คนเราเมื่อตายไปก็จบแค่นั้น
เขียนเมื่อ 2010/03/13 00:12
แก้ไขล่าสุด 2021/09/28 16:42
เคยมีพูดถึงไปเมื่อครั้งก่อน เรื่องญาติที่ป่วยเป็นมะเร็งอยู่ https://phyblas.hinaboshi.com/20100217
ตอนนี้เขาก็ได้จากไปแล้วอย่างสงบ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางญาติมิตรมากมาย
เนื่องจากเป็นคนจีน พิธีศพจึงได้ถูกจัดขึ้นแบบจีน
ตามความเชื่อของจีน เมื่อคนตายไปนั้นลูกหลานจะต้องมีการทำพิธีส่งดวงวิญญาณ เราเองก็มีโอกาสได้เข้าร่วมด้วย พิธีในวันสุดท้ายก่อนเผาที่เรียกว่ากงเต๊ก (功德, gong1de2, กงเต๋อ) รายละเอียดของพิธีนั้นก็ยุ่งยากดังที่เห็นในนี้
http://th.wikipedia.org/wiki/กงเต๊ก
และยังมีการะเผากระดาษซึ่งทำเป็นสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆไปให้มากมาย
พิธีการแบบจีนนี้ยังคงเป็นที่นิยมในหมู่คนจีนมากมาจนถึงปัจจุบัน กล่าวคือในแต่ละปีต้องมีการสูญเสียกระดาษไปเป็นจำนวนมากโดยที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร
กระดาษที่พับเป็นรูปต่างๆที่เผาไปนี้มีทั้งเป็นรูปเครื่องเรือน เช่น โต๊ะ ทีวี โทรศัพท์ ฯลฯ แล้วแต่ศรัทธา รวมทั้งโมเดลบ้านจำลองกระดาษขนาดเล็กด้วย นอกจากนี้ยังมีพับเป็นรูปคนรับใช้ด้วย
เป็นไปตามความเชื่อว่าเมื่อเผาไปแล้วคนตายจะได้นำไปใช้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่รู้หรอกว่าคนตายแล้วไปไหน แต่ที่แน่ๆเชื่อว่าการเผากระดาษคงไม่น่าจะมีผลเกี่ยวเนื่องอะไรกับวิญญาณจริงๆ (ของพวกนี้ไม่ได้เผาพร้อมศพด้วย เผาก่อนตั้งหนึ่งวัน)
ความเชื่อของจีนเหล่านี้ที่จริงแล้วเกิดมาจากแนวคิดเรื่องความกตัญญูซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ที่ดีทีเดียว เพียงแต่ว่ามันเป็นการปฏิบัติที่ผิดทาง
หากว่ากันตามแนวคิดของศาสนาพุทธเป็นหลักละก็ เราไม่ควรจะยึดมั่นถือมั่นอะไร แต่การที่ทั้งมีการประกอบพิธีส่งวิญญาณ และมีการเผากระดาษตามนั้น เป็นการแสดงถึงความยึดมั่นถือมั่นของคน ยึดติดกับผู้ที่จากไปแล้ว สิ่งที่ผ่านไปแล้ว
รวมทั้งการที่มีพิธีไหว้บรรพบุรุษอยู่ทุกปีนั้นเองก็ด้วย
ดังนั้นว่ากันตามจริงแล้ว ความเชื่อของจีนในเรื่องนี้น่าจะถือว่าขัดแย้งต่อคำสอนศาสนาพุทธ
ส่วนตัวแล้วก็ไม่ใช่คนที่มีความเชื่อในศาสนาพุทธ แต่ว่าในเหตุผลข้อนี้เห็นด้วยที่ว่าคนเราเมื่อตายไปแล้วก็สิ้นสุดเท่านั้น ไม่ควรจะไปยึดติดอะไรอีก และพิธีกรรมต่างๆถึงทำไปเขาก็ไม่ได้รับรู้อะไรอีกแล้ว
หากต้องเลือก เราคงเลือกเชื่อทางศาสนาพุทธตามความเชื่อแบบไทยมากกว่าความเชื่อแบบจีน
คนที่มัวแต่ยึดติดกับอดีต กับคนที่ตายไปแล้ว ก็จะไม่อาจก้าวเดินไปข้างหน้าต่อได้ มันก็ดูเป็นเหมือนบ่วงเหนี่ยวความก้าวหน้าในชีวิต
ท่ามกลางความเศร้าที่สูญเสียญาติสนิทไป แต่ก็กลับต้องมาทำพิธีอะไรที่ไม่ชอบ ค่อนข้างที่จะรู้สึกลำบากใจมากทีเดียว แต่ก็ไม่อาจขัดต่อคำขอของผู้ใหญ่ได้
ผู้ใหญ่เขาบอกว่าพิธีนี้นอกจากทำเพื่อผู้ตายแล้ว ยังเป็นการทำเพื่อตัวผู้ทำเองด้วย แต่ความจริงแล้วไม่ใช่หรอก พิธีการต่างๆนั้นมีไว้สำหรับคนที่เชื่อเท่านั้น หากเชื่อแล้วก็คงจะทำอย่างมีความสุข เพราะเขาก็คงเชื่อว่าที่ทำไปนั้นเป็นผลดีจริงๆ
ดังนั้นพิธีนี้ถือเป็นการทำเพื่อคนอื่น ทำเพื่อญาติผู้ใหญ่บางคนที่เชื่อ เพื่อให้พวกเขาสบายใจ เพราะเขาเชื่อว่าการทำพิธีต่างๆนั้นคนตายจะรับรู้และมีความสุข
อาจเป็นกรรมของลูกหลานชาวจีนสมัยนี้ก็ว่าได้ที่ในขณะที่กำลังเศร้าเพราะต้องสูญเสียญาติสนิทแล้วก็ยังต้องมาประกอบพิธีที่ไม่ได้อยากทำ เพียงเพื่อเอาใจญาติผู้ใหญ่ที่ยังมีชีวิตอยู่
แต่หากจะพูดในแง่ว่าเป็นการสร้างความสุขให้กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่แล้ว ก็คงเรียกว่าพอจะมีค่าอยู่ แต่เราก็ยังคงไม่อยากให้ญาติผู้ใหญ่มีความเชื่อเช่นนี้อยู่ดี แต่ความเชื่อที่ฝังรากลึกนั้นย่อมไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้โดยง่าย
แน่นอนว่าเรื่องที่เขียนมาทั้งหมดนี้ไม่ได้บ่นให้ญาติผู้ใหญ่ฟังในงาน แค่บ่นอยู่กับคนที่ไม่ได้เชื่อเช่นกันเท่านั้น
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราเกลียดจีนอะไรหรอก มันเป็นคนละเรื่องกัน แต่พอเป็นแบบนี้แล้วก็เลยเข้าใจเหตุผลที่ใครๆต่างก็พากันเกลียดจีนล่ะ ข้อเสียมากมายอย่างที่รู้ เพราะมันใกล้ตัวทีเดียว ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ ยังมีเรื่องอื่นอีกมากมาย แต่คิดว่าส่วนที่ดีของจีนก็มีเยอะ ตอนนี้จะว่าเสียใจที่เป็นลูกหลานชาวจีน ก็คงไม่ถึงขนาดนั้นล่ะนะ
ที่ห่วงมากที่สุดคือเรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะคนจีนยังคงเผากระดาษเป็นว่าเล่นไปเรื่อยๆแบบนี้ โดยที่ไม่ใช่การใช้ประโยชน์อะไรนอกเหนือไปจากเป็นเพียงแค่ความเชื่อ แบบนี้กลับจะทำให้ยิ่งรู้สึกผิดต่อบรรพบุรุษที่คอยดูแลโลกนี้มาโดยตลอดเสียมากกว่า
แม้ทรัพยากรที่สูญเสียไปจะเป็นส่วนน้อยมากเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าก็ตาม
หากอยากที่จะทำอะไรให้ใครละก็ ทำให้ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่จะดีที่สุด ถ้าตายไปแล้ว ต่อให้ทำพิธียังไงก็ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว เจ้าตัวไม่อาจรับรู้อะไรได้อีกแล้ว
-----------------------------------------
囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧
ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ