# 15 มิ.ย. 2019เวลาผ่านไปเกือบเดือนในโตเกียว ในที่สุดก็ถึงวันที่ต้องจากลาเดินทางกลับไต้หวัน
การเดินทางกลับครั้งนี้ก็บินจากสนามบินนาริตะเหมือนกับครั้งอื่น เครื่องออกเวลา 13:00
นี่เป็นครั้งที่ ๔ แล้วที่ต้องเดินทางไปนาริตะ ชินกับเส้นทางมากแล้ว แต่วิธีการเดินทางก็มีอยู่หลายทาง และครั้งนี้ก็เลือกวิธีเดินทางที่ไม่ซ้ำกับครั้งก่อนๆอีก
สองครั้งแรกเลือกกลับโดยสกายไลเนอร์จากสถานีนิปโปริ นั่นดูจะเป็นทางเลือกที่เร็วที่สุด แต่ต้องจ่ายค่ารถด่วนเพิ่มราคาแพงเป็นพอเศษ ถ้าเผื่อเวลาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆก็ไม่จำเป็นต้องนั่งรถด่วนแบบนั้น
ครั้งนี้ถือว่ามีเวลา จึงเลือกเดินทางด้วยเส้นทางที่ไม่ต้องใช้รถด่วน เน้นประหยัด
ครั้งนี้เริ่มจากนั่งรถเมล์ไปที่
สถานีมุซาชิซาไก (武蔵境駅)
นั่งรถไฟ JR แบบเร็วไปตาม
สายจูโอว (中央線) แล้วไปต่อรถไฟที่
สถานีโอจาโนมิซึ (御茶ノ水駅)จากนั้นต่อรถไฟไปตาม
สายจูโอว-โซวบุ (中央・総武線) ไปลงที่
สถานีอาซากุสะบาชิ (浅草橋駅)แล้วก็นั่งรถไฟของเคย์เซย์ไปตาม
สายเคย์เซย์โอชิอาเงะ (京成押上線) ไปลงที่
สถานีอาโอโตะ (青砥駅)สุดท้ายก็นั่งรถไฟแบบด่วนพิเศษไปตาม
สายหลักเคย์เซย์ (京成本線) ก็จะไปถึงสนามบินนาริตะได้
ที่จริงจากสถานีอาโอโตะจะไปสนามบินนาริตะสามารถนั่งรถด่วนพิเศษบน
สายนาริตะสกายแอ็กเซส (成田スカイアクセス線) ได้ จะเร็วกว่านั่งสายหลักเคย์เซย์ เพียงแต่ว่าสายนี้มีรถไฟไม่ถี่ และจังหวะที่ไปถึงนั้นต้องรออีกนาน ดูเวลาแล้วนั่งสายหลักเคย์เซย์จะเร็วกว่า เพราะออกได้ทันที แม้จะใช้เวลารวมบนเส้นทางมากกว่า แต่สุดท้ายก็ยังถึงเร็วกว่ารอขึ้นสกายแอ็กเซส
รวมทั้งหมดแล้วนั่งรถเมล์ ๑ ต่อ แล้วรถไฟอีก ๔ ต่อ รวมเป็น ๕ ต่อ ใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่วโมงครึ่ง ก็เป็นการเดินทางที่วุ่นวายอยู่ แต่ถ้าใช้ชีวิตในญี่ปุ่นไป การเดินทางไปไหนโดยต้องเปลี่ยนรถไปมาหลายต่อนั้นดูจะเป็นเรื่องธรรมดามากและการเปลี่ยนรถทำได้อย่างง่าย ไม่ลำบาก
ตอนเช้าเก็บข้าวของแล้วเช็กเอาต์ออกจากคอสมอสไคกังที่หอดูดาวแห่งชาติแล้วไปนั่งรถเมล์รอบเวลา 7:54 ไปยังสถานีมุซาชิซาไก ขณะนั้นฝนตกอยู่เรื่อยๆ และตกแบบนี้ไปตลอดจนถึงเวลากลับ
จากนั้นนั่งรถไฟ JR รอบ 8:18 ไปตามสายจูโอว
ลงไปเปลี่ยนรถที่สถานีโอจาโนมิซึ
ไปตามสายจูโอว-โซวบุ ลงที่สถานีอาซากุสะบาชิ
จากนั้นก็ออกจากระบบของรถไฟ JR มา ต้องเดินออกมาข้างนอก เห็นฝนยังตกอยู่
เดินเข้ามาตรงสถานีรถไฟใต้ดินซึ่งเป็นสายของเคย์โอวด้วย
เป้าหมายคือสถานีอาโอโตะ นั่งรถไฟรอบ 9:02
ที่จริงแล้วจากสถานีอาซากุสะบาชินี้เชื่อมกับสายสกายแอ็กเซส สามารถนั่งไปถึงนาริตะได้โดยตรงเลยโดยไม่ต้องต่อที่สถานีอาโอโตะ เพียงแต่ว่ารถที่จะไปถึงโดยตรงเที่ยวนั้นต้องรออีกนานจึงจะมา จังหวะไม่เหมาะนัก ถ้าไปต่อที่สถานีอาโอโตะจะได้ขึ้นรถที่ไปถึงเร็วกว่า
ระหว่างทางผ่าน
สถานีโอชิอาเงะ (押上駅) ซึ่งก็เป็นสถานีนึงที่รถไฟสายสกายแอ็กเซสแวะจอด ที่จริงถ้าลงสถานีนี้ก็สามารถขึ้นรถไฟเพื่อไปสนามบินนาริตะได้เช่นกัน เส้นทางก็ไปผ่านสถานีอาโอโตะเหมือนกัน ทางเดียวกัน แต่ไหนๆก็ได้นั่งแล้ว ไปเปลี่ยนที่สถานีอาโอโตะดีกว่า
ยิ่งเข้าใกล้สถานีอาโอโตะคนบนรถไฟก็ยิ่งโล่ง นั่งสบาย
จากนั้นถึงสถานีอาโอโตะ
รอรถเพื่อเปลี่ยนสายไปสนามบินนาริตะโดยผ่านทางสายหลักเคย์เซย์
สถานีที่ลงอยู่ที่อาคาร ๒ พอไปถึงต้องเดินต่ออีก ๖ ร้อยกว่าเมตรเพื่อไปยังอาคาร ๓ ระหว่างทางเป็นนอกอาคารแต่มีหลังคาตลอด ทำให้ไม่ต้องตากฝน
แต่บางจุดก็ค่อนข้างเปิด ฝนที่ตกหนักก็สาดซับเข้ามาเปียกนิดหน่อยเหมือนกัน
เช็กอินและฝากสัมภาระเรียบร้อยตรงนี้
แล้วก็เดินผ่านแถวโรงอาหาร
ซื้อซูชิมาเก็บไว้กินตอนรอขึ้นเครื่อง เป็นซูชิแซลมอน ๒ ชิ้น ข่าวห่อสาหร่ายแซลมอน ๖ ชิ้น ราคา ๕๐๐ รวมภาษี ๘% เป็น ๕๔๐ ถือว่าไม่แพงเกินไปสำหรับของในสนามบินแบบนี้
หลังจากผ่านด่านตรวจคนออกเมืองมาแล้วก็เจอร้านตามทางที่น่าสนใจ เป็นร้านขายของเกี่ยวกับอนิเมะ เหมือนที่อากิฮาบาระ
ที่โดดเด่นสุดคือเรมกับรัมขนาดเท่าตัวคนจริง ยืนเด่นอยู่หน้าร้าน
แล้วมีฟิกเกอร์น่ารักมากมาย แต่เห็นราคาแล้วก็ต้องถอย
ของเกี่ยวกับอนิเมะมากมาย แต่ดูแล้วของ re: zero จะเยอะ
มีพวกขนม
มันจูจากเรื่องโปปุเตปิปิก... ทำไปได้
ปลอกหมอนกอดลายเมงุมิกับเมงุมิน
แต่ก็ไม่ได้มีแต่ของเกี่ยวกับอนิเมะ ทางนี้เป็นของอื่นๆทั่วไป
แต่ก็แค่เดินดูฆ่าเวลาไป ไม่ได้ซื้ออะไร
เดินไปยังห้องรอขึ้นเครื่อง
แวะซื้อกาแฟ ๑๖๐ เยน ที่ตู้ขายอัตโนมัติ
มองออกไปข้างนอกเห็นฝนยังตกหนักก็ชวนให้หวั่นใจว่าเครื่องบินจะไหวมั้ย
แล้วพอรอจนถึงเวลาก็พบว่าเครื่องจะออกช้ากว่าเวลาที่กำหนด ไม่แน่ใจว่าสาเหตุเป็นเพราะฝนตกหนักหรือเปล่า แต่เวลาผ่านไปฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะเบาลง
กว่าจะเรียกขึ้นเครื่องก็ 13:15 ไปแล้ว ทั้งที่กำหนดเดิมต้องเรียกขึ้นเครื่องตอน 12:35 และเครื่องต้องออก 13:00
หลังจากเรียกขึ้นเครื่องไป กว่าจะออกก็รอนาน นั่งมองสายในจากริมหน้าต่างไป
ต้องรอจนถึง 14:00 เครื่องจึงได้เริ่มออกบินจริงๆ ช้ากว่าเวลาเดิมไปตั้งชั่วโมง
หลังออกบินแป๊บเดียวเครื่องบินก็ทะลุหมู่เมฆฝนที่ปกคลุมท้องฟ้าขึ้นไปข้างบน
ทิวทัศน์ระหว่างบินอยู่เหนือทะเลตอนใกล้ถึงไต้หวัน เป็นภาพสุดท้ายที่ถ่ายในเที่ยวนี้
สุดท้ายก็กลับมาถึงไต้หวัน เรื่องราวในญี่ปุ่นทั้งหมดก็สิ้นสุดลงเท่านี้
เวลาในญี่ปุ่นรวม ๒๘ วัน ถือว่ายาวนานที่สุดแล้วในการอยู่ญี่ปุ่นครั้งนี้ รู้สึกว่าได้ใช้ชีวิตในญี่ปุ่นอย่างมีความสุขเต็มที่ หวังว่าจะยังมีโอกาสมาแบบนี้อีกหลังจากนี้ไป