ภาษาจีนมีความหลากหลายแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มซึ่งต่างกันมากมาย เวลาพูดถึงภาษาจีนเรามักจะต้องบอกด้วยว่าหมายถึงจีนอะไร
ที่คนไทยคุ้นเคยกันดีก็ได้แก่ จีนกลาง จีนกวางตุ้ง จีนแต้จิ๋ว จีนฮกเกี้ยน จีนฮากกา จีนไหหลำ เป็นต้น
บทความนี้จะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของการแบ่งกลุ่มในภาษาจีน
- ภาษาหรือว่าสำเนียง? ก่อนอื่นขอเริ่มจากการทำความเข้าใจเรื่องของคำว่า "ภาษา" และ "สำเนียง"
เวลาพูดถึงภาษาจีนกลุ่มต่างๆนั้น เราอาจเคยได้ยินคนใช้ทั้งคำว่า "ภาษา" และ "สำเนียง" เช่น "ภาษาจีนแต้จิ๋ว" หรือ "สำเนียงแต้จิ๋ว" แบบนี้เป็นต้น ดังนั้นชวนให้สับสนว่าภาษาจีนกลุ่มต่างๆนั้นจริงๆแล้วเป็นคนละภาษากันเลย หรือว่าเป็นภาษาเดียวกันแต่ต่างสำเนียงกันเท่านั้น
เรื่องนี้จริงๆแล้วมองได้สองแบบ ขึ้นอยู่กับว่าจะนิยามคำว่าภาษาและคำว่าสำเนียงว่าอย่างไร
ในทางภาษาศาสตร์มักจะใช้ความเข้าใจกันได้เป็นเกณฑ์ นั่นคือถ้าเอาคนสองคนที่พูดภาษาหรือสำเนียงต่างกันสองคนมาคุยกัน โดยที่ฝ่ายหนึ่งต้องไม่รู้ภาษาหรือสำเนียงของอีกฝ่ายเลย แล้วหากสองคนนั้นคุยกันพอรู้เรื่อง แบบนั้นสามารถนับว่าเป็นภาษาเดียวกันคนละสำเนียง แต่ถ้าคุยกันเข้าใจน้อยมาก แบบนั้นถือว่าเป็นคนละภาษา
ภาษาจีนในแต่ละกลุ่ม จีนกลาง กวางตุ้ง แต้จิ๋ว นั้นมีความแตกต่างกันมาก โดยทั่วไปเรียกได้ว่าคุยกันแทบจะไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงถือว่าเป็นคนละภาษา ไม่ใช่สำเนียง
ส่วนแต้จิ๋วกับฮกเกี้ยนนั้นใกล้เคียงกันมาก คุยกันพอรู้เรื่อง จึงอาจถือว่าเป็นภาษาเดียวกันแค่คนละสำเนียงได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาในอีกแง่หนึ่ง การตัดสินว่าเป็นภาษาหรือสำเนียงนั้นมีประเด็นทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
แผ่นดินจีนตั้งแต่อดีตมาล้วนอยู่กันเป็นปึกแผ่นมาโดยตลอด แม้มีบางคุยที่แตกแยกออกเป็นแคว้นๆ แต่คนจีนก็ยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนจีนอยู่ อีกทั้งอักษรที่ใช้ก็คืออักษรจีนเหมือนกัน จึงง่ายที่จะถือว่าเป็นภาษาเดียวกัน
รัฐบาลจีนถือว่าภาษาจีนทุกกลุ่มเป็นภาษาเดียวกัน เรียกรวมๆว่าเป็นภาษาจีน และภาษาจีนท้องถิ่นต่างๆเป็นเพียงแค่สำเนียง ไม่ใช่ภาษา แม้ว่าความแตกต่างจะมากจนไม่สามารถคุยสื่อสารกันได้ก็ตาม
ที่จริงแล้วภาษาในกลุ่มยุโรปแต่ละประเทศนั้นบางกลุ่มยังมีความใกล้เคียงกันมากยิ่งกว่าความแตกต่างระหว่างภาษาจีนเสียอีก เช่นภาษาในกลุ่มสแกนดิเนเวียซึ่งประกอบไปด้วยภาษาสวีเดน, นอร์เวย์ และ เดนมาร์ก ๓ ภาษานี้ใกล้เคียงกันมากจนคุยกันพอรู้เรื่องได้ไม่ยาก แต่ก็กลับถือว่าแยกเป็นคนละภาษา เนื่องจากแต่ละประเทศประกาศใช้สำเนียงของตัวเองเป็นมาตรฐานและไม่ยอมรับว่าภาษาตัวเองเป็นเพียงสำเนียงของอีกภาษาหนึ่ง
สเปนและโปรตุเกสก็เช่นกัน ๒ ภาษานี้คล้ายกันมากจนคุยกันรู้เรื่อง แต่ต่างฝ่ายต่างก็มีประเทศเป็นของตัวเอง จึงถือเป็นภาษาแยก ไม่ใช่สำเนียง
แต่ภาษาจีนแต่ละถิ่นนั้นต่างกันจนแทบไม่สามารถเข้าใจกันได้เลย ดังนั้นความต่างจึงมากกว่า แต่เพราะจีนเป็นประเทศเดียวไม่มีการแบ่งแยก ดังนั้นภาษาจีนท้องถิ่นจึงถูกถือว่าเป็นแค่สำเนียงไป
เช่นเดียวกัน ทางญี่ปุ่นก็ถือว่าภาษาโอกินาวะเป็นเพียงสำเนียงหนึ่งของภาษาญี่ปุ่น ทั้งๆที่คนญี่ปุ่นไม่สามารถฟังภาษาโอกินาวะรู้เรื่อง แม้จะมีความคล้ายกันบ้างก็ตาม แต่จริงๆแล้วเป็นเพียงอีกภาษาในตระกูลเดียวกันเท่านั้น
แต่ไม่ว่าจะจัดเป็นภาษาหรือสำเนียงก็ตาม ก็เป็นความจริงที่ว่าภาษาจีนแต่ละกลุ่มมีต้นกำเนิดร่วมกัน มีความสัมพันธ์กันชัดเจน สามารถสืบย้อนไปถึงประวัติศาสตร์ที่มาที่ไปได้ เพียงแต่ผ่านวิวัฒนาการมายาวนานเป็นพันปีจนทำให้ปัจจุบันความแตกต่างมากเกินกว่าที่จะสื่อสารกันรู้เรื่องได้ด้วยคำพูด
เนื่องจากจะมองเป็นภาษาหรือสำเนียงก็ได้ ในนี้จะใช้ทั้งคำว่าภาษาและสำเนียงปนๆกันไป ขึ้นอยู่กับบริบท
- ว่าด้วยคำที่ใช้เรียกภาษาหรือสำเนียงในภาษาจีน ในภาษาจีนมีชื่อที่ใช้เรียกกลุ่มภาษาหรือสำเนียงต่างๆอยู่หลายแบบ แต่ละคำมีขอบเขตความหมายไม่แน่ชัดมากนัก บางครั้งก็ไม่อาจแปลเป็นไทยได้โดยตรง
อักษร |
พินอิน |
ทับศัพท์ |
แปลคร่าวๆ |
语 |
yǔ |
หยวี่ |
ภาษา |
文 |
wén |
เหวิน |
ภาษา, อักษร, ข้อความ |
话 |
huà |
ฮว่า |
ภาษา, สำเนียง |
方言 |
fāngyán |
ฟางหยาน |
สำเนียงถิ่น |
片 |
piàn |
เพี่ยน |
กลุ่มสำเนียง |
腔 |
qiāng |
เชียง |
สำเนียงย่อย, เสียงเหน่อ |
☯
语 (หยวี่)
เป็นคำที่ใช้เรียกภาษาโดยทั่วๆไป ปกติจะแปลว่า "ภาษา" และอาจไม่จำเป็นต้องเป็นภาษามนุษย์หรือภาษาที่พูดออกมา แต่ใช้เรียกอะไรก็ตามที่ใช้สื่อสารได้ เช่นพวกภาษามือ ภาษาสัตว์ ภาษาต่างดาว ก็ใช้คำนี้
☯
文 (เหวิน)
คำนี้จริงๆแปลว่าข้อความ แต่ก็ใช้ในความหมายว่าภาษาด้วย แต่มักเน้นภาษาเขียน
ภาษาไทยอาจถูกเรียกว่า
泰语 หรือ
泰文 ก็ได้ แต่เวลาใช้ 语 มีแนวโน้มจะหมายถึงภาษาพูด แต่ถ้าใช้ 文 อาจเน้นที่ภาษาเขียน อย่างไรก็ตาม ในกรณีทั่วไปถือว่าความหมายเดียวกัน ใช้แทนกันได้โดยไม่ได้แยกแยะความหมาย
บางครั้ง 文 ยังหมายถึงตัวอักษร ใช้แทนคำว่า
字 ซึ่งก็แปลว่าอักษรเหมือนกัน
☯
话 (ฮว่า)
เป็นอีกคำที่ใช้ในความหมายว่าภาษา แต่บางครั้งก็อาจแปลว่าสำเนียง
คำนี้จริงๆแปลว่าการพูด ใช้เรียกถ้อยคำที่คนกลุ่มนั้นหรือพื้นที่นั้นๆพูด ไม่ได้มีความหมายที่เน้นว่านั่นเป็นภาษาหรือสำเนียง
☯
方言 (ฟางหยาน)
โดยทั่วไปแปลได้ว่าเป็น "สำเนียงถิ่น" โดยคำว่า 方 แปลว่าท้องที่ ใช้เรียกกลุ่มย่อยของภาษา คำนี้ใช้เมื่อมองว่าเป็นแค่สำเนียงที่ใช้ในท้องที่หนึ่ง ไม่ใช่ภาษาแยกต่างหาก
☯
片 (เพี่ยน)
แปลตรงๆก็คือ "แผ่น" เป็นคำที่ใช้ในทางวิทยาการทางภาษาศาสตร์เวลาเรียกกลุ่มสำเนียงย่อย ในภาษาพูดมักจะใช้ 话 แทน
บางครั้งเพื่อแยกกลุ่มใหญ่กลุ่มเล็กยังมีการใช้คำว่า
大片 (แผ่นใหญ่) และ
小片 (แผ่นเล็ก) ด้วย โดย 大片 นึงอาจแบ่งเป็นหลาย 片 และใน 片 นึงแบ่งเป็นหลาย 小片 เป็นต้น
☯
腔 (เชียง)
ใช้แบ่งสำเนียงย่อยในระดับที่ใกล้เคียงกันมาก ต่างกันเพียงแค่น้ำเสียงในการพูด คือการพูดเหน่อต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น นอกจากนี้ยังหมายถึงการที่คนที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาพูดไม่ชัดโดยติดสำเนียงการพูดจากภาษาแม่
หากให้เรียงลำดับจากใหญ่ไปเล็กก็คือ 语 (ภาษา) > 片 (กลุ่มสำเนียง) > 方言 (สำเนียง) > 腔 (สำเนียงย่อย) แต่ก็ไม่ได้ตายตัวเสมอไป ส่วนคำว่า 话 นั้นอาจถูกใช้เรียกแทนระดับไหนก็ได้ใช้ได้กว้างที่สุด
จะเห็นได้ว่ามีคำที่ใช้เรียกการแบ่งกลุ่มภาษาอยู่หลายคำมาก และแต่ละคำก็มีความแตกต่างกันไปทีละเล็กน้อย มีขอบเขตการใช้ที่เหลื่อมล้ำกัน แทนกันได้ในบางบริบท ดังนันเวลาพูดถึงการแบ่งกลุ่มภาษาจึงมักจะมีความคลุมเครือ อาจไม่ได้มีการตีความตายตัว
แม้นักภาษาศาสตร์จะพยายามวิจัยและจัดกลุ่มภาษา แต่ก็มีหลายแนวการจัด ไม่ได้ตรงกันนัก
ดังนั้นเกณฑ์ในการแบ่งกลุ่มภาษาจีนนั้นมีอยู่หลากหลาย ไม่ได้เป็นที่ตกลงกันแน่นอนนัก แต่ในที่นี้ที่จะเขียนถึงต่อไปนี้จะเขียนตามวิธีการแบ่งที่ได้รับการยอมรับกันมากที่สุด
- การแบ่งกลุ่มใหญ่ ภาษาจีนอาจแบ่งออกได้เป็นกลุ่มใหญ่ ๗ หรือ ๑๐ กลุ่ม
หากแบ่งออกเป็น ๗ กลุ่มจะประกอบด้วย
-
จีนกลาง (官话 ) ได้แก่ จีนกลางมาตรฐาน และจีนกลางท้องถิ่นตงเป่ย์, หนานจิง, เสฉวน, ยูนนาน, ฯลฯ กระจายอยู่ทั่วประเทศ
-
อู๋ (吴语) ได้แก่ภาษาเซี่ยงไฮ้ และภาษาในเมืองรอบๆเซี่ยงไฮ้ เช่น หางโจว, หนิงปัว, ซูโจว, เวินโจว, ฯลฯ
-
กวางตุ้ง (粤语) ใช้ในมณฑลกวางตุ้งฝั่งตะวันตก และ กว่างซีฝั่งตะวันออก
-
หมิ่น (闽语) สำเนียงฮกเกี้ยน, แต้จิ๋ว, ไหหลำ ล้วนอยู่ในกลุ่มนี้ ใช้ในมณฑลฝูเจี้ยน, ไหหลำ และ ส่วนตะวันออกของมณฑลกวางตุ้ง
-
เซียง (湘语 ) ใช้ในมณฑลหูหนาน
-
ฮากกา (客家语) หรือ จีนแคะ ใช้ในพื้นที่ส่วนหนึ่งของมณฑลกวางตุ้ง, เจียงซี, ฝูเจี้ยน
-
ก้าน (赣语) หรือ กังไส ใช้ในมณฑลเจียงซี
หากแบ่งเป็น ๑๐ กลุ่ม จะเพิ่มมาอีก ๓ กลุ่ม
-
จิ้น (晋语) แยกออกมาจากจีนกลาง ใช้ในมณฑลซานซี
-
ฮุย (徽语 ) แยกออกมาจากอู๋ ใช้ในเมืองหวงซาน มณฑลอานฮุย
-
ผิง (平语 ) แยกออกมาจากกวางตุ้ง ใช้ในพื้นที่เล็กๆในกว่างซี
ทั้ง ๓ กลุ่มที่เพิ่มเข้ามานี้เนื่องจากมีความแตกต่างเป็นเอกลักษณ์มากพอที่จะแยกกลุ่มออกมา แต่ก็ยังมีลักษณะร่วมกันมากพอที่จะรวม จึงมีสถานะที่คลุมเครือ
แต่นอกจากนี้ ภาษาก้านกับภาษาฮากกาเองบางครั้งก็ถูกคิดรวมเป็นกลุ่มเดียวกันไปด้วยเช่นกัน หากแบ่งแบบนี้จะเหลือแค่ ๖ กลุ่ม
การแบ่งเป็น ๖, ๗ หรือ ๑๐ กลุ่มดังที่กล่าวมานี้เป็นแค่การแบ่งคร่าวๆเท่านั้น แต่ภายในแต่ละกลุ่มก็ยังมีความแตกต่างกันแตกย่อยออกไปอีกในระดับที่ไม่เท่ากัน
บางกลุ่มความแตกต่างน้อยจนแต่ละสำเนียงในกลุ่มเดียวกันคุยกันพอรู้เรื่อง แต่ภายในบางกลุ่มมีความหลากหลายมากจนคุยกันไม่รู้เรื่อง เช่นในกลุ่มภาษาหมิ่น และกลุ่มอู๋ จะมีความแตกต่างภายในค่อนข้างมาก ภายในกลุ่มยังต้องแบ่งย่อยอีกและภายในกลุ่มย่อยนั้นจึงพอคุยกันรู้เรื่อง
เกณฑ์การแบ่งที่น่าพูดถึงอีกอันนึงก็คือเกณฑ์ที่จัดโดย
องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (ISO) ซึ่งได้แบ่งภาษาจีนออกเป็น ๑๓ กลุ่ม
-
จีนกลาง (官话) -
จิ้น (晋语) -
อู๋ (吴语) -
ฮุย (徽语) -
กวางตุ้ง (粤语) -
หมินเป่ย์ (闽北语) -
หมิ่นจง (闽中语) -
หมิ่นตง (闽东语) -
ผูเซียน (莆仙语) -
หมิ่นหนาน (闽南语 ) -
ฮากกา (客家语) -
ก้าน (赣语) -
เซียง (湘语) โดยในจำนวนนั้น หมินเป่ย์, หมิ่นจง,หมิ่นตง, ผูเซียน, หมิ่นหนาน ทั้งหมด ๕ กลุ่มแตกย่อยออกมาจากภาษาหมิ่น ในขณะที่ภาษากลุ่มอื่นไม่ได้แบ่งต่างจากการแยกแบบ ๑๐ กลุ่ม
- การกระจายตัวของแต่ละกลุ่มภาษา แผนที่แสดงการกระจายตัวของภาษาจีนเมื่อใช้การแบ่งเป็น ๑๐ กลุ่ม
จากในแผนที่นี้จะเห็นว่าภาษาจีนกลาง (官话) ถูกใช้ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของจีน
ส่วนพื้นที่สีเหลืองอ่อนคือส่วนที่ใช้ภาษากลุ่มอื่นที่ไม่ใช่จีนเป็นหลัก ทางทิศตะวันตกคือภาษาทิเบตและอุยกูร์ ทางเหนือคือภาษามองโกล ส่วนกลางเกาะใต้หวันคือภาษาชนพื้นเมืองเดิมไต้หวัน
ส่วนทางเหนือที่เห็นใช้ภาษาจิ้น (晋语) คือมณฑลซานซี ซึ่งมีศูนย์กลางคือเมืองไท่หยวน (
太原 ) คำว่าจิ้น (
晋) มาจากชื่อย่อของมณฑลซานซี
ภาษากลุ่มอื่นๆล้วนกระจุกอยู่ทางแถบตะวันออกเฉียงใต้ เป็นบริเวณที่มีความหลากหลายของภาษามาก
ส่วนภาษาเซียง (湘语) ใช้ในมณฑลหูหนาน มีศูนย์กลางคือเมืองฉางซา (
长沙) คำว่าเซียง (
湘 ) ก็มาเป็นชื่อย่อของมณฑลหูหนาน
ภาษาก้าน (赣语) ใช้ในมณฑลเจียงซี มีศูนย์กลางคือเมืองหนานชาง (
南昌 ) คำว่าก้าน (
赣) ก็มาจากชื่อย่อของมณฑลเจียงซีด้วย ในไทยบางทีก็เรียกว่า จีนกังไส ซึ่งเป็นคำอ่านของคำว่าเจียงซีในสำเนียงแต้จิ๋ว
ภาษาอู๋ (吴语) ใช้ในเซี่ยงไฮ้และมณฑลเจ้อเจียง เช่น เมืองหางโจว (
杭州), หนิงปัว (
宁波 ), เวินโจว (
温州)
ตอนใต้ของมณฑลเจียงซูก็ใช้ภาษาอู๋ เช่นเมืองซูโจว (
苏州), อู๋ซี (
无锡) แต่ตอนเหนือของมณฑลเช่นเมืองหนานจิง (
南京 ) ใช้จีนกลาง
มณฑลอานฮุยตอนใต้ก็ใช้ภาษาอู๋ และส่วนหนึ่งใช้ภาษาฮุย (徽语) ส่วนทางตอนเหนือใช้จีนกลาง
ภาษากวางตุ้ง (粤语) ใช้ในฝั่งตะวันตกของมณฑลกวางตุ้ง มีศูนย์กลางที่เมืองกว่างโจว (
广州) รวมไปถึงเขตปกครองพิเศษอย่างฮ่องกง (
香港) และมาเก๊า (
澳门)
ในเขตปกครองตัวเองกว่างซีนั้นทางซึกตะวันออกใช้ภาษากวางตุ้ง และส่วนหนึ่งใช้ภาษาผิง (平话) แต่ทางตะวันตกใช้สำเนียงของจีนกลาง
ภาษาหมิ่น (闽语) ใช้ในมณฑลฝูเจี้ยนเป็นหลัก ชื่อหมิ่น (
闽) ก็มาจากชื่อย่อของมณฑลนี้ เมืองเอกของมณฑลคือเมืองฝูโจว (
福州) ใช้ภาษาหมิ่นตง ส่วนเมืองที่สำคัญทางใต้ของมณฑลคือเซี่ยเหมิน (
厦门) ใช้ภาษาหมิ่นหนาน
นอกจากนี้สำเนียงแต้จิ๋วซึ่งใช้ในส่วนตะวันออกของมณฑลกวางตุ้งก็อยู่ในกลุ่มนี้ รวมถึงสำเนียงไหหลำที่ใช้ในเกาะไหหลำก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย
ภาษาฮากกา (客家话) ใช้ในมณฑลกวางตุ้งส่วนตะวันออก เจียงซีตอนใต้ และฝูเจี้ยนส่วนตะวันตก บริเวณที่พูดภาษาฮากกาในแต่ละมณฑลไม่ได้กว้างนัก ถือเป็นส่วนน้อยของแต่ละมณฑล แต่รวมกัน ๓ มณฑลแล้วก็ถือว่าเป็นกลุ่มใหญ่
ในไต้หวัน ภาษาที่ใช้เป็นหลักคือหมิ่นหนาน และมีส่วนน้อยใช้ภาษาฮากกา
นอกจากนี้ยังมีชาวจีนที่อพยพไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่พูดภาษาหมิ่น, ฮากกา, กวางตุ้ง มีบ้างที่เป็นกลุ่มที่พูดจีนกลางและอู๋
-
การแบ่งกลุ่มย่อย จากเกณฑ์การแบ่งกลุ่มใหญ่ข้างต้น หากเลือกใช้เกณฑ์การแบ่งเป็น ๑๐ กลุ่มเป็นจุดเริ่มต้น แล้วแบ่งกลุ่มย่อยลงไปอีก สรุปการแบ่งเป็นขั้นๆแล้วอาจเขียนเป็นผังได้แบบนี้
แผนผังนี้ตั้งใจแค่จะเน้นให้รู้จักสำเนียงที่คนไทยทั่วไปรู้จักกันดี ส่วนที่เขียนว่า "อื่นๆ" หมายความว่ามีกลุ่มอื่นอีกมากมายซึ่งไม่เป็นที่รู้จักนักจึงขอละไว้ เพราะถ้าเขียนทั้งหมดจะยาวมาก
ต่อไปจะอธิบายทีละกลุ่มในรายละเอียด
-- จีนกลาง -- จีนกลางแม้ว่าจะกระจายตัวมากสุด ประชากรรวมเยอะสุด แต่ความหลากหลายภายในกลุ่มไม่สูง สามารถสื่อสารกันภายในกลุ่มพอรู้เรื่อง คนที่รู้แค่จีนกลางมาตรฐานสามารถพอเดาสิ่งที่คนจีนยูนนานพูดได้
แผนที่แสดงการกระจายของพื้นที่ที่ใช้จีนกลางเป็นภาษาแม่ แสดงเป็นสีเขียวเข้ม ส่วนตรงสีเขียวอ่อนที่มณฑลซานซีเป็นภาษาจิ้น ซึ่งบางครั้งก็ถูกจัดเป็นกลุ่มย่อยของจีนกลางอีกที
จีนกลางใช้ในบริเวณส่วนใหญ่ของจีน ยกเว้นทางชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้จะเป็นกลุ่มภาษาจีนอื่นๆ ทางตะวันตกเป็นทิเบตใช้ภาษาทิเบต ทางเหนือเป็นมองโกเลียในใช้ภาษามองโกล
สำหรับจีนกลางมาตรฐานที่ทุกคนรู้จักกันโดยทั่วไปนั้นเป็นภาษาที่ถูกสร้างขึ้นโดยใช้สำเนียงปักกิ่งเป็นพื้นฐาน แต่ตัดส่วนที่ยุ่งยากออกเพื่อให้คนทั้งประเทศสามารถเข้าใจได้ง่าย จึงกลายเป็นภาษาสมัยใหม่ที่มีความเรียบง่าย
ปัจจุบันที่ปักกิ่งผู้คนยังนิยมพูดสำเนียงปักกิ่งดั้งเดิม ซึ่งมีความแตกต่างจากจีนกลางมาตรฐาน ทำให้ยากต่อการทำความเข้าใจอยู่บ้างสำหรับผู้ที่มาจากถิ่นอื่น
จีนกลางมาตรฐานยังแบ่งออกเป็นแบบจีนแผ่นดินใหญ่กับแบบไต้หวัน ในจีนแผ่นดินใหญ่เรียกว่าเรียกว่าผู่ทงฮว่า (
普通话) ในไต้หวันเรียกว่ากั๋วหยวี่ (
国语) มีความแตกต่างกันเล็กน้อย ส่วนใหญ่อยู่ที่การใช้คำศัพท์สมัยใหม่ และการออกเสียงอักษรบางตัว
นอกจากนี้จีนกลางที่ใช้ในสิงคโปร์และมาเลเซียต่างก็มีเอกลักษณ์ของตัวเอง เป็นมาตรฐานที่ต่างไปจากในแผ่นดินใหญ่หรือไต้หวันอีกด้วย
-- หมิ่น -- ภาษากลุ่มหมิ่นเป็นกลุ่มที่มีการแบ่งย่อยมากที่สุด และแต่ละกลุ่มย่อยก็ต่างกันมากจนสื่อสารข้ามกลุ่มไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีลักษณะบางอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ร่วมกันจึงถูกจัดว่าเป็นกลุ่มเดียวกันอยู่
ภาษาหมิ่นอาจแบ่งเป็นกลุ่มต่างๆดังนี้
ภาษาหมิ่นตง มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองฝูโจว เมืองเอกของมณฑลฝูเจี้ยน บางทีก็เรียกว่าเป็นภาษาฮกจิว (ซึ่งเป็นคำอ่านชื่อเมืองฝูโจวตามสำเนียงแต้จิ๋ว)
ภาษาที่ใช้ในเกาะไหหลำคือสำเนียงจีนไหหลำ จัดเป็นสำเนียงหนึ่งของภาษาฉยงเหลย์ (琼雷话) ซึ่งรวมถึงสำเนียงเหลย์โจว (雷州话) ซึ่งใช้ในเมืองเหลย์โจวทางตอนใต้ของมณฑลกวางตุ้ง
หมิ่นหนานยังแบ่งย่อยเป็นฮกเกี้ยนและแต้จิ๋ว ความแตกต่างของฮกเกี้ยนและแต้จิ๋วมีเพียงเล็กน้อย สามารถสื่อสารกันพอรู้เรื่อง แต่สื่อสารกับหมิ่นตงหรือไหหลำไม่ได้ แม้จะอยู่ในกลุ่มภาษาหมิ่นเหมือนกันก็ตาม
การแบ่งสำเนียงย่อยของภาษาหมิ่นหนาน
ที่เรียกว่าเป็นภาษาจีนฮกเกี้ยนนั้นถือเป็นกลุ่มสำเนียงย่อยของภาษาหมิ่นหนานซึ่งใช้ในมณฑลฝูเจี้ยนตอนใต้เช่นเมืองเฉวียนโจว (
泉州) เซี่ยเหมิน (
厦门), จางโจว (
漳州) และรวมไปถึงพื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะไต้หวัน ซึ่งมีชาวจีนฮกเกี้ยนอพยพไปตั้งถิ่นฐานเป็นหลัก กลุ่มนี้เรียกรวมๆว่ากลุ่มสำเนียงเฉวียนจาง (
泉漳片) ตามชื่อเมืองเฉวียนโจวและจางโจว
แยกจากอีกกลุ่มคือกลุ่มสำเนียงเฉาซ่าน (
潮汕片) ซึ่งเราเรียกกันทั่วไปว่าสำเนียงแต้จิ๋ว ใช้ในเมืองแต้จิ๋ว (เฉาโจว,
潮州), ซัวเถา (ซ่านโถว,
汕头) และกิ๊กเอี๊ย (เจียหยาง,
揭阳)
นอกจาก ๒ กลุ่มนี้แล้วภาษาหมิ่นหนานยังมีกลุ่มย่อยอื่นๆเล็กๆ เช่นที่อำเภอต้าเถียน (
大田) ทางตอนใต้ของมณฑลฝูเจี้ยนก็จัดเป็นกลุ่มย่อยอีกกลุ่ม
และนอกจากนี้ยังมีจุดที่โดดแยกมาเล็กๆตรงเมืองจงซาน (
中山) ในมณฑลกวางตุ้ง และบริเวณหนึ่งของเมืองเวินโจว (
温州) ทางใต้ของมณฑลเจ้อเจียงด้วย
นอกจากนี้แล้วที่เมืองลู่เฟิง (
陆丰) ไห่เฟิง (
海丰) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของพื้นที่ที่พูดภาษาแต้จิ๋ว บางครั้งก็ยังถือว่าเป็นกลุ่มย่อยแยกไปอีกกลุ่ม เพราะมีความแตกต่างจากภาษาแต้จิ๋วที่พูดในเมืองแต้จิ๋วและซัวเถามากพอ
เกี่ยวกับเรื่องของภาษาหมิ่นหนานมีรายละเอียดอีกมาก อ่านเพิ่มเติมได้ในบทความนี้ >>
https://phyblas.hinaboshi.com/20170824 อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับถิ่นที่พูดภาษาแต้จิ๋วได้ในบทความนี้ >>
https://phyblas.hinaboshi.com/20120629 -- กวางตุ้ง -- ภาษากวางตุ้งใช้อย่างแพร่หลายในฝั่งตะวันตกของมณฑลกวางตุ้ง และทางตะวันออกของมณฑลกว่างซี อาจแบ่งได้เป็นหลายกลุ่ม
แผนที่แสดงการกระจายตัวของภาษาจีนกวางตุ้ง
ในภาพนี้ยังรวมถึงภาษาผิง (平话) ซึ่งบางครั้งก็ถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของภาษากวางตุ้ง
ที่เป็นที่รู้จักกันมากในหมู่คนไทยและประเทศที่มีชาวจีนโพ้นทะเลคือกลุ่มสำเนียง
กว๋างฝู่ (
广府) หรือมักเรียกว่า
ซ้ามยับ (ซานอี้,
三邑) และอีกกลุ่มคือ
เซย์ยับ (ซื่ออี้,
四邑 )
กลุ่มซ้ามยับใช้ในบริเวณใจกลางของมณฑลกวางตุ้ง รวมถึงสำเนียงกว่างโจวซึ่งถือเป็นสำเนียงกวางตุ้งมาตรฐาน ใช้ในเมืองกว่างโจวและเมืองรอบๆ รวมไปถึงฮ่องกงและมาเก๊า
ฮ่องกงและมาเก๊าโดยพื้นฐานแล้วใช้สำเนียงกว่างโจว แต่มีความแตกต่างตรงที่มีการแทรกคำศัพท์ที่มาจากภาษาอังกฤษปนมากกว่า แต่ในสมัยใหม่นี้เนื่องจากอิทธิพลของสื่อโทรทัศน์ฮ่องกง การพูดแบบฮ่องกงได้กลายเป็นที่ใช้ทั่วไปแม้แต่ในส่วนอื่นที่พูดสำเนียงกว่างโจว ดังนั้นโดยรวมถือว่าสำเนียงที่ใช้ในกว่างโจว ฮ่องกง มาเก๊า เป็นสำเนียงเตียวกัน
ส่วนเซย์ยับเป็นกลุ่มที่อยู่ในแถบเมืองเจียงเหมิน (
江门) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของกว่างโจว สำเนียงที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือสำเนียงไถซาน (
台山 )
ที่เมืองตานโจว (
儋州) ในเกาะไหหลำ (ไม่ได้แสดงในแผนที่ด้านบน) ก็ใช้สำเนียงของภาษากวางตุ้ง
นอกจากนี้ก็มีสำเนียงอื่นๆอีกมากมายทางตะวันตกของมณฑลกวางตุ้ง แต่ละสำเนียงมีความแตกต่างกันมากจนสื่อสารกันได้ลำบาก
-- ฮากกา -- จีนฮากกา ในไทยนิยมเรียกว่า
จีนแคะ คำว่า "แคะ" เป็นคำที่คนแต้จิ๋วเรียกคนจีนฮากกา ส่วนคำว่าฮากกาคือชื่อเรียกในภาษาฮากกาเอง ส่วนจีนกลางจะเรียกฮากกาว่า "
เค่อเจีย"
คนจีนฮากกาซึ่งพูดภาษาจีนฮากกานั้นกระจายตัวอยู่ใน ๓ มณฑล คือ กวางตุ้งส่วนตะวันออก เจียงซีตอนใต้ และฝูเจี้ยนส่วนตะวันตก
แต่คนจีนฮากกาที่อพยพไปยังต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นคนฮากกาในมณฑลกวางตุ้ง
ฮากกาเองก็มีแบ่งย่อยเป็นหลายสำเนียงซึ่งต่างกันมาก แต่ที่แพร่หลายที่สุดคือสำเนียง
เหมย์เซี่ยน (
梅县话) ซึ่งในไทยนิยมเรียกว่า
หม่อยแย้น ตามสำเนียงฮากกา เหมย์เซี่ยนเป็นเขตในเมืองเหมย์โจว (
梅州) อยู่ทางตะวันออกสุดของมณฑลกวางตุ้ง ติดกับมณฑลฝูเจี้ยน
คนฮากกาในไทยส่วนใหญ่มาจากมณฑลกวางตุ้ง มักถูกแบ่งเป็น ๒ กลุ่มใหญ่ๆคือ
แคะลึก (
深客) และ
แคะตื้น หรือ
แคะครึ่งเขา (
半山客)
แคะลึกคือสำเนียงเหมย์เซี่ยนและบริเวณรอบๆ เนื่องจากแถวนั้นอยู่ค่อนข้างลึกเข้าไปในแผ่นดินมาก เลยเรียกว่าแคะลึก
ส่วนแคะตื้นหมายถึงสำเนียงเฟิงซุ่นและสำเนียงต่างๆใกล้เขตพื้นที่ที่พูดภาษาแต้จิ๋ว เป็นสำเนียงที่ได้รับอิทธิพลจากแต้จิ๋วมาด้วย กลุ่มนี้เนื่องจากไม่ได้อยู่ลึกลงไปในแผ่นดินมากเลยเลียกว่าแคะตื้น หรือแคะครึ่งเขา
ในไทยบางทีก็เรียกแคะลึกว่า "ซิมขัก" เรียกแคะตื้นว่า "ปันซันขัก" ชื่อเรียกนี้มีที่มาจากการออกเสียงตามสำเนียงแคะตื้น
ที่ไต้หวันก็มีคนจีนฮากกาเช่นกัน เป็นภาษาท้องถิ่นที่มีคนพูดเยอะรองจากภาษาจีนฮากกาไต้หวัน ส่วนใหญ่จะอพยพจากเหมย์เซี่ยนและเมืองรอบๆนั้น
สำเนียงฮากกาในไต้หวันใช้สำเนียงเหมย์เซี่ยนเป็นพื้นฐาน แต่มีความแตกต่างเล็กน้อย เรียกว่าสำเนียง
ซื่อเซี่ยน (
四县话) ศูนย์กลางชุมชนชาวฮากกาในไต้หวันอยู่ที่เมืองเหมียวลี่ (苗栗)
ปัจจุบันเราจะได้ยินฮากกาสำเนียงซื่อเซี่ยนนี้ตามรถเมล์และรถไฟฟ้าในไต้หวัน โดยจะมีการประกาศเป็นลำดับสุดท้ายต่อจากภาษาจีนกลางและฮกเกี้ยน
-- อู๋ -- เป็นกลุ่มที่มีประชากรมากเป็นอันดับ ๒ รองจากจีนกลาง ภาษาในกลุ่มอู๋ที่เป็นที่รู้จักที่สุดคือภาษาเซี่ยงไฮ้ นอกจากนี้ยังมีเมืองสำคัญอีกหลายเมืองที่ใช้ภาษาในกลุ่มนี้ได้แก่พื้นที่ส่วนใหญ่ของมณฑลเจ้อเจียง และมณฑลเจียงซูตอนใต้
ความหลากหลายของภาษาตระกูลอู๋
สำเนียงที่ใช้ในแต่ละเมืองมีความแตกต่างกันมาก ใช้สื่อสารข้ามเมืองกันได้ลำบาก
เซี่ยงไฮ้ และเมืองทางตอนใต้ของมณฑลเจียงซูอย่างซูโจว (
苏州), อู๋ซี (
无锡) รวมถึงตอนเหนือของมณฑลเจ้อเจียงอย่างเมืองหางโจว (
杭州), หนิงปัว (
宁波) อยู่ในกลุ่มสำเนียงไท่หู (
太湖) ซึ่งในนั้นก็ยังแบ่งเป็นกลุ่มเล็กอีกมากมาย ส่วนทางตอนใต้ของมณฑลเจ้อเจียงเช่นเมืองไทโจว (
台州), เวินโจว (
温州) เป็นอีกกลุ่มซึ่งต่างกันไปอีกมาก
คนจีนในไทยมีที่พูดภาษากลุ่มนี้น้อยมาก เพราะไม่ใช่กลุ่มหลักที่นิยมอพยพออกมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ก็มีคนจีนเซี่ยงไฮ้อพยพไปอยู่ในบางประเทศอย่างเช่นสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นด้วย
-- กลุ่มอื่นๆ -- สำหรับภาษาจีนในกลุ่มจิ้น, ฮุย, เซียง, ก้าน, ผิง นั้นไม่เป็นที่รู้จักนักทั้งในไทยและในต่างแดน เพราะกลุ่มเหล่านี้มีการอพยพไปต่างแดนน้อยมาก จึงขอละการอธิบายรายละเอียดไว้
- การแบ่งกลุ่มคนจีนที่ใช้ในประเทศไทย การแบ่งที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นการแบ่งตามหลักภาษาศาสตร์ อย่างไรก็ตาม การแบ่งกลุ่มแบบที่คนไทยคุ้นเคยนั้นจะค่อนข้างต่างกันไป
เวลาพูดถึงการแบ่งกลุ่มคนจีนในไทย เราอาจจะมักได้ยินกันว่าคนเชื้อสายจีนในไทยประกอบไปด้วยหลายกลุ่มด้วยกัน แบ่งกันตามภาษาหรือสำเนียงถิ่น ที่มักได้ยินบ่อยๆเช่น
- แต้จิ๋ว
- ฮกเกี้ยน
- ไหหลำ
- กวางตุ้ง
- ฮากกา (แคะ)
- ฮกจิว (ฝูเจี้ยน)
- ยูนนาน
- ฯลฯ
หากลองเทียบกับการแบ่งกลุ่ม ๑๐ กลุ่มที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นว่าภาษากวางตุ้ง และ ฮากกา ต่างก็เป็นกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่ง ส่วนแต้จิ๋ว ฮกเกี้ยน ฮกจิว ไหหลำ ล้วนเป็นกลุ่มย่อยของกลุ่มใหญ่เดียวกันคือภาษาหมิ่น และจีนยูนนานเป็นแค่สำเนียงย่อยของจีนกลางอีกที
สำหรับสัดส่วนจำนวนนั้นเป็นเรื่องยากที่จะรู้แน่ชัด เพราะการแบ่งไม่ได้ชัดเจนเสียทีเดียว ที่ผสมกันระหว่างกลุ่มก็มีไม่น้อย ข้อมูลแต่ละที่ก็อาจจะไม่ค่อยตรงกันนัก
แต่โดยภาพรวมแล้วก็คือประมาณครึ่งหนึ่งเป็นจีนแต้จิ๋ว อีกครึ่งหนึ่งเป็นกลุ่มอื่นๆซึ่งมีจำนวนรองลงมา ได้แก่ ฮากกา ไหหลำ กวางตุ้ง ฮกเกี้ยน
กลุ่มจีนแต้จิ๋วกระจายอยู่ทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ส่วนฮกเกี้ยนกับไหหลำจะมีอยู่มากในภาคใต้
- แนวโน้มและความสำคัญของภาษาจีนกลุ่มต่างๆ ในปัจจุบันพอพูดถึงภาษาจีนถ้าไม่ได้บอกว่าเป็นจีนอะไรจะหมายถึงจีนกลางมาตรฐาน มีความสำคัญมากที่สุด ใช้ได้ทั่วประเทศจีน ซึ่งรวมทั้งแผ่นดินใหญ่ ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า นอกจากนี้ก็ใช้ทั่วไปในสิงคโปร์ และในกลุ่มคนจีนในมาเลเซีย
ความสำคัญของภาษาจีนท้องถิ่นกลุ่มอื่นนอกจากจีนกลางนั้นนับวันจะยิ่งลดน้อยลงเรื่อยๆ ผู้ที่พูดได้มีน้อยลงเรื่อยๆ มีแนวโน้มจะหันไปใช้แต่ภาษาจีนกลางเป็นหลัก คนที่พูดเป็นแต่ภาษาถิ่นแต่พูดจีนกลางไม่ได้เหลือแต่เพียงคนรุ่นเก่า ซึ่งนับวันก็จะยิ่งลดลง
ภาษาถิ่นแต่ละกลุ่มมีแนวโน้มต่างกันออกไป บางกลุ่มแทบไม่เหลือคนพูดและกำลังหายไปในไม่ช้า หรือบางกลุ่มแม้คนรุ่นใหม่จะยังพูดได้แต่ก็ไม่คล่องเท่าจีนกลาง เพราะไม่ได้มีโอกาสใช้ในชีวิตประจำวันมากเท่า และไม่ได้เห็นถึงความจำเป็นกันนัก
อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนจีนที่อพยพไปยังโพ้นทะเล เช่น กวางตุ้ง ฮกเกี้ยน แต้จิ๋ว ฮากกา จะใช้ภาษาถิ่นกับภาษาของประเทศที่ไปอยู่เป็นหลัก จีนกลางอาจจะพูดไม่ได้ ดังนั้นภาษากลุ่มนั้นก็ยังมีประโยชน์ในการใช้คุยกับคนจีนโพ้นทะเลได้
นอกจากจีนกลางแล้ว ที่สำคัญรองลงมาก็คือภาษาจีนกวางตุ้ง เพราะใช้เป็นภาษาราชการในฮ่องกงและมาเก๊า คนฮ่องกงและมาเก๊ายังใช้ภาษากวางตุ้งเป็นหลัก แม้จะพูดจีนกลางได้แต่ก็อาจไม่คล่องเท่าคนจีนแผ่นดินใหญ่หรือไต้หวัน ดังนั้นภาษาจีนกวางตุ้งจึงค่อนข้างจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตในฮ่องกงและมาเก๊า
และเพราะมีความสำคัญอยู่มาก ทำให้ภาษากวางตุ้งยังถูกอนุรักษ์ต่อไปได้ดีกว่าภาษาจีนท้องถิ่นอื่นๆ ยังคงไม่มีแนวโน้มที่จะสูญหายไป และมีคนต่างชาติเรียนมากรองจากจีนกลาง
รวมถึงกลุ่มคนจีนโพ้นทะเลที่เป็นเชื้อสายกวางตุ้งเองก็มักจะอนุรักษ์เอาไว้จึงพูดกันได้แม้แต่ในคนรุ่นใหม่
ภาษาจีนฮกเกี้ยนเป็นกลุ่มที่ใช้แพร่หลายรองลงมา ใช้ทั้งในมณฑลฝูเจี้ยน และแพร่หลายในไต้หวัน และเป็นกลุ่มคนจีนที่อพยพไปต่างประเทศมากที่สุด
สำหรับที่ไต้หวันเรียกภาษาจีนฮกเกี้ยนว่าภาษาไต้หวัน แต่ไม่ได้ถูกอนุรักษ์อย่างดีมาก ตอนนี้คนไต้หวันรุ่นใหม่พูดได้น้อยลงเรื่อยๆ ถึงพูดได้ก็ไม่คล่อง แต่คนไต้หวันส่วนใหญ่ก็ยังรู้พื้นฐาน พวกคำง่ายๆที่ใช้บ่อย และมีการใช้พูดปนประปรายอยู่แม้แต่เวลาพูดจีนกลาง ดังนั้นความสำคัญจึงยังไม่ได้หายไปเสียทีเดียว
ส่วนคนจีนแต้จิ๋วส่วนใหญ่อพยพมาไทยและกัมพูชา ภาษาจีนแต้จิ๋วยังคงมีการใช้แพร่หลายในไทย แม้จะค่อยๆหายไปเรื่อยๆ แต่สำหรับในท้องถิ่นแต้จิ๋วในจีน เช่นเมืองแต้จิ๋วและซัวเถานั้นภาษาแต้จิ๋วยังคงถูกอนุรักษ์ไว้ค่อนข้างดี สามารถใช้ได้ทั่วไปในพื้นที่ท้องถิ่นนั้น แม้แต่ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ก็ตาม
สำหรับการเรียนภาษาจีนในฐานะภาษาที่สองนั้น นอกจากจีนกลางและกวางตุ้งแล้ว ภาษาจีนกลุ่มอื่นหาเรียนได้ยากมาก อีกทั้งยังไม่ได้มีการจัดทำมาตรฐานที่ตายตัว ตำราเรียนก็ใช้มาตรฐานต่างกันไปแล้วแต่คนทำ ดังนั้นหากไม่ใช่เจ้าของภาษาที่พูดตั้งแต่เกิดโอกาสที่จะพูดได้ก็น้อยมาก
สำหรับในจีนแผ่นดินใหญ่และไต้หวัน ขอแค่รู้จีนกลางก็สามารถใช้ได้ทั่วโดยแทบจะไม่มีปัญหาใดๆแล้ว อาจยกเว้นแค่เมื่อเจอคนรุ่นเก่าบางคนที่อาจจะมีพูดไม่ได้หรืออาจจะไม่ชัดไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วมีโอกาสได้ใช้มากกว่าภาษาท้องถิ่น
ส่วนในฮ่องกงและมาเก๊าจะใช้ภาษาจีนกวางตุ้งเป็นหลัก จีนกลางเป็นรอง ดังนั้นแม้ว่าจีนกลางพอจะใช้ได้ทั่วไปในฮ่องกงและมาเก๊าก็ตาม หากรู้ภาษากวางตุ้งก็จะช่วยให้ใช้งานได้กว้างขวางมากขึ้น
หากใครสนใจจะเรียนภาษาจีนก็คงจะเลือกเรียนจีนกลางเป็นหลัก ส่วนคนที่จะไปฮ่องกงมาเก๊าก็ควรจะเลือกเรียนภาษากวางตุ้งเป็นอันดับถัดมา
ภาษาถิ่นเมื่อไม่ได้อนุรักษ์ไว้และผู้คนเริ่มไม่เห็นความสำคัญก็จะค่อยๆเลือนหายไป ท้ายที่สุดแล้วอาจเหลือแค่จีนกลางกับกวางตุ้ง
อย่างไรก็ตาม ภาษาจีนตามท้องถิ่นต่างๆนั้นก็ยังมีความสำคัญมากในแง่ประวัติศาสตร์ เพราะส่วนใหญ่อนุรักษ์เสียงดั้งเดิมจากภาษาจีนยุคเก่าได้ดีกว่ามาก ทิ้งให้เห็นร่องรอยของประวัติศาสตร์ จึงควรค่าแก่การอนุรักษ์
ถ้าหากว่าสุดท้ายแล้วต้องหายไปหมดเหลือไว้เพียงแค่จีนกลางจริงๆก็เป็นเรื่องน่าเสียดายแย่
อ้างอิงเรียบเรียงขึ้นจากข้อมูลในวิกิพีเดีย >>
https://zh.wikipedia.org