# ศุกร์ 26 พ.ค. 2023
กลุ่มวิจัยที่มหาวิทยาลัยโทวโฮกุได้ชวนกันไปเที่ยวภูเขาในวันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม 2023 เช่นเดียวกับที่เคยไปเที่ยวกันเมื่อปีที่แล้วดังที่เขียนถึงไปใน
https://phyblas.hinaboshi.com/20221103เป้าหมายครั้งนี้คือไปปีน
เขาอาดาตาระ (安達太良山) ซึ่งเป็นภูเขาไฟ ตั้งอยู่ใน
เมืองนิฮมมัตสึ (二本松市) จังหวัดฟุกุชิมะ
แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองนิฮมมัตสึในจังหวัดฟุกุชิมะ แสดงเป็นสีชมพูเข้ม
เขาอาดาตาระนั้นยอดสูงสุดมีความสูงจากระดับน้ำทะเล ๑๗๐๐ เมตร ที่จริงแล้วยอดยอดที่สูงที่สุดจริงๆของหมู่เขาแถบนี้คือ
เขามิโนวะ (箕輪山) สูง ๑๗๒๘ เมตร สูงกว่าหน่อยนึง แต่ว่าไกลออกไปอีก ไม่ได้อยู่ในแผนเที่ยวคราวนี้
สุดเด่นสำคัญของการปีนเขาอาดาตาระก็คือการที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่เป็นแอ่งยุปปากปล่อง รอบ
ปากปล่องภูเขาไฟนุมะโนะไทระ (沼ノ平火口) แม้ว่าจะไม่สามารถเข้าไปถึงตัวปากปล่องได้เนื่องจากแถวนั้นมีก๊าซพิษก็ตาม แต่มองจากบริเวณรอบๆก็เป็นอะไรที่สวยงามตระการตามากแล้ว
ในการเที่ยวครั้งนี้เรานั่งรถกันไปเอง โดยพวกอาจารย์เป็นคนขับรถ โดยแยกเป็นหลายคน ที่ไปด้วยกันมีทั้งหมดรวมแล้วเป็น ๑๙ คน แบ่งเป็นรถทั้งหมด ๔ คัน
การเดินทางเริ่มจากนัดเจอกันในเมืองเซนไดแล้วออกเดินทางจากเซนไดเวลา 7:00 ไปถึงที่จุดที่เรียกว่าเป็นลานสกีที่ราบสูงอาดาตาระ (あだたら
高原スキー
場) ซึ่งในฤดูหนาวจะถูกใช้เป็นลานสกี แต่ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูที่มีหิมะจึงไม่มีได้ใช้เล่นสกี แต่ก็เป็นจุดที่มีบริการร้านค้า ร้านอาหาร และอนเซง และที่สำคัญคือมีรถกระเช้าจากตรงนี้ที่ช่วยพาขึ้นไปยังจุดที่สูงกว่าอีกหน่อยบนเขา
ในการปีนครั้งนี้พวกเราเริ่มจากขึ้นรถกระเช้าไปก่อน แต่รถกระเช้าก็ไม่ได้ไปถึงส่วนยอดเขา จากนั้นจึงปีนต่อไปจนถึงยอดเขา แล้วขากลับก็ค่อยเดินกลับลงมาโดยใช้เส้นทางที่ต่างไปจากตอนขาขึ้น
เราเดินทางมาถึงที่จอดรถของลานสกีเวลา 8:40 ถือเป็นคันแรกที่มาถึง หลังจากนั้นก็ต้องรอคนที่มาจากคันอื่น
ระหว่างนั้นก็ไปนั่งรอในนี้ก่อน เป็นร้านอาหารของลานสกี ตัวร้านอาหารเปิดตอนเก้าโมง ทำให้ยังไม่เปิด แต่ว่าอาคารสามารถเข้าไปได้แล้ว
ชั้นล่างมีแค่โต๊ะตัวเดียวกับตู้ขายน้ำ
แล้วก็ห้องน้ำ
ส่วนร้านอาหารนั้นอยู่ข้างบน ยังไม่เปิดแต่เดินขั้นไปดูได้
จากชั้น ๒ ก็มีทางออก เดินออกจากประตูชั้น ๒ มาได้ มาโผล่ตรงนี้
มีหมีใส่ชุดฟ้าแบกกระเป๋ายืนต้อนรับอยู่
ส่วนตรงโน้นเป็นที่ขึ้นรถกระเช้า
เรารอจนถึงเวลาที่คนอื่นมากันพร้อมหน้า กว่าจะได้มาขึ้นกระเช้าก็เป็นเวลา 9:20
ตั๋วสำหรับขึ้นกระเช้าก็ซื้อตรงจุดขึ้น ซื้อเสร็จก็ขึ้นได้เลย
ตั๋วราคา ๑๑๐๐ เยน ถ้าไปกลับก็เป็น ๒๒๐๐ เยน แต่เรานั่งแค่ขาขึ้น
ภายในรถกระเช้ามีป้ายที่เตือนว่าห้ามพิงซึ่งเขียนเป็นภาษาฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน แต่ไม่มีภาษาทางฝั่งเอเชียเลย
เส้นทางเบื้องหน้า
มองหันกลับไปข้างหลัง
มองดูทิวทัศน์ด้านข้าง
ภาพถ่ายตอนที่รถกระเช้าใกล้ถึงสถานีด้านบน
แล้วก็มาถึง ใช้เวลาประมาณ ๑๐ นาทีในระหว่างทาง
ที่สถานีรถกระเช้านั้นมีร้านอาหารอยู่ด้วย
ตรงนี้มีแผนที่คร่าวๆบอกเส้นทางที่จะมุ่งหน้าไปจากตรงนี้ไปจนถึงยอดเขา
จากนั้นรอจนทุกคนนั่งรถกระเช้ามาลงบนนี้เสร็จหมดก็เริ่มออกเดินเวลา 9:39 เส้นทางช่วงต้นๆดูสบายๆ ถูกทำทางไว้อย่างดี
แต่จากนั้นก็ค่อยๆเริ่มเดินยากขึ้น
หลังจากออกเดินมา ผ่านไป ๒๐ นาที เราเดินมาถึงตรงจุดที่เป็นที่โล่ง และมีหินเรียงราย ทุกคนมานั่งพักกันตรงนี้สักพัก ระหว่างนั้นมองไปทางโน้นเห็นหิมะที่ยังหลงเหลืออยู่บนเขาด้วย แม้ฤดูหนายจะสิ้นสุดลงมาเป็นเดือนแล้วแต่ก็ยังมีหิมะที่ไม่ละลายอยู่ตรงนี้ให้เห็น ดูสวยดี
หลังจากพักสักครู่ก็เดินต่อ เส้นทางยิ่งเดินไปก็ดูจะยิ่งลำบากขึ้น
ระหว่างทางมีบริเวณเปิดโล่งให้มองทิวทัศน์ข้างล่างได้บ้าง แต่จากตรงนี้ก็ยังไม่เห็นอะไรมาก
ปินขึ้นไปเรื่อยๆ
จนในที่สุดก็มาจนถึงจุดที่อยู่ข้างๆกองหิมะตกค้าง
เพียงแต่ว่าไม่สามารถเดินไปถึงตรงหิมะนั้นได้ ได้แต่มองอยู่จากตรงนี้ ก็ดูสวยดี
เส้นทางยังคงขึ้นไปเรื่อยๆ ต้องปีนไปตามเส้นทางที่เต็มไปด้วยก้อนหิน
ทิวทัศน์ที่เห็นระหว่างทางเมื่อมองลงไปดูสวยงาม
แล้วเราก็ขึ้นมาจนในที่สุดเห็นตรงส่วนยอดแล้ว เป็นโขดหินสีดำที่ยื่นเด่นออกมา
ส่วนยอดนั้นเป็นโขดหินที่สูงชันและปีนลำบาก ข้างบนนั้นก็แคบด้วย ดังนั้นก่อนที่จะปีนขึ้นส่วนยอด พวกเราก็มาถ่ายภาพหมู่กันตรงนี โดยมีฉากหลังเป็นส่วนยอดนี้
จากนั้นก็ได้เวลาปีนขึ้นไป
การปีนนั้นถือว่าลำบากทีเดียว ถือว่าอันตราย ถ้ายึดเกาะพลาดแล้วลื่นตกลงไปคงเจ็บหนัก แต่ทุกคนก็พยายามกันจนขึ้นไปได้
และเมื่อขึ้นมาถึง ก็ได้พบกับป้ายที่เขียนชื่อภูเขาพร้อมกับแสดงความสูง ๑๗๐๐ เมตร ขณะนั้นเวลา 11:00 พอดี ถ้านับจากเวลาที่เราออกจากสถานีกระเช้าก็ถือว่าใช้เวลาไป ๑๐๐ นาที ในการเดินจากสถานีกระเช้ามาถึงนี่
ในนี้มีหมีอยู่ด้วย
ทิวทัศน์จากส่วนยอดเมื่อมองไปรอบๆ ไม่ว่ามองไปทิศไหนก็ดูสวยงาม
บนส่วนยอดนั้นหนาวและลมพัดแรง อีกทั้งยังแคบด้วย ระหว่างที่เราอยู่นี่ก็มีคนอื่นๆขึ้นมาเรื่อยๆ จึงไม่อาจอยู่บนนี้นานได้ พวกเราจึงเดินลงหลังจากที่ขึ้นมาบนนี้ได้ประมาณ ๕ นาทีเท่านั้น
ส่วนขาลงนั้นใช้เส้นทางที่ต่างไปจากตอนขึ้นเล็กน้อย
เส้นทางขาลงนี้ต้องใช้บันไดด้วย มีความรู้สึกว่าลำบากกว่าตอนขาขึ้นอีก
เมื่อทุกคนลงมากันหมดแล้วก็เดินมุ่งไปข้างหน้าต่อ แม้ว่าจะถึงยอดสูงสุดเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไม่ได้จบแค่นี้ ทางข้างหน้ายังมีอะไรให้ชมอีก ต้องเดินต่อไปอีกหน่อยจึงจะถึงส่วนที่เห็นปากปล่องภูเขาไฟที่สวยงามได้
ระหว่างทาง หินแถวนี้มีสีแดงและเหลืองดูสวยงามแปลกตาดี
เริ่มเห็นส่วนปากปล่องภูเขาไปแล้ว
เพื่อที่จะให้เห็นชัดกว่านี้ ต้องเดินต่อไปอีกหน่อย
แล้วก็มาถึงจุดที่เห็นปากปล่องภูเขาไฟได้ชัดที่สุด ทุกคนหยุดเดินเล่นถ่ายรูปตรงนี้สักพัก
มองไปฝั่งที่ตรงกันข้ามกับปากปล่องภูเขาไฟก็ดูสวยเหมือนกัน
หินบนนี้ดูมีลวดลายและสีสันสวยงาม
หลังจากที่ชมทิวทัศน์ปากปล่องภูเขาไฟสวยงามเสร็จจนพอใจแล้วก็เดินมุ่งหน้าต่อไป เวลาขณะนั้นคือ 11:30
เส้นทางจากนี้ไปก็ค่อยๆเดินลงไปเรื่อยๆ
ตรงนี้ก็เห็นหิมะตกค้าง
เดินลงต่อไป
จากป้ายบอกให้รู้ว่าเราเดินมาประมาณ ๓๕ นาทีแล้ว จากตรงส่วนยอดเขา
ระหว่างทางเจอนักปีนเขาที่สองมือถือไม้เท้าค้ำยันด้วย แต่ในกลุ่มเราไม่มีใครเป็นนักปืนเขามืออาชีพ ไม่ได้เตรียมไม้แบบนั้นมากันเลย ที่จริงเขาที่นี่ไม่ต้องใช้ไม้ก็ไม่เป็นไร เท่าที่เดินผ่านมาถึงนี่ก็ไม่ได้มีปัญหาลำบากมาก
เส้นทางจากตรงนี้คือยิ่งเดินลงไปเรื่อยๆ บางส่วนก็เดินลำบาก แต่โดยรวมแล้วยังง่ายกว่าตอนขาขึ้นมา
แล้วเราก็เดินมาจนถึง คุโรงาเนะอนเซง (くろがね
温泉) ซึ่งเป็นอาคารสำหรับพัก มีทั้งร้านอาหารและห้องน้ำด้วย แต่ว่าพอดีช่วงนี้มันปิดอยู่ เลยทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นั่งดูอยู่ด้านนอก
ส่วนข้างๆนั้นมีทางที่ดูเหมือนจะเชื่อมไปยังส่วนที่เป็นพื้นที่ต้องห้ามเพราะมีการรั่วไหลของก๊าซที่เป็นพิษ
และตรงนี้มีที่นั่งพัก เราก็มานั่งพักแล้วหยิบเสบียงที่ซื้อเตรียมไว้เองขึ้นมากินเป็นมื้อเที่ยง เวลาขณะนั้นคือ 12:30 กำลังพอเหมาะเลย
นั่งพักกินอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง พอถึง 13:00 ก็ออกเดินทางไปต่อ
เส้นทางหลังจากตรงนี้ไปก็ไม่ค่อยมีอะไรท้าทายมากแล้ว เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาเล่ามาก แต่ก็มีเจออะไรแปลกๆบ้าง อย่างเช่นระหว่างทางเจอรถจอดอยู่ ทั้งที่เส้นทางรอบๆแถวนี้ไม่น่าจะให้รถวิ่งเข้ามาได้ ก็ไม่รู้ว่ารถคันนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ทุกคนเห็นก็แปลกใจ
ระหว่างทางยังผ่านน้ำตก
ตรงนี้ดูเหมือนจะมีทางให้เดินเข้าไปเล่นน้ำตกได้ แต่ว่าปิดอยู่ เข้าไปไม่ได้
หลังจากนั้นก็เดินต่อมาเรื่อยๆ จนถึงเวลา 14:25 เราก็กลับมาถึงตรงลานสกีซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในตอนแรก เท่ากับว่าเราปีนเขาของเราก็จบลงเท่านี้ ถ้านับจากที่เริ่มออกจากที่นี่เวลา 9:20 เท่ากับว่าใช้เวลาไปทั้งหมด ๕ ชั่วโมงในครั้งนี้
จากนั้นทุกคนก็ไปแช่อนเซงที่โอกุดาเกะโนะยุ (
奥岳の
湯) ซึ่งอยู่ในบริเวณลานสกี คนญี่ปุ่นชอบแช่อนเซงกันจริงๆเลย
แต่ว่าเรารู้สึกไม่อยากเข้า ก็เลยตัดสินใจออกมานั่งรออยู่คนเดียวตรงอาคารที่เมื่อเช้ามานั่งรอ
ระหว่างนั้นก็ซื้อน้ำจากตู้ขายน้ำอัตโนมัติแล้วก็นั่งเล่นสมาร์ตโฟนไป
จากนั้นพอถึงเวลา 15:30 ทุกคนก็ออกมาจากอนเซงแล้วก็ได้เวลาขึ้นรถเดินทางกลับเซนได ซึ่งก็ใช้เวลาเกือบ ๒ ชั่วโมงเหมือนตอนขาไป ถึงเซนไดตอนห้าโมงกว่า เป็นอันสิ้นสุดการเที่ยวปีนเขาทั้งหมดในวันนี้ลง
หลังกลับถึงเซนไดแล้วบางส่วนยังมีไปกินข้าวเย็นด้วยกันที่แถวสถานีเซนไดด้วย แต่เรารู้สึกปวดหัวอยากรีบกลับไปพักที่หอ จึงแยกไปหาอะไรกินคนเดียวแล้วรีบกลับเลย
โดยรวมแล้วก็เป็นอีกเที่ยวที่น่าประทับใจ ได้ออกกำลังกายปีนเขาด้วยกันกับทุกคน โดยที่ไม่เหนื่อย เส้นทางไม่โหดเกินไปจนมีใครเป็นอะไรระหว่างทาง ทุกคนเดินไปด้วยกันตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกอย่างราบรื่นดี
อีกทั้งทิวทัศน์ภูเขาไฟแบบนี้สวยงามมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสเห็นปากปล่องภูเขาไป ในไทยไม่มีภูเขาไฟดังนั้นจึงไม่มีโอกาสเห็น แต่ที่ญี่ปุ่นเต็มไปด้วยภูเขาไฟ นอกจากที่นี่แล้วก็ยังมีอีกหลายที่ ปากปล่องภูเขาไปแต่ละที่ก็มีความสวยงามแตกต่างกันไป
ก็หวังว่าหลังจากนี้ไปยังจะมีโอกาสได้เที่ยวแบบนี้อีก