# พฤหัส 30 มิ.ย. 2022ตั้งแต่วันนี้ได้ย้ายมาทำงานที่มหาวิทยาลัยโทวโฮกุ (
東北大学) ที่เมืองเซนได (
仙台市) จังหวัดมิยางิ (
宮城県) ของญี่ปุ่น ก็เลยขอเล่าถึงเรื่องราวการเดินทางในวันแรกสักหน่อย
เมืองเซนไดเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโทวโฮกุ (
東北地方) หรือก็คือภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น อยู่ห่างจากโตเกียวมาทางเหนือ ถ้ามาจากโตเกียวก็นั่งชิงกันเซงใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง
ภาพแสดงตำแหน่งเมืองเซนไดในจังหวัดมิยางิ แสดงเป็นสีม่วงเข้ม
เมืองเซนไดก็มีสนามบินอยู่ แต่ว่าไม่มีเที่ยวบินตรงจากไทย จึงต้องมาลงที่สนามบินนาริตะ แล้วเดินทางเข้าโตเกียวและต่อรถไฟชิงกันเซงมายังเซนไดอีกที
ครั้งนี้เป็นการมาพำนักอยู่ระยะยาวเพื่อทำงาน จึงต้องขอวีซาสำหรับพำนักระยะยาวไว้ด้วย จากนั้นเมื่อเข้ามาที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของสนามบินก็จะได้บัตรประจำตัวผู้พำนัก (在留カード)
ยิ่งไปกว่านั้นช่วงนี้เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ทำให้การเตรียมการเดินทางเข้าญี่ปุ่นนั้นยุ่งยากขึ้นไปจากปกติพอสมควร คือต้องมีผลตรวจ PCR ภายใน ๗๒ ชั่วโมงมาแสดง แล้วก็ต้องโหลดแอพ mysos มาไว้ในมือถือเพื่อใช้ในกระบวนการตรวจสอบ ตรงนี้ขอละรายละเอียดไป
ผลจาก COVID-19 ก็ทำให้เที่ยวบินเข้าญี่ปุ่นนั้นลดน้อยลงมาก จึงไม่ได้มีตัวเลือกมากเท่าช่วงปกติ การเดินทางครั้งนี้ได้เลือกใช้สายการบิน zipair ซึ่งเป็นสายการบินราคาถูกของญี่ปุ่น เนื่องจากราคาถูกกว่าสายการบินอื่น
เที่ยวบินออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ 23:15 ของวันที่ 29 มิ.ย. และเดินทางถึงสนามบินนาริตะเวลา 7:30 วันถัดมา
เมื่อเข้ามาถึงก็ต้องเจอกับกระบวนการคัดกรอง COVID-19 อันแสนยุ่งยาก ระหว่างนั้นไม่ได้ถ่ายรูปอะไรมาด้วย
หลังจากนั้นก็รอด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งก็ต้องรอต่อแถวนานมาก
ในที่สุดก็ไปรับกระเป๋า แล้วก็ออกมาได้ตอน 9 โมงกว่า
แต่ก่อนที่จะออกเดินทางขึ้นรถไฟไป มีสิ่งที่ต้องทำคือไปเอาซิมที่สั่งซื้อไว้จากเว็บ เป็นซิมสำหรับใช้เน็ตอย่างเดียวได้ ๑๐ วัน ตั้งใจจะซื้อมาใช้แก้ขัดในช่วงแรกก่อนจะไปหาซื้อซิมที่ใช้อยู่ที่นี่จริงๆต่อจากนี้ซึ่งจะไปซื้ออีกทีวันหลัง
โดยซิมนี้ต้องสั่งซื้อจากในเว็บ
https://www.bmobile.ne.jp/english/index.html แล้วการรับนั้นต้องไปรับที่ไปรษณีย์ซึ่งอยู่ที่ชั้น ๔ ของอาคาร ซึ่งตรงแถวนี้เป็นส่วนของผู้โดยสารขาออก แต่ดูแล้วบรรยากาศตอนนี้เงียบเหงามาก
มาที่ไปรษณีย์เพื่อรับซิม เท่านี้ก็ใช้อินเทอร์เน็ตในโทรศัพท์มือถือได้ ใช้ติดต่ออะไรได้ แม้ว่าจะใช้โทรไม่ได้ก็ตาม
จากนั้นก็ได้เวลาออกเดินทาง โดยเริ่มจากไปนั่งรถด่วนสไกไลเนอร์ของเคย์เซย์ เพื่อไปยังสถานีเคย์เซย์อุเอโนะ (
京成上野駅) ซึ่งเดินไปต่อรถไฟชิงกันเซงที่สถานีอุเอโนะ (
上野駅) ได้
ลงที่สถานีเคย์เซย์อุเอโนะ
แล้วเดินมาที่สถานีอุเอโนะของ JR ระหว่างทางต้องออกนอกอาคาร ต้องตากแดด ซึ่งอากาศช่วงนี้ก็ร้อนมาก เพราะเป็นฤดูร้อน และปีนี้ก็ร้อนมากเป็นพิเศษด้วย
ภายสถานีนั้นในเป็นที่ซื้อของฝาก
เข้ามาซื้อตั๋วชิงกันเซงตรงนี้โดยเครื่องขายอัตโนมัติ
แล้วก็ตรวจตั๋วและเดินเข้าไป
อันนี้เป็นภาพตั๋วขึ้นชิงกันเซง ราคา ๑๑๐๐๐ เยน รถเที่ยวนี้เป็นขบวนฮายาบุสะ (はやぶさ) ซึ่งออกเดินทางตอน 11:26 และถึงเซนได 12:51
เดินเข้ามาด้านในเรื่อยๆ ลึกพอสมควร กว่าจะถึงสถานที่ขึ้นรถไฟ
รอสักพักจนถึงเวลาขึ้นรถไฟ
ภายในชิงกันเซง
เนื่องจากได้ที่นั่งที่ไม่ติดหน้าต่าง ก็เลยแทบไม่มีโอกาสได้ถ่ายภาพระหว่างทาง แต่ว่าช่วงที่ใกล้จะถึงเซนไดก็ได้มาเดินรอที่หน้าประตูทางออก จึงถือโอกาสถ่ายภาพบรรยากาศแถวๆเมืองเซนไดเอาไว้
แล้วก็มาถึงสถานีเซนได
หลังจากนั้นก่อนอื่นก็เริ่มจากไปเข้าไปพักในหอพักซึ่งอยู่ที่วิทยาเขตคาตาฮิระ (片平キャンパス) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีเซนได ห่างไปทางตะวันตกเล็กน้อยในระยะที่เดินไปได้
สภาพห้องที่พัก ในนี้มีอุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็นพร้อม และมีห้องน้ำในตัวด้วย
ห้องอยู่ชั้น ๖ มองออกไปข้างนอกก็เห็นทิวทัศน์สวยดี
หลังจากนั้นก็ได้แวะมาตรงวิทยาเขตอาโอบะยามะ (青葉山キャンパス) ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานเพื่อคุยอะไรกับอาจารย์ที่นี่และจัดการเอกสารบางส่วนก่อนที่จะเริ่มงานในวันต่อไป
เรื่องราวในญี่ปุ่นครั้งนี้เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น ต่อไปก็ยังจะมีอะไรอีกมากมายซึ่งจะมาเล่าประสบการณ์ลงในนี้ไปอีกเรื่อยๆ