#เสาร์ 22 ต.ค. 2022หลังจากที่ตอนที่แล้วได้ไปแวะ
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชิบาตะ (しばたの郷土館) มา
https://phyblas.hinaboshi.com/20221025เราก็ยังคงเดินเที่ยวในเมืองชิบาตะต่อไป เป้าหมายสุดท้ายคือ
ปราสาทฟุนาโอกะ (船岡城) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองนี้ เป็นปราสาทญี่ปุ่นที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ราวๆปี 1200 ตั้งอยู่บนเขาริม
แม่น้ำชิโรอิชิ (白石川) ซึ่งไหลผ่านทางตอนใต้ของจังหวัดมิยางิ
ปัจจุบันตัวปราสาทไม่อยู่แล้ว และบริเวณภูเขาที่เดิมเป็นพื้นที่ปราสาทก็ได้ถูกทำเป็นสวนสาธารณะ เรียกว่า
สวนสาธารณะซากปราสาทฟุนาโอกะ (船岡城址公園)บริเวณส่วนยอดเขาสูง ๑๓๐ เมตร ที่เคยเป็นตัวหอหลักของปราสาทนั้นได้มีการสร้างรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสูง ๒๔ เมตร เรียกว่า
ฟุนาโอกะเฮย์วะคันนง (船岡平和観音) หรือแปลว่า "เจ้าแม่กวนอิมสันติภาพแห่งฟุนาโอกะ" สร้างขึ้นเมื่อปี 1975 โดยศิลปินชื่อโนงุจิ โทกุซาบุโรว (
野口 徳三郎) ซึ่งเป็นชาวเมืองชิบาตะ
แถวบริเวณสวนสาธารณะแห่งนี้รวมไปถึงบริเวณริมแม่น้ำชิโรอิชิมีต้นซากุระอยู่มากมาย เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิก็จะบานสวย กลายเป็นสถานที่ชมซากุระที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง รู้จักกันในชื่อ "ฮิโตเมะเซมบงซากุระ" (
一目千本桜) ซึ่งขนาดบริเวณกว้างใหญ่กินพื้นที่ไม่ใช่แค่เมืองชิบาตะ แต่ยังรวมไปถึง
เมืองโองาวาระ (大河原町) ที่อยู่ข้างๆด้วย
แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองโองาวาระภายในจังหวัดมิยางิ เป็นสีเหลืองเข้มเล็กๆ อยู่ทางตะวันตกของเมืองชิบาตะ


ครั้งนี้เรามาเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเลยไม่ได้เห็นซากุระที่บานสวยอยู่ แต่ก็ทำให้ไม่ต้องเบียดเสียดคนมากมาย ถ้ามาช่วงฤดูใบไม้ผลิก็จะได้ชมซากุระสวยงามแต่ก็ต้องเบียนดคนแน่นเต็มไปหมด
แม้จะไม่ใช่ช่วงที่ฤดูที่เป็นจุดขายของที่นี่ แต่ทิวทัศน์ฤดูใบไม้ร่วงที่นี่ก็มีใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งก็สวยงามน่ามาเที่ยวชมเหมือนกัน
จากพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชิบาตะ เราเดินต่อไปทางตะวันตกเพื่อมุ่งหน้าไปยังปราสาทฟุนาโอกะ

ที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้คือสะพานชิบาตะเซนโอว (しばた
千桜橋) เป็นสะพานสูงที่เอาไว้ข้ามทางรถไฟ และยังเป็นทางเชื่อมสู่ปราสาทฟุนาโอกะด้วย

บันไดทางขึ้นไปยังด้านบน

เมื่อขึ้นมาบนสะพานแล้วมองลงไปจะเห็นรางรถไฟ และต้นซากุระที่เรียงรายอยู่ระหว่างรางรถไฟกับแม่น้ำ

ถ้ามองไปทางตะวันตกไกลๆ ทางโน้นเป็นเขตเมืองโองาวาระแล้ว

ส่วนฝั่งตรงข้ามแม่น้ำนั้นเป็นส่วนของอีกเมืองชื่อ
เมืองมุราตะ (村田町) 
แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองมุราตะเป็นสีเหลืองเข้ม อยู่ติดกับเมืองโองาวาระและเมืองชิบาตะ ส่วนทางตอนเหนือยังติดกับเมืองเซนได (สีม่วง) ด้วย

เราได้แต่มองทิวทัศน์ริมแม่น้ำและต้นซากุระเรียงแถวจากบนสะพานนี้ แต่ไม่ได้ไปเดินตรงนั้น แค่เห็นจากที่นี่ก็สวยงามน่าพอใจแล้ว

จากนั้นเดินมาทางฝั่งใต้ของสะพาน ซึ่งเชื่อมไปสู่ภูเขาที่เป็นที่ตั้งของสวนสาธารณะซากปราสาทฟุนาโอกะ

ข้ามมาแล้วก็เดินขึ้นไปตามทางเดินที่คดไปมา

ขึ้นมาถึงตรงนี้เจอแผนที่ของสถานที่แห่งนี้อยู่ ซึ่งทำเอาไว้อย่างดีทีเดียว

และที่สำคัญคือแผนที่นี้มีเขียนเป็น ๔ ภาษา ซึ่งมีภาษาไทยอยู่ด้วย เห็นแล้วรู้สึกดีใจมากเลย

ลองขยายให้เห็นชัดๆ ภาษาไทยในนี้ถือว่าใช้ได้ทีเดียว ไม่ใช่แค่แปลมั่วๆมาให้อ่านไม่รู้เรื่อง

ป้ายตรงนี้เป็นคำอธิบายเกี่ยวกับสวนสาธารณะแห่งนี้ ซึ่งก็มีภาษาไทยด้วย

ทางนี้มีดอกไม้อยู่ตามทางสวยงาม

ส่วนตรงนี้เป็นต้นสนโมมิ (
樅) ขนาดใหญ่ตั้งเด่น

ข้างๆกันนั้นมีป้าย "ซากปราสาทฟุนาโอกะ" (船岡城址) ตั้งอยู่เด่น มองเห็นได้จากไกล

รอบๆต้นสนโมมินั้นเป็นจุดชมทิวทัศน์ เรียกว่า "จุดชมทิวทัศน์โมมิโนะคิวะโนคตตะ" (
樅ノ
木は
残った
展望デッキ) ตั้งชื่อตามชื่อนิยายอิงประวัติศาสตร์ โมมิโนะคิวะโนคตตะ (樅ノ木は残った, แปลว่า "เหลือต้นสนโมมิอยู่") ที่แต่งโดยยามาโมโตะ ชูโงโรว (
山本 周五郎) และได้ทำเป็นละครโทรทัศน์ในปี 1970 เป็นเรื่องที่สร้างจากประวัติศาสตร์เรื่องราวของตระกูลดาเตะ (
伊達家) ซึ่งมีฉากอยู่แถวนี้ และต้นสนโมมิต้นใหญ่นี้ก็มีความเกี่ยวพันกับในเรื่องนี้
ทิวทัศน์จากตรงนี้ มองเห็นแม่น้ำชิโรอิชิและซากุระที่ตั้งเรียงรายอยู่

จากตรงนี้เห็นสะพานชิบาตะเซนโอวที่เราข้ามมาเมื่อครู่ด้วย

มองซากุระที่ทอดยาวไปทางตะวันออก

หลังจากนั้นเราดินลึกเข้ามาด้านในต่อ


จะเจอทางไปยังจุดขึ้นรถราง เรียกว่าสโลปคาร์ (
slope car) เอาไว้ขึ้นไปสู่ด้านบนยอดเขา ที่มีเจ้าแม่กวนอิมตั้งอยู่ได้

ค่าขึ้นสโลปคาร์ ๒๕๐ เยน ถ้าจะนั่งขาลงด้วยก็เพิ่มขาลงอีก ๒๕๐ แต่เรานั่งเฉพาะขาขึ้น ส่วนขาลงจะเดินกลับลงมาเอง

รอสักพักสโลปคาร์ก็มา

แล้วก็ขึ้นมานั่ง ใช้เวลาเพียง ๔ นาทีในการขึ้นไปถึงบนสุด และระหว่างทางไม่ได้เห็นทิวทัศน์สวยอะไรนักก็เลยไม่ได้ถ่ายอะไรมาเป็นพิเศษ

ขึ้นมาถึงด้านบน

ทิวทัศน์ที่มองจากหน้าสถานีสโลปคาร์ ตรงนี้ไม่เหมาะจะมองลงไปสักเท่าไหร่

จากนั้นยังต้องเดินต่อไปอีกหน่อยเพื่อไปยังส่วนยอด

เดินขึ้นไปจากตรงนี้

แล้วก็มาถึงส่วนยอดที่มีเจ้าแม่กวนอิมตั้งอยู่

ในบริเวณมีร้านกาแฟ แต่ปิดอยู่ ตอนนี้ไม่ได้เปิด

บริเวณรอบๆเจ้าแม่กวนอิมนี้เป็นสวนสวย และก็เป็นจุดชมทิวทัศน์ที่ดีด้วย

ทิวทัศน์จากตรงนี้ มองลงไปเห็นตัวเมืองชิบาตะและแม่น้ำชิโรอิชิ สวยงามมาก

ตรงนี้มีภาพถ่ายจริงที่ให้ดูเทียบให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรด้วย แต่ว่าภาพนี้ถ่ายตอนฤดูใบไม้ผลิที่ซากุระบาน มองไปแล้วก็ต่างจากตอนนี้อยู่

มองไปทางตะวันตก ซึ่งก็คือบริเวณเมืองโองาวาระ

ตรงนี้มีภาพบอกให้เห็นว่าภูเขาที่เห็นอยู่ไกลๆทางโน้นมีชื่ออะไรและสูงเท่าไหร่บ้าง ซึ่งก็สูงๆทั้งนั้น ในฤดูหนาวจะปกคลุมไปด้วยหิมะขาวสวย ยอดสูงสุดคือเขาคุมาโนะ (
熊野岳) สูง ๑๘๔๑ เมตร

ชมทิวทัศน์อยู่สักพักก็เดินลงมา

ตรงนี้เป็นสวนดอกไม้

จากนั้นเดินออกประตูตรงนี้แล้วลงไป

ระหว่างทางเดินลงตรงนี้ก็เห็นทิวทัศน์สวยดีด้วย

ตรงนี้คือบ่อน้ำคินุบิกิ (
絹引きの
井戸)

ทางเดินลงต่อไป

ระหว่างทางเห็นเส้นทางสโลปคาร์ซึ่งเราขึ้นมาตอนแรกด้วย แต่ตอนนี้เราจะเดินลงเอง ซึ่งเส้นทางก็อยู่ใกล้ๆกันนี้

เมื่อเดินลงมาก็แวะ ศูนย์การท่องเที่ยวและแลกเปลี่ยนสินค้าเมืองชิบาตะ "ซากุระโนะซาโตะ" (
柴田町観光物産交流館「さくらの
里」)

ด้านในเป็นร้านขายของฝาก มีพวกของต่างๆขายให้ซื้อกลับไปเป็นที่ระลึกได้ มีขนมหลายอย่าง

เราซื้อมันจูเกาลัด ๒๐๐ เยน

แล้วก็โอการาคารินโตว (おからかりんとう) ๓๖๐ เยน

ลงมาตรงนี้เป็นลานซันโนะมารุ (
三ノ
丸広場) ซึ่งกำลังจัดงานเทศกาลดอกเบญจมาศฤดูใบไม้ร่วงอยู่ด้วย

จากนั้นเดินต่อมาจนลงจากเขา ออกนอกบริเวณสวนสาธารณะแห่งนี้ไป

จากนั้นก็ได้เวลาเดินกลับ โดยเดินไปขึ้นรถไฟที่
สถานีฟุนาโอกะ (船岡駅) ซึ่งอยู่ทางตะวันออก

ระหว่างทางผ่านที่ว่าการเมืองชิบาตะ (
柴田町役場)

จากที่ว่าการเมืองก็เดินต่อมาอีกหน่อย

แล้วก็มาถึงสถานีฟุนาโอกะ

ภาพถ่ายจากด้านหน้าสถานี

ในภาพนี้บังเอิญติดแผ่นฝาท่อระบายน้ำซึ่งมีรูปโปเกมอนมาด้วย เลยเอาภาพมาขยายดูสักหน่อย

ที่จริงตอนแรกก็ไม่ได้สังเกตเห็นฝานี้ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่ามันคืออะไร แต่พอลองกลับมาค้นข้อมูลดูก็พบว่านี่คือกิจกรรมหนึ่ง โดยมีการวางฝาที่มีรูปโปเกมอนแบบนี้ไว้ตามเมืองต่างๆในจังหวัดมิยางิ เมืองละ ๑ อัน โดยทุกฝาจะต่างกันออกไปแต่ทั้งหมดจะมีรูปลาปลาส

อยู่ เพราะลาปลาสเป็นโปเกมอนสนับสนุนจังหวัดมิยางิ ส่วนฝาของเมืองชิบาตะนี้มีโปเกมอนอีกตัวในคือฟลาเบเบ

ภาพฝาโปเกมอนที่ตั้งอยู่ในเมืองต่างๆดูได้ที่
https://local.pokemon.jp/manhole/miyagi.htmlแน่นอนว่าที่เมืองเซนไดที่เราอยู่นั้นก็มีฝาแบบนี้อยู่ และเราก็เคยบังเอิญเดินผ่านมาแล้วด้วย ตั้งอยู่ที่ซันมอลอิจิบังโจว (サンモール
一番町) ซึ่งเราเดินผ่านอยู่เป็นประจำนั่นเอง
คราวหลังเวลาไปเมืองอื่นๆก็อาจจะลองไปตามหาฝาลาปลาสแบบนี้บ้าง บางเมืองก็วางไว้ในจุดที่หาได้ง่ายแบบนี้ ถ้าแบบนั้นก็น่าแวะไปดู แต่บางเมืองก็วางไว้ในที่ที่ไปยากก็อาจจะไปไม่ไหว
จากนั้นเราเดินเข้ามาในสถานีฟุนาโอกะเพื่อรอรถไฟ

ดูจากป้ายบอกเวลาแล้ว รถไฟกลับเซนไดรอบต่อไปที่จะมาคือ 14:11 ตอนที่มาถึงนั้นเป็นเวลา 14:01 เหลือเวลา ๑๐ นาทีจึงเดินเล่นในสถานีรอสักพัก

พอใกล้เวลาก็แตะบัตร Suica เข้าไปแล้วมารอด้านในชานชลา

แผ่นป้ายชื่อสถานี

แล้วพอถึงเวลารถไฟก็มา เราก็ขึ้นรถไฟนี้กลับเซนได ค่าโดยสาร ๕๐๖ เยน

รถไฟไปถึงเซนไดเวลา 14:43 เป็นอันจบการเดินทางเที่ยวครั้งนี้