φυβλαςのβλογ
phyblasのブログ



หมู่บ้านชว่านตี่เซี่ย หมู่บ้านโบราณกลางหุบเขาในปักกิ่ง
เขียนเมื่อ 2013/11/02 12:20
แก้ไขล่าสุด 2021/09/28 16:42


#พุธ 30 ต.ค. 2013

ช่วงนี้ฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีสวยก็เลยพยายามอยากหาเรื่องเที่ยว แม้เวลาจะไม่ค่อยมีเพราะยุ่งๆกับเรื่องเรียน

ครั้งนี้เราเลือกที่จะไปหมู่บ้านโบราณ ซึ่งอยู่ภายในเขตปักกิ่งนี้เอง แต่ว่าอยู่ในเขตหุบเขาห่างไกลจากตัวเมืองไปไกล

หมู่บ้านชว่านตี่เซี่ย (爨底下村) หรือเรียกอีกชื่อว่าหมู่บ้านชวานตี่เซี่ย (川底下村) ตั้งอยู่ในเขตเหมินโถวโกว (门头沟区) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของปักกิ่ง เป็นหมู่บ้านเก่าแก่อายุ ๔๐๐ กว่าปี ตั้งอยู่ระหว่างช่องของหุบเขาจึงมีทิวทัศน์สวยงาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยู่ปักกิ่งแล้วไม่อยากไปไหนไกลนัก

ชื่อหมู่บ้านนี้ตัวแรกเขียนด้วยอักษร อ่านว่าชว่าน (cuàn) ซึ่งมีความหมายว่าทำอาหาร เป็นอักษรที่เขียนยากและไม่ค่อยมีใครใช้ แม้แต่คนจีนเองก็ยังไม่ค่อยรู้เลย

การเดินทางมาที่นี่เริ่มจากนั่งรถไฟฟ้าสาย 1 มาจนสุดสายทางตะวันตกที่สถานีผิงกั่วหยวน (苹果园站) แล้วก็นั่งรถเมล์สาย 892 ไปต่อ แต่รถเมล์นี้ไม่ได้ไปถึงตัวหมู่บ้านโดยตรง ต้องไปลงที่ป้ายไจถาง (斋堂) โดยใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่วโมงจึงจะถึง แล้วก็โบกรถนั่งต่อเข้าไปที่ตัวหมู่บ้านซึ่งอยู่ห่างจากตรงนั้นไป ๘ กิโลเมตร

เดิมทีที่รู้จักหมู่บ้านนี้ก็เพราะอ่านที่พี่ HaiHarvardWu เขียนเล่าในเว็บ thaiholiday ใครอยากเห็นภาพหมู่บ้านนี้ในฤดูร้อนเข้าไปดูได้ที่ http://www.holidaythai.com/HaiHarvardWu/blogs-8340.htm

สำหรับภาพที่เราไปเห็นมานั้นคือสภาพของฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งก็ต่างกันไปพอสมควร นี่ล่ะเป็นสีสันของดินแดนที่มีสี่ฤดู



เริ่มแรกเรานั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีผิงกั่วหยวนตอนประมาณ 7 โมงเช้า ที่จริงคือว่าได้ไปหาข้อมูลมาว่าจากที่นี่มีรถจากไปลงที่หมู่บ้านโดยตรง ทุกวันเวลา 7:30 จึงมาให้เช้าเพื่อจะขึ้นรถรอบนี้ แต่มาจริงๆกลับหาไม่เจอ

สุดท้ายก็เลยต้องขึ้นรถ 892 ซึ่งไปลงแค่ป้ายไจถางดังที่กล่าวไว้ข้างต้น

รถเมล์ 892 ที่ขึ้นนั่งตอนแรก แต่ว่าคนนี้เกิดปัญหาฝาปิดที่เก็บของใต้รถเสีย ก็เลยขึ้นไปได้แป๊บเดียวแล้วต้องไปเปลี่ยนคันใหม่ที่อู่รถ แต่ตอนเปลี่ยนรถโดนคิดตังไป ๐.๘ หยวน แอบงงว่าในเมื่อเป็นความผิดเขาที่รถเสีย ทำไมเราต้องจ่ายเพิ่ม แต่ก็เห็นว่าเงินแค่นิดเดียวไม่ถึงหยวน ก็หยวนๆไป ไม่ได้ถามอะไร



บนรถคนน้อย เท่าที่เห็นดูเหมือนจะมีเพียงกลุ่มเราที่เป็นนักท่องเที่ยว คนอื่นน่าจะเป็นชาวบ้านที่นี่มากกว่า นั่นทำให้สงสัยว่าที่นี่คนเที่ยวน้อยขนาดนั้นเลยหรือ

ทิวทัศน์ระหว่างทาง ก็เห็นใบไม้เปลี่ยนสีกำลังสวย







แล้วหลังจากนั่งมาประมาณ ๒ ชั่วโมงก็มาถึงป้ายไจถางประมาณเกือบ 10 โมง ค่ารถมาถึงที่นี่คือ ๑๖ หยวน แต่ว่าเพราะใช้บัตรจึงลด ๖๐% เหลือ ๖.๔ หยวน ฉะนั้นใครจะมาเที่ยวที่นี่ควรจะใช้บัตรนี้ ประหยัดไปได้เยอะมาก ต่อให้ไม่ได้อาศัยอยู่ปักกิ่งก็สามารถทำได้ ถ้าเที่ยวปักกิ่งหลายวันและได้นั่งรถเมล์หลายครั้งทำบัตรนี้คุ้มสุดๆ



เมื่อลงจากรถปุ๊บก็เจอคนขับรถรับจ้างถามทันทีว่าจะไปชว่านตี่เซี่ยใช่มั้ย เหมือนกับดูออกว่าลักษณะท่าทางยังไงเป็นนักท่องเที่ยว และถ้ามีคนที่เป็นนักท่องเที่ยวอุตส่าห์นั่งรถมาไกลถึงตรงนี้ยังไงก็คือเพื่อจะไปเที่ยวหมู่บ้านโบราณนี่เท่านั้น

ตอนแรกเขาเสนอบอกว่าจะไปส่งให้ในราคา ๒๐ หยวน แต่เนื่องจากเราอ่านข้อมูลมาแล้วว่าค่านั่งรถเข้าตัวหมู่บ้านควรจะประมาณ ๑๐ หยวนเท่านั้น จึงรีบบอกเขาไปเลยว่า ๑๐ หยวน เขาก็ยอมแต่โดยง่ายตามคาด เพราะระยะทางไปหมู่บ้านก็แค่นิดเดียวไม่น่าคิดค่ารถแพง

แต่ว่าเรื่องมันยังไม่จบง่ายๆแค่นั้น พอขึ้นรถไปแล้วเขาก็ยื่นข้อเสนออะไรบางอย่างมาอีก นั่นก็คือจะให้เราจ่ายคนละ ๓๕ หยวน ซึ่งเป็นค่าตั๋วเข้าชมหมู่บ้านให้เขา แล้วเขาจะพาไปส่งที่ด้านหลังหมู่บ้านซึ่งไม่ต้องใช้ตั๋วเข้าชม ส่วนค่ารถที่ตกลงกันว่า ๑๐ หยวนแต่ทีแรกนั้นก็ไม่ต้องจ่ายแล้ว

พูดง่ายๆก็คือแทนที่เราจะจ่ายเงินค่าเข้าชมสถานที่ให้เงินเข้ารัฐ ก็จ่ายเงินจำนวนนี้ให้คนขับรถแทน ซึ่งเราได้ประโยชน์คือประหยัดไป ๑๐ หยวน ส่วนเขาก็ได้ตัง แต่ที่เสียประโยชน์คือรัฐนั่นเอง

ข้อเสนอของเขาทำให้เราลังเลอยู่นาน เพราะว่าเคยเจอคล้ายๆกันแบบนี้อยู่คือตอนไปเที่ยวหมู่บ้านโบราณซีถาง (西塘) ในมณฑลเจ้อเจียง https://phyblas.hinaboshi.com/20120609

ซึ่งตอนนั้นที่นั่นค่าเข้า ๑๐๐ หยวน และคนขับรถก็พาเราไปส่งที่ด้านหลังหมู่บ้านซึ่งไม่ต้องตรวจตั๋วในราคา ๑๐๐ หยวน ซึ่งก็ไม่ถือว่าขาดทุน เพียงแต่ว่าเราจะไม่มีตั๋วเวลาเข้าไปเดินข้างในเท่านั้นเอง ซึ่งจะไม่สามารถเข้าชมสถานที่บางแห่งภายในได้ และอีกอย่างคือถ้าหากเข้าด้านหลังแล้วไม่ต้องตรวจตั๋ว หากเรารู้ทางด้วยตัวเองก็สามารถเข้าได้เช่นกัน

แน่นอน มันมีความเสี่ยงที่จะถูกหลอก ว่าเข้าไปถึงแล้วปรากฏว่ายังต้องจ่ายอีก ถ้าเป็นแบบนั้นละก็เดือดร้อนแน่ จึงต้องครุ่นคิดให้ดี แต่เขาก็ยืนยันว่าเข้าไปข้างในได้แล้วก็ไม่ต้องใช้ตั๋วแล้ว เดินเล่นได้ตามสบาย ก็เลยน่าจะไม่มีปัญหา

สุดท้ายก็เลยตัดสินใจทำตามที่เขาตกลงจนได้ เหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คืออยากรู้ว่าผลจะเป็นยังไง ถึงพลาดก็เก็บไว้เป็นบทเรียนได้ อีกอย่างคือยิ่งเราเป็นคนเขียนเล่าเรื่องด้วย ประสบการณ์ที่เล่าให้คนอื่นฟังได้มันก็มีค่า

ผลสรุปก็คือไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่เรามานึกเสียดายภายหลังว่าจริงๆแล้วน่าจะสามารถต่อราคาได้นะ ตอนนั้นคิดไม่ถึง เพราะมัวแต่คิดว่าแค่จ่ายคุ้มขึ้นก็พอแล้ว ทั้งๆที่จริงๆควรสามารถประหยัดได้มากกว่านั้น ใครจะใช้วิธีเดียวกันก็อย่าลืมต่อราคา โดยเฉพาะยิ่งไม่ได้มาคนเดียวด้วย

บริเวณขายตั๋วด้านหน้า



แถวนี้ปลูกดอกไม้ไว้เยอะสวยงาม



แต่เนื่องจากเราตกลงกับคนขับไว้ว่าจะให้เขาไปส่งด้านหลัง ดังนั้นจึงไม่ได้เข้าผ่านทางนี้ ภาพนี้ถ่ายตอนขากลับ ตอนขากลับไม่จำเป็นต้องออกจากด้านหลัง ออกจากด้านหน้าได้ตามปกติ

ทางเข้าด้านหลังนี่อ้อมไกลทีเดียว แบบว่าดูเหมือนว่าจะต้องไปอ้อมภูเขาลูกนึงเลยเพื่อไปถึง เพราะหมู่บ้านนี้ตั้งอยู่บนช่องของหุบเขา

ระหว่างทางคนขับก็ทักขึ้นมาว่า ทำไมไม่มาให้เร็วกว่านี้สักครึ่งเดือน จะสวยกว่านี้ นั่นทำให้เรามองออกไปข้างนอกและสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง นั่นคือต้นไม้ที่อยู่รอบๆแทบไม่เหลือใบแล้ว แม้จะยังเห็นใบไม้เหลืองหรือแดงอยู่ประปราย แต่สภาพดูเหมือนปลายฤดูใบไม้ร่วงมากกว่าจะเป็นต้นฤดูใบไม้ร่วงแบบที่คิด



เขาบอกว่าที่นี่หนาวกว่าตัวเมือง ทำให้ใบไม้เปลี่ยนสีเร็วและร่วงไปเยอะแล้ว ถ้ามาเร็วกว่านี้จะเห็นเหลืองแดงสวย คนอื่นๆเขาก็มากันช่วงนั้นเยอะ แต่มาตอนนี้ใบไม้เหลือน้อยแล้ว คนก็น้อยตามด้วย เพราะอย่างนั้นเองเราถึงแทบจะเป็นนักท่องเที่ยวเพียงกลุ่มเดียวที่ในรถเมล์คันที่นั่งมาลงที่นี่

ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ได้เลวร้ายเกินไปนัก ใบไม้สีเหลืองหรือแดงพอมีอยู่ประปราย พอที่จะไม่ทำให้ผิดหวัง แต่ก็เสียดายที่ไม่ได้เหลืองหรือแดงเต็มเขาอย่างที่คาดหวังไว้


 

ที่จริงด้านหลังเองก็มีที่ตรวจตั๋วอยู่ แต่คนขับรถบอกว่าเขาจะมาเฝ้าเฉพาะวันหยุดหรือวันเสาร์อาทิตย์เท่านั้นเอง แต่ถึงจะมีคนอยู่เขาก็ให้ผ่านไปได้เพราะคนขับรถก็รู้จักกับคนตรงนี้ทั้งนั้น



ที่ตรวจตั๋วไม่มีใครอยู่อย่างที่เขาว่าจริงๆ ผ่านเข้ามาสบาย หลังผ่านที่ตรวจเข้ามาก็ยังไม่ถึงตัวหมู่บ้านทันที ต้องไปต่ออีกสักระยะ



ระหว่างทางมีผ่านอุโมงค์หินธรรมชาติสวยงามด้วย แต่ว่าลืมบอกให้เขาหยุดจอดจะได้ถ่ายรูป





แล้วก็มาถึง ตอนลงคนขับก็ให้เบอร์โทรไว้แล้วบอกว่าในหมู่บ้านหารรถกลับยาก ถ้าหารถกลับจากหมู่บ้านไม่เจอก็ให้โทรหาเขาได้ จะมาหาทันที แต่คิดค่ารถ ๓๐ หยวน ซึ่งเราก็แปลกใจว่าทำไมมันต้องแพงอย่างนั้นในเมื่อจริงๆตอนแรกตกลงขามาแค่ ๑๐ หยวนก็พอ แต่ก็ไม่ได้ถาม กะว่าตอนเที่ยวเสร็จจริงๆจะลองถามคนในหมู่บ้านแล้วก็ลองหารถด้วยตัวเองก่อน



ในหมู่บ้านเห็นมีนักท่องเที่ยวอยู่ประปรายเล็กน้อย โดยรวมแล้วในหมู่บ้านก็ยังดูเงียบๆ



บรรยากาศภายในหมู่บ้าน







ข้างในเต็มไปด้วยบ้านเก่าๆที่หลายหลังทำเป็นบ้านพักโฮมสเตย์หมดแล้ว






เพื่อที่จะมองตัวหมู่บ้านจากมุมสูงเราก็ต้องหาทางเดินเพื่อขึ้นด้านบน



บ้านสร้างตามทางลาดเขา ดูแล้วชอบแบบนี้มาก







ก็ยังเห็นบ้านพักอยู่ประปราย ที่นี่บ้านพักนักท่องเที่ยวเยอะมาก เห็นเขาบอกว่าช่วงที่คนเยอะที่นี่มีคนมาพักจนเต็มเลย แต่ตอนนี้ดูจะโล่งๆ
 


มองเข้าไปในบ้านคน



พอเดินขึ้นมาเรื่อยๆก็เริ่มพ้นบริเวณที่เป็นบ้านคน เริ่มเป็นสวนโล่งๆ



แม้ใบไม้จะร่วงไปเยอะแล้ว แต่ก็ยังพอจะมีต้นที่เหลือใบไม้มีสีสันประดับให้แถวนี้สวยงามอยู่




เดินไปเรื่อยๆจะเห็นว่าด้านบนเป็นไร่ข้าวโพดซึ่งทำเป็นลักษณะขั้นบันได



จากตรงนี้มองลงไปเห็นทั้งหมู่บ้านได้





ตรงนี้เป็นทางลงทางหนึ่งที่สามารถเดินลงไปได้ เห็นฝรั่งผมทองคนหนึ่งขึ้นมาจากทางนี้ แต่เราไม่ได้ลงไปทางนี้ ยังจะเดินบนเขาต่อ



เป้าหมายอยู่ที่วัดเล็กๆที่ตั้งโดดเดี่ยวบนนั้น หนทางก็ไม่ได้ไกลมาก อย่างที่เห็น




ถึงแล้ว




ภายในวัด มีอยู่แค่นี้เอง เล็กนิดเดียว



ข้างในมีเทพเจ้าแห่งความกล้า (勇神) อยู่



จากตรงนี้มองไปยังไร่ขั้นบันไดสวยมาก



มองลงไปยังหมู่บ้านก็ชัดด้วย



มองไปทางโน้นจะเห็นภูเขาอีกฝั่งซึ่งสามารถปีนขึ้นไปเพื่อชมทิวทัศน์หมู่บ้านจากมุมสูงได้ ปีนไปทางนั้นมุมมองจะสวยกว่าทางนี้เสียอีก เดี๋ยวจะไปปีนทางนั้นกันต่อไป



ค่อยๆเดินกลับลงไปเรื่อยๆเพื่อจะมองเห็นมุมมองต่างๆ




มองกลับขึ้นไปทางที่เราเดินลงมานั้นสวยงามมาก



แล้วก็กลับลงมาถึงด้านล่าง จากนั้นก็ได้เวลาขึ้นไปอีกทาง



พอขึ้นไปเรื่อยๆก็เห็นมุมมองสูงขึ้นเรื่อยๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ





วัดเล็กๆที่อยู่ระหว่างทาง



สูงขึ้นไปเรื่อยๆ



จากตรงนี้เห็นมุมมองทั้งหมู่บ้านชัดเจนมาก



ยังคงเดินขึ้นไปอีก



ยิ่งสูงภาพก็ยิ่งสวย



ยิ่งสูงทางชักเริ่มลำบาก



เดินไปเรื่อยๆก็พบว่ายอดเขาอยู่ตรงหน้านี้แล้ว อีกนิดเดียว แต่ทางก็ลำบากอย่างที่เห็น ถ้าก้าวพลาดก็ตกได้



ตรงนี้ปีนเหนื่อยมาก แต่ในที่สุดก็มาถึงยอดเขา จากตรงนี้เป็นแนวสันเขา ไปต่อไม่ได้แล้ว อันตราย แล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปต่อด้วย เพราะจุดที่ยืนอยู่นี้มองเห็นหมู่บ้านได้ชัดที่สุดแล้ว



มุมมองหมู่บ้านจากยอดเขา อุตส่าห์เหนื่อยมากมายกว่าจะขึ้นมาถึงบนนี้ได้ ได้เห็นภาพแบบนี้ก็คุ้มค่าแล้ว



ขยายเข้าไปบริเวณตัวหมู่บ้านชัดๆ




ขยายไปยังวัดบนเขาที่ไปมาเมื่อครู่ ตรงนั้นก็อยู่ตำแหน่งสูงแต่เทียบกันแล้วที่นี่ยังสูงกว่ามาก
 


มองไปทางโน้น จะเห็นถนนเส้นทางด้านหลังที่เราเดินทางมา คดเคี้ยวอย่างที่เห็น ตอนนั่งมารถก็เลี้ยวไปเลี้ยวมาจนเพื่อนเกือบจะเมารถ



ส่วนทางนี้ก็เป็นทางเข้าหมู่บ้านด้านหน้า ซึ่งเดี๋ยวเราก็ต้องผ่านทางนี้ออกไป



เสร็จแล้วก็เดินกลับลงมาเดินในหมู่บ้านต่อ ตอนนั้นเที่ยงกว่าแล้ว ต้องไปหาอะไรทาน ตอนแรกมาเจอร้านนี้นึกว่าเป็นร้านอาหาร



แต่พอเข้าไปปรากฏว่าเป็นร้านขายของที่ระลึก ซึ่งก็แพงๆทั้งนั้น แล้วก็ไม่มีอะไรน่าซื้อนัก



เห็นที่ร้านขายของที่ระลึกนั้นมีใบปลิวแนะนำร้านอาหารร้านหนึ่ง เดินตามมาก็เจอร้านนี้



แต่ว่าพอเข้าไปขอดูเมนูอาหารก็พบว่าราคาแพงสุดๆ ก็เลยรีบถอยออกมาทันที



แล้วก็มาเจอร้านนี้ พอเข้าไปดูเมนูแล้วก็เห็นว่าถูกกว่าก็เลยนั่งร้านนี้ ที่จริงยังถือว่าแพง แต่ก็ไม่มีทางเลือก ยังไงทานที่นี่ก็ต้องแพงอยู่แล้ว



บรรยากาศภายในร้าน นักท่องเที่ยวเยอะอยู่เหมือนกัน ดูเหมือนจะมากันเป็นกลุ่มใหญ่



สั่งไข่เจียวจานหนึ่งราคา ๒๒ หยวน และผัดผักกาดขาว ๑๖ หยวน ส่วนข้าวราคา ๔ หยวนให้มาชามเบ้อเริ่ม รวมแล้ว ๔๒ หยวน ทานกันสองคนทานไม่หมด รสชาติธรรมดา แต่พอกลับไปพบว่าท้องเสีย ไม่รู้เป็นเพราะอาหารหรือเปล่า แต่ว่าเพื่อนที่มาด้วยไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย



พอทานเสร็จก็ออกมาเดินเล่นในหมู่บ้านต่อเพื่อดูว่ามีอะไรให้เดินอีกมั้ย ระหว่างนั้นก็เจอรถรับจ้างซึ่งมาส่งนักท่องเที่ยวคนอื่น เขาเห็นเราก็เรียกเหมือนจะรู้ว่าเรากำลังอยากกลับแล้ว

มาถึงเขาก็เสนอราคา ๒๐ หยวนแต่เราก็พยายามต่อเขาเป็น ๑๐ หยวน ดูท่าเขาจะไม่ยอม เขาบอกว่าปกติยังไงก็คิด ๒๐ หยวน

แต่ว่าเพื่อนเราฉลาด บอกเขาว่าตอนขามาตกลงกับคนขับที่พามาบอกว่าเขาสามารถมารับกลับได้ในราคา ๑๕ หยวน (ซึ่งนั่นโกหก ที่จริงคนขับคนแรกพูดว่า ๓๐ หยวนด้วยซ้ำ)

ซึ่งเขาก็เชื่ออีก สุดท้ายก็เลยได้ขึ้นในราคา ๑๕ หยวนง่ายๆเลย แต่คนขับก็บ่นตลอดทางเลยว่าจริงๆต้อง ๒๐ ถึงจะถูก แต่ก็ไม่มีผลแล้ว เพราะเขายอมตกลงไปส่งด้วยราคา ๑๕ หยวนแล้ว

แล้วเราก็กลับมาถึงตรงบริเวณป้ายไจถางที่เป็นจุดขึ้นรถเมล์กลับ ต้องรอรถเมล์อยู่ตรงนี้สักพัก



ระหว่างนั้นเจอคนบ้าด้วย คือสองคนทางซ้ายในรูป คนที่ใส่หมวกฟางกับคนหัวล้าน ไม่รู้เขาพูดอะไรกัน ดูเพี้ยนๆ รูปนี้แอบถ่ายไม่ให้เขารู้ตัว กลัวถ่ายซึ่งๆหน้าแล้วจะถูกโจมตีเข้าใส่เหมือนกัน มีคนพยายามไล่สองคนนี้ไป บอกว่าอย่ามาทำให้เสียภาพพจน์ต่อนักท่องเที่ยว ใช่ มันเสียภาพพจน์ไปเรียบร้อยแล้วล่ะ



แล้วรถเมล์ก็มาถึง คนที่รอรถอยู่ก็กรูกันขึ้น แต่ปัญหามีอยู่ว่าคนบ้าคนหนึ่งเดินขึ้นรถเมล์มาด้วย แต่ไม่ยอมจ่ายตัง ก็เลยโดนกระเป๋ารถเมล์ไล่ออกไป เขาไล่รุนแรงเหมือนไล่หมูไล่หมาเลยทีเดียว ฟังแล้วก็น่ากลัวเหมือนกัน



แล้วเราก็นั่งรถเมล์สองชั่วโมงเพื่อกลับมาถึงสถานีผิงกั่วหยวน เที่ยวนี้เสียเวลาที่การเดินทางซะมาก



โดยรวมแล้วนี่เป็นสถานที่ที่น่าเที่ยวมากทีเดียว อาจเสียที่ว่าการเดินทางลำบากไปสักหน่อย ค่อนข้างไกลจากตัวเมือง ต่อให้ออกแต่เช้าก็ต้องใช้เวลาเกือบทั้งวันเลย กลับมาถึงก็บ่ายๆเกือบเย็นแล้ว แต่ก็คิดว่าคุ้มเพราะหมู่บ้านสวยมากจริงๆ โดยเฉพาะมุมมองจากด้านบน

ที่เสียดายก็คือเรื่องฤดูกาล ตอนแรกที่ไปนี่หวังว่าจะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีเต็มไปหมด แต่ปรากฏว่าที่นั่นหนาวเร็ว ใบไม้ร่วงเกือบหมดแล้ว ดังนั้นจะเที่ยวที่ไหนคงต้องศึกษาข้อมูลเรื่องสภาพอากาศให้ดีกว่านี้ แต่ครั้งนี้ก็ยังโชคดีที่ไม่ได้ไปช้าเกินไป ยังพอเห็นใบไม้สวยๆเหลืออยู่บ้าง

หวังว่าจะเป็นตัวเลือกหนึ่งของคนที่จะมาเที่ยวปักกิ่ง ดูเหมือนคนส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่ ถามแล้วคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก แม้แต่คนปักกิ่งเองก็ตาม ทั้งๆที่ความจริงแล้วเป็นที่เที่ยวที่น่าสนใจไม่น้อย สุดท้ายขอขอบคุณพี่ HaiHarvardWu มากที่แนะนำสถานที่ดีๆแบบนี้ให้




-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- ประเทศจีน >> จีนแผ่นดินใหญ่ >> ปักกิ่ง
-- ท่องเที่ยว >> ภูเขา

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

目次

日本による名言集
モジュール
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
機械学習
-- ニューラル
     ネットワーク
javascript
モンゴル語
言語学
maya
確率論
日本での日記
中国での日記
-- 北京での日記
-- 香港での日記
-- 澳門での日記
台灣での日記
北欧での日記
他の国での日記
qiita
その他の記事

記事の類別



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  記事を検索

  おすすめの記事

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ

ไทย

日本語

中文