# พฤหัส 14 มี.ค. 2024เรามาเริ่มทำงานใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นตั้งแต่ 30 มิถุนายน 2022 จนถึงตอนนี้ก็เกือบ ๒ ปีแล้ว โดยได้ทำงานในมหาวิทยาลัยโทวโฮกุ เริ่มงาน 1 กรกฎาคม
แต่ว่างานที่นี่เป็นสัญญาที่ทำได้จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2024 เท่านั้น ดังนั้นหลังจากนั้นก็จำเป็นต้องหางานใหม่แล้วก็ย้ายไปทำที่นั่น
ช่วงเดือนธันวาคม 2023 ได้ทำการหางานใหม่ จนในที่สุดก็ได้งานใหม่ที่ฟุกุโอกะ โดยได้เริ่มงาน 1 เมษายน 2024
สำหรับงานที่เซนไดก็ตัดสินใจทำจนถึงวันที่ 13 มีนาคม 2024 แล้วก็ถือโอกาสนี้เดินทางกลับไทย ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ฟุกุโอกะแล้วเริ่มทำงาน
ภาพสุดท้ายที่ถ่ายที่วิทยาเขตอาโอบะยามะที่ทำงานอยู่ในวันที่ 13 มีนาคม ก่อนจะเดินทางกลับหอพัก
จากนั้นพอวันที่ 14 ก็เป็นวันบินเดินทางกลับไทย โดยครั้งนี้ตัดสินใจเดินทางโดยแวะเปลี่ยนเครื่องที่ไทเปแล้วเที่ยวที่นั่นวันนึง
โดยเครื่องบินที่นั่งเป็นสายการบินไทเกอร์แอร์ ออกจากสนามบินเซนได 19:40 ไปถึงสนามบินเถาหยวนไทเป 23:00
จากนั้นก็ค้างคืนที่สนามบิน แล้ววันต่อมาคือ 15 มีนาคมก็ออกจากสนามบินเถาหยวนเวลา 19:00 แล้วถึงสนามบินดอนเมืองเวลา 22:10
ภาพจากหน้าต่างของหอพักที่อยู่ชั้น ๖ ตอนเช้าวันที่จะออกเดินทาง
ชั้น ๑ ในหอพักหลังจากที่เก็บข้าวของลงมาแล้วทำเรื่องก่อนจะออกไป
หลังจากเดินออกจากหอมา หันหลังกลับไปถ่ายอีกที
จากนั้นก็เดินลากสัมภาระมาจนถึงสถานีเซนได ขนของทั้งหมดมาจึงเหนื่อยไม่ใช่เล่น
ระหว่างทางตรวจดูเวลาที่รถไฟออกแล้วก็พบว่าใกล้แล้วทำให้ต้องรีบจึงต้องวิ่งแม้จะขนของหนัก ยังดีที่มาทันเวลา
พอขึ้นมาก็พบว่ารถไฟคนแน่นเอี้ยด เบียดเสียดกันมากเลย แต่ก็แน่นอยู่เฉพาะตอนอยู่ในเมืองเซนได พอเริ่มไปเรื่อยๆก็เริ่มโล่ง ส่วนใหญ่ลงระหว่างทาง คนที่เดินทางไปสนามบินจริงๆเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
แล้วก็มาถึงสนามบินเซนได
แล้วพอมาถึงตรงส่วนที่เช็คอินระหว่างประเทศก็พบว่าต้องเข้าแถวคิวยาว ทั้งหมดนี้คือคนที่บินไปไทเปทั้งนั้น
แล้วก็รอจนมาถึงคิวเข้าเช็คอิน ก็พบว่าน้ำหนักสัมภาระ ๒๐.๖ กก. เกินจากน้ำหนัก ๒๐ กก. ที่ซื้อไว้แต่เขาก็ไม่ว่าอะไร โชคดีไป
แต่ก็เจอปัญหาอย่างนึง นั่นคือตอนแรกคิดว่าสัมภาระที่โหลดขึ้นเครื่องจะสามารถให้ส่งต่อไปถึงกรุงเทพฯได้เลยโดยที่ไม่ต้องไปรับที่ไทเปแล้วเช็คอินใหม่ตอนที่เราออกไปเที่ยวในไต้หวัง แต่ปรากฏว่าทำแบบนั้นไม่ได้ ทั้งที่เมื่อก่อนเราเคยทำแบบนี้ได้ แต่ว่าที่จริงทำได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับสายการบิน สำหรับไทเกอร์แอร์ทำแบบนี้ไม่ได้ ดังนั้นพอบินไปถึงไทเปก็ต้องรับกระเป๋าทีนึง แล้วก็ต้องอุตส่าห์หาที่ฝากกระเป๋าในสนามบิน แล้วพอไปเที่ยวแล้วกลับมาก็มารับของที่ฝากไว้แล้วก็เช็คอินโหลดอีกรอบ ยุ่งยากแต่ก็ช่วยไม่ได้
หลังจากโหลดกระเป๋าเสร็จแล้วก็มาแวะซื้ออะไรกินสักหน่อยก่อนที่จะเข้าไปยังห้องรอขึ้นเครื่อง
ก็มาเจอร้านนี้ซึ่งขายพวกของฝากของขึ้นชื่อของเซนไดและภูมิภาคนี้
ของจากร้านนี้อยู่ในตู้แช่แข็ง ซื้อมาแล้วยังกินไม่ได้ทันทีต้องเอามาวางข้างนอกให้ละลาย ซึ่งกว่าจะละลายก็เป็นชั่วโมง บางอันหลายชั่วโมง อย่างต่ำก็ชั่วโมงนึง ซึ่งก็พอดีเวลาที่ขึ้นเครื่องบินไปแล้ว เหมาะที่จะซื้อไปรองท้องบนเครื่องเพราะบนเครื่องสายการบินที่เรานั่งครั้งนี้ไม่มีอาหารหรือน้ำแถมให้เลยแม้แต่นิดเดียวถ้าไม่ได้สั่ง
ที่ซื้อมาแค่ขนมชิ้นเล็กๆ ๒ อัน คือคิกุฟุกุ (
喜久福) และเซนนิจิโมจิ (
千日餅) เป็นรสซึนดะ (ずんだ) ทั้งคู่ ซึงดะเป็นไส้ขนมซึ่งทำจากถั่วแระ ใช้ในขนมหลายอย่างในท้องถิ่นโทวโฮกุ
จากนั้นก็เข้ามาในห้องรอขึ้นเครื่อง ระหว่างนั้นเซนนิจิโมจิสามารถกินได้ทันทีโดยไม่ต้องรอละลายเลยหยิบมากินก่อนเลยตอนรอขึ้นเครื่อง
บรรยากาศในห้องรอขึ้นเครื่องขณะกำลังรอ มีที่ใช้ชาร์จแบตมือถือได้ก็เลยมายืนตรงชาร์จตรงนี้ แต่ว่าไม่มีที่นั่งให้ ต้องยืนตลอดระหว่างที่ชาร์จ รอจนถึงเวลาขึ้นเครื่อง
แล้วก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง
เข้ามานั่งในเครื่อง
หลังจากเครื่องออกไปสักพักก็หยิบคิกุฟุกุมากิน นี่ก็ถือเป็นอาหารเย็นวันนี้ มื้อสุดท้ายของการอยู่ญี่ปุ่นคราวนี้
เท่านี้ก็ปิดฉากการอาศัยอยู่เซนไดลง หลังจากนั้นที่ได้กลับมาญี่ปุ่นก็อยู่ฟุกุโอกะแล้ว จะได้กล้บมาเซนไดอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รุ้ แต่ที่ผ่านมาก็ได้อยู่และเที่ยว เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆมากมาย
สำหรับเรื่องการเที่ยวในไต้หวันวันเดียวคราวนี้จะมาเขียนเล่าถึงต่อไปในโอกาสหน้า