φυβλαςのβλογ
phyblas的博客



[ef] ตอนที่ ๗. มือที่สั่นเทา (震える手)
เขียนเมื่อ 2009/06/29 10:08
แก้ไขล่าสุด 2021/09/28 16:42

ตอนที่ ๗. มือที่สั่นเทา (震える手) 

>> กลับไปตอนที่ ๖
>> อ่านต่อตอนที่ ๘

>> กลับไปหน้าสารบัญ

ᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳᅳ

ผมนึกถึงภาพความทรงจำเมื่อครั้งหนึ่ง
เมืองโอโตวะที่ตกอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิง
ร่องรอยในอดีตนั้นไม่เหลือเลย มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีก
ถึงอย่างงั้น เมืองก็ได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ผมรู้สึกชอบสภาพบ้านเมืองที่กำลังค่อยๆฟื้นฟูขึ้นมาเรื่อยๆทีละนิด

-“พี่ชาย”-
ผมรู้สึกรำคาญเด็กที่ชอบตามผมมาทั้งที่อยากจะวาดภาพอยู่สบายๆคนเดียว

“บอกแล้วไงว่าห้ามเรียกแบบนั้น”
คนที่จะเรียกผมแบบนั้นได้น่ะมีแค่คนเดียวเท่านั้น คนอื่นไม่ว่าใครก็ไม่ยอมให้เรียกแบบนั้น

“ถ้าไม่รีบกลับจะโดนคุณครูดุเอานะ”
“ถ้างั้นเธอก็กลับไปคนเดียวสิ”
“แต่...”
ผมถูกดึงมือไว้อย่างแรง แม้ว่าผมจะเพิกเฉย แต่ยูโกะก็ยังจับมือผมไว้แน่น

“...ปล่อย”
“กลับเถอะ”
“บอกว่าให้ปล่อย....”
ช่วงวินาทีนั้น ก็เริ่มมีอะไรบางอย่างแวบเข้ามาในหัวผม
แขนที่ดำเป็นเถ้าถ่านกับนาฬิกาที่ถูกกำอยู่ในมือนั้น...

“พี่ชาย?”
“ไม่มีอะไร”
ผมปัดมือของยูโกะออกอย่างแรง

“อ๊า...”
ยูโกะจ้องมองมือผมด้วยสีหน้าเหมือนไม่พอใจ ผมไม่สนใจมองใบหน้านั้น แล้วเอามือล้วงเข้ากระเป๋ากางเกง

“...พี่ชาย”
“กลับไปซะ ฉันเองก็จะรีบกลับเหมือนกัน”
“อืม”
ทั้งๆที่พยักหน้าแล้ว แต่ยูโกะก็ยังคงยืนอยู่ไม่ไปไหน

“อะไร มีเรื่องอยากจะพูดอีกหรือไง”
ยูโกะพยักหน้า

“ฉันน่ะ...”
“อะไร?”
“อีกไม่นานก็จะต้องไปจากที่นี่แล้วล่ะ....”


“...........”
คราวนี้ก็ฝันถึงยูโกะงั้นเหรอ
ผมเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
ที่ สุดแล้ว ถึงตอนนี้ในจิตใจผมนั้นก็ยังคงมีเรื่องในอดีตนั้นติดค้างอยู่ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่อาจเลือนหาย ราวกับตุ๊กตาที่ถูกชักใยโดยความไม่รู้จักตัวตนของอดีต.....
ช่างมันเถอะน่ะ กังวลที่ไม่เข้าเรื่องจริงๆเลยเรา

....................
พอเข้ามาในห้องเรียน ก็ตรงไปยังที่นั่งของตัวเอง
“อ้าว ฮิมุระ อรุณสวัสดิ์”
“อ้า”
ผมแค่หันไปมองนิดหน่อยแล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้


“อะไรกัน ทำหน้าอย่างกับยมฑูตอีกแล้วนะ”
“ถ้าฉันเป็นยมฑูตจริงๆละก็ ฉันคงจะจับนายส่งลงนรกก่อนเป็นคนแรกเลย”
“ไม่ดีกว่า ฉันยังอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกยาวๆอยู่น่ะนะ”
ถ้าหมอนี่ยังอยู่ไปอีกนานๆละก็ คงจะไม่เป็นผลดีต่อโลกนักหรอกนะ

“อ้อ จริงสิ”
“หืม?”
“ฉันมีของขวัญจะให้ฮิมุระคุงผู้แสนจะดื้อรั้นน่ะ”
“อะไรล่ะนี่”
ผมมองไปที่ใบปลิวที่คุเซะส่งมา


“งานเลี้ยงอำลาคุเซะ ชูอิจิคุง นักไวโอลินอัจฉริยะ.....?”
ผมอ่านที่เขียนไว้ตัวใหญ่ด้านบน ส่วนข้างล่างก็มีสถานที่และวันเวลาเขียนไว้ด้วย

“งานเลี้ยงอำลาที่ว่านี่หมายความว่าไงกัน?”
“คงไม่ได้ลืมเรื่องที่ฉันจะไปเรียนต่อแล้วนะครับฮิมุระคุง”
“.............. อ่อ จะว่าไปก็”
“ลืมจริงๆเหรอ นายน่ะ”
ตอนนี้มีแต่วุ่นวายมากมายเลยทำให้ลืมเรื่องของคุเซะไปเลย

“จะว่าไป นี่มันลายมือนายเองไม่ใช่เหรอ?”
“แน่นอนล่ะ ก็ฉันเป็นคนเขียนนี่นา”
“บ้าน่ะ จัดงานให้ตัวเองเนี่ยนะ”
“แหะๆ มันก็มีเหตุผลนิดหน่อยน่ะนะ”
คุเซะยิ้มขึ้น

“พวกผู้หญิงที่ฉันเคยคบมาก่อนน่ะ มาหาฉันตั้งไม่รู้กี่คนน่ะนะ”
“ถึงเวลาล้างบางแล้วงั้นสินะ”
“ฮะๆ ล้อเล่นน่ะ”
มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้นี่นะ

“เห็นพวกเธอบอกว่ายังไงก็อยากจะจัดงานเลี้ยงอำลาอย่างใหญ่โตขึ้นมาสักครั้ง ฉันก็เลยคิดว่าน่าจะจัดขึ้นมาเองดีกว่า”
“ฉันจะคิดว่านายจัดงานนี้ขึ้นมาเพื่อบอกเลิกก็แล้วกัน”
“น่า ยังไงก็ลองไปดูก่อนก็แล้วกัน”
“...ถ้ามีเวลานะ”
วันเวลาก็คือตอนเที่ยงของวันสอบปลายภาควันสุดท้ายสัปดาห์หน้า

“อ้อ จริงสิ”
“ยูโกะจังก็อาจจะมาด้วยนะ”
“..............”

......................
พอเลิกคาบเรียนที่ ๑ ผมกับคุเซะก็เดินออกจากห้องเรียนทันที

“ถึงเป็นยูโกะก็อาจจะไม่ว่างก็ได้ จะมาได้หรือเปล่าก็ไม่รู้นะ”
“แค่บอกไปว่าเป็นงานเลี้ยงอำลาของฉัน ต่อให้มีติดอะไรอยู่ก็คงต้องมาแหละน่ะ”
“แทบจะไม่เคยคุยกันเลยไม่ใช่หรือไง!”
“เรื่องความรักน่ะไม่เกี่ยวกับเวลาหรอก”
หมอนี่มันเป็นบ้าอะไรอีกล่ะเนี่ย


“เอาล่ะ ขอพูดอะไรจริงจังสักหน่อยนะ”
“นายเนี่ยนะจะพูดเรื่องจริงจัง....?”
“ฉันอยากให้ยูโกะจังมาล่ะ”
“นายน่ะ รู้สึกสนใจเธอมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ฉันแค่รู้สึกว่าเธอดูเหมาะจะมาเป็นแฟนของเพื่อนนะ”
“พูดละเมออะไรของนายน่ะ”
แฟนอะไรกันล่ะ ในหัวนายคงจะมีแต่เรื่องพวกนี้สินะ คุเซะ

“...........หืม?”
“เอ๋”
พอเดินมาถึงที่หน้าห้อง 1-B ทั้งผมและคุเซะก็อุทานออกมาพร้อมกัน
ทั้งๆที่เป็นเวลาพัก แต่กลับเงียบอย่างประหลาด
ผมหยุดเท้าลง

“เกิดอะไรขึ้นกันนะ”
ชักรู้สึกสังหรณ์ใจไ่ม่ดีขึ้นมา

“ฉันจะเข้าไปดูสักหน่อยนะ”
คุเซะพูดแล้วก็เดินเข้าห้องไปอย่างไม่ลังเล
ผมควรจะเข้าไปด้วยดีมั้ยนะ


“ฮิมุระ”
ไม่ทันไร คุเซะก็ยื่นหน้าออกมาจากห้อง ทำสีหน้าจริงจังอย่างที่ปกติแทบไม่เคยเห็นมาก่อน

“ยังไงก็... ก่อนอื่นเลยนะ”
“อะไร เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“ยูโกะจังน่ะ.....”


.........................
พอเปิดประตูห้องศิลปะเข้ามา ก็พบอามะมิยะยืนอยู่ที่เดียวกับครั้งก่อน หน้าตาดูเหนื่อยๆ กำลังพ่นควันออกมาด้วยท่าทีเหมือนคนเบื่อหน่ายไม่มีอะไรทำ


“ครูอามะมิยะ”
“อ้าว ฮิมุระคุง”
อามะมิยะยิ้มให้ทั้งที่ยังคาบบุหรี่อยู่

“ในที่สุดก็อยากจะเข้าชมรมศิลปะขึ้นมาแล้วสินะ?”
“ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์มาพูดล้อเล่นหรอกนะครับ”
ท่าทีของอามะมิยะดูจะไ่ม่มีอะไรแปลกไปจากปกติเลย ทำให้ผมเริ่มรู้สึกไม่สบอารมณ์

“เรื่องของยูโกะน่ะครับ”
“เรื่องของยูโกะ?”
อามะมิยะพ่นควันออกมา

“อ้อ ดูเหมือนจะรู้เรื่องแล้วงั้นสินะ”
“ดูจะไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรเลยนะครับ ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือครับ”
“ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องทำอะไรมากหรอก ที่โรงเีรียนน่ะก็มีเรื่องแบบนี้อยู่เรื่อยๆ”
“คุณจะปล่อยให้เกิดเรื่องรุนแรงขึ้นกับน้องสาวของตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ต้องทำอะไรหรือครับ”
“ถึงจะพูดอย่างงั้น แต่ก็เป็นแค่การทะเลาะของผู้หญิงไม่ใช่หรือไง”
....... ตามข้อมูลที่คุเซะรวบรวมมา ตอนช่วงพักระหว่างคาบ ๑ และคาบ ๒ ดูเหมือนอามะมิยะ ยูโกะจะได้ลงมือตบเพื่อนร่วมชั้น ยูโกะซึ่งกลับจากวิชาพละในคาบเรียนที่ ๑ ได้มีปากเสียงกับเด็กผู้หญิงในห้อง แล้วอยู่ดีๆยูโกะก็เริ่มลงมือกับคู่กรณี

“คนที่เริ่มลงมือก่อนก็คือยูโกะสินะครับ”
“อื้อ ได้ยินมาเหมือนกัน จากนั้นดูเหมือนอีกฝ่ายก็เริ่มไฟติดขึ้นมา”
จากนั้นก็เริ่มเกิดการปะทะกันขึ้น แถมยูโกะดูเหมือนจะถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว
เพราะว่าได้ยินมาจากคนอื่น บางทีอาจจะไม่แน่นอนก็ได้

“ยูโกะเป็นยังไงบ้างครับ?”
“วันนี้ให้กลับไปแล้วน่ะ เพราะว่าถูกอัดแล้วตีเข้าที่หลัง ถึงไม่มีแผลใหญ่ แต่จะให้กลับไปที่ห้องเรียนก็คงไม่ได้ล่ะนะ”
“ไม่มีแผล..... สินะครับ”
ถ้าอย่างงั้นก็สบายใจไปได้เปราะหนึ่ง

“จัดการยังไงไปบ้างครับ...”
“ก็แค่ตบหน้ากันครั้งเดียว คิดว่าคงไม่ถึงกับต้องคุมประพฤติหรือพักการเรียนหรอกนะ อย่างมากก็คงแค่ให้คัดลายมือสำนึกผิดเท่านั้นเอง”
“งั้นหรือครับ....”
นี่ก็คงไม่ต้องเป็นห่วง ถ้างั้นก็เหลือปัญหาที่สำคัญที่สุด

“ครูอามะมิยะรู้เรื่องที่ยูโกะโดนแกล้งอยู่แล้วสินะครับ?”
“โดนแกล้ง.....? อ๋อ แสดงว่าที่ยูโกะตบไปน่ะคือคนร้ายที่ชอบแกล้งงั้นสินะ”
ผมพยักหน้า คิดว่ามีความเป็นไปได้สูง

“งั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะ”
“ไม่มีปัญหาแต่ว่าถ้าปล่อยไว้คงจะไม่ดีแน่ครับ ยูโกะน่ะ ถึงจะยังไงก็ไม่น่าจะใช่เด็กที่ชอบใช้ความรุนแรงนี่ครับ”
ยู โกะเมื่อสมัยเด็ก ยูโกะในตอนนี้ ไม่ว่าจะตอนไหนก็ถือเป็นเวลาสั้นๆ แต่เรื่องนั้นผมเข้าใจดี หมายความว่ายูโกะน่าจะโดนต้อนอย่างสุดๆแล้วถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ลงไป

“ถ้าปล่อยไว้อาจจะเกิดเรื่องอีกก็ได้ ถ้าไม่ทำอะไรละก็...”
“ฮิมุระคุง นี่มันเป็นแค่เรื่องเล็กน่ะ”
“......เอ๋?”
“ปล่อยไปเถอะ นี่มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แล้วมันก็เป็นปัญหาของตัวยูโกะเองด้วย”
“ดูใจเย็นจังเลยนะครับ”
ผมได้พูดเสียดสีออกไปโดยไม่คิด

“ถึงจะไม่มีความเกี่ยวพันทางสายเลือด แต่ยังไงก็เป็นพี่น้องกันนะครับ”
“ก็เพราะว่าเป็นน้องสาวไงล่ะ... ถ้าเรื่องแค่นี้ยังต้องยืมมือคนอื่นช่วยละก็... ฉันไม่อยากให้เธอกลายเป็นเด็กที่อ่อนแอแบบนั้นหรอกนะ”
“นั่นไม่ใช่ข้ออ้างในการที่จะไม่ช่วยอะไรนะครับ”
“ก็อาจจะเป็นอย่างงั้น... แต่มีเรื่องที่แน่นอนอยู่อย่างนึงนะ”
“อะไรครับ”
“มันไม่ใ่ชเรื่องที่เธอจะต้องมาโกรธด้วยสักหน่อย”

.................
หลังเลิกเรียน
หลังจากจบคาบโฮมรูม คุเซะก็เดินออกจากห้องเรียนไปทันที เห็นบอกว่ามีงานเลี้ยงอำลาอย่างอื่นอยู่อีก อยู่ดีๆก็ดันมีนัดขึ้นมา


“ยู ยังไม่กลับเหรอ”
นางิทำไมอยู่ดีๆถึงเข้ามาคุยด้วยนะ

“กว่าจะถึงเวลาทำงานก็ยังมีเวลาอีกน่ะ”
เวลา แบบนี้ปกติจะต้องไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด แต่ว่าวันนี้ดูเหมือนจะไม่มีอารมณ์เลย แต่ถึงยังไงการสอบปลายภาคก็ใกล้เข้ามาแล้ว จะมามัวทำสบายๆอยู่ก็คงไม่ได้ล่ะนะ

“อ้อ ยังไงก็คงจะไปที่ห้องสมุดล่ะมั้ง”
“งั้นมากับเราสักหน่อยได้มั้ย......?”
“นางิ ทานอะไรแปลกๆไปหรือเปล่า?”
เมื่อวานก็ไม่เข้าใจว่าจะมาหาที่บ้านทำไม หมู่นี้นางิมีพฤติกรรมน่าสงสัยจริงๆนั่นล่ะ

“แค่ทานของแปลกเข้าไปน่ะ ไม่ทำให้เราเปลี่ยนไปได้หรอกนะ”
“มันก็ใช่หรอกนะ”
อย่างนี้แสดงว่า สาเหตุที่นางิมีพฤติกรรมน่าสงสัยน่าจะยังมีอย่างอื่นอยู่อีก ไม่สิ อาจจะไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษก็ได้

“นายนั่นแหละไม่สบายหรือไงกัน”
“ฉันก็เป็นเหมือนทุกทีไม่ใช่เหรอ”
“กำลังควบคุมไม่ให้เผาผลาญพลังงานไปอย่างเปล่าประโยชน์อยู่หรือไง”
“เปล่า ฉันไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอกแต่ ก็อาจจะนะ”
“แต่ว่าโกรธเรื่องยุโกะจังก็เลยใช้พลังงานไปเยอะสินะ”
น้ำเสียงเหมือนกำลังโทษผมอยู่เลย

“หมู่นี้ยูดูแปลกไปนะ ไม่สมกับเป็นยูเลยสักนิด”
“ฉันก็คิดอย่างงั้น”
พอ เป็นเรื่องของยูโกะแล้ว ใจผมจะไปก่อนทุกที บางครั้งก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ ตอนสมัยเด็กก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน แววตาที่มองมาที่ผมนั้น ไม่ว่ายังไง.....

“เข้าใจล่ะงั้นไม่เป็นไรแล้ว เราจะไปเข้าชมรมล่ะ”
“ตามสบายเลย”
“พูดจาแบบนั้นน่ะมันออกจะทำร้ายจิตใจกันนะ”
“หมายความว่าไงน่ะ”
“ฮึ”
ทั้งที่ไม่ได้มีท่าทีเหมือนกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่แท้ๆ พอพูดจบนางิก็เดินออกไปซะแล้ว
ถึงอย่างงั้นผมก็ไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องแปลกอะไร หรือจะเรียกว่ามันแปลกขึ้นมาเรื่อยๆอยู่แล้วก็ได้
จิตใจผมได้เปลี่ยนไปเพราะอะไรกันนะ เพราะใครสักคน?

.....................................


พอ ๖ โมง ผมก็เดินออกจากห้องสมุด
เพราะว่าไม่มีสมาธิ ทำให้อ่านหนังสือได้ไม่ค่อยไปสักเท่าไร ทั้งๆที่สอบปลายภาคก็ใกล้เข้ามาทำให้ควรจะเร่งแล้วแท้ๆ

“จะเป็นยังไงต่อไปนะ”
แม้ถึงตอนนี้ ก็ยังเป็นเช่นนั้นเรื่อยมา แน่นอนว่าจากนี้ไปก็.......

ผมสวมรองเท้าแล้วเดินออกมาข้างนอก
ได้ยินเสียงดังมาจากพื้นอย่างแผ่วเบา
โรงเีรียนในยามเย็น... ฤดูร้อน... ไม่ว่าอย่างไหนผมก็ไม่ได้ไม่ชอบ
ความรู้สึกแปลกๆราวกับความเจ็บปวดนั้นได้ถาโถมเข้ามาแต่ก็ยังสบายใจอยู่ได้
ชักเริ่มเกิดความรู้สึกบ้าๆขึ้นมาว่าถ้าหากฤดูร้อนคงอยู่ตลอดไปก็คงจะดี


“............?”
ผมเริ่มมองเห็นอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ข้างบนนั้น คนที่จะเข้าไปที่นั่นได้ เท่าที่ผมรู้จักก็มีอยู่แค่คนเดียว

“ยัยบ้านั่น”
ผมรีบเดินกลับเข้าไปในอาคารเรียน

...................
เมื่อ เปิดประตูดาดฟ้าเข้ามา ก็พบเธอกำลังยืนอยู่ทั้งที่ไม่มีทั้งรั้วหรือราวกั้น เมื่อเธอเห็นผมที่อยู่ดีๆก็โผล่มา ก็ไม่มีท่าทีตกใจแถมยังยิ้มขึ้น


“ยูโกะ”
“ค่ะ ยูโกะเองค่ะ”
เธอดูมีท่าทีเป็นปกติเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“นี่เธอไม่ได้กลับบ้านไปแล้วหรอกหรือนี่”
“แค่แกล้งทำเป็นว่ากลับไปแล้ว แล้วก็แอบขึ้นมาบนดาดฟ้าน่ะค่ะ ฉันมักจะทำแบบนี้อยู่บ่อยๆ”
“กำลังหลอกใครอยู่งั้นเหรอ”
“ก่อนที่จะหลอกศัตรูได้ ก็ต้องหลอกพวกเดียวกันก่อน ไม่ใช่หรือคะ”
“ใครเป็นศัตรู แล้วใครเป็นพวกเดียวกันหา?”
“อย่างน้อย รุ่นพี่ฮิมุระก็เป็นพวกเดียวกับฉันสินะคะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“ทั้งที่ใจดีออกแบบนั้น”
“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย”
ผมพูดอย่างไม่พอใจแล้วเมินหน้าหนี
ถ้าหากผมใจดีจริงๆละก็ พอรู้เรื่องราวแล้วก็คงไม่ปล่อยยูโกะไว้แบบนี้หรอก

“จะว่าไป ทั้งๆที่เป็นตอนเย็นแ่ต่ร้อนจังเลยนะคะ”
“เป็นเพราะว่าแต่งตัวแบบนี้ไม่ใช่หรือไง”
“จริงด้วยสินะคะ รุ่นพี่เนี่ยฉลาดจังเลยนะคะ”

“ไหนๆที่นี่ก็ไม่มีใครนอกจากรุ่นพี่อยู่แล้ว ถอดเลยดีมั้ยคะ ทั้งท่อนล่างและท่อนบน”
“เดี๋ยวก่อนสิ!”
ผมรีบห้ามยูโกะที่กำลังทำท่าจะถอดจริงๆ

“ไม่ได้หรือคะ?”
“มันแ่น่อยู่แล้ว”
ยัยเด็กนี่ คิดจะทำอะไรกันน่ะไม่เข้าใจเลย

“ถ้าอยู่ในที่แบบนี้มันก็ต้องร้อนอยู่แล้วสิ”
“แต่ว่าฉันน่ะ ชอบอากาศร้อนนี่คะ”
“ถ้าชอบขนาดนั้นละก็ เชิญอยู่ตรงนี้ต่อไปเลย”
“ว้า พูดจาเย็นชาจังเลยนะคะ”
“อย่างงั้นเหรอ”
“แล้วรุ่นพี่ล่ะคะ ชอบฤดูร้อนหรือเปล่า?”
“เรื่องนั้นน่ะช่างมันก่อนเหอะ”
“หา? มีเรื่องอะไรจะพูดหรือคะ?”
ยูโกะทำหน้าแปลกใจ

“ไปตบเพื่อนมาสินะ”
“ว้า... แม้แต่รุ่นพี่ก็รู้เรื่องนี้แล้วจริงๆด้วยสินะคะ”
“เธอนี่ ไม่รู้สึกสำนึกเลยจริงๆสินะ”
“อืม.....”
ดู ท่าจะไม่ได้สำนึกว่าตัวเองทำอะไรผิดไปเลยจริงๆสินะ แต่ถ้าหากอีกฝ่ายเป็นคนที่ชอบมาแกล้งจริงๆละก็ จะว่ายูโกะฝ่ายเดียวก็คงจะไม่ได้ล่ะนะ

“ความจริงแล้ว...”
“อะไร?”
“ฉันน่ะ ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะเคยตบคนเป็นครั้งแรกนี่ล่ะค่ะ”
“.................”
ยูโกะทำท่าจ้องมองไปที่มือตัวเอง


“ยังรู้สึกเหมือนชาๆอยู่เลย.....”
มือของเธอนั้นเหมือนจะกำลังสั่นอยู่

“เจ็บจริงๆเลยนะคะ”
“ถ้ารู้แบบนี้แล้ว คงจะไม่ทำอีกแล้วสินะ”
“ไม่รู้สินะคะ”
“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ”
ผมถามออกไปด้วยเสียงที่อ่อนโยนจนตัวเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อ

“พอกลับมาจากชั่วโมงพละ.... ก็เห็นคนกำลังค้นกระเป๋าฉันอยู่น่ะค่ะ จากนั้นอยู่ดีๆก็รู้สึกเลือดขึ้นหน้าขึ้นมาทันที”
ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ ถ้าถึงขั้นทำให้ยูโกะต้องลงมือละก็ อย่างน้อยก็คงจะต้องเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสพอสมควร

“อาจเป็นเพราะว่าช่วงนี้นอนไม่ค่อยพอ ก็เลยรู้สึกหงุดหงิดง่ายน่ะค่ะ”
ยูโกะพูดเช่นนั้นแล้วก็ยิ้มออกมา

“ขอโทษนะคะ รุ่นพี่”
“มาขอโทษฉันทำไม”
“ก็ต้องขอโทษแน่นอนอยู่แล้วสิคะ”
ยูโกะเริ่มเดินเข้าใกล้ผมอย่างเงียบๆ

“ที่ทำให้คนที่ชอบต้องมาเป็นห่วงแบบนี้”
แววตาที่ไม่มีความกลัวที่จะถูกปฏิเสธอยู่เลยนั้นได้จ้องมองมา


“ทำไมล่ะ?”
“คะ?”
“ตั้งแต่ ได้พบกันอีกครั้ง ก็ยังผ่านมาได้ไม่นาน แถมตอนสมัยเด็กเอง ฉันก็ไม่ได้ทำดีอะไรกับเธอเลย ทั้งที่เป็นแบบนั้น ทำไมเธอถึงยังพูดแบบนี้อยู่อีกล่ะ”
“ฉันน่ะคิดมาโดยตลอด”
ยูโกะกำมือผมไว้แน่น รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายที่ไหลผ่านเข้ามา

“ว่าฮิมุระ ยูคุงคนนั้น ตอนนี้จะโตมาเป็นคนแบบไหนกันนะ....”
“......คงผิดจากที่คาดไว้สินะ?”
ผม ซึ่งยังคงจมอยู่กับอดีตเรื่อยมา ภาพก็ไม่ได้วาดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ได้แต่เรียนแล้วก็สู้ชีวิตไปวันๆ กลายเป็นคนน่าเบื่อซึ่งไม่สามารถจะทำอะไรได้ หรือบางทีผมอาจจะเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่เด็กแล้วก็ได้

“ไม่เลยค่ะ คุณน่ะเป็นอย่างที่ฉันคิดเอาไว้เลย”
“คิดว่าฉันจะเป็นคนแบบไหนล่ะ”
“ฮะๆ เรื่องนั้นน่ะเป็นความลับค่ะ”
“หนอย...”
“ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือคะ ฉันน่ะจนถึงตอนนี้ก็ยังชอบรุ่นพี่ฮิมุระอยู่ มันก็สำคัญอยู่แค่นั้นล่ะค่ะ”

...................
ผมเดินออกมานอกอาคารเรียนอีกครั้ง

“อ้าว ช้าจังเลยนะ”
“หวา!”
ผมตกใจเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากเงาของประตูโรงเรียน


“ห้องสมุดก็ปิดไปแล้วนี่นา ไปทำอะไรมาล่ะนั่น”
“อยู่ดีๆอย่าส่งเสียงออกมาแบบนี้สิ”
“ทั้งๆที่เดี๋ยวก็จะต้องรีบไปทำงานแต่กลับดูใจเย็นจังเลยนะ”
“ไม่มีอะไรหรอกน่ะ”

ผมรีบตอบออกไปอย่างไม่เสแสร้ง จากนั้นจึงเริ่มเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

.................

“ฮิมุระ”
“..........”
“ได้ยินหรือเปล่า ฮิมุระ”
“....มีอะไร”
ทั้งที่เดินด้วยความเร็วมากพอสมควร แ่ต่คุเซะก็ยังคงเดินตามมาติดๆ

“มีอะไรก็รีบๆพูดออกมาซะ ฉันกำลังรีบๆอยู่”
“เอาน่ะ ไม่ต้องรีบหรอก ฟังที่ฉันพูดก่อนนะ”
คุเซะเอามือมาวางที่ไหล่ผมแล้วยิ้มขึ้น

“อะไรอีก ฉันจะไปทำงาน....”
“ฮิมุระ นายน่ะกำัลังคิดอะไรอยู่เหรอ?”
“ถามแบบนี้หมายความว่าไง”
“ตอบมาตามตรงได้มั้ย ฉันน่ะตกใจมากทีเดียวล่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนอย่างฮิมุระ ยู จะมาคิดมากอะไรกับเรื่องของคนอื่น”
“นายคิดว่าฉันจะไม่ยุ่งกับเรื่องทางโลกเลยงั้นสินะ ฉันเองก็เป็นนักเรียนธรรมดาที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างธรรมดานะ”
“ถ้าอย่างงั้น น่าจะคิดเรื่องนางิบ้างได้แล้วนะ”
“นางิ? แล้วนางิมาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ?”
คุเซะเงียบลงแล้วก้มหัว

“อย่ามาพูดอ้อมค้อมได้มั้ย”
“ถ้างั้นถามคำเดียว ฮิมุระน่ะคิดยังไงกับยูโกะจังเหรอ?”
“ถ้าจะให้พูดก็...”
ผมพยายามระมัดระวังคำพูด

“นั่นสินะ..... ฉันไม่อยากจะสูญเสียใครไปอีกน่ะ”
“ไม่อยากจะสูญเสีย...?”
“ความรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถปกป้องใครบางคนไว้ได้น่ะ ครั้งเดียวก็มากเกินพอแล้วล่ะ”

นาฬิกา ข้อมือสีแดง.... คริสต์มาสที่ทุกสิ่งทุกอย่างหายลับไปในเปลวเพลิง.... ผมซึ่งไม่สามารถที่จะปกป้องแม้แต่น้องสาวเพียงคนเดียวเอาไว้ได้....
ไม่ใช่ว่ามันจะทดแทนกันได้หรอก แต่แม้ว่าจะทดแทนไม่ได้ก็ตาม....

“แค่รู้สึกว่าไม่สามารถปล่อยยัยนั่นเอาไว้ได้น่ะ”
“เข้าใจล่ะ ถ้างั้นก็ดี”
คุเซะพยักหน้าเหมือนกับรู้สึกพอใจแล้วก็ตบหลังผม

“เจ็บนะ อย่ามาทำเป็นสนิทเกินจะได้มั้ย”
“ไม่ดีเหรอ ยังไงเราก็ยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกหน่อยนึงนี่นา”
“ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้น”
สุดท้ายแล้ว คุเซะก็เดินตามมาจนถึงที่ทำงาน ระหว่างทางก็ได้คุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย
รู้สึกรำคาญใจจริงๆเลย

..................................


ถึงตอนนี้ก็ยังคงรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอยู่เลย ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่ามีความเจ็บปวดแบบนี้อยู่บนโลกใบนี้ด้วย

“รุ่นพี่ฮิมุระ ก็ยังทำหน้าแปลกใจเลย”
การกระทำของฉันมันผิดคาดขนาดนั้นเลยสินะ
บางที ในความคิดเขาอาจจะเห็นฉันเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆอยู่ก็ได้ แค่เด็กว่าง่ายคนหนึ่งที่เอาแต่คอยเดินตามหลังยูคุง

“ฮะๆๆ”
นึกไปก็หัวเราะไป

......ก๊อกๆ
“ค่ะ”
ฉันพูดตอบเีสียงเคาะประตู

“ยูโกะ ขอเข้าไปหน่อยนะ”
“กลับมาแล้วหรือคะ พี่”
“กลับมาแล้ว”
พี่ยิ้มมาทางฉันจากนั้นก็เข้ามายืนอยู่ข้างๆ


“ยูโกะ ถามหน่อยนะ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้....”
“ฉันถูกค้นกระเป๋าน่ะค่ะ”
ฉันยกกระเป๋าที่ใช้สำหรับใส่ของไปโรงเรียนขึ้นมา

“เพราะมีไอ้นี่ใส่อยู่น่ะค่ะ แค่ถูกเห็นคงไม่เป็นไร แต่ถ้ามีใครมาจับเข้าละก็คงจะแย่”
“อย่าง นี้นี่เอง ถ้าอย่างงั้นเรื่องคราวนี้ก็คงจะไม่ติดใจเอาความ แต่ก็อย่าให้สะดุดตานักล่ะ ไม่งั้นจะมีคนเอาไปพูดว่าฉันมีน้องสาวที่ชอบทำตัวแปลกๆน่ะ”
“ห่วงเรื่องนั้นด้วยหรือคะ”
บางทีต่อให้ฉันจะทำอะไรที่โรงเรียนก็ตาม เขาก็คงไม่สนใจจะมาห้ามหรอก จะว่าไปก็คือ พี่น่ะไม่ได้รู้สึกชอบงานครูที่เป็นอยู่เลย

“ยูโกะ คิดอะไรอยู่กันแน่?”
“ไม่รู้สิคะ...”
“ฮิมุระ ยู เขาน่ะต่างไปจากคนอื่นจริงๆด้วยสินะ”
“เพราะเป็นเพื่อนสมัยเด็กน่ะค่ะ”
“ให้เขาได้เห็นแขนนั่นหรือยังล่ะ?”
ฉันมองไปที่แขนตัวเองซึ่งมีเสื้อแขนยาวและถุงมือห่อหุ้มอยู่ตลอดเวลา

“ยังค่ะ”
ฉันส่ายหน้าเล็กน้อย

“จะบอกเขาไปเลยก็ได้นะ สิ่งที่เขากลัวที่สุดน่าจะเป็นการที่จะต้องทอดทิ้งเธอไว้”
“ทั้งที่ัยังไงก็ไม่อาจจะทดแทนคนที่ตายไปแล้วได้แท้ๆ”
“งั้นเหรอ ช่างเป็นเรื่องที่โง่เขลาซะจริงๆ เขาน่าจะลดความถือมั่นลงสักหน่อยแล้วหันมาเป็นห่วงตัวเองนะ”
“รุ่นพี่ฮิมุระเขาคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ”
“ต่อ ให้เป็นเรื่องที่ฮิมุระคุงเองสามารถทำได้ก็เถอะ ถ้าหากมัวโทษตัวเองต่อไปละก็ มันก็เป็นแค่ความดีจอมปลอมที่ไร้ความจำเป็นเท่านั้นล่ะนะ”
ฉันไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธอะไร เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋า แล้วหยิบมีดสั้นที่มีปลอกใส่เอาไว้ออกมา


“ไม่ยักรู้เลยนะว่าพกเอามันไปไหนมาไหนอยู่ทุกๆวัน”
“คนที่บอกว่าให้เอาไว้ป้องกันตัวเองก็คือพี่เองไม่ใ่ช่หรือคะ”
นี่เป็นมีดที่เมื่อก่อนพี่เอาไว้ใช้ในงานแกะสลักไม้ซึ่งเคยชอบทำ

“จากนี้ไปคิดจะทำยังไงล่ะ ยูโกะ?”
“จากนี้ไปคงไม่ใช่ว่าจะทำยังไงต่อไป แต่เป็นได้แต่เฝ้ามองว่าจะเป็นยังไงต่อไปมากกว่า”
“ถ้าคิดแบบนั้น ก็จะผิดพลาดต่อไปนะ”
“ฉันก็กำลังทำสิ่งที่ผิดพลาดอยู่แล้วล่ะค่ะ แม้จากนี้ไป มันก็คงจะยังผิดพลาดอยู่อย่างนั้น”
“งั้นเหรอ นั่นสินะ”
พี่เริ่มหัวเราะออกมาด้วยท่าทีที่ดูสนุกสนานอย่างเต็มที่ และได้เข้ามาสัมผัสมือของฉันที่กำลังกำมีดอยู่เบาๆ
แม้ความรู้สึกจะผ่านถุงมือเข้ามา แต่กลับไม่อาจสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากมือของพี่เลย

มือของรุ่นพี่ฮิมุระเนี่ย.... อบอุ่นจังเลยนะ



-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- บันเทิง >> เกม >> vn

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

目录

从日本来的名言
模块
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
机器学习
-- 神经网络
javascript
蒙古语
语言学
maya
概率论
与日本相关的日记
与中国相关的日记
-- 与北京相关的日记
-- 与香港相关的日记
-- 与澳门相关的日记
与台湾相关的日记
与北欧相关的日记
与其他国家相关的日记
qiita
其他日志

按类别分日志



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  查看日志

  推荐日志

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ