# 26~27 เม.ย. 2023
ยังเหลือเวลาอีกกว่าสองสัปดาห์กว่าจะถึงวันเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2023 ของไทย แต่สำหรับคนที่อาศัยอยู่นอกประเทศไทยและได้ลงทะเบียนขอเลือกตั้งนอกไทยเอาไว้จะทำการเลือกตั้งก่อน ซึ่งก็คือช่วงเวลานี้เอง
ครั้งนี้เราอาศัยอยู่ในญี่ปุ่น จึงได้ทำการลงทะเบียนเลือกตั้งนอกไทยไว้ แม้ตัวจะอยู่ต่างแดนแต่ก็ยังเป็นห่วงประเทศไทยอยู่เสมอ อยากมีส่วนช่วยประเทศ แม้จะแค่นิดหน่อยก็ตาม อยากให้ประเทศก้าวต่อไปได้ไกล ได้รัฐบาลที่มีหัวก้าวหน้าสร้างสรรค์ ยกเลิกระบบแย่ๆเช่นการเกณฑ์ทหาร ขจัดพวกไดโนเสาร์ที่ถ่วงความเจริญออกไป ฯลฯ ฉะนั้นจึงขอมีส่วนร่วมโดยการเลือกตั้ง
สำหรับที่ญี่ปุ่น การเลือกตั้งทำโดยทางไปรษณีย์ โดยทาง
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียวจะทำการส่งบัตรเลือกตั้งพร้อมคู่มือการใช้และซองสำหรับส่งบัตรเลือกตั้งมาให้ทางไปรษณีย์ตามที่อยู่ที่ลงทะเบียนไว้ จากนั้นเราก็แค่กาบัตรเลือกตั้งแล้วก็ใส่ลงในซองที่เขาเตรียมไว้ให้ซึ่งก็ได้ตราไปรษณียากรเอาไว้แล้ว ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆเอง
ภาพหน้าซองที่เขาส่งมาให้ (ขอระบายสีทับปิดตรงชื่อที่อยู่)
ส่วนเนื้อในก็จะมีบัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขต พร้อมกับซองสีน้ำตาลอ่อนสำหรับส่งไปรษณีย์กลับไปยังสถานทูต
นอกจากนี้ก็ยังมีคู่มือบอกว่าให้ทำอย่างไรบ้าง
พอเราได้รับเอกสารมาจึงรีบดำเนินการกาเลือกแล้วก็ยัดใส่ซองพร้อมกับสำเนาพาสปอร์ตตามขั้นตอน แล้วก็เอาไปหยอดในตู้ไปรษณีย์เลย แม้ฝนกำลังตกอยู่ก็ไม่หวั่น
นี่คือตู้ที่เราไปหยอด เป็นตู้ไปรษณีย์ที่ตั้งอยู่หน้าคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยโทวโฮกุ
แต่ปัญหาคือหลังจากที่ได้หยอดลงตู้ไปรษณีย์ไปแล้ว เราได้พบว่าตัวเองได้มองข้ามขั้นตอนส่วนหนึ่งไป นั่นคือหลังติดกาวปิดซองแล้ว จะต้องเซ็นชื่อทับรอยปิดผนึกด้วย ไม่งั้นบัตรเลือกตั้งจะเป็นโมฆะไป
ถ้าปล่อยไว้แบบนี้แม้ว่าบัตรเลือกตั้งของเราจะส่งไปถึงสถานทูต แต่ก็จะเป็นโมฆะไป ไม่มีประโยชน์อะไร อุตส่าห์มีโอกาสได้ใช้สิทธิ์แล้ว ก็ไม่อยากจะให้เสียไปง่ายๆแบบนี้
เมื่อพบปัญหาเราจึงรีบค้นหาวิธีที่จะเอาซองที่หยอดไปแล้วคืนมา เริ่มจากสำรวจดูที่ตู้ไปรษณีย์ที่ไปหยอด ซึ่งก็พอดีว่าได้ถ่ายรูปที่ตู้เก็บไว้ด้วย
จากข้อมูลหน้าตู้ก็ทำให้รู้ว่าไปรษณีย์ที่หยอดลงในตู้นี้จะถูกส่งไปยัง
ที่ทำการไปรษณีย์ศูนย์กลางเซนได (仙台中央郵便局)โดยวันธรรมดานั้นจะมีการเปิดตู้ครั้งสุดท้ายตอน 15:20 แต่ตอนที่เราไปหยอดนั้นเป็นเวลา 16:30 นั่นหมายความว่ากว่าจะมีการเปิดตู้อีกทีเพื่อส่งไปยังที่ว่าการไปรษณีย์นั้นก็คือเวลา 11:20 ของวันถัดไป ถ้าอยากได้คืนก็ต้องไปรับที่นั่นเอาหลังเวลานั้น
แต่อย่างไรก็ตาม จำเป็นจำต้องติดต่อไปทางที่ว่าการไปรษณีย์ให้เขาช่วยหาและเก็บเอาไว้ให้เรา ไม่งั้นซองอาจถูกส่งไปยังเป้าหมายก่อนที่เราจะไปถามถึงได้
ดังนั้นเราจึงโทรไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่เขียนเอาไว้ในตู้ แต่ก็พบว่าสายไม่ว่างตลอด ไม่สามารถติดต่อได้เลย ดังนั้นสุดท้ายจึงตัดสินใจเดินทางไปที่นั่นเองวันนี้เลย
สำหรับที่ว่าการไปรษณีย์ศูนย์กลางเซนไดนั้นตั้งอยู่ระหว่าง
สถานีอาโอบะโดริอิจิบังโจว (青葉通一番町駅) กับ
สถานีอิตซึตสึบาชิ (五橋駅) และใกล้กับสถานที่ที่เราพักอยู่ด้วย จึงเดินทางไปได้สะดวก
วันนี้เรารีบออกก่อนเวลาเพื่อเดินทางมา จนได้มาถึงตอนประมาณหกโมงกว่า ซึ่งเวลานั้นยังเปิดอยู่ เพราะที่นี่ปิดเวลา 19:00 จึงยังทันเวลาที่จะติดต่อทำอะไร
เมื่อมาถึงเราก็ได้เข้าไปถามเจ้าหน้าที่ เล่าเหตุการณ์ให้เขาฟัง เขาก็รับฟังและช่วยเหลืออย่างดีมาก โดยขอข้อมูลเช่นที่อยู่ที่เขียนลงในซองเพื่อที่เขาจะได้หาซองที่มีลักษณะตามที่ระบุไว้แล้วเก็บเอาไว้ให้เรา หลังจากนั้นเขาก็บอกว่าวันรุ่งขึ้นถ้าส่งมาถึงแล้วหาเจอจะรีบติดต่อไปทางโทรศัพท์
แล้ววันต่อมาประมาณบ่ายโมงเขาก็โทรติดต่อมาว่าหาเจอแล้ว สามารถไปรับได้
เราจึงรอจนถึงเวลาประมาณหกโมง กลับมาที่ที่ว่าการไปรษณีย์อีกรอบ
จากนั้นไปถึงก็ถามถึงซองที่เขาเก็บไว้ให้เรา แล้วก็ยื่นบัตรประจำตัวพำนักอยู่ของเราให้เขาดูเพื่อเป็นหลักฐานว่าเป็นเจ้าตัว แล้วเขาจึงส่งซองคืนมาให้เรา
หลังจากได้ซองคืนมาแล้วเราก็รีบหยิบปากกามาเซ็นชื่อตรงรอบปิดซองทันที แล้วก็รีบส่งคืนให้เขาเลย เท่านี้ซองใส่บัตรเลือกตั้งก็น่าจะถูกส่งถึงในสภาพพร้อม ไม่ต้องกลัวจะเป็นโมฆะแล้ว
เรื่องเหนื่อยๆ ก็ผ่านไปแล้ว หลังจากนั้นเราก็เดินไปหาอะไรกินที่แถวสถานีอิตซึตสึบาชิ
แถวนั้นมีร้านทงกตสึโชวยุราเมงบิกสาขาอิตซึตสึบาชิ (豚骨醤油ラーメンビッグ五橋店)
โชวยุราเมงใส่ผักปวยเล้ง (โฮวเรนโซว) ราคา ๙๕๐ เยน
สุดท้ายแล้วก็เหนื่อยกว่าที่คิด กว่าจะได้ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องพลาด ตัวเองก็เผลอประมาทไปจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้ได้ประสบการณ์ ทำให้รู้ว่าเวลามีปัญหาเรื่องไปรษณีย์จะต้องทำอย่างไร แล้วก็ได้ความเร้าใจไปด้วย กว่าจะได้ทำหน้าที่พลเมืองดีมันไม่ใช่ง่ายๆเลยนะ
เท่านี้เราก็ได้ทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว ที่เหลือก็ขอให้บัตรเลือกตั้งที่ส่งไปได้นับรวมคะแนนจริงๆ ตรงนี้เป็นหน้าที่ของทางสถานทูตที่จะส่งความหวังของคนไทยในญี่ปุ่นกลับไปยังประเทศไทย