# อาทิตย์ 25 ก.ย. 2022หลังจากที่ตอนที่แล้วได้ไปตามรอยฉากอนิเมะ absolute duo ที่อาคาร
บุนโชวกัง (文翔館) มา
https://phyblas.hinaboshi.com/20220928เป้าหมายต่อไปที่จะแวะไปเที่ยวก็คือ
ปราสาทยามางาตะ (山形城) ซึ่งเป็นปราสาทญี่ปุ่นโบราณที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองยามางาตะ
ปราสาทຢາມາງາຕະนั้นเริ่มถูกสร้างขึ้นในปี 1356 เป็นศูนย์กลางการปกครองของแถบนี้โดยตระกูลโมงามิ (
最上) ต่อมาในยุคเอโดะก็เป็นที่ว่าการของยามางาตะฮัง (
山形藩) แต่พอถึงสมัยเมย์จิก็เริ่มถูกทิ้งร้าง ส่วนต่างๆของปราสาทได้พังทลายลงไป
ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองรอบๆบริเวณที่เป็นปราสาทยามางาตะก็ได้ถูกทำเป็น
สวนสาธารณะคาโจว (霞城公園) ล้อมรอบไปด้วยคูน้ำและฐานหิน ซึ่งในบริเวณนี้ยังมีการสร้างสนามกีฬาหรือพิพิธภัณฑ์ขึ้นมาด้วย
ส่วนต่างๆของปราสาทยามางาตะที่เคยพังไปได้ค่อยๆมีการสร้างจำลองขึ้นมาใหม่ให้เหมือนเดิม โดยอาศัยหลักฐานร่องรอยของปราสาทเดิมที่เหลืออยู่ แต่ถึงปัจจุบันยังคงไม่สมบูรณ์ ขาดส่วนฮมมารุ (
本丸) หรือส่วนใจกลางของปราสาท ซึ่งยังรอสืบหาร่องรอยเพิ่มเติมและมีแผนจะสร้างจำลองให้เสร็จในอนาคต
เราออกจากบุนโชวกัง เดินต่อมาทางตะวันตก
ผ่านโรงเรียนประถม
จากนั้นลงมาทางใต้ ระหว่างทางผ่านพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โมงามิ โยชิอากิ (
最上義光歴史館) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของตระกูลโมงามิที่เคยปกครองยามางาตะ โดยเฉพาะโมงามิ โยชิอากิ (ปี 1546-1614) ซึ่งเป็นผู้นำที่โดดเด่นที่สุดของตระกูล ซึ่งได้ผ่านการต่อสู้ในช่วงยุคเซงโงกุมา
ส่วนจัดแสดงภายในนี้ไม่เสียค่าเข้าชม แต่ส่วนหลักด้านในถ่ายรูปไม่ได้ จึงได้แต่ถ่ายมาส่วนหนึ่ง
ส่วนข้างๆกันนั้นมีหอศิลป์ยามางาตะ (山形美術館)
ด้านในเก็บค่าเข้าชม ๘๐๐ เยน เลยไม่ได้เข้าไปชมด้านใน เดินผ่านออกมาเลย
จากนั้นก็เดินต่อมา จนถึงฮิงาชิโอเตมง (
東大手門) ซึ่งเป็นประตูทางตะวันออกของปราสาทยามางาตะ
เดินข้ามสะพานข้ามคูที่ล้อมบริเวณปราสาทอยู่ และผ่านประตูฮิงาชิโอเตมงเข้าไปด้านใน
ภายในบริเวณปราสาทมีรูปปั้นโมงามิ โยชิอากิ บนหลังม้าตั้งเด่นอยู่
ข้างหน้านี้คือส่วนฮมมารุ หรือส่วนด้านในสุดของปราสาท ซึ่งล้อมลอบด้วยคู แต่ไม่มีน้ำอยู่
ตัวปราสาทนั้นถูกพังไปแล้วยังไม่ได้มีการสร้างจำลองขึ้นมาใหม่ทั้งหมด แต่ได้มีการสร้างส่วนประตูทางเข้า อิจิมนจิมง (
一文字門) ซึ่งสามารถเดินเข้าไปด้านในผ่านทางนี้ได้
เพียงแต่ว่าด้านในก็ไม่มีอะไร และบางส่วนยังปิดไม่ให้เข้าได้ เลยได้แค่เดินชมรอบๆแล้วเดินออกมาจากอีกฝั่ง
ภายในบริเวณนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์จังหวัดยามางาตะ (
山形県立博物館) ค่าเข้าชม ๓๐๐ เยน แต่เราไม่ได้เข้าไปชมด้านใน
นอกจากนี้แล้วก็มีสิ่งก่อสร้างพวกโรงยิมสำหรับเล่นกีฬา
และที่สำคัญและโดดเด่นอีกอย่างก็คืออาคารไม้สวยๆที่ตั้งเด่นอยู่ตรงนี้ เป็นอาคารหลักของสถานพยาบาลเก่า (
旧済生館本館) ของยามางาตะ ที่สร้างขึ้นเมื่อปี 1878 โดยตอนแรกตั้งอยู่ใกล้ที่ว่าการจังหวัดในตอนนั้น แต่ว่าถูกย้ายมาสร้างใหม่ไว้ในบริเวณนี้ในปี 1969 แล้วก็ได้ถูกเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเมืองยามางาตะ (
山形市郷土館) มาจนถึงปัจจุบัน สามารถเข้าไปด้านในเพื่อชมได้
ทางเข้าต้องเดินอ้อมเข้ามาด้านหลังนี้
ภายในนี้สามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าเข้าชม
ตัวอาคารเป็นไม้สวยงาม และมีสวนอยู่ตรงกลางซึ่งถูกตกแต่งสวยงาม
มองจากสวนตรงกลางจะเห็นได้ว่าตัวอาคารเป็นทรง ๑๖ เหลี่ยม มีด้านหนึ่งเป็นหอคอย ๔ ชั้น
ส่วนจัดแสดงภายในห้องต่างๆของชั้น ๑
ตรงนี้เป็นทางให้ขึ้นไปชมชั้น ๒ ได้
ส่วนจัดแสดงชั้น ๒
มองลงมาจากหน้าต่างชั้น ๒
ส่วนชั้น ๓ และ ๔ นั้นขึ้นได้โดยบันไดเวียน แต่ถูกปิดไว้ ไม่สามารถขึั้นไปได้
หลังจากชมในบริเวณสวนสาธารณะเสร็จก็เดินออกมา ผ่านประตูทางใต้ เดินข้ามสะพานข้ามคูไป
การเที่ยวในวันนี้ก็จบลงเท่านี้ จากนั้นก็ได้เวลาเดินทางกลับ โดยขากลับนั้นไปขึ้นรถจาก
สถานียามางาตะ (山形駅)จากปราสาทยามางาตะ เดินลงมาทางใต้
แล้วก็ถึงทางฝั่งตะวันตกของสถานียามางาตะ
แต่ว่าส่วนหลักของสถานีอยู่ฝั่งตะวันออก จึงต้องเดินข้ามไป
ภายในสถานี
แต่เราไม่ได้มาที่สถานีนี้เพื่อขึ้นรถไฟ แต่มาเพื่อจะมานั่งรถบัส การเดินทางระหว่างเซนไดกับยามางาตะนั้นจริงๆแล้วใช้รถบัสจะเร็วและถูกกว่ารถไฟ อีกทั้งยังมีรอบเที่ยวรถเยอะกว่าด้วย จึงสะดวกและเป็นที่นิยมมากกว่า
ส่วนท่าขึ้นรถบัสอยู่ด้านหน้าฝั่งตะวันออกของสถานี มีรถบัสสำหรับไปที่ต่างๆมากมายมาจอด
ส่วนป้ายรถบัสสำหรับไปเซนไดอยู่ตรงนี้
ตารางแสดงเที่ยวรถ จะเห็นว่ามีประมาณ ๑๕ นาทีต่อคัน ต่างจากรถไฟที่มีแค่ประมาณชั่วโมงละขบวนเท่านั้น
เรารอถึงรถเที่ยวต่อไป คือเวลา 15:18 แล้วก็ขึ้นรถเพื่อกลับเซนได ค่ารถคือ ๑๐๐๐ เยน
ระหว่างทางรถบัสยังผ่าน
ที่ว่าการจังหวัดยามางาตะ (山形県庁) ด้วย ถ้าจะขึ้นรถบัสจากตรงนี้ก็ได้เช่นกัน แต่ว่าดูเหมือนจะไม่มีคนขึ้นเลย ทุกคนขึ้นจากหน้าสถานีรถไฟแทบจะทั้งหมด
รถบัสใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึงเดินทางกลับมาถึงเซนไดอย่างปลอดภัย แล้วการเดินทางเที่ยวยามางาตะวันนี้ก็จบลงเท่านี้