ตอนที่ ๘. พระเจ้าซึ่งไม่อยู่ที่ไหนเลย (どこにもいない神様)
............................
“นั่น..สินะ..... ตัวเราด้านที่เป็นผู้หญิง... ล่ะมั้ง”
ด้านที่เป็นผู้หญิง... งั้นเหรอ
“น่าสนใจจังเลยนะ”
ฉันค่อยๆเดินห่างออกจากประตูห้องอย่างระมัดระวังโดยไม่ส่งเสียง
“อ้าว ยูโกะจัง”
“ค่ะ ยูโกะจังเองค่ะ”
รุ่นพี่คุเซะยังซึ่งคงใบหน้ายิ้มแย้มอย่างสงบเรียบเหมือนทุกที ได้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน
“จะมาหาฮิมุระไม่ใช่เหรอ หมอนั่นไม่ได้อยู่ในห้องศิลปะหรอกเหรอ?”
“ค่ะ แต่เปลี่ยนใจจะกลับไปก่อนแล้วล่ะค่ะ ถ้าไปเกาะแกะเขามากก็อาจจะถูกโกรธเอาได้น่ะค่ะ รุ่นพี่ฮิมุระเนี่ย”
“หมอนั่นยิ่งหัวแข็งอยู่ด้วยล่ะนะ”
“บางทีเขาอาจจะยังไม่ชินกับการถูกใครตามติดน่ะค่ะ”
“โห”
รุ่นพี่คุเซะอุทานขึ้นด้วยน้ำเสียงชื่นชม แต่ฉันไม่ได้รู้สึกภูมิใจอะไร ก็รุ่นพี่ฮิมุระน่ะออกจะเป็นคนง่ายแบบนั้น
“รุ่นพี่คุเซะคะ”
“หา.. มีอะไรเหรอ?”
“นางิซังกับรุ่นพี่ฮิมุระเขา...”
“นางิกับฮิมุระ... ทำไมเหรอ”
“อ้อ เข้าใจล่ะ”
รุ่นพี่คุเซะทำหน้าเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมา
“นางิน่ะ ก็คิดแต่เรื่องวาดรูป ส่วนฮิมุระก็คิดแต่เรื่องเรียนกับเรื่องใช้ชีวิตมาโดยตลอดจนถึงตอนนี้นั่น ล่ะ ไม่มีเรื่องอะไรแบบที่เธอคิดหรอก”
“ได้ยินแบบนั้นก็ค่อยสบายใจหน่อย รุ่นพี่คะ ขอบคุณมากนะคะ”
ฉันยิ้มออกไป
“แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่อาจวางใจได้หรอกนะ ยังไงก็เป็นผู้ชายกับผู้หญิงนี่นะ”
“ได้ยินเรื่องอะไรที่เกินควรเข้าแล้วสินะคะ”
“อย่างเธอน่ะถึงไม่พูดก็คงจะเข้าใจดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันน่ะไม่่ค่อยเข้าใจเรื่องความรักหรอกค่ะ ต่างกับรุ่นพี่คุเซะผู้มากด้วยประสบการณ์”
“ฮะๆ เธอเองก็พูดอะไรเกินเลยเหมือนกันนะ”
พวก เราต่างยิ้มเข้าหากัน รุ่นพี่คุเซะเองก็ค่อนข้างเป็นคนแปลกเหมือนกัน บางทีก็เหมือนจะรู้อะไรไปหมดทุกเรื่อง หรือบางทีอาจจะไม่รู้อะไรเลย ความรู้สึกแปลกๆที่ไม่อาจเข้าใจได้
“คือ... รุ่นพี่คุเซะคะ มีเรื่องจะปรึกษาหน่อยน่ะค่ะ”
“ได้สิ คราวนี้มีอะไรล่ะ”
“ช่วยเป็นพ่อสื่อให้ทีได้มั้ยคะ?”
ถึงจะไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเขาก็คงจะไม่ใช่คนที่จะเป็นศัตรูกับฉันอย่างแน่นอน
........................
ผมเดินออกจากประตูโรงเรียนพร้อมกับยูโกะและนางิ
คุเซะดูเหมือนจะยังมีธุระอะไรบางอย่าง เลยยังอยู่ที่โรงเรียน
“รุ่นพี่ฮิมุระคะ วันนี้ต้องไปทำงานอีกหรือเปล่าคะ?”
“เปล่า พอดีเป็นช่วงก่อนสอบ เขาเลยให้หยุด”
เจ้า นายที่ร้านกาแฟบอกผมว่า ไม่ควรลืมเรื่องที่ตัวเองมีหน้าที่ต้องเรียน ก็เลยไม่ได้ให้งานผมทำในช่วงนี้ รายได้ลดลงก็คงจะแย่อยู่ แต่ถ้าผลการเรียนแย่จนหลุดจากทุนไปคงจะแย่ยิ่งกว่า เพราะงั้นก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ
“มีอะไร หรือว่ายังอยากจะให้ช่วยสอนอยู่เหรอ?”
“จะว่างั้นก็ใช่อยู่หรอกค่ะ......”
“ฮิมุระคุง”
พอได้ยินเสียงคนเรียก ทั้งผมและยูโกะก็หันกลับไป
“เดินกลับกันพร้อมหน้าเชียวนะ”
“พี่นั่นแหละ กลับเร็วจังนะคะ”
พอลองมองดูนาฬิกา ตอนนี้ยังไม่ ๕ โมงเลย นี่ไม่น่าจะใช่เวลากลับบ้านของคนทำงาน
“อ่อ วันนี้มีธุระนิดหน่อยน่ะ เลยขอกลับก่อน”
“เกี่ยวกับเรื่องนั้นหรือคะ?”
“ใช่ เพราะงั้นเลยจะไปที่บ้านของอาจารย์ฮิโรโนะหน่อยน่ะ”
อามะมิยะหันมามองทางนางิ
“พอดีเลย ฮิโรโนะซัง ไปด้วยกันมั้ย”
“ไม่”
“เอ๋?”
“หนูจะกลับคนเดียว ไม่ว่าใครก็ห้ามตามมานะ”
พอพูดจบ นางิก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับมาอีกเลย
“ฮิมุระคุง มีไปทำอะไรเธอไว้หรือเปล่า”
“แล้วทำไมอยู่ดีๆมาคิดว่าผมเป็นคนทำล่ะครับ”
ชอบคิดไปเองอยู่เรื่อยเลย ครูศิลปะคนนี้
“ยัยนั่นน่ะ ดูเหมือนจะกำลังช็อคกับแผ่นดินไหวเมื่อตะกี้อยู่น่ะครับ”
“หืม...? ไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่าฮิโรโนะซังจะเป็นอะไรมากกับแค่แผ่นดินไหวระดับนั้น ยังไงก็เถอะ ฉันจะตามไปดูละกัน ยังไงก็เป็นลูกสาวของผู้มีพระคุณ ก็เลยอดเป็นห่วงไม่ได้”
“จะทำอะไรก็ทำไปเถอะครับ”
“งั้น ยูโกะ จะแวะไปไหนก่อนก็ได้แต่ขอให้กลับภายในเวลาอาหารเย็นนะ”
“ค่ะ เข้าใจแล้ว”
พอยูโกะตอบ อามะมิยะก็เริ่มปรากฏรอยยิ้มประหลาดขึ้น
“จะไปแวะบ้านก็ได้ แต่ว่าห้ามค้างคืนนะ”
“พี่คะ!”
“ไปล่ะ”
อามะมิยะเดินออกไปด้วยท่าทีเหมือนจะหลบเสียงเกรี้ยวกราดของยูโกะ
“คงจะลำบากใจแย่เลยสินะ”
“ค่ะ ก็คงอย่างงั้น...”
ยูโกะถอนหายใจ
ต่อให้เป็นยูโกะก็เถอะ มีพี่ชายแบบนี้ก็คงจะน่าลำบากใจเหมือนกันนะ
“เอาเถอะ ยังไงก็เป็นครอบครัวเดียวกันไปแล้ว คงทำอะไรไม่ได้ล่ะนะ”
“เฮ้อ... นั่นนะสิคะ”
ผมค่อยๆเดินไปช้าๆโดยมียูโกะเดินอยู่ข้างๆ เธอยังคงเดินใกล้เหมือนอย่างทุกทีแต่ครั้งนี้ผมกลับไม่มีความรู้สึกอยากบ่นแล้ว
“เรื่องนั้นช่างเถอะค่ะ ว่าแต่ไหนๆก็ได้รับคำอนุญาตจากพี่แล้ว เราไปแวะที่ไหนกันก่อนดีมั้ยคะ?”
“ฉันไม่ได้หยุดงานเพื่อที่จะมาเล่นกับเธอนะ”
“ไม่ได้เล่นนะคะ ถ้าฉันจะขอคุยเรื่องจริงจังด้วยจะได้มั้ยคะ?”
“ยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย ฉันไม่อยากจะต้องมาใช้สมองไปอย่างเปล่าประโยชน์”
“แต่ว่า คงจะช่วยมาด้วยได้นะคะ?”
ยูโกะหันมามองผมด้วยสายตาที่ไร้เดียงสา แล้วเข้ามาจับมือผมไว้แน่น
“.............”
แน่นอนว่าผมไม่ได้จับมือกลับ และไม่ได้คิดที่จะให้คำตอบอะไร
..........................
ในโบสถ์นั้นอบอวลไปด้วยบรรยากาศที่สงบร่มรื่น พอมาอยู่ในนี้แล้วความรู้สึกใจสงบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
“ว่าแต่ มากี่ทีก็ดูเงียบเหงาไร้ผู้คนอยู่ตลอดเลยนะ ที่นี่น่ะ”
“เป็นสถานที่ที่ดีในการอยู่กันลำพังสองคนนะคะ”
“คิดอะไรน่ะ นี่มันสถานที่สำหรับการอธิษฐานนะ”
“รุ่นพี่เชื่อเรื่องพระเจ้าหรือเปล่าคะ”
“จะบ้าเหรอ ถ้าพระเจ้าอะไรนั่นมีอยู่จริงละก็ ป่านนี้คงโดนฆ่าไปแล้วล่ะ เพราะว่าในโลกนี้น่ะ คงจะมีคนที่โกรธแค้นในโชคชะตาของตัวเองอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว”
พอพูดไปอย่างงี้แล้ว รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังพูดเรื่องอะไรที่ไร้สาระอยู่ยังไงยังงั้น
“นี่นะเหรอ เรื่องจริงจังที่เธอต้องการจะพูด?”
“คิดว่าเรื่องมันลึกซึ้งดีน่ะค่ะ แต่ก็ไม่ได้น่าสนใจถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“เธอเนี่ยชอบเปลี่ยนเรื่องพูดอยู่เรื่อยเลยนะ”
ยูโกะยิ้มขึ้น เป็นรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา ไร้เดียงสาเกินไปจนราวกับจงใจทำเพื่อกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง
“คำพูดของเธอเนี่ย ไม่ค่อยจะเข้าใจเลยว่าอันไหนพูดจริง อันไหนพูดเล่น”
“เรื่องแบบนี้ ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวหรอก ไม่ว่าใครก็ต้องมีหลายหน้ากันทั้งนั้น”
“หน้า งั้นเหรอ”
บางทีอาจจะเป็นเช่นนั้น ทั้งยูโกะและตัวผมเอง หรือแม้แต่คนอย่างคุเซะ ไม่ว่าใครก็คงจะมีด้านที่ไม่อยากให้คนอื่นเห็นอยู่
“นางิซังน่ะ”
“นางิ?”
อ้อ จะว่าไป ยัยนั่นเองก็ด้วย ยัยนั่นเท่าที่ผมรู้จัก จะว่ามีนิสัยที่ดูออกง่ายที่สุดแล้วก็ได้ แต่......
“นางิซัง ไม่เป็นไรสินะคะ”
“ถึงจะแปลกใจนิดหน่อย แต่คงงั้นล่ะนะ อามะมิยะเองยังบอกว่าคิดไม่ถึงเลย แต่ก็คงจะเพราะเป็นห่วงจริงๆล่ะนะ”
ต่อให้เคยเจอประสบกับแผ่นดินไหวแบบไหนมาก็เถอะ ท่าทีของนางิก็ยังถือว่าผิดคาดเกินไปสำหรับผมอยู่ดี
“เพราะนางิซังน่ะ เป็นผู้หญิงไงล่ะคะ”
“ต่อให้ไม่ใช่ผู้หญิง แผ่นดินไหวก็ยังน่ากลัวอยู่ดีแหละ”
“ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นหรอกค่ะ”
ยูโกะยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“นางิซังเนี่ย สวยจังเลยนะคะ”
“สวย......?”
“รุ่นพี่ฮิมุระเองก็ไม่ปฏิเสธใ่ช่มั้ยล่ะคะ?”
“จะว่างั้นก็ใช่”
นางิน่ะแทบไม่เคยทำอะไรอย่างที่ผู้หญิงเขาทำเลย อย่างน้อยก็เรื่องวาดรูปเปลือยที่ห้องศิลปะในตอนนั้น
“หน้าตาก็ดูสมส่วน ท่าทีก็ดูดี ผิวก็สวย นิสัียก็ดูสมกับเป็นผู้หญิงด้วยล่ะค่ะ”
“เดี๋ยวสิ ไอ้อย่างสุดท้ายนี้ฉันว่าไม่ใช่แล้วล่ะ”
ผมไม่เห็นจะรู้สึกว่านางิดูสมกับเป็นผู้หญิงตรงไหนเลย ดูจากนิสัยแบบนั้นแล้ว
“ไม่่ค่ะ นางิซังน่ะดูสมกับเป็นผู้หญิงออกนะคะ ฉันยังรู้สึกชื่นชอบเธอเลย”
“คิดยังไงถึงไปชื่นชอบยัยนั่นล่ะนี่”
ยูโกะทำหน้าเหนื่อยใจเล็กน้อย หยุดเท้าลงแล้วหันมาจ้องหน้าผม
“รุ่นพี่คะ ทำไมนางิซังถึงได้ช็อคถึงขนาดนั้น ไม่เข้าใจอีกหรือคะ?”
“อย่างที่บอกล่ะ เพราะกลัวแผ่นดินไหวไม่ใช่เหรอ?”
“คิดว่าไม่ใช่หรอกค่ะ”
“ก็ไ่ม่เห็นจะมีเรื่องอื่นให้ต้องตกใจเลยไม่ใช่เหรอ”
ยูโกะทำท่าถอนหายใจเล็กน้อย
“เรื่องที่ทำให้ฉันดีใจน่ะ กลับเป็นเรื่องที่ช็อคสำหรับนางิซังไงล่ะคะ”
“พูดอะไรของเธอน่ะไม่เห็นจะเข้าใจเลย”
“รุ่นพี่ฮิมุระเนี่ยเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องจริงๆเลยนะคะ”
ยูโกะยิ้มแล้วพูดขึ้น
“ที่หัวช้ากับเรื่องแบบนี้ เพราะมัวเอาหัวไปคิดแต่เรื่องเรียนสินะคะ”
“พูดงี้คิดจะหาเรื่องกันหรือไง?”
ยูโกะหันหลังออกไปทั้งที่ยังยิ้มอยู่
“รุ่นพี่ฮิมุระ ฉันน่ะ จะไม่ยอมแพ้นางิซังหรอกค่ะ”
“คิดจะแข่งอะไรกันกับยัยนั่นกันน่ะ”
“รุ่นพี่คะ ไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆสินะคะ ทั้งๆที่อยากจะให้เข้าใจ แต่ว่าคงจะได้แค่คิดเท่านั้นสินะคะ..... เพราะฉะนั้น ฉัน.....”
ยูโกะเดินเข้ามาใกล้อีกก้าว
“ถ้าเป็นรุ่นพี่ฮิมุระละก็ฉันจะให้ได้เห็น ไม่สิ ฉันอยากให้คุณได้เห็น”
“เห็นอะไรกัน”
“ตัวฉันที่แท้จริง..... น่ะค่ะ”
ริมฝีปากที่เย็นเฉียบ รู้สึกได้ถึงความเบาบางและอ่อนนุ่ม
“ยูโกะ......?”
“แหม ไม่เห็นจะต้องตกใจถึงขนาดนั้นเลยก็ได้นี่คะ”
ผมค่อยๆลูบปากตัวเองดูเบาๆ ไม่ผิดแน่ ผมกับยูโกะได้สัมผัสปากกันเบาๆตะกี้นี้
“คิดอะไรของเธออยู่น่ะ?”
“ดูสงบนิ่งกว่าที่คิดนะคะ รุ่นพี่เนี่ย ทุกทีแค่ฉันเข้าใกล้หน่อยก็ตกใจแล้ว เลยคิดว่าจะตกใจมากกว่านี้ซะอีก”
“......ต้องการจะให้ฉันตกใจเล่นใ่ช่มั้ยนี่”
แค่จูบน่ะไม่ใ่ช่เรื่องที่จะต้องโวยวายอะไร เพียงแต่... เพราะได้สัมผัสกับส่วนหนึ่งของร่างกาย
“รุ่นพี่ฮิมุระไม่เชื่อสินะคะ”
“เรื่องอะไร”
“เรื่องที่ฉันชอบรุ่นพี่ไงล่ะคะ ทั้งที่บอกออกมาทั้งถ้อยคำและการกระทำแล้วแท้ๆ แต่รุ่นพี่กลับ...”
เรื่องนั้นก็เข้าใจอยู่หรอก ยูโกะแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่างแน่วแน่เต็มที่สุดๆจริงๆ
แต่ว่าผม...
อากาเนะ...
นึกถึงเรื่องของอากาเนะขึ้นมาอีกแล้ว
กับยูโกะที่ทำให้นึกถึงเรื่องของน้องสาวขึ้นแล้ว จะให้รู้สึกว่ายังไงดีล่ะ
“รุ่นพี่คะ”
ยูโกะเริ่มทำหน้าเหมือนกำลังโกรธอยู่เล็กน้อย
“......มันคงจะดูเหมือนกับละครน้ำเน่าสินะคะ ไม่ว่าใครจะตายไป ก็จะมีชีวิตอยู่ในใจของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ตลอดไป”
กำลัีงจะพูดอะไรน่ะ
“รุ่น พี่ก็เป็นเช่นนั้นล่ะค่ะ ปล่อยให้คนที่ตายไปแล้วยังมีชีวิตอยู่ในจิตใจ ทั้งที่ถึงจะทำแบบนั้นแล้ว คนที่ตายไปแล้วก็ไม่อาจจะกลับมามีชีวิตได้อยู่ดี”
ยูโกะพูดขึ้นมาแล้วเริ่มกัดปากแน่น
ต่อ ให้ไม่พูดถึงขนาดนั้น ทั้งเรื่องที่อากาเนะไม่อาจกลับมาได้อีกแล้ว ทั้งเรื่องที่ไม่มีความหมายอะไรที่จะเอายูโกะไปเปรียบกับอากาเนะ
ถึง อย่างงั้น การที่ยึดติดอยู่กับเรื่องที่ไม่มีความหมายอะไรแบบนั้นนี่ล่ะ คือมนุษย์ คือตัวผมเอง จนถึงตอนนี้ ผมก็ยังคงนึกถึงมันอยู่อีก
.............................
หลังจากออกมาจากโบสถ์ พวกเราก็ออกเดินไปด้วยกันต่อ
จะได้กลับบ้านสักทีค่อยยังชั่วหน่อย ไม่สิ ทั้งที่ควรทำแบบนั้นแต่แรกแต่ทำไมผมถึงเลือกที่จะมากับยูโกะนะ
“คงต้องแบบนั้นล่ะค่ะ จะได้ไม่ไปฝืนเอาตอนสอบ ถ้าไม่เข้าโรงเรียนที่เหมาะกับความสามารถตัวเองละก็คงจะลำบาก”
“ถ้าคิดแต่ว่าไม่ไหวอยู่ละก็ จะทำได้แค่นั้นอยู่ต่อไปนะ”
“ไม่ไหวๆ ฉันคงไม่ไหวหรอกค่ะ”
ยูโกะไม่ได้พูดน้อยลงไปกว่าเดิมเลย กลับพูดมากขึ้นกว่าปกติ ตั้งแต่เมื่อตะกี้ก็พูดไม่หยุดเลย
“ถึง จะบอกว่าคนเราต่างก็มีเรื่องที่ตัวเองถนัดหรือไม่ถนัดก็เถอะ แต่ทั้งการเรียนและกีฬาก็ไม่ไหว ยิ่งเรื่องศิลปะนี่ยิ่งแล้วใหญ่เลย คนแบบนี้น่ะคงจะมีอยู่ไม่น้อยเลยนะคะ
อ้อ พอลองคิดดูแล้ว รอบๆตัวฉันนี่ก็มีคนที่เกี่ยวกับวงการศิลปะทั้งนั้นเลยนะคะ ทั้งนางิซัง รุ่นพี่คุเซะ รุ่นพี่ฮิมุระ”
“ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องศิลปะสักหน่อย ว่าแต่ อามะมิยะเองก็อยู่ในวงการด้วยไม่ใช่เหรอ”
“อ้อ นั่นสิๆ ลืมคนสำคัญไปได้ไงกันนะ”
ยูโกะยิ้มขึ้นแล้วทำท่าเคาะหัวตัวเองเบาๆ
เธอกำลังปกปิดอะไรอยู่กันนะ
ตัวเธอที่แท้จริง..... ความหมายของจูบนั่น.....
ผมพยายามจะคิดซะว่าทั้งหมดนั่นเป็นเพียงคำพูดที่ไม่มีความหมายอะไร
“ว่าไปแล้ว ยูโกะ”
“คะ?”
“ที่อามะมิยะพูดนั่น หมายถึงอะไร?”
“เอ๊ะ? อ๋อ ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ พี่น่ะ อาจจะลาออกจากโอโตวะในปีนะค่ะ”
“หืม? ถ้างั้นทำไมถึงต้องไปหาพ่อของนางิล่ะ”
“คนที่แนะนำให้พี่ไปทำงานที่โอโตวะก็คือคุณพ่อของนางิซัง อาจารย์ฮิโรโนะน่ะค่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง”
เพราะงั้นถ้าจะออกจากงานก็เลยต้องไปคุยกันสักหน่อยสินะ
“หมอนั่นจะย้ายไปทำงานที่โรงเรียนอื่นเหรอ?”
“เปล่าค่ะ ฉันก็ไม่่ค่อยรู้เรื่องนี้เหมือนกัน รู้สึกว่า.....”
ยูโกะเงียบลงแล้วก็เริ่มนึก
“เห็นบอกว่าจะเลิกเป็นครูแล้วหันมาทำเกี่ยวกับการบูรณะฟื้นฟูเมืองน่ะค่ะ”
“ฟังดูเป็นการเป็นงานจังนะ”
อย่าง ที่รู้ว่าตอนนี้เมืองกำลังอยู่ในระหว่างการบูรณะฟื้นฟู มันเป็นแผนที่ต้องสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ทั้งหมด จะใช้เวลานานหลายสิบปีก็ไม่แปลกอะไร
“อามะมิยะจะไปทำงานแบบไหนกันน่ะ?”
“ไม่รู้สิ ฉันเองก็รู้แค่นั้นล่ะค่ะ พี่น่ะ ได้ยินว่าเมื่อสมัยเป็นนักเรียนก็เคยทำเกี่ยวกับการออกแบบมาเหมือนกันนะคะ”
“ออกแบบเหรอ.....”
จำได้ว่านางิเคยบอกว่าคนที่จบด้านศิลปะมาแล้วไปทำงานต่อด้านออกแบบก็มีอยู่มาก
“อาจจะเหมาะกับรุ่นพี่ฮิมุระก็ได้นะคะ เรื่องออกแบบ เรื่องสร้างเมือง”
“หา? ยังไงกัน”
“ชอบวาดรูปเมืองไม่ใช่หรือคะ”
“ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย......”
“นอกจากนี้ เป็นดีไซเนอร์มันก็ดูดีไม่ใช่หรือคะ”
“เป็นเด็กที่ชื่นชอบงานแบบตะวันตกเหรอไงกัน เธอน่ะ”
แค่เหตุผลว่า “ดูดี” อย่างเดียวน่ะใช้ตัดสินใจเลือกเส้นทางอนาคตไม่ได้หรอก
ทั้งตอนนี้และในอดีตเรื่องวาดรูปก็เป็นแค่งานอดิเรกเท่านั้นเอง ไม่เคยคิดจะทำเป็นงานเลยสักนิด
“แต่ฉันคิดว่าเหมาะน่ะค่ะ รู้สึกเช่นนั้นจริงๆนะคะ”
“อย่ามาตัดสินอนาคตด้วยความรู้สึกสิ”
ถึงผมจะยังไม่ได้ตัดสินใจเส้นทางในอนาคตไว้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะให้ยูโกะมาตัดสินใจแทนได้
“เรื่องของตัวเองก็ต้องตัดสินใจเองสิ”
“เรื่องของตัวเอง...... นั่นสินะคะ”
ยูโกะยิ้มขึ้น
“รุ่นพี่คะ ช่วยไปด้วยกันอีกสักที่ได้มั้ยคะ?”
ผมทอดสายตามองไปที่บริเวณปากของยูโกะแล้วก็คิดขึ้นว่า ยูโกะก็อยู่ในวัยที่ถ้าจะเคยมีความรักแล้วสักครั้งสองครั้งก็คงไม่แปลก
อยากรู้เรื่องของยูโกะในช่วงก่อนหน้าที่แยกจากกัน อยู่ดีๆผมก็คิดเช่นนั้นขึ้นมา
..............................
คลื่นต่ำๆได้ซัดเข้ามาเป็นจังหวะเอื่อยๆสบายๆ ผิวทะเลที่ส่องเป็นประกายด้วยแสงอาทิตย์ยามเย็นโยกไหวไปมา ผมหรีตาลงเมื่อแสงจ้ากระทบตา
“ไม่ได้มาเที่ยวทะเลตั้งกี่ปีแล้วก็ไม่รู้นะคะ”
ยูโกะดูท่าจะดีใจมากทีเดียว
“สมัยที่อยู่สถานรับเลี้ยง คุณครูก็เคยมีพามาเหมือนกันนะคะ”
“จะว่าไปแล้ว ก็เหมือนจะเคยอยู่หรอก แต่่ว่านั่นมันนานมากเลยนะ”
แถมยังไม่ใช่โอกาสอะไรพิเศษด้วย ก็แค่คุณครูเกิดอยากเล่นขึ้นมาก็เลยพามาเท่านั้นเอง ก็แค่ความทรงจำอย่างหนึ่งที่ไม่ได้สำคัญอะไร
“รุ่นพี่สนใจเล่นน้ำทะเลหรือเปล่าคะ?”
“ไม่สนหรอก แค่ฤดูร้อนเมื่อปีก่อนโดนคุเซะบังคับให้มาด้วยเท่านั้นล่ะ”
จะว่าไปก็ เริ่มเข้าสู่ฤดูเล่นน้ำทะเลแล้วสินะ ปีนี้ไม่ต้องห่วงว่าจะโดนคุเซะลากมาเพราะงั้นสบายใจได้
“ดีจังเลยนะ ฉันเองก็อยากเล่นบ้าง....”
“จะเล่นก็ได้ไม่ใช่เหรอ ไว้สอบเสร็จแล้วค่อยมาใหม่ก็ได้นี่นา”
“มันก็ได้อยู่หรอกนะคะ แต่ว่าฉันน่ะ......”
ยูโกะมองไปที่แขนตัวเอง
แม้ว่าพระอาทิตย์จะเริ่มใกล้ขอบฟ้าจนทำให้อากาศร้อนเริ่มคลายลง แ่ต่ก็ยังคงรู้สึกร้อนอยู่ ใส่เสื้อแขนยาวปิดสนิทแบบนั้น.....
“โทษที”
“.....แหม รุ่นพี่ฮิมุระขอโทษด้วย”
“อย่าทำเป็นเล่นกับคำขอโทษของคนอื่นได้มั้ย”
“ฮะๆๆ ขอโทษค่ะ”
ทีเธอยังขอโทษเลย
“ขอโทษจริงๆ”
“รุ่นพี่คะ อยากดูมั้ยคะ?”
“อีกแล้วเหรอ...... คราวนี้อะไรอีกล่ะ?”
“แน่นอน ความลับของฉันไงล่ะคะ”
ยูโกะเริ่มถูที่แขนเสื้อเบาๆ มีเหงื่อซึมออกมาจากมือที่กำลังกำอยู่ แสดงให้เห็นว่านี่เป็นเพราะอากาศร้อน
“ฉันไม่สนที่จะรู้เรื่องความลับของคนอื่นหรอก”
“ว่าแล้ว ไม่อยากจะดูของที่ไม่น่าดูสินะคะ”
“ไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย ไม่ต้องห่วง เธอไม่จำเป็นจะต้องฝืนอะไรหรอก”
ยูโกะหัวเราะขึ้น ที่เห็นท่าทางเหมือนกับว่ากำลังเสียดายอยู่หน่อยนั่นคิดไปเองงั้นเหรอ
ผมทอดสายตามองไปที่ชายหาด ยูโกะก็หันไปมองเช่นกัน
ที่นี่ซึ่งมีลมชายฝั่งพัดอยู่ตลอดเวลา ทำให้รู้สึกเย็นขึ้นมาเล็กน้อย
“ฉันเองก็คิดเหมือนรุ่นพี่ล่ะค่ะ”
“คิดเหมือน?”
“พระเจ้าน่ะ ไม่มีอยู่ที่ไหนหรอกค่ะ”
ผมยาวของยูโกะได้พลิ้วไหวไปตามลม
“เพราะ ว่าพระเจ้าไม่มีอยู่ ถึงได้มีเรื่องที่เศร้าและเจ็บปวดเกิดขึ้นมากมาย ถ้าหากว่ามีพระเจ้าอยู่จริงๆละก็ อยากจะให้ช่วยทำให้โลกนี้ดูสวยงามขึ้นกว่านี้ ไม่มีเรื่องอะไรให้เจ็บปวด คนทุกคนมีน้ำใจ ไม่มีใครที่จะต้องอยู่อย่างเดียวดาย.....”
“โลกที่อะไรก็สบายไปหมดแบบนั้นน่ะ ไม่มีหรอก”
“ค่ะ นั่นสินะคะ ถึงได้บอกว่าอยากได้โลกแบบนั้น”
“.....งั้นเหรอ”
โลกที่ไม่มีเรื่องอะไรให้เจ็บปวด คนทุกคนมีน้ำใจ ไม่มีใครที่จะต้องอยู่อย่างเดียวดาย
ผมเอง ถ้าโลกแบบนั้นมีอยู่จริงๆก็รู้สึกอยากที่จะเจอเหมือนกัน
ใช่ เมื่อก่อนผมก็เคยหวังเอาไว้ ว่าถ้าได้ทานอาหารอร่อยๆทุกวัน รายล้อมไปด้วยผู้คนที่ใจดี ไม่ว่าเวลาไหนก็ยังคงยิ้มอยู่ได้
เคยรู้สึกอยากให้ช่วงเวลาที่มีความสุขกับน้องสาวอย่างตอนนั้นดำเนินอยู่ต่อไป เพื่อน้องสาว จึงตั้งใจสร้างเส้นทางนั้นขึ้นมา
บางที หากว่าไม่มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวและไฟไหม้ในครั้งนั้น ผมเองก็อาจจะกำลังได้ทำเพื่อสิ่งนั้นอยู่ก็ได้
“ยูโกะ”
“คะ?”
“ฉันจะ.....”
......ช่วยอะไรเธอได้บ้าง?
ผมพูดค้างไว้แล้วกลืนคำพูดที่เหลือลงคอไป
เธอคงกำลังเก็บงำอะไรบางอย่างไว้อยู่ เป็นอะไรที่สาหัสมากถึงขนาดจะทำลายตัวเธอเองเข้าได้สักวัน ไม่เช่นนั้นคงไม่คิดพยายามเสาะแสวงหาโลกใหม่แบบนี้
แต่ว่า........ ผมไม่ใช่พระเจ้า
“เปล่า ไม่มีอะไร”
บางที ผมอาจจะกำลังคิดให้ยูโกะมาแทนที่อากาเนะอยู่จริงๆก็ได้ ไม่ได้ ต้องพยายามไม่คิดหวังให้ยูโกะมาเป็นตัวแทนสิ
“แปลกคนจริงๆ”
“ก็ไม่แปลกเท่าเธอหรอก”
ผมมันก็แค่คนธรรมดาคนนึง แค่อยากจะปกป้องคนใกล้ตัว แค่คนธรรมดาที่ไม่อาจจะอยู่โดยไร้ซึ่งความปรารถนาใดๆได้
ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ