#จันทร์ 28 ม.ค. 2019ช่วงวันที่ 28~30 ม.ค. 2019 (จันทร์~พุธ) เป็นเวลาที่อยู่กลางช่วงปิดเทอมของที่ไต้หวัน ได้มีโอกาสไปเที่ยวเมืองเกาสยง (
高雄) และจังหวัดผิงตง (
屏東) ๓ วัน ๒ คืน ไปกัน ๒ คน
เกาสยงเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของไต้หวัน อยู่ทางใต้เกือบสุดแต่ไม่สุด ส่วนผิงตงเป็นจังหวัดที่อยู่ใต้สุดของไต้หวัน อยู่ถัดจากเกาสยงไป
การเที่ยวครั้งนี้พักอยู่เกาสยงทั้ง ๒ คืน วันแรกนั่งรถไฟไปถึงแล้วเที่ยวในเกาสยงก่อน วันที่ ๒ ข้ามไปเที่ยวผิงตงทั้งวัน และวันสุดท้ายก็เที่ยวในเกาสยงต่อแล้วนั่งรถไฟกลับ
การเดินทางไปเกาสยงมีทั้งรถไฟความเร็วสูงและรถไฟธรรมดา ครั้งนี้เนื่องจากต้องการประหยัดจึงตัดสินใจเลือกรถไฟธรรมดา
ตอนแรกตั้งใจว่าจะจองที่นั่งเพื่อจะสามารถขึ้นนั่งรถไฟแบบสบายๆตลอดทาง แต่ปรากฏว่าที่นั่งค่อนข้างมีจำกัด จองล่วงหน้าแค่ ๗ วันกลับพบว่าตั๋วรถไฟรอบที่จะขึ้นนั้นขายหมดแล้ว เลยต้องขึ้นแบบไม่ได้จองที่
รถไฟที่ไต้หวันแบบที่ไม่ใช่ความเร็วสูงนั้นมีอยู่หลายแบบ แบบที่จอดเฉพาะสถานีที่สำคัญจะเรียกว่าจื้อเฉียง (
自強) รถไฟแบบนี้ที่นั่งทั้งหมดเป็นแบบจองที่ มีที่นั่งตายตัว แต่ว่าจะขึ้นแบบไม่จองก็ได้เช่นกัน กรณีแบบนี้จะนั่งตรงไหนก็ได้ถ้าหากที่นั่งถูกจองไม่เต็ม ถ้านั่งๆไปแล้วมีคนที่จองที่ไว้ขึ้นมาก็ต้องลุก
ข้อดีของการขึ้นรถไฟแบบไม่จองที่นั่งก็คือราคาจะถูกมาก และจะนั่งขบวนไหนก็ได้ เพราะไม่ได้จองที่นั่ง
ข้อเสียคืออาจไม่ได้นั่งและทำให้ต้องยืนตลอดทางถ้าคนเยอะ ดังนั้นถ้ารู้ว่าเวลาไหนคนไม่น่าเยอะจะเลือกนั่งแบบไม่จองที่ก็เป็นทางเลือกที่ดีในการประหยัด
ครั้งนี้เราเดินทางจากสถานีซินจู๋ไปยังสถานีซินจั่วอิ๋ง ราคาตั๋วรถไฟจื้อเฉียงแบบจองที่นั่งราคา ๖๖๖ หยวน แต่ถ้าไม่จองที่จะราคา ๔๑๖ หยวน เพียงแต่ถ้าใช้บัตรโยวโหยวข่าจะลด ๑๐% เหลือ ๓๗๔ หยวนเท่านั้น
รถไฟรอบที่นั่งออกจากซินจู๋เวลา 7:38 ไปถึงซินจั่วอิ๋งตอน 11:19 ใช้เวลาเกือบ ๔ ชั่วโมง
สถานีซินจั่วอิ๋ง (新左營站) ตั้งอยู่ในเขตจั่วอิ๋ง (
左營) ค่อนไปทางตอนเหนือของเมืองเกาสยง
ที่สถานีนี้ยังเป็นทั้งสถานีรถไฟฟ้าและสถานีรถไฟความเร็วสูงด้วย เพียงแต่ว่าทั้งรถไฟฟ้าและรถไฟความเร็วสูงใช้ชื่อสถานีว่า
สถานีจั่วอิ๋ง (左營站)ที่นี่ถือเป็นสถานีที่สำคัญที่สุดของเมืองเกาสยงเพราะเป็นสุดสายปลายทางของรถไฟความเร็วสูง จึงเป็นหน้าด่านที่สำคัญสำหรับคนที่เดินทางรวดเร็วมาจากภาคเหนือ
สถานีนี้อยู่ห่างจากใจกลางเมืองพอสมควรหากเทียบกับ
สถานีเกาสยง (高雄站) ซึ่งอยู่ใกล้ใจกลางเมือง แต่เนื่องจากมีรถไฟฟ้าทำให้สามารถเข้าเมืองได้ง่ายไม่ลำบาก ต่างจากสถานีรถไฟความเร็วสูงของเมืองอื่นๆที่ต้องใช้รถเมล์เท่านั้นเพื่อเดินทางเข้าเมือง
สถานีซินจั่วอิ๋งเพิ่งถูกสร้างเมื่อปี 2006 ที่มีคำว่าซิน (
新) ซึ่งแปลปว่า "ใหม่" ก็เพราะว่าเดิมทีมี
สถานีจั่วอิ๋ง (左營站) ซึ่งเป็นสถานีเก่าซึ่งอยู่ใจกลางเขตจั่วอิ๋ง แต่สถานีซินจั่วอิ๋งถูกสร้างขึ้นใหม่เพื่อรองรับรถไฟความเร็วสูง จึงกลายเป็นสถานีสำคัญของเขตจั่วอิ๋งไปแทน
สถานีจั่วอิ๋งเก่าปัจจุบันอาจเรียกว่า สถานีจั่วอิ๋งจิ้วเฉิง (
左營舊城) เพื่อไม่ให้สับสนกับสถานีซินจั่วอิ๋ง
ครั้งนี้รถไฟที่เรานั่งมานั้นไปถึงสถานีเกาสยงได้ ดังนั้นที่จริงจะเลยไปถึงกลางเมืองโดยไม่ต้องลงที่สถานีซินจั่วอิ๋งก็ได้ แต่ว่าโรงแรมที่จองครั้งนี้อยู่ใกล้สถานีจั่วอิ๋งมากกว่าจึงตัดสินใจมาลงสถานีนี้
เขตจั่วอิ๋งยังเป็นที่ตั้งของสถานที่เที่ยวชื่อดังแห่งหนึ่ง คือทะเลสาบชื่อ
เหลียนฉือถาน (蓮池潭) แปลว่าสระบัว ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีซินจั่วอิ๋งนี้เอง
เหลียนฉือถานมีชื่อเสียงเนื่องจากสิ่งก่อสร้างจำพวกวัดถูกสร้างไว้มากมายทั้งริมทะเลสาบและบนทะเลสาบ ส่วนใหญ่เพิ่งสร้างใหม่ไม่กี่สิบปีนี้เอง แต่ก็มีสิ่งก่อสร้างเก่าแก่เป็นร้อยปีอยู่ บางแห่งสร้างใหม่แทนของเก่าที่เคยมีอยู่ในอดีต
ครั้งนี้มาลงสถานีนี้เลยตั้งใจเดินเที่ยวเหลียนฉือถานก่อนแล้วค่อยเข้าโรงแรม สัมภาระต้องแบกเดินไปด้วยแต่ก็ไม่ได้หนักมากจึงไม่เป็นปัญหา
เนื่องจากรถไฟเล็งไว้รอบ 7:38 จึงรีบตื่นเช้าแล้วมาที่สถานีซินจู๋ตอนเช้า มาทันแบบเฉียดฉิว
แต่ปรากฏว่ารถไฟมาช้ากว่าเวลาไป ๒๐ นาที สุดท้ายเลยต้องรออยู่ดี กว่ารถไฟจะมาก็แปดโมง บางทีอาจรถไฟอาจมีปัญหาอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ปกติไม่ค่อยเห็นช้ากว่ากำหนดไปนานขนาดนั้น
เนื่องจากไม่ได้จองที่นั่งจึงไม่ได้นั่งสบายอยู่กับที่ตลอด ยังดีว่าตลอดทางมีที่นั่งเหลือตลอดเลยไม่ต้องยืนเลย แม้ว่าจะต้องย้ายที่ไปเรื่อยๆ
แล้วก็ใช้เวลา ๔ ชั่วโมงเดินทางมาถึงสถานีซินจั่วอิ๋ง ช้ากว่าเวลาตามตารางไปสิบกว่านาที คือเลยสิบเอ็ดโมงครึ่ง
ตอนแตะบัตรออกจากสถานีมีถ่ายรูปเก็บไว้ด้วย ๓๗๔ หยวน
จากนั้นเดินออกมานอกสถานี ทางฝั่งตะวันตก
มองไปทางเหนือเป็นเขตโรงงานขนาดใหญ่
มองลงไปเส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังสถานที่เที่ยว คือทางตะวันตกเฉียงใต้
เดินลงมาด้านหน้าสถานี
ต้องเดินไปอีกสักพักจึงจะถึงทะเลสาบ
ถึงบริเวณทะเลสาบเหลียนฉือถานแล้ว อาคารที่เห็นอยู่ฝั่งตรงข้ามนั่นคือเหวินชางฉือ (
文昌祠)
ฝั่งตะวันออกของทะเลสาบไม่ค่อยมีอะไรมาก หลักๆแล้วที่เที่ยวอยู่ทางฝั่งตะวันตกของทะเลสาบ
เดินข้ามสะพานไปฝั่งตะวันตกของทะเลสาบ
ข้ามมาถึงอาคารเหวินชางฉือ
ข้างๆเป็นลานกว้าง
แล้วถัดไปทางเหนือมีวัดขงจื๊อ (
孔子廟) เป็นวัดที่ดูแล้วค่อนข้างใหม่ เพิ่งถูกสร้างขึ้นในปี 1974 สร้างเสร็จในปี 1976 ตอนที่ไปวัดปิดอยู่เพราะเป็นวันจันทร์จึงไม่ได้เข้าไป
จากนั้นก็เดินเลียบฝั่งตะวันตกทะเลสาบไปทางใต้เรื่อยๆ
ฝั่งตรงข้ามถนนเป็นย่านชุมชน ตรงนี้เป็นวัดจั่วอิ๋งเทียนฝู่กง (
左營天府宮) เป็นวัดเก่าสร้างในปี 1660
มีริมทะเลสาบส่วนหนึ่งถูกปิดซ่อมอยู่ดูเหมือนกำลังก่อสร้าง
มองไปฝั่งตรงข้ามเห็นโจวไจ่ชิงสุ่ยกง (
洲仔清水宮) มีรูปปั้นเจ้าแม่มาจู่ขนาดใหญ่อยู่ด้านบน เราไม่มีโอกาสได้เข้าไปดูตรงนั้น ได้แต่ถ่ายจากตรงนี้
ต่อมาเจอเกาะที่มีเทวรูปเสวียนเทียนซ่างตี้ (
玄天上帝神像) ที่นี่สร้างในปี 1995
เดินข้ามสะพานไป
เข้าไปในถ้ำใต้รูปปั้น
มีชั้นบนให้ขึ้นไปได้
เดินดูตรงศาลาระหว่างทางตรงนี้
ด้านล่างเดินลงไปได้
มีสวนซึ่งมีเลี้ยงพวกไก่ไว้อยู่
ดูเสร็จออกมา ฝั่งตรงข้ามเป็นวัดชื่อวัดฮู่อาน (
護安寺)
แถวๆนั้นเดินหาอะไรกิน เจอร้านให้แวะกลางทางกินมื้อเที่ยง สั่งหยางชุนเมี่ยน (
陽春麵) ราคา ๓๕ หยวนเท่านั้น
จากนั้นเดินลงทางใต้ต่อไป
ตรงนี้เป็นโรงเรียนประถม
จากนั้นเดินต่อมาก็เจอศาลากลางน้ำ ชุนชิวยวี่เก๋อ (
春秋御閣) สร้างในปี 1953
ข้างๆศาลามีมังกร สามารถเดินเข้าไปชมด้านในได้
ด้านในมังกรเป็นทางเดินไปเรื่อยๆ
สุดท้ายก็มาออกอีกด้าน
จากตรงนี้เป็นสะพานเดินข้ามไปยังศาลากลางน้ำ อู๋หลี่ถิง (五里亭) แต่ไม่ได้ข้ามไป
ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารฉี่หมิงถาง (
啟明堂)
จากนั้นก็เดินต่อไป สู่เป้าหมายสุดท้าย คือหอคอยมังกรและเสือ (
龍虎塔, หลงหูถ่า) เป็นสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นที่สุดในบริเวณรอบทะเลสาบแห่งนี้ สร้างในปี 1974
จุดเด่นคือการที่มีมังกรและเสืออยู่หน้าทางเข้าหอคอย
การเข้าชมจะเริ่มจากเข้าทางปากมังกร
ด้านในตัวมังกร
ทะลุตัวมังกรเข้ามาก็ถึงตัวหอคอยมังกร
ขึ้นไปชมด้านบน หอคอยนี้มี ๗ ชั้น แต่ขึ้นได้แค่สูงสุดถึงชั้น ๖
มองขึ้นไปยังเพดานชั้น ๗ ซึ่งไม่สามารถขึ้นไปได้
จากบนหอคอยมองไปทางเหนือ เห็นทะเลสาบส่วนที่เดินผ่านมา
มองไปทางตะวันตกเห็นวัดฉือจี้กง (
慈濟宮) อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน
มองลงไปตรงนี้เห็นหัวเสือและมังกร
หอคอยเสืออยู่ข้างๆ
จากนั้นเดินกลับจากบนหอคอยลงมาด้านล่าง
ก้นเสือและมังกร
ทางเข้าหอเสือ หอนี้ไม่ได้ขึ้นไป ขึ้นแค่หอเดียวก็พอ
เดินออกมาผ่านตัวเสือ
ลอดออกมาจากปากเสือ
มองข้ามไปยังวัดฉือจี้กงที่อยู่ตรงข้ามหอคอยเสือและมังกร แต่ไม่ได้เข้าไป
เดินต่อลงมาทางใต้สุดของทะเลสาบเจอศูนย์บริการท่องเที่ยว มีร้านขายของที่ระลึก แต่ดูแล้วไม่ได้เปิดอยู่
การเที่ยวที่นี่จบลงเท่านี้ ต่อไปจะเดินทางไปเข้าโรงแรม
โรงแรมที่จองไว้ชื่อหลงเสียงต้าฟ่านเตี้ยน (
龍翔大飯店) อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสถานีไข่ยักษ์ (
巨蛋站, จวี้ต้านจ้าน)
ที่มาของชื่อสถานีนี้มาจากการที่ตรงนี้เป็นที่ตั้งของโรงพลศึกษาสนามกีฬาอเนกประสงค์สมัยใหม่เกาสยง (高雄市現代化綜合體育館) ซึ่งมีชื่อเล่นว่าไข่ยักษ์ (
巨蛋)
จากฝั่งใต้ของเหลียนฉือถานขึ้นรถเมล์สาย 紅35 ไปยังรถไฟฟ้าสถานีเขตสวนนิเวศ (
生態園區站, เซิงไท่หยวนชวีจ้าน) ซึ่งอยู่ระหว่างสถานีจั่วอิ๋งและสถานีไข่ยักษ์
ถึงสถานี
นั่งไปสถานีเดียวก็มาถึงสถานีไข่ยักษ์
เมื่อถึงโรงแรมก็พักผ่อนกันเป็นชั่วโมง เนื่องจากเดินแบกสัมภาระเที่ยวรอบทะเลสาบมา
จากนั้นตอนเย็นก็ไปเที่ยวย่านใจกลางเมืองต่อ
https://phyblas.hinaboshi.com/20190202