เดินในย่านต่ายไหว่ก่อนจะรีบขึ้นรถไฟฟ้ากลับสนามบินให้ทัน
เขียนเมื่อ 2020/01/18 06:11
แก้ไขล่าสุด 2021/09/28 16:42
# ศุกร์ 10 ม.ค. 2020
ตอนที่แล้วเดินทางข้ามเขาจากฝั่งเกาลูนมาจนถึงฝั่งซ้าถิ่น ตรงย่านต่ายไหว่ (大圍) ซึ่งอยู่ในเขตซ้าถิ่น (沙田) https://phyblas.hinaboshi.com/20200117
ถนนที่มาโผล่ตรงนี้เป็นถนนอุโมงค์เขาสิงโต (獅子山隧道公路)
ขณะลงจากเขาก็เป็นเวลา 14:45 แล้ว และต้องไปขึ้นเครื่องบินรอบ 17:00 ทางที่ปลอดภัยจึงควรถึงสนามบินก่อนสี่โมงเย็น จึงต้องเร่งเต็มที่
จากนั้นเดินไปตามถนนห่งหมุ่ยก๊ก (紅梅谷路) ตอนนี้เป้าหมายที่เหลือก็คือแค่ไปขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อกลับสนามบิน ซึ่งเวลาก็ถือว่าค่อนข้างเหลือน้อยต้องรีบเร่งพอสมควร แม้ขาจะเหนื่อยจากการเดินเขามาพอสมควร แต่ก็ต้องอดทนเดินต่อไป ไม่มีเวลาให้หยุดพัก
ระหว่างทางผ่านศูนย์การค้าหล่งฮั้ง (龍亨商場)
เดินต่อไป
ถึงสถานีต่ายไหว่ (大圍站)
จากตรงนี้ต้องนั่งไปที่สถานีเช้งยี้ (青衣站) ราคา ๑๓ มั้น
เริ่มแรกต้องมาขึ้นสายตะวันออก (東鐵綫)
มาเปลี่ยนรถที่สถานีเก๋าหล่งถ่อง (九龍塘站)
ไปตามสายกุ๊นถ่อง (觀塘綫)
มาเปลี่ยนรถที่สถานีทายจี๋ (太子站)
ไปตามสายฉวิ่นว้าน (荃灣綫) ลงที่สถานีไหล่เก๋ง (荔景站)
แล้วก็มาถึงสถานีเช้งยี้ จากสถานีเช้งยี้นั่งรถไฟด่วนสายสนามบินเพื่อไปยังสนามบิน ราคา ๗๐ มั้น
บนนี้มีให้ชาร์จไฟได้ฟรี แบตมือถือกำลังร่อยหรออยู่พอดี
ถึงสนามบินตอน 16:20
รีบวิ่งไปผ่านด่านตรวจคนเข้าออกเมืองแล้วมาขึ้นรถไฟฟ้าในสนามบิน
เข้ามาถึงก็สี่โมงครึ่ง ตอนนั้นประกาศเรียกขึ้นเครื่องไปแล้ว แต่ผู้โดยสารเพิ่งจะเริ่มขึ้นเครื่องกัน เท่ากับมาทันเวลา
ปกติเครื่องบินจะปิดให้ขึ้นเครื่องก่อนเวลาออกบิน ๒๐ นาที ซึ่งรอบนี้ 17:00 ก็คือปิด 16:40 ตอนที่มาถึงนั้นเหลือเวลาอีกเพียง ๑๐ นาที เรียกได้ว่าเฉียดฉิวมากอีกแล้ว
ครั้งที่แล้วเมื่อ ๒ เดือนก่อนที่แวะมาก็เดินทางกลับถึงสนามบินด้วยเวลาที่เฉียดฉิวแบบนี้ ครั้งนั้นมาถึงตอนพอดีเวลาเลย ดังนั้นการที่ครั้งนี้มาถึงก่อน ๑๐ นาที เท่ากับว่าทำเวลาได้ดีกว่าเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม คราวหน้าคงต้องรอบคอบในการวางแผนมากกว่านี้ ปล่อยให้ต้องมารีบเร่งจนเวลาเฉียดฉิวแบบนี้ตลอดก็ไม่ไหว
ยังไงสุดท้ายแล้วครั้งนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี เครื่องก็ออกเดินทางท่ามกลางท้องฟ้ายามเย็น เดินทางกลับกรุงเทพฯ สนามบินสุวรรณภูมิ
ค่าใช้จ่ายเที่ยวนี้ ทั้งหมดเป็นค่ารถไฟฟ้า ไม่ได้ใช้จ่ายอย่างอื่นเลยจริงๆ
สนามบิน -> เกาลูน ๑๐๕ มั้น
ต่ายไหว่ -> เช้งยี้ ๑๓ มั้น
เช้งยี้ -> สนามบิน ๗๐ มั้น
รวมเป็น ๑๘๘ มั้น คิดเป็นเงินไทยด้วยอัตราตอนนั้นก็ประมาณ ๗๓๐ บาท
ตอนที่แล้วเดินทางข้ามเขาจากฝั่งเกาลูนมาจนถึงฝั่งซ้าถิ่น ตรงย่านต่ายไหว่ (大圍) ซึ่งอยู่ในเขตซ้าถิ่น (沙田) https://phyblas.hinaboshi.com/20200117
ถนนที่มาโผล่ตรงนี้เป็นถนนอุโมงค์เขาสิงโต (獅子山隧道公路)
ขณะลงจากเขาก็เป็นเวลา 14:45 แล้ว และต้องไปขึ้นเครื่องบินรอบ 17:00 ทางที่ปลอดภัยจึงควรถึงสนามบินก่อนสี่โมงเย็น จึงต้องเร่งเต็มที่
จากนั้นเดินไปตามถนนห่งหมุ่ยก๊ก (紅梅谷路) ตอนนี้เป้าหมายที่เหลือก็คือแค่ไปขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อกลับสนามบิน ซึ่งเวลาก็ถือว่าค่อนข้างเหลือน้อยต้องรีบเร่งพอสมควร แม้ขาจะเหนื่อยจากการเดินเขามาพอสมควร แต่ก็ต้องอดทนเดินต่อไป ไม่มีเวลาให้หยุดพัก
ระหว่างทางผ่านศูนย์การค้าหล่งฮั้ง (龍亨商場)
เดินต่อไป
ถึงสถานีต่ายไหว่ (大圍站)
จากตรงนี้ต้องนั่งไปที่สถานีเช้งยี้ (青衣站) ราคา ๑๓ มั้น
เริ่มแรกต้องมาขึ้นสายตะวันออก (東鐵綫)
มาเปลี่ยนรถที่สถานีเก๋าหล่งถ่อง (九龍塘站)
ไปตามสายกุ๊นถ่อง (觀塘綫)
มาเปลี่ยนรถที่สถานีทายจี๋ (太子站)
ไปตามสายฉวิ่นว้าน (荃灣綫) ลงที่สถานีไหล่เก๋ง (荔景站)
แล้วก็มาถึงสถานีเช้งยี้ จากสถานีเช้งยี้นั่งรถไฟด่วนสายสนามบินเพื่อไปยังสนามบิน ราคา ๗๐ มั้น
บนนี้มีให้ชาร์จไฟได้ฟรี แบตมือถือกำลังร่อยหรออยู่พอดี
ถึงสนามบินตอน 16:20
รีบวิ่งไปผ่านด่านตรวจคนเข้าออกเมืองแล้วมาขึ้นรถไฟฟ้าในสนามบิน
เข้ามาถึงก็สี่โมงครึ่ง ตอนนั้นประกาศเรียกขึ้นเครื่องไปแล้ว แต่ผู้โดยสารเพิ่งจะเริ่มขึ้นเครื่องกัน เท่ากับมาทันเวลา
ปกติเครื่องบินจะปิดให้ขึ้นเครื่องก่อนเวลาออกบิน ๒๐ นาที ซึ่งรอบนี้ 17:00 ก็คือปิด 16:40 ตอนที่มาถึงนั้นเหลือเวลาอีกเพียง ๑๐ นาที เรียกได้ว่าเฉียดฉิวมากอีกแล้ว
ครั้งที่แล้วเมื่อ ๒ เดือนก่อนที่แวะมาก็เดินทางกลับถึงสนามบินด้วยเวลาที่เฉียดฉิวแบบนี้ ครั้งนั้นมาถึงตอนพอดีเวลาเลย ดังนั้นการที่ครั้งนี้มาถึงก่อน ๑๐ นาที เท่ากับว่าทำเวลาได้ดีกว่าเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม คราวหน้าคงต้องรอบคอบในการวางแผนมากกว่านี้ ปล่อยให้ต้องมารีบเร่งจนเวลาเฉียดฉิวแบบนี้ตลอดก็ไม่ไหว
ยังไงสุดท้ายแล้วครั้งนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี เครื่องก็ออกเดินทางท่ามกลางท้องฟ้ายามเย็น เดินทางกลับกรุงเทพฯ สนามบินสุวรรณภูมิ
ค่าใช้จ่ายเที่ยวนี้ ทั้งหมดเป็นค่ารถไฟฟ้า ไม่ได้ใช้จ่ายอย่างอื่นเลยจริงๆ
สนามบิน -> เกาลูน ๑๐๕ มั้น
ต่ายไหว่ -> เช้งยี้ ๑๓ มั้น
เช้งยี้ -> สนามบิน ๗๐ มั้น
รวมเป็น ๑๘๘ มั้น คิดเป็นเงินไทยด้วยอัตราตอนนั้นก็ประมาณ ๗๓๐ บาท