ฟังหูไว้หู โลกจะแตกง่ายๆจริงหรือ?
เขียนเมื่อ 2012/09/26 01:35
แก้ไขล่าสุด 2021/09/28 16:42
พอดีช่วงนี้เห็นข่าวเรื่อง ดร. อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องภาวะโลกร้อน โลกแตก ภัยพิบัติอะไรต่างๆนานา
อย่างล่าสุดออกมาบอกว่าพายุสุริยะจะทำให้เกิดแผ่นดินไหวหนัก
http://news.mthai.com/headline-news/190442.html
http://news.sanook.com/1142100/ดร.อาจอง เตือน อาจเกิดสึนามิในอ่าวไทยครั้งแรก
ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายต่างก็ออกมาค้านเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่น่าเชื่อถือ เป็นเรื่องที่เว่อมากและเหมือนเป็นแค่การทำนายโดยไม่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์มากพอ
ปัญหาคือการที่แกมาออกสื่อมากมาย และด้วยชื่อเสียงของแกตอนนี้ซึ่งโด่งดังมากมายในฐานะ "นักวิทยาศาสตร์ผู้เคยทำงานให้กับองค์การนาซา"
เมื่อนานมาแล้วจำได้ว่าเคยดูโฆษณาปูนซีเมนต์ไทยที่ต้องการปลุกใจวาคนไทยทำอะไรก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก โดยมีการอ้างถึงชื่อ ดร.อาจอง บอกว่าเป็นผู้ออกแบบแผงลงจอดบนดาวอังคารของยานไวกิง
(เกี่ยวกับยานไวกิง อ่านที่ http://www.artsmen.net/content/show.php?Category=spaceboard&No=5843
)
เราได้ไปหาข้อมูลต่อว่าเขาทำงานให้กับองค์การนาซาจริงๆหรือ ถ้าทำแล้วงานของเขามีความสำคัญแค่ไหน
แล้วก็ได้ข้อมูลมาดังนี้...
ความจริงแล้ว ดร.อาจอง ไม่ได้ทำงานให้กับนาซาโดยตรง แต่ทำให้กับบริษัท Martin Marietta ซึ่งบริษัทนี้รับงานจากนาซามาอีกที ในส่วนของระบบลงจอดสำหรับโปรเจกต์ยานอวกาศไวกิง ซึ่งตัวเขาเป็นคนคิดในส่วนของระบบเซนเซอร์เท่านั้น ไม่ใช่ทั้งระบบ ซึ่งก็แน่นอนว่าโปรเจกต์ใหญ่ๆอย่างไวกิงนี้คนที่ทำงานในนั้นต้องมีมากมายเป็นหมื่นๆคน แต่ละคนก็รับทำในส่วนของตัวเอง
ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร มันก็เป็นความจริงที่เขามีส่วนในงานของนาซา แม้จะไม่ใช่โดยตรงก็ตาม และเขาก็คิดส่วนอุปกรณ์ลงจอดบนดาวอังคารจริงๆ เพียงแต่มันเป็นแค่ส่วนย่อยส่วนหนึ่ง
แต่คนที่ฟังข้อมูลแค่นี้ก็ตีความไปใหญ่แล้ว กลายเป็นว่าเขาเคยทำงานในองค์การนาซา และเป็นคนคิดออกแบบแผงลงจองของยานไวกิงทั้งหมด
และตามแหล่งข่าวต่างๆก็จั่วหัวให้เขาว่า " ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา อดีตนักวิทยาศาสตร์ผู้คิดค้นระบบควบคุมการลงจอดบนดาวอังคารของยานไวกิ้ง ร่วมกับองค์การนาซ่า"
นั่นทำให้เขาดูมีความน่าเชื่อถือสูงมาก ดังนั้นพูดอะไรคนก็จะเชื่อได้ง่าย
ซึ่งที่จริงปัญหาคงจะไม่มี ถ้าหากสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง มีความน่าเชื่อถือ มีหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่อ้างอิงได้มากพอ
แต่การที่เขาออกมาพูดครั้งนี้เหมือนเป็นแค่อะไรลอยๆ ขาดหลักฐาน ขาดความน่าเชื่อถือ แบบนี้มันเหมือนกับกำลังใช้ชื่อเสียงบารมีเก่าของตัวเองเพื่อปลุกปั่นประชาชนให้แตกตื่นโดยใช่เหตุ ซึ่งเรื่องนี้น่ากลัวมาก
ปัญหาคือคนไทยนั้นเชื่อตามคนอื่นได้ง่ายโดยไม่ได้คิดไตร่ตรองให้ดี ตรงนี้เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงมากทีเดียว
และอีกอย่างชื่อเสียงของ ดร.อาจอง มาจากทางด้านวิศวะ เขาไม่จำเป็นว่าจะต้องเก่งทางด้านธรณีวิทยาด้วย (แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ)
http://www.youtube.com/watch?v=F5ApxFrbLlE&feature=relmfu
นี่เป็นคลิปที่ ดร.อาจอง บรรยายเมื่อสองปีที่แล้ว (เป็นคลิปท่อนแรก สามารถกดเพื่อดูท่อนต่อๆไปต่อได้) เราเพิ่งมีโอกาสได้ดูตอนนี้ ก็พบว่ามันเว่อมากกว่าที่คิดไว้เยอะเลย เช่น
- แกนหมุนของโลกอยู่ดีๆไม่มีทางกลับทิศได้ง่ายๆขนาดนั้นหรอก สิ่งที่อาจมีโอกาสกลับทิศได้คือขั้วของแม่เหล็กโลก ซึ่งมีการกลับขั้วอยู่บ่อยๆในประวัติศาสตร์โลก แต่ยังไม่มีใครอธิบายกลไกนี้ได้แน่นอน แต่ถึงกลับทิศจริงๆก็ไม่ได้ส่งผลกระทบน่ากลัวเท่าการกลับแกนหมุนของโลก
- ภัยพิบัติที่เขาว่ามานั้นมันรุนแรงเกินไป ถึงขนาดรัฐแคลิฟอร์เนียหายไปหมด เกาะญี่ปุ่นและไต้หวันจมหายทั้งเกาะ ฟังดูร้ายแรงมาก และต่อให้เกิดขึ้นจริงเขาก็ไม่มีทางทำนายได้แม่นขนาดนั้น
และอื่นๆอีกมากมาย พอดีไม่มีเวลามากพอไม่งั้นคงนั่งฟังแล้วจับผิดออกมาทีละจุดให้หมดเลย คือฟังแล้วก็มีความรู้สึกประมาณว่าเราอ่านนิยายอยู่หรือนี่ อะไรแบบนั้นเลย
ตอนนี้ชื่อเสียงเขาในแวดวงวิทยาศาสตร์นับวันน่าจะยิ่งหาย กลายเป็นมีชื่อเสียงในวงการพลังจิตและศาสนาขึ้นมาแทน (ถ้าเขาพอใจจะอยู่กับวงการพลังจิตมากกว่าก็เท่ากับว่าเขาเปลี่ยนอาชีพจากนักวิทยาศาสตร์เป็นหมอดูไปแล้ว)
ก็ไม่รู้ว่าเขารู้ตัวอยู่แล้วว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่ถูกต้องแต่ก็ยังจะพูดเพื่อสร้างกระแสต่อไป หรือว่าเขาพูดเพราะเข้าใจว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ
แต่สุดท้ายแล้วตอนนี้เหมือนกับเขากำลังทำลายตัวเองไปเรื่อยๆ คำพูดของเขาตอนนี้ยิ่งพูดยิ่งน่าเชื่อถือน้อยลงเรื่อยๆ ผู้คนที่เคยศรัทธาเขา นับวันจะค่อยๆหมดศรัทธาลง
สร้างชื่อเสียงมามากเท่าใดมันก็หมดลงได้ หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นอุทาหรณ์เตือนใจใครอีกหลายคน
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บดรามา (ไม่ค่อยชอบเว็บนี้ แต่บางทีข้อมูลเขาก็ดีจริงๆ) http://drama-addict.com/2011/04/26/หยุดโลกร้อนแก่นที่แผ่น/
-----------------------------------------
囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧
ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ