# อาทิตย์ 7 ธ.ค. 2025พูดถึงชิบุยะ (
渋谷) แล้วปกติทุกคนจะนึกถึงอะไรกัน? เชื่อว่าแทบทั้งหมดคงนึกถึงเขตชิบุยะของโตเกียว
แต่ว่าที่จริงแล้วชื่อชิบุยะนี้มีที่มาจากนามสกุล ตระกูลชิบุยะนั้นก็เป็นตระกูลใหญ่ที่มีประวัติยาวนานเหมือนกัน ชื่อเขตชิบุยะก็มีที่มาจากชื่อตระกูลนี้นั่นเอง และนอกจากนี้แล้วก็ยังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่เกี่ยวข้องซึ่งใช้ชื่อชิบุยะเช่นกัน
เมืองยามาโตะที่เราอาศัยอยู่นี้ก็มีย่านที่เรียกว่าชิบุยะอยู่ คือบริเวณแถบตอนใต้สุดของเมือง เมื่อสมัยยุคเมย์จิจนถึงตอนต้นของยุคโชววะนั้นบริเวณนี้เป็นเขตการปกครองแยกต่างหาก เรียกว่า
หมู่บ้านชิบุยะ (
渋谷村) แต่ว่าในปี 1955 พื้นที่ส่วนหนึ่งได้ถูกนำไปรวมกับเมืองฟุจิซาวะ ต่อมาในปี 1956 ส่วนตอนเหนือได้ถูกนำไปรวมกับเมืองยามาโตะ ทำให้หมู่บ้านชิบุยะได้หายไปจากแผนที่
ปัจจุบันบริเวณที่ถูกนำไปรวมกับเมืองฟุจิวาระนั้นเรียกว่าเป็นย่าน
โจวโงะ (
長後) ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่สถานีโจวโงะ (
長後駅) ที่เราเคยแวะไปมาแล้ว เล่าไปใน
https://phyblas.hinaboshi.com/20251026ส่วนบริเวณตอนเหนือนั้นกินพื้นที่บริเวณ
สถานีโควซะชิบุยะ (
高座渋谷駅) และ
สถานีซากุรางาโอกะ (
桜ヶ丘駅) ที่ใกล้กับที่เราอาศัยอยู่
สถานีโควซะชิบุยะนั้นตั้งอยู่ในส่วนที่เป็นศูนย์กลางของหมู่บ้านชิบุยะในอดีต ถูกตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 1929 ที่พื้นที่นี้ยังเป็นหมูบ้านชิบุยะอยู่ ที่ชื่อมีคำว่า "โควซะ" นำหน้าอยู่ก็เพื่อจะแยกให้ต่างจากชิบุยะของโตเกียว โดยโควซะมาจากชื่อ
อำเภอโควซะ (
高座郡) ซึ่งหมู่บ้านชิบุยะเคยสังกัดอยู่ขณะนั้น ปัจจุบันบริเวณแถวนี้กลายเป็นเมืองใหญ่กันหมดแล้ว เมืองที่ยังสังกัดอยู่ในอำเภอโควซะจึงเหลืออยู่แค่
เมืองซามุกาวะ (
寒川町) ที่มีประชากรไม่ถึง ๕ หมื่นเท่านั้น
เรามีโอกาสได้นั่งรถไฟผ่านสถานีโควซะชิบุยะอยู่หลายครั้งตอนที่เดินทางไปเมืองฟุจิซาวะ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ขึ้นลงรถไฟที่นี่เลย ครั้งนี้ก็เลยลองแวะไปดูสักหน่อย
โดยจากบริเวณที่เราอยู่ตรงสถานีซากุรางาโอกะนั้นสามารถเดินไปถึงสถานีโควซะชิบุยะได้ ระหว่างทางก็เดินดูของและหาอะไรกินไป พอไปถึงสถานีก็นั่งรถไฟกลับ
ถนนที่เราใช้เดินผ่านคือถนนที่เรียกว่า
สายฟุจิซาวะมาจิดะ (
藤沢町田線) เป็นทางหลวงที่เชื่อมระหว่างเมืองฟุจิซาวะกับเมืองยามาโตะ เป็นแนวเหนือใต้ขนานไปกับทางรถไฟโอดะกิว
ถนนนี้เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารมากมาย โดยเฉพาะพวกร้านขายเครื่องเรือน มีร้านขายเครื่องเรือนขนาดใหญ่อย่าง
ชิมาจูโฮมส์ (
島忠ホームズ) และ
นิโตริ (ニトリ) ตั้งอยู่ใกล้ๆกัน แล้วพอดีตอนนี้เรากำลังเตรียมจะย้ายบ้าน จำเป็นต้องซื้อเครื่องเรือนใหม่อยู่ด้วย ก็เลยถือโอกาสแวะดูของไว้ก่อนที่จะไปซื้อที่นั่นจริง

ร้านพิซซา


เริ่มแวะดูเครื่องเรือน เริ่มจากร้านชิมาจูโฮมส์สาขายามาโตะ

มาดูพวกตู้และชั้นวางของที่ชั้นแรก

ขึ้นมาชั้น ๒ มีพวกโต๊ะเก้าอี้

เดินต่อมาเรื่อยๆ

ตรงนี้มีร้าน
ราเมงบุจจิ (ラーメン
豚っち) เป็นร้านราเมงแบบจิโรวเกย์ ครั้งนี้เราเลือกแวะกินร้านนี้ก่อนที่จะไปเดินต่อ

ด้านหน้าทางเข้าอยู่ตรงนี้

เข้ามานั่งตรงที่นั่งเคาน์เตอร์ในร้าน เมนูอยู่ตรงที่นั่ง ปกติราเมงแบบจิโรวเกย์นั้นมักมาเป็นชามใหญ่ปริมาณมากเกินกว่าจะกินไหวทำให้ไม่ค่อยชอบ แต่ว่าร้านนี้มีแบบปริมาณน้อยให้เลือก แบบนี้ดีเลย เลือกปริมาณที่เหมาะกับตัวเองได้

สั่งราเมงแบบแห้งขนาดเล็ก ๙๘๐ เยน อร่อยมากทีเดียว ปริมาณก็กำลังดี ไม่เยอะเกินไป

ชามหลังกินเสร็จ ส่องดูตราสัญลักษณ์ของร้านบนชาม เป็นรูปหมูโกรธ ทำออกมาได้น่ารักดี

กินเสร็จก็โกจิโซวซามะ เดินออกมาจากร้าน

แล้วก็เดินลงใต้ไปตามถนนต่อไป

ถัดมาเจอร้าน
ชาร์กแอตแทกยามาโตะ (SHARK ATTACK YAMATO) เป็นร้านขายพวกเครื่องเรือนที่ดูเป็นแบบเก่าย้อนยุค

เข้ามาเดินดูเต็มไปด้วยเครื่องเรือนสวยๆมากมาย แต่ว่าราคาแพงทั้งนั้น จึงแค่มาดูเล่นๆเพลินๆเฉยๆ




ตรงนี้มีป้ายเตือนให้ใส่หน้ากาก แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขียนเป็นภาษาฝรั่งเศส

หน้าร้านไม่รู้ทำไมมีรูปปั้นหมาตัวใหญ่ตั้งอยู่

และข้างๆร้านนี้ก็คือนิโตริสาขายามาโตะ ตั้งอยู่ติดๆกันเหมือนจะตั้งขายแข่งกัน แต่ว่านิโตริเป็นร้านเครื่องเรือนทั่วไปที่มีสาขาอยู่ทั่วญี่ปุ่น ในขณะที่ร้านชาร์กแอตแทกยามาโตะนี้มีแค่ที่นี่ และเน้นพวกเครื่องเรือนที่ให้บรรยากาศย้อนยุค จึงต่างกันอยู่ ให้เลือกได้ว่าอยากได้แบบไหน

ภายในนิโตริ

มาดูพวกตู้ตรงนี้อยู่ชั้น ๑

ขึ้นมาชั้น ๒ มีพวกโต๊ะเก้าอี้



เดินดูอยู่สักพัก เสร็จแล้วก็ออกมา เดินไปตามถนนสายเดิมต่อ ก็ยังเจอร้านอาหารอีกประปราย

ตรงนี้มีรถ BMW

ถัดมามีห้างอิออนสาขายามาโตะ


เข้ามาเดินทะลุข้างใน

ผ่านออกมาออกประตูทางฝั่งตะวันตก ตรงนี้เป็นแค่ซอยเล็กๆ

เดินต่อมาแล้วเห็นห้างอิออนจากมุมนี้สวยทีเดียว

เดินต่อมาอีกหน่อย ใกล้ถึงสถานีแล้ว



แล้วก็มาถึงลานด้านหน้าสถานีโควซะชิบุยะ

จากตรงนี้ลองเดินต่อไปดูส่วนรางข้างสถานีนิดหน่อย

ข้างๆสถามีทางข้ามรางรถไฟอยู่

ใกล้เวลารถไฟมาแล้ว เรารีบเดินเข้าสถานี ผ่านที่ตรวจตั๋วไป

ตอนที่เข้ามา รถไฟที่จะขึ้นก็กำลังวิ่งมา แต่ว่าต้องข้ามไปขึ้นฝั่งตรงข้าม

รีบวิ่งขึ้นบันไดแล้วลงมาขึ้นรถไฟได้ทันพอดี

จากนั้นก็นั่งรถไฟกลับสถานีซากุรางาโอกะที่อยู่ข้างๆ จบการเดินเล่นกินดูเครื่องเรือนและกินราเมงลงเพียงเท่านี้