#เสาร์ 15 ต.ค. 2022ช่วงนี้ที่ญี่ปุ่นเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศกำลังเย็นสบาย และใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี เป็นช่วงที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยว
ครั้งนี้มีโอกาสได้ไปเที่ยวปีนเขาด้วยกันกับเพื่อนคนญี่ปุ่น เป็นการเดินทางที่สาหัสมากทีเดียว ลำบากที่สุดเท่าที่เคยปีนมาเลย หมดเวลาไปทั้งวัน แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี
สถานที่ที่พวกเราไปปีนเขากันก็คือ
เขาโอโมชิโระ (面白山) ตั้งอยู่บน
เทือกเขาโอวอุ (奥羽山脈) ที่กั้นระหว่างจังหวัดยามางาตะกับจังหวัดมิยางิ
ยอดเขาโอโมชิโระนั้นมีจุดยอดสูงสุดคือ ๑๒๖๔ เมตร ซึ่งอาจจะดูแล้วเหมือนไม่ได้สูงมากนัก แต่ว่าเส้นทางเดินไปถึงนั้นค่อนข้างลำบากพอดูเลยทีเดียว และด้วยความที่เป็นพรมแดนกั้นระหว่างจังหวัด เมื่อขึ้นไปยังจุดยอดจะมองเห็นได้ทั้ง ๒ จังหวัด
การเดินทางไปปีนเขาแห่งนี้สามารถไปได้โดยนั่งรถไฟไปลงที่
สถานีโอโมชิโระยามะโควเงง (面白山高原駅) ซึ่งอยู่ในทางรถไฟ
สายเซนซัง (仙山線) ซึ่งเชื่อมระหว่างเมืองเซนไดกับเมืองยามางาตะ ตัวสถานีนี้อยู่ฝั่งจังหวัดยามางาตะ คือทางด้านตะวันตก
ก่อนหน้านี้เราได้มีโอกาสนั่งรถไฟสายนี้มาแล้ว เพื่อไปเที่ยว
ยามาเดระ (山寺) โดยครั้งนั้นได้ไปลงที่
สถานียามาเดระ (山寺駅) https://phyblas.hinaboshi.com/20220925ส่วนสถานีโอโมชิโระยามะโควเงงนี้เป็นสถานีที่อยู่ถัดจากสถานียามาเดระนั่นเอง โดยเป็นสถานีที่อยู่ค่อนไปทางตะวันออกมากที่สุดของฝั่งยามางาตะ
เพียงแต่ว่าสถานีนี้ไม่ใช่สถานีหลักของสายนี้ รถไฟส่วนหนึ่งจะผ่านสถานีนี้ไปเลย มีบางขบวนเท่านั้นที่จอด ดังนั้นรถไฟที่มาที่ได้จึงมีจำกัด ต้องวางแผนให้ดี
ตารางเวลาแสดงรถไฟที่จอดที่สถานีนี้
https://ekitan.com/timetable/railway/line-station/126-12/d1การเดินทางนั้นสามารถมาจากฝั่งเมืองยามางาตะหรือเมืองเซนไดก็ได้ สำหรับครั้งนี้ไปด้วยกันทั้งหมด ๔ คน โดยมี ๒ คนที่อาศัยอยู่เมืองยามางาตะ ส่วนเรากับอีกคนอยู่เมืองเซนได ดังนั้นครั้งนี้จึงนัดเจอกันที่สถานีโอโมชิโระยามะโควเงง โดยเลือกรอบรถไฟที่มาถึงในเวลาใกล้เคียงกัน
เรากับเพื่อนที่มาจากเซนไดนั่งรถไฟเที่ยวที่ออกจากสถานีเซนไดเวลา 7:07 แล้วถึงสถานีโอโมชิระยามะโควเงงเวลา 8:06 ส่วนเพื่อนที่มาจากทางยามางาตะนั้นนั่งรถที่ออกจากสถานียามางาตะ 7:55 แล้วถึงสถานีโอโมชิระยามะโควเงงเวลา 8:21
เราตื่นแต่เช้าเพื่อมาที่สถานีเซนไดตั้งแต่เวลา 6:43
สถานีโอโมชิโระยามะโควเงงนั้นเป็นสถานีไร้คนและไม่มีสามารถใช้ Suica ได้ การไปจึงจำเป็นต้องไปซื้อตั๋วที่เครื่องขายตั๋ว ค่าโดยสารจากสถานีเซนไดไปคือ ๗๗๐ เยน
จากนั้นก็ใช้ตั๋วนี้ผ่านเข้าไปยังชานชลาที่รอรถไฟ
ไปขึ้นสายซันเซง เช่นเดียวกับตอนที่ไปเที่ยวยามาเดระครั้งก่อน คราวนี้ขึ้นรถไฟเที่ยว 7:07 ซึ่งเป็นเที่ยวรถไฟแบบธรรมดาที่จอดหมดทุกสถานี
แล้วรถไฟก็วิ่งไปทางตะวันตกเรื่อยๆมุ่งไปเทือกเขาที่เป็นพรมแดนกั้นระหว่างจังหวัดมิยางิกับจังหวัดยามางาตะ ทางรถไฟนั้นต้องผ่านอุโมงค์เซนซัง (
仙山トンネル) ก่อนที่จะข้ามอุโมงค์ไปนั้นรถไฟมาจอดที่สถานีโอกุนิกกาวะ (
奥新川駅) ซึ่งเป็นสถานีที่อยู่ทางตะวันตกที่สุดของฝั่งมิยางิ ผ่านสถานีนี้ไปก็เป็นยามางาตะแล้ว
จากนั้นรถไฟก็ลอดผ่านอุโมงค์มา แล้วพอออกจากอุโมงค์มาก็ถึงสถานีโอโมชิโระยามะโควเงงซึ่งเป็นเป้าหมายในเวลา 8:06 สถานีนี้อยู่หน้าทางออกอุโมงค์พอดี
ป้ายเขียนบอกว่าตัวสถานีนี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล ๔๔๐ เมตร
ตารางเวลาแสดงเที่ยวรถไฟที่จอดที่สถานีนี้ ซึ่งมีค่อนข้างน้อย ราว ๒ ชั่วโมงต่อขบวนเท่านั้น
เห็นคนมาลงที่สถานีนี้กันเยอะมาก ดูเหมือนหลายคนก็จะสนใจมาปีนเขาที่นี้ในช่วงนี้เหมือนกัน
จากนั้นเดินขึ้นบันไดออกจากบริเวณชานชลา
ในบริเวณนี้มีห้องน้ำและร้านอาหารอยู่ด้วย แต่ว่านอกนั้นก็ไม่มีอะไรเลย รอบๆเป็นภูเขา
ป้ายบอกเส้นทางปีนเขาในบริเวณนี้ มีบอกเวลาที่ต้องใช้ในการเดินด้วย แต่ว่าเวลาที่เขียนนี้น่าจะสำหรับคนที่เดินเขาเก่งหน่อย แต่เวลาที่เราใช้จริงนั้นช้ากว่าที่เขียนในนี้ไปพอสมควร
เป้าหมายหลักคือยอดเขาคิตะโอโมชิโระยามะ (
北面白山) ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของที่นี่ สูง ๑๒๖๔ เมตร มีเส้นทางไปได้หลายทาง ถ้าเส้นทางที่ไปถึงยอดเขาได้ใกล้ที่สุดคือทางที่เรียกว่าคาโมชิกะคอร์ส (かもしかコース) แต่เห็นว่าเป็นเส้นทางที่ปีนโหดมาก ส่วนที่เราเลือกนั้นเป็นทางที่อ้อมผ่านจุดที่เรียกว่าโจวซาเอมนไดระ (
長左ェ門平) ซึ่งสูง ๙๑๐ เมตร
มีป้ายเตือนว่าที่นี่ลิงดุ อย่าเข้าใกล้เพื่อไปถ่ายรูป
หลังจากนั้นก็รอสักพักจน 8:21 ที่รถไฟจากฝั่งยามางาตะมา แล้วก็รวมตัวกับเพื่อนอีก ๒ คนที่อยู่ยามางาตะ
จากนั้นพวกเราก็เริ่มปีนเขากันตอนเวลา 8:35
เส้นทางช่วงแรกๆนั้นไม่ค่อยชัน แต่มีหลายช่วงที่แคบๆถ้าไม่ระวังก็ตกลงไปได้ง่าย
บ้างก็ต้องผ่านสะพานแคบๆเสียวๆ ทางเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
หลังจากเดินไปประมาณ ๔๐ นาทีก็เจอทางแยกเป็นครั้งแรก ตรงนี้เป็นป้ายบอกว่ามีทางแยกไปยังช่องเขากงเงงซามะ (
権現様峠) ซึ่งเป็นคนละทางกับทางยอดเขาที่จะไป ส่วนเป้าหมายของเราคือโจวซาเอมนไดระ ซึ่งต้องตรงต่อไป
เส้นทางจากตรงนี้ไปก็ยังคงยากลำบาก
มีหลายจุดที่ต้องผ่านลำธารซึ่งไม่มีสะพาน แต่ต้องเหยียบหินข้ามไป ถ้าก้าวพลาดก็ตก รองเท้าเปียก
แล้วก็มาถึงทางแยกอีกจุด เวลาจากจุดเริ่มต้นมาถึงตรงนี้คือ ๑ ชั่วโมง ๒๐ นาที ตรงนี้ชี้ทางแยกไปยังช่องเขาโอกุนิกกาวะ (
奥新川峠) แต่ว่าป้ายอยู่ในสภาพพังอยู่
เรามุ่งหน้าสู่โจวซาเอมงไดระกันต่อไป จากตรงนี้เส้นทางก็ยังคงโหดหินต่อไป
ระหว่างทางก็เจอคนสวนทางมาเป็นครั้งแรก หลังจากที่ที่ผ่านมามีแต่กลุ่มเราเดิน คนนี้ดูเหมือนจะมาแค่คนเดียว ดูแล้วน่าจะเป็นนักปีนเขามืออาชีพ
แล้วในที่สุดก็มาถึงโจวซาเอมนไดระ จุดซึ่งสูง ๙๑๐ เมตร ตรงนี้เป็นทางแยกสำคัญ มองไปทางเหนือก็เห็นยอดเขาคิตะโอโมชิโระยามะที่เป็นเป้าหมาย หนทางยังอีกยาวไกล แต่แค่เดินมาถึงตรงนี้เราก็ใช้เวลาไปแล้ว ๒ ชั่วโมง ๑๐ นาที จากจุดเริ่มต้น
เส้นทางจากตรงนี้ไปจะเป็นทางลาดชันขึ้นไปเรื่อยๆ ปีนลำบาก โหดยิ่งกว่าเดิมไปอีก แต่ถ้ามองย้อนกลับไปด้านหลังก็สามารถเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามได้
ทางนี้มองเห็นย่านตัวเมืองด้วย น่าจะเป็นเมืองยามางาตะ
เส้นทางลาดชันโหดๆยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆอีกยาวนานถึง ๓ ชั่วโมง มีทั้งเดินขึ้นและลงสลับกันไปแทบไม่ได้เดินสบายๆเลย ทั้งเหนื่อยและลำบากมากทีเดียว แต่ก็มีทิวทัศน์สวยๆเป็นที่ปลอบใจ
หลังจากผ่านเส้นทางปีนเขาสุดโหดมายาวนาน แล้วในที่สุดเราก็มาถึงส่วนยอดเขาคิตะโอโมชิโระยามะซึ่งสูง ๑๒๖๔.๔ เมตรที่เป็นเป้าหมาย เวลาที่ใช้ไปทั้งหมดจากจุดเริ่มต้นคือ ๕ ชั่วโมง ๑๐ นาที เวลาขณะนั้นคือ 13:45 จากนั้นเราก็นั่งพักอยู่ตรงนี้แล้วกินข้าวปั้นที่เตรียมมาเพื่อเอาแรงสำหรับการเดินขาลง
ตอนที่ขึ้นมาถึงเจอกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นอยู่ไม่น้อย มีนักศึกษาชาวอินโดนีเซียที่เป็นคนรู้จักที่มาจากมหาวิทยาลัยเดียวกันอยู่ด้วย พวกเขาปีนขึ้นมาจากคนละทางกับที่เรามา
ป้ายเขียนบอกชื่อยอดเขา คิตะโอโมชิโระยามะซันโจว (
北面白山山頂) มีเขียนบอกความสูงของยอดเขา และชี้บอกทางแยก
ป้ายหินเขียนว่า "โอโมชิโระยามะไดงงเงง" (
面白山大権現)
รูปปั้นหินเล็กๆ
นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไร นอกจากเป็นพื้นที่ให้เดินชมทิวทัศน์ได้
เราพักอยู่ตรงนี้ประมาณ ๑๕ นาที ไหนๆก็อุตส่าห์ขึ้นมาถึงแล้วก็ขอถ่ายภาพจากยอดเขาเก็บไว้เยอะๆหน่อย ทิวทัศน์ที่นี่สวยงามมากทีเดียว คุ้มค่าที่อุตส่าห์ปีนขึ้นมาเหนื่อยแทบแย่โดยใช้เวลาตั้ง ๕ ชั่วโมงกว่า
หลังจากที่ปีนมาถึงยอดแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะจบแค่นั้น ต่อไปก็ได้เวลาลงจากเขา ซึ่งก็ยังมีความลำบากรอคอยอยู่ต่อไปอีก
แต่พอมาถึงตรงนี้เราก็ต้องมาวางแผนกันใหม่สักหน่อย เพราะเพื่อนคนญี่ปุ่นเขาเดินเก่งๆกันทั้งนั้น ในขณะที่เราเดินช้าและล้มบ่อยกว่าคนอื่น ดังนั้นเลยให้เพื่อน ๒ คนที่เดินเขาเก่งรีบล่วงหน้าไปตามเส้นทางคาโมชิกะที่ว่าเป็นเส้นทางโหดแต่ใกล้กว่าเพื่อกลับไปยังสถานีรถไฟ เพราะดูแล้วเส้นทางนั้นเราคงปีนไม่ไหว ส่วนเราก็แยกไปยังเส้นทางที่มุ่งไปยัง
ที่ราบสูงเทนโดว (天童高原) ซึ่งอยู่ใน
เมืองเทนโดว (天童市) ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองยามางาตะ
แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองเทนโดวภายในจังหวัดยามางาตะ เป็นช่องสีชมพูเข้ม ทางใต้คือเมืองยามางาตะ
จากตรงนี้ไปยังที่ราบสูงเทนโดวนั้นจะใกล้กว่าไปยังสถานีรถไฟที่เรามาตอนแรก เพียงแต่จากตรงนั้นไปจะไม่มีรถไฟไป ต้องขับรถเอาเองเท่านั้น แผนคราวนี้จึงเอาเป็นว่าให้เพื่อนที่กลับไปที่สถานีรถไฟรีบล่วงหน้านั่งรถไฟเข้าเมืองยามางาตะแล้วไปเช่ารถมารับเราตรงที่ราบสูงเทนโดว
เมื่อตัดสินใจเช่นนั้นแล้วก็เริ่มออกเดินทางต่อ เส้นทางขากลับนี้ก็โหดเหมือนกัน แต่ไม่ลำบากเท่าตอนขามา ระหว่างทางเขาไม่ค่อยได้ตั้งใจถ่ายรูปมากเท่าตอนขามา และรีบกว่าเดิมด้วยเพราะอยากกลับไปพักเร็วๆเหนื่อยจะแย่แล้ว จึงมีรูปมาลงน้อย
ระหว่างทางเจอป้ายบอกทางที่พังจนแทบอ่านไม่ออก แต่ดูแล้วน่าจะชี้บอกว่าตรงนี้ห่างจากส่วนยอดอยู่เท่าไหร่
หลังจากเดินออกจากเขาสูงสุดของเขาโอโมชิโระแล้วเราก็ใช้เวลาประมาณ ๕๐ นาทีเดินข้ามมายังยอดเขาอีกยอดที่อยู่ใกล้กัน คือ
มิซาวะ (三沢山) สูง ๑๐๔๑ เมตร
มิซาวะยามะนี้มีความสำคัญเพราะเป็นจุดที่อยู่ตรงพรมแดนระหว่างเมืองยามางาตะกับเมืองเทนโดวและ
เมืองฮิงาชิเนะ (東根市) ซึ่งก็เป็นอีกเมืองในจังหวัดยามางาตะ อยู่ค่อนไปทางเหนือจากเมืองเทนโดว
แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองฮิงาชิเนะภายในจังหวัดยามางาตะ เป็นช่องสีชมพูเข้ม ทางใต้คือเมืองเทนโดว และมีส่วนเล็กๆที่ติดกับเมืองยามางาตะด้วย
จากยอดนี้มองออกไปเห็นยอดเขาสูงสุดคิตะโอโมชิโระยามะสูง ๑๒๖๔ ที่เราเพิ่งไปปีนมาด้วยเห็นแล้วก็รู้ว่าเดินมาได้ไกลจริงๆ
แล้วก็มุ่งหน้าต่อไป อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาก็ถึงตรงจุดที่เรียกว่าโจวเมย์สึย (
長命水)
ถัดมาไม่ไกลจากตรงนั้นมีป้ายที่เขียนบอกว่าจากตรงนี้ปีนไปถึงยอดเขามิซาวะยามะใช้เวลา ๕๐ นาที และถึงยอดเขาคิตะโอโมชิโระยามะใช้เวลา ๔๐ นาที
จากนั้นเดินต่อมาอีก ๑๐ นาทีเจอทางแยกที่แยกไปยังเส้นทางอื่นซึ่งดูแล้วน่ายิ่งออกนอกเส้นทางไปอีก ยังไงเป้าหมายเราก็คือที่ราบสูงเทนโดว มุ่งหน้าต่อไป
แล้วในเวลา 16:00 เราก็เริ่มมาถึงบริเวณที่เห็นสิ่งก่อสร้างและผู้คน
ผ่านประตูรั้วตรงนี้เข้ามา
ในที่สุดก็มาถึงสถานที่ตั้งแคมป์ที่ราบสูงเทนโดว (
天童高原キャンプ
場) แล้วการปีนเขาของเราก็จบลงเท่านี้
ที่นี่เป็นสถานที่ที่คนมาตั้งแคมป์กัน นอกจากนั้นก็มีลานเล่นสกีด้วย แต่ว่าลานสกียังไม่เปิดเพราะยังฤดูใบไม้ร่วงอยู่
เรามานั่งพักตรงนี้ซึ่งมีห้องน้ำและห้องอาบน้ำ แล้วก็มีเครื่องขายน้ำอัตโนมัติด้วย มาพักดื่มน้ำกันตรงนี้ระหว่างรอให้เพื่อนที่รีบกลับไปเอารถที่เมืองยามางาตะมารับเราที่นี่
ระหว่างรอไปเรื่อยๆตะวันก็เริ่มคล้อย ฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้ม มืดลงเรื่อยๆ
มองไปทางโน้นเห็นแสงไฟจากตัวเมืองฮิงาชิเนะ
รอจนมืดค่ำ ๖ โมงเย็น
ในที่สุดรถที่เพื่อนเช่าขับมาก็มารับถึงที่นี่ แล้วเราก็เดินทางกลับเข้าตัวเมืองกัน ระหว่างทางผ่านตัวเมืองเทนโดว
แต่เรายังไม่ได้รีบกลับทันที หลังจากปีนเขากันเหนื่อยแล้วเป้าหมายต่อไปก็คือต้องไปแช่อนเซงกัน ซึ่งเราก็เลือกไปที่
ยามาโนเบะอนเซง (山辺温泉) ซึ่งอยู่ใน
เมืองยามาโนเบะ (山辺町) เมืองเล็กๆทางตะวันตกของเมืองยามางาตะ
แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองยามาโนเบะเป็นสีเหลืองเข้มเล็กๆ
เราเดินทางมาถึงยามาโนเบะอนเซงเวลาทุ่มนึง ทางเข้าไปด้านใน
เข้ามาถึงก็เริ่มจากถอดรองเท้าวางไว้ด้านหน้า
ส่วนทางเข้าไปยังห้องอาบน้ำอยู่ตรงนี้
ก่อนจะเข้าไปต้องจ่ายค่าเข้าโดยใช้เครื่องซื้อตั๋ว ค่าเข้าอนเซงราคา ๓๕๐ เยน
แล้วก็เอาตั๋วเข้าออนเซงมายื่นให้คนนี้ก่อนเข้า นอกนั้นแล้วเราก็ไม่ได้เตรียมผ้าเช็ดตัวมา จึงซื้อผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆจากตรงนี้ได้ด้วย ราคา ๒๕๐ เยน
นอกจากนั้นภายในนี้ยังมีขายพวกของกินของใช้เล็กๆน้อยๆ
ส่วนตู้ตรงนี้ขายนม ยามาเบะงิวนิว (やまべ
牛乳) เป็นผลิตภัณฑ์ของที่นี่ ราคา ๑๔๐ เยน เห็นคนญี่ปุ่นบอกว่าแช่อนเซงเสร็จต้องดื่มนมก็เลยซื้อมาดื่มด้วย
หลังจากแช่อนเซงเสร็จแล้วเราก็นั่งรถเข้ามาในตัวเมืองยามางาตะ
หลังจากคืนรถที่เช่ามาไปแล้วเราก็มากินมื้อเย็นกันที่ร้านอิซากายะ ชือร้านมันเรียว (
萬両) อยู่ใกล้สถานียามางาตะ
มากินกัน ๔ คนสั่งอาหารหลายอย่างมาแบ่งกันกิน เพื่อนมีสั่งเหล้ามาดื่มด้วย แต่เราไม่ได้ดื่มด้วยเพราะปกติไม่ดื่ม จึงแค่กินอาหาร
หลังจากนั้นก็ไปนั่งรถบัสที่ท่ารถใกล้สถานียามางาตะ เพื่อเดินทางกลับเซนได
รถบัสรอบที่ขึ้นนั้นเป็นรอบเวลา 21:50 เป็นรอบสุดท้ายพอดี ถ้าเลยเวลานี้ไปก็ไม่มีรถให้กลับเซนไดแล้ว ถือว่าเวลากำลังดี
แล้วรถบัสก็ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเดินทางกลับมาถึงเซนได กว่าจะกลับถึงบ้านก็ห้าทุ่มแล้ว เท่ากับว่าวันนี้ใช้เวลาไปทั้งวันเลยทีเดียว ถ้านับเวลาจากที่ออกจากเซนไดเจ็ดโมงเช้า จนกลับมาห้าทุ่มเท่ากับใช้เวลาไปรวมทั้งหมด ๑๖ ชั่วโมง
หนึ่งวันที่แสนเหนื่อยก็จบลงเพียงเท่านี้ กลับไปก็หมดแรงและทรมานปวดเต็มตัว วันต่อมาไม่อยากขยับไปไหนเลย ไม่เคยปีนเขาที่ยากสาหัสขนาดนี้มากก่อน ลำบากกว่าที่คิดไว้มาก ถึงอย่างนั้นก็ได้ประสบการณ์มาไม่น้อย ถือว่าคุ้มค่าที่ได้ไป ถ้ามีโอกาสก็ยังอยากจะไปปีนเขาอีก
สุดท้ายนี้ขอสรุปเรื่องเวลาที่ใช้ในการปีนเขาครั้งนี้ไว้ตรงนี้สักหน่อย โดยรวมๆแล้วก็คือใช้เวลาเดินขึ้นถึงยอดสูงสุดประมาณ ๕ ชั่วโมง แล้วขาลงใช้เวลา ๒ ชั่วโมง
ตำแหน่ง |
ความสูงจากระดับน้ำทะเล (เมตร) |
เวลา |
ใช้เวลารวม |
สถานีโอโมชิโระยามะโควเงง |
440 |
8:35 |
- |
|
โจวซาเอมนไดระ |
910 |
10:45 |
2 ชั่วโมง 10 นาที |
|
ยอดเขาคิตะโอโมชิโระยามะ |
1264 |
13:45 |
5 ชั่วโมง 10 นาที |
|
ยอดเขามิซาวะยามะ |
1041 |
14:55 |
6 ชั่วโมง 20 นาที |
สถานที่ตั้งแคมป์ที่ราบสูงเทนโดว |
600 |
16:05 |
7 ชั่วโมง 30 นาที |