#พฤหัส 3 พ.ย. 2022วันที่ 3 พฤศจิกายนนั้นที่ญี่ปุ่นเป็นวันวัฒนธรรม บุงกะโนะฮิ (
文化の
日) ซึ่งเป็นวันหยุดราชการของญี่ปุ่น ทางกลุ่มที่มหาวิทยาลัยโทวโฮกุเลยจัดกิจกรรม เอนโซกุ (
遠足) คือไปเที่ยวด้วยกันแล้วเดินเป็นระยะทางไกลและมีการปีนเขาด้วย
เป้าหมายอยู่ที่
เมืองชินจิ (新地町) ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ทางตอนเหนือของ
จังหวัดฟุกุชิมะ (福島県) ติดกับจังหวัดมิยางิ ที่นี่มี
ภูเขาคาโรว (鹿狼山) ซึ่งเป็นภูเขาสูง ๔๓๐ เมตร ตั้งอยู่ระหว่างเมืองชินจิ กับ
เมืองมารุโมริ (丸森町) ของจังหวัดมิยางิ เป้าหมายหลักของเที่ยวนี้คือการปีนเขาลูกนี้
แต่ก่อนจะปีนเขานั้นระหว่างทางต้องผ่าน
ปราสาทชินจิ (新地城) ซึ่งเป็นปราสาทเก่าของญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง จึงได้แวะไปชมด้วย
ปราสาทชินจิถูกสร้างขึ้นในยุคเซงโงกุโดยไดเมียวตระกูลโซวมะ (
相馬) ซึ่งปกครองพื้นที่ทางตอนเหนือของจังหวัดฟุกุชิมะ และเป็นคู่ปรับกับตระกูลดาเตะ (
伊達) ที่ปกครองพื้นที่แถบจังหวัดมิยางิ โดยบริเวณเมืองชินจินี้อยู่ตรงพรมแดน จึงได้มีการสร้างปราสาทชินจิขึ้นมาเพื่อใช้เป็นฐานต่อสู้กับตระกูลดาเตะ
แต่ว่าในที่สุดตระกูลโซวมะก็พ่ายแพ้ แล้วปราสาทชินจิก็ถูกทำลายลง ปัจจุบันตัวปราสาทยังเหลือซากคลองให้เห็นอยู่นิดหน่อย แม้จะไม่มีอะไรให้ดูมาก แต่ถ้าสนใจประวัติศาสตร์ก็สามารถแวะไปชมดูได้
เมืองชินจินั้นสามารถไปได้สะดวกโดยนั่งรถไฟ
สายโจวบัง (常磐線) ไปลงที่
สถานีชินจิ (新地駅) แต่ตัวสถานีอยู่ห่างจากปากทางปีนขึ้นเขาคาโรวไปราวๆ ๖ กิโลเมตร ระหว่างทางต้องเดินเอา ดังนั้นจึงเป็นการอุ่นเครื่องก่อนปีนเขา
แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองชินจิในจังหวัดฟุกุชิมะ แสดงเป็นสีเหลืองเข้มด้านบนขวา
การเดินทางเริ่มต้นที่สถานีเซนได ทุกคนนัดรวมกันที่นี่ตอน 8:00 เพื่อขึ้นรถไฟรอบ 8:12 ซึ่งจะถึงสถานีชินจิเวลา 9:02
สถานที่นัดคือตรงหน้าเครื่องตรวจตั๋ว
แต่ว่าตอน 7:50 เกิดสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น ในโทรศัพท์มือถือมีข้อความแจ้งเตือนเข้ามาว่าเกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธข้ามทวีป และมีเส้นทางที่อาจผ่านญี่ปุ่น ให้ทุกคนหลบเข้าไปในสิ่งก่อสร้างเพื่อความปลอดภัย
แล้วตอน 8:00 ก็มีข้อความเตือนส่งมาอีกรอบ
หลังจากนั้นทางสถานีรถไฟก็ประกาศหยุดขบวนรถไฟทั้งหมด จนกว่าจะมั่นใจได้ว่าทุกอย่างปลอดภัย ทำให้ตารางเวลารถไฟเช้านี้รวนไปหมด
ในที่สุดทางสถานีก็แจ้งว่าขีปนาวุธดูจะไม่มีอันตรายอะไร แล้วประกาศเดินรถไฟตามปกติ พวกเราจึงเดินผ่านที่ตรวจตั๋วเข้าไปยังชานชลาเพื่อขึ้นรถไฟ
แต่ว่าตอนที่ไปถึงนั้นรถไฟขบวนที่จะขึ้นนั้นยังไม่ได้มาจอดที่สถานี แต่กลับมีรถไฟขบวนที่วิ่งไปตามสายรถด่วนอาบุกุมะ ซึ่งควรจะออกตอน 7:53 แต่ตอนที่ไปถึงนั้นเป็นเวลา 8:07 แล้ว รถไฟกลับยังไม่ออก
รถไฟสายรถด่วนอาบุกุมะเที่ยวนี้เราเคยนั่งไปแล้วในครั้งก่อน เล่าไว้ใน
https://phyblas.hinaboshi.com/20221022แต่ขบวนรถไฟที่มาครั้งนี้เป็นคนละลายกับครั้งก่อน คราวนี้เป็นลายอนิเมะ
มาซามุเนะดาเตนิเคิล (政宗ダテニクル) ซึ่งเป็นอนิเมะที่ฉายตั้งแต่ปี 2016 เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว
เมืองดาเตะ (伊達市) จังหวัดฟุกุชิมะ ซึ่งรถไฟสายนี้แล่นผ่าน
แล้วรถไฟขบวนนี้ก็ออกไปตอน 8:08 ซึ่งช้ากว่าเวลาเดิมไป ๑๕ นาที
หลังจากนั้นรถไฟสายโจวบังที่เราจะขึ้นนั้นจึงมา แต่กว่าจะออกเดินทางก็คือเวลา 8:26 ซึ่งช้าไป ๑๔ นาทีจากเวลาเดิม
สายโจวบังนั้นแยกทางจากสายหลักโทวโฮกุที่
สถานีอิวานุมะ (岩沼駅) เมืองอิวานุมะ (岩沼市) ระหว่างทางนั้นก็ผ่านสถานีเดียวกับสายหลักโทวโฮกุ ซึ่งเราเคยขึ้นมาแล้ว
หลังจากผ่านสถานีอิวานุมะไปแล้วรถไฟขบวนนี้ก็แยกมาทางตะวันออก เข้าสู่เขต
เมืองวาตาริ (亘理町)แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองวาตาริในจังหวัดมิยางิ เป็นสีเหลืองเข้ม
เมืองนี้มีสถานีรถไฟอยู่ ๓ สถานี เริ่มจากผ่าน
สถานีโอกุมะ (逢隈駅)จากนั้นก็มาถึง
สถานีวาตาริ (亘理駅) ซึ่งเป็นสถานีใจกลางของเมืองนี้ ที่ข้างๆสถานีมี
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเมืองวาตาริ (亘理町立郷土資料館) ซึ่งถูกทำเป็นลักษณะเหมือนปราสาทญี่ปุ่น สามารถมองเห็นได้ระหว่างรถไฟผ่านสถานีนี้
ถัดมารถไฟก็ผ่าน
สถานีฮามาโยชิดะ (浜吉田駅) แต่เราไม่ได้ถ่ายภาพสถานีนี้ไว้ตอนขาไป เลยขอเอาภาพตอนขากลับมาลงแทน
หลังจากนั้นรถไฟก็เข้าสู่เขต
เมืองยามาโมโตะ (山元町) ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ทางใต้สุดของจังหวัดมิยางิ ในเขตเมืองนี้มีอยู่ ๒ สถานีคือ
สถานียามาชิตะ (山下駅) และ
สถานีซากาโมโตะ (坂元駅)แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองยามาโมโตะเป็นสีเหลืองเข้ม
ภาพสถานีซากาโมโตะที่ถ่ายตอนขากลับ
หลังจากผ่านสถานีซากาโมโตะมา รถไฟก็ข้ามไปสู่จังหวัดฟุกุชิมะ แล้วสถานีต่อไปที่มาจอดก็คือสถานีชินจิ ซึ่งเป็นเป้าหมายของเรา เวลาที่ถึงคือ 9:12 ซึ่งช้ากว่ากำหนดเดิมคือ 9:02 ไป ๑๐ นาที
พวกเราลงจากรถไฟที่สถานีนี้
ค่าเดินทางจ่ายด้วยบัตร Suica ราคา ๘๕๘ เยน
ออกมาด้านหน้าสถานี
นอกจากพวกเราที่มาโดยรถไฟแล้วก็มีกลุ่มที่นั่งรถมาด้วย ซึ่งก็นัดเจอที่สถานีนี้เหมือนกัน
แล้วก็ได้เวลาเริ่มเดินทาง เป้าหมายคือภูเขาคาโรวที่อยู่ทางตะวันตก
ระหว่างทางเป็นท้องนาที่ดูแห้งแล้ง
มีพวกอาคารบ้านหรือโรงงานอยู่ประปราย
รถไถนาอยู่กลางท้องทุ่ง
เดินมาประมาณ ๒๐ นาทีก็เห็นป้ายชี้ทางไปสู่ปราสาทชินจิ
ตรงนี้เป็นปากทางเข้าสู่ปราสาทชินจิ
ป้ายชี้ทางไปทางนี้
ระหว่างทางต้องปีนเขาขึ้นไปแต่ก็ไม่ลำบาก
แล้วก็ขึ้นมาถึงบริเวณซากปราสาทชินจิตั้งอยู่ ตรงนี้มีป้ายเขียนแนะนำเกี่ยวกับปราสาทชินจิ
หลังป้ายนั้นเป็นเนินดินที่เป็นร่องรอยของปราสาท
ในบริเวณนี้ตอนนี้เป็นสวนสาธารณะ มีโต๊ะเก้าอี้และเครื่องเล่นเด็ก
เดินลึกเข้าไปด้านใน
เจอร่องรอยคลองเก่าซึ่งถูกขุดไว้ล้อมปราสาทเพื่อใช้ป้องกัน แต่เป็นคลองเปล่าที่ไม่มีน้ำ
การชมในบริเวณซากปราสาทชินจิก็จบลงเท่านี้ จากนั้นก็เดินกลับลงมาแล้วมุ่งหน้าไปสู่ทางขึ้นเขาคาโรวต่อ
ระหว่างทางผ่านอ่างเก็บน้ำ
ทิวทัศน์ตรงอ่างเก็บน้ำ
ตรงนี้มีแหล่งน้ำสะอาดที่ไหลจากใต้ดิน เรียกว่า อุกนชิมิซึ (
右近清水) มีผู้คนมาตักน้ำไปดื่มกัน
จุดที่น้ำไหลออกมา
ในนี้ยังมีศาลเจ้าเล็กๆด้วย
จากนั้นเดินขึ้นไปทางนี้
แล้วก็เดินทางมุ่งหน้าต่อไป
เริ่มเห็นภูเขาใกล้เข้ามาอยู่ตรงหน้าแล้ว
ระหว่างทางเจอแหล่งน้ำสะอาดอีกแห่งคือ มายุมิชิมิซึ (
真弓清水)
จากนั้นเดินต่อ ทางเริ่มชันขึ้นมา
จากนั้นเราก็เดินทางมาจนถึงปากทางปีนขึ้นเขาคาโรวตอนเวลา 11:31 ขอจบตอนลงเพียงเท่านี้ เรื่องการปีนเขาคาโรวจะเขียนถึงต่อในตอนต่อไป
https://phyblas.hinaboshi.com/20221104