
ṣādē |
ϻ |
Ϻ |
𐤒 |
qōph |
ϙ |
Ϙ |
q |
Q |
𐤓 |
rēš |
ρ |
Ρ |
r |
R |
𐤔 |
šin |
σ |
Σ |
s |
S |
𐤕 |
tāw |
τ |
Τ |
t |
T |
ในจำนวนนี้มีอักษร
ϝ ϻ ϙ ที่เลิกใช้ไปแล้วในภาษากรีก แต่
ϝ นั้นกลายมาเป็นที่มาของอักษรโรมัน
f ส่วน
ϙ เป็นที่มาของอักษรโรมัน
q อักษร
ϝ กับ
υ นั้นแตกมาจากอักษรฟินิเชียตัวเดียวกัน แต่
ϝ ถูกวางในตำแหน่งเดิม ในขณะที่
υ ถูกนำไปวางไว้ในตำแหน่งท้ายต่อจาก
τ อักษรโรมัน
u v w y ล้วนแตกมาจากอักษรกรีก
υ ทั้งสิ้น
อักษรกรีก
γ นั้นเป็นที่มาของอักษรโรมัน
c กับ
g แต่
c ถูกวางในตำแหน่งเดิม ในขณะที่
g ถูกย้ายไปวางหลัง
f อักษรฟินิเชียยังอาจมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับอักษรพราหมี ซึ่งเป็นที่มาของอักษรไทยด้วย รายละเอียดเรื่องนี้อ่านได้ใน
https://phyblas.hinaboshi.com/20220131 อักษรกรีกที่เลิกใช้ไปแล้ว นอกจากอักษร ๒๔ ตัวที่ใช้ทั่วไปในภาษากรีกจนถึงปัจจุบันแล้ว ก็ยังมีอักษรกรีกที่เคยถูกใช้ในอดีตแต่ไม่ได้แพร่หลายและถูกเลิกใช้ไปตั้งแต่สมัยกรีกโบราณด้วยเหตุผลต่างๆ
อักษรเหล่านี้แม้จะไม่ถูกใช้งานแล้วและไม่เป็นที่รู้จักในปัจจุบัน แต่ก็พบได้ในเอกสารเก่าแก่จำนวนหนึ่ง
อักษร |
ชื่อเรียก |
เสียงอ่าน |
คำอธิบาย |
ตัว เล็ก |
ตัว ใหญ่ |
ϝ |
Ϝ |
digamma หรือ wau |
/w/ ว |
มีที่มาจากอักษรฟินิเชีย เคยใช้แทนเสียง "ว" ในภาษากรีกยุคต้นๆ แต่เสียงนี้ได้หายไปจากภาษากรีก อักษรนี้จึงเลิกใช้ |
ϛ |
Ϛ |
stigma |
/st/ สต |
ถูกสร้างเพิ่มเข้ามา เคยถูกใช้แทน στ แต่ยกเลิกไป |
ͱ |
Ͱ |
heta |
/h/ ฮ |
ถูกสร้างมาเพื่อใช้แทนเสียง "ฮ" แต่ในกรีกโบราณมาตรฐานได้เปลี่ยนมาเป็นการเขียน ῾ บนสระเพื่อแทนเสียง "ฮ" แทน |
ϻ |
Ϻ |
san |
/s/ ส |
มีที่มาจากอักษรฟินิเชีย แต่ในภาษากรีกเสียงไปซ้ำกับ σ จึงเลิกใช้ |
ϙ |
Ϙ |
koppa |
/k/ ก |
มีที่มาจากอักษรฟินิเชีย แต่ในภาษากรีกเสียงไปซ้ำกับ κ จึงเลิกใช้ |
ͳ |
Ͳ |
sampi |
/ss/ สส |
ถูกสร้างเพิ่มเข้ามา เคยถูกใช้แทน σσ แต่ยกเลิกไป |
ϸ |
Ϸ |
sho |
/ʃ/ (ช) |
ถูกสร้างเพิ่มมาเพื่อใช้ในภาษาบักเตรียเพื่อแทนเสียง /ʃ/ (sh ในภาษาอังกฤษ) ซึ่งไม่มีในภาษากรีก |
ภาษาบักเตรีย เป็นภาษาที่ตายไปนานแล้วซึ่งเคยใช้ในดินแดนบักเตรียซึ่งเคยตั้งอยู่ในแถบเอเชียกลาง ภาษานี้เป็นตระกูลใกล้เคียงกับภาษาเปอร์เซีย แต่กลับใช้อักษรกรีกในการเขียน โดยได้มีการเพิ่มอักษร
ϸ เข้าไปเป็นตัวที่ ๒๕ เพื่อแทนเสียง /ʃ/ ที่มีในภาษาบักเตรียแต่ไม่มีในภาษากรีก
คีย์บอร์ดภาษากรีก หากต้องการพิมพ์อักษรกรีกก็สามารถทำได้ง่ายโดยใช้คีย์บอร์ดกรีก ตำแหน่งแป้นพิมพ์ของอักษรกรีกค่อนข้างสัมพันธ์กับคีย์บอร์ดภาษาอังกฤษ จึงเป็นการง่ายที่จะจดจำและใช้งาน
สามารถลองใช้คีย์บอร์ดนี้ดูได้ที่
https://keyboardingonline.net/greek-keyboard/ สรุปความต่างระหว่างกรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่ จากที่เขียนถึงมาข้างต้น อาจสรุปความแตกต่างที่สำคัญได้ดังนี้
กรีกโบราณ |
กรีกสมัยใหม่ |
เสียงอ่านสระตรงตามที่เขียน และรักษาสระประสมไว้มากกว่า |
เสียงอ่านมีความหลากหลายน้อยลง ยุบเหลือเพียงสระเดี่ยว ๕ สระ |
มีการแยกสระเสียงสั้นและยาว |
ไม่มีการแยกสระเสียงสั้นและยาว |
มีเสียง "ฮ" แทนด้วย ῾ |
เสียง "ฮ" ได้หายไปแล้ว |
มีการเติมสัญลักษณ์ทั้ง ´ ` ˜ (ˆ) ῾ ᾿ |
มีการใช้แค่ ´ เท่านั้น |
อักษร χ θ φ เป็นเสียงพ่นลมของ κ τ π |
อักษร χ θ φ เป็นเสียง /x/ /θ/ /f/ |
อักษร γ δ β เป็นเสียงก้องของ κ τ π |
อักษร γ δ β เป็นเสียง /ɣ/ /ð/ /v/ |