# เสาร์ 7 ม.ค. 2023
บันทึกการเที่ยวตามทางรถไฟ
สายโจวบัง (常磐線) ตอนสุดท้าย
ต่อจากตอนที่แล้วที่เที่ยวใน
เมืองมิโตะ (水戸市) เสร็จแล้วเดินกลับมายัง
สถานีมิโตะ (水戸駅) https://phyblas.hinaboshi.com/20230114คราวนี้ได้เวลาเดินทางกลับเซนไดแล้ว โดยคราวนี้ก็นั่งรถไฟไปตามสายโจวบังต่อ โดยเส้นทางต่อจากนี้จะนั่งรถไฟด่วนพิเศษ
ฮิตาจิ (ひたち) ซึ่งเป็นรถไฟที่เดินทางไกลจากสถานีชินางาวะในโตเกียวไปจนถึงสถานีเซนได ระหว่างทางผ่านสถานีมิโตะและสถานีต่างๆในจังหวัดอิบารากิและฟุกุชิมะ
การจะขึ้นรถไฟด่วนพิเศษฮิตาจินั้นต้องจ่ายค่าที่นั่งเพิ่มเป็นพิเศษด้วยนอกจากค่าระยะทาง โดยค่าเดินทางรวมทั้งหมดจากสถานีมิโตะไปยังสถานีเซนไดคือ ๗๐๖๐ เยน ก่อนจะขึ้นนั่งในรถไฟควรจะซื้อตั๋วที่เครื่องขายตั๋วให้เรียบร้อย แค่ใช้บัตร Suica เฉยๆไม่ได้
แต่ตอนที่เรากลับมาถึงสถานีมิโตะนั้นแทบไม่มีเวลาเหลือแล้ว เลยใช้บัตร Suica แตะแล้วเข้าไปเลย
ตอนที่ขึ้นมาถึงนั้นรถไฟก็มาจอดอยู่แล้วจึงรีบเข้าไปเลยโดยไม่ได้ซื้อตั๋วรถด่วน ซึ่งจริงๆก็ไม่เป็นไร เพราะบนรถไฟจะมีคนมาตรวจว่าผู้โดยสารที่ขึ้นมานั้นมีตั๋วรถด่วนอยู่หรือเปล่า ถ้าหากไม่มีเขาจะให้ซื้อตรงนั้นเลย ดังนั้นถ้าหากรีบจริงๆก็ขึ้นรถไฟโดยไม่ซื้อตั๋วด่วนพิเศษแล้วไปซื้อเอาในรถไฟก็ได้อยู่ เพียงแต่ว่าราคาจะแพงกว่า ดังนั้นถ้ามีเวลาก็ซื้อตั๋วให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า
รถไฟขบวนที่เราขึ้นนั้นออกจากสถานีมิโตะเวลา 14:07 แล้วไปถึงสถานีเซนไดเวลา 17:25
หลังจากนั้นรถไฟก็ออกแล้วไปจอดที่สถานี
สถานีคัตสึตะ (勝田駅) ใน
เมืองฮิตาจินากะ (ひたちなか市) ที่อยู่ถัดจากสถานีมิโตะไป
ต่อมารถไฟก็มาจอดที่
สถานีสถานีโอมิกะ (大甕駅) ซึ่งตั้งอยู่ใน
เมืองโอมิกะ (大みか町) ถัดมาจอดที่
สถานีฮิตาจิตางะ (常陸多賀駅) ซึ่งตั้งอยู่ใน
เมืองฮิตาจิ (日立市) ทิวทัศน์ภายในเมืองฮิตาจิหลังจากที่รถไฟออกจากสถานีมา ทางรถไฟตรงนี้อยู่ใกล้ทะเล เลยเห็นชายทะเล
แล้วก็มาถึง
สถานีฮิตาจิ (日立駅) ทิวทัศน์หลังจากออกจากสถานีฮิตาจิมา
ระหว่างนี้คนตรวจตั๋วได้เดินเข้ามายังที่นั่งที่เราอยู่แล้วให้จ่ายเงินค่ารถด่วนตรงนั้นเลย จ่ายไป ๒๘๑๐ เยน
จากนั้นก็มาถึง
สถานีทากาฮางิ (高萩駅) ใน
เมืองทากาฮางิ (高萩市) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดอิบารากิ นี่เป็นสถานีสุดท้ายในจังหวัดอิบารากิที่รถด่วนฮิตาจิจะมาจอดแล้ว
หลังจากนั้นรถไฟก็เข้าสู่เขต
เมืองอิวากิ (いわき市) จังหวัดฟุกุชิมะ
แล้วมาจอดที่
สถานีนาโกโสะ (勿来駅) บริเวณนี้ปัจุบันเป็นส่วนหนึ่งของเมืองอิวากิซึ่งกินพื้นที่ขนาดใหญ่แต่ในอดีตแถบนี้เป็นเมืองหนึ่งชื่อ
เมืองนาโกโสะ (勿来町) ถูกควบรวมเข้ากับเมืองอิวากิเมื่อปี 1966
แผนที่เมืองอิวากิในจังหวัดฟุกุชิมะ แสดงเป็นสีชมพูเข้มขนาดใหญ่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ อิวากินั้นเป็นทั้งเมืองที่มีพื้นที่มากที่สุดและประชากรมากที่สุดของจังหวัดฟุกุชิมะ แต่ไม่ได้เป็นเมืองเอกของจังหวัด
ถัดมาก็จอดที่
สถานีอิซึมิ (泉駅) ซึ่งก็ยังอยู่ในเขตเมืองอิวากิ แต่อยู่ในเขตที่เมื่อก่อนเป็น
เมืองอิซึมิ (泉町) ถูกควบรวมเข้ากับเมืองอิวากิในปี 1954
ถัดมาเป็น
สถานียุโมโตะ (湯本駅) อยู่ในเมืองอิวากิเช่นกัน ส่วนนี้เคยเป็น
เมืองยุโมโตะ (湯本町) ก่อนจะถูกควบรวมเข้ากับเมืองอิวากิในปี 1966
ต่อมาก็มาถึง
สถานีอิวากิ (いわき駅) ซึ่งเป็นสถานีหลักของเมืองอิวากิ
ภาพถ่ายภายในบริเวณเมืองอิวากิหลังจากที่ออกจากสถานีมา
จากนั้นรถไฟก็ออกจากเขตเมืองอิวากิแล้วเข้าสู่
เมืองฮิโรโนะ (広野町) จอดที่
สถานีฮิโรโนะ (広野駅) ต่อมาก็มาจอดที่
สถานีโทมิโอกะ (富岡駅) ใน
เมืองโทมิโอกะ (富岡町) เมืองนี้เป็นเมืองหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการแผ่นดินใหวคลื่นทสึนามิในปี 2011 จนทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิมีรังสีรั่วไหล ทำให้เป็นพื้นที่ร้างที่ไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ผู้คนต้องอพยพออกไปหมด แต่ว่าตอนนี้เริ่มฟื้นฟูแล้ว รถไฟก็กลับมาวิ่งผ่าน ผู้คนก็เริ่มกลับเข้ามาอยู่อาศัยกัน แม้คนจะไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อนก็ตาม
ภาพที่ถ่ายหลังออกจากสถานีโทมิโอกะระหว่างทางไปสู่สถานีถัดไป
สถานีถัดมาที่รถไฟจอดคือ
สถานีโอโนะ (大野駅) ใน
เมืองโอกุมะ (大熊町) ที่นี่ก็เป็นเมืองที่อยู่ในเขตที่ได้รับผลกระทบจากรังสีรั่วไหลโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เช่นกัน
บริเวณเมืองนี้หลังออกจากสถานีมา
ถัดมาถึง
สถานีฟุตาบะ (双葉駅) ใน
เมืองฟุตาบะ (双葉町) เมืองนี้เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิ จึงเป็นศูนย์กลางของพื้นที่ประสบภัย ฟื้นฟูช้าเมื่อเทียบกับเมืองอื่น
บรรยากาศภายในบริเวณเมืองนี้
ถัดมาเป็น
สถานีนามิเอะ (浪江駅) ใน
เมืองนามิเอะ (浪江町) ซึ่งก็อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และกำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูเช่นกัน
จากนั้นเราก็เลยผ่านส่วนที่เป็นบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ออกมาแล้ว ถัดมาเป็น
สถานีฮาราโนมาจิ (原ノ町駅) ซึ่งตั้งอยู่ใน
เมืองมินามิโซวมะ (南相馬市) ต่อมารถไฟก็มาจอดที่
สถานีโซวมะ (相馬駅) ใน
เมืองโซวมะ (相馬市) ที่นี่เป็นสถานีสุดท้ายในจังหวัดฟุกุชิมะที่รถด่วนฮิตาจิจอดแล้ว
หลังจากนั้นรถไฟก็เข้าสู่จังหวัดมิยางิ แต่ก็ไม่ได้จอดที่สถานีไหนเลย จนมาถึงปลายทางที่
สถานีเซนได (仙台駅) ในที่สุด ตอนเวลา 17:25
ตอนที่เรามาถึงจะแตะบัตรออกจากสถานีก็กลับพบว่าเงินในบัตรไม่พอ ค่าโดยสารที่ต้องจ่ายในบัตรเป็นค่าระยะทางจากสถานีมิโตะถึงสถานีเซนไดนั้นคือ ๔๕๑๐ เยน แต่ในบัตรเหลือแค่ ๓๗๑๙ เยน จึงต้องเติมเงินที่เครื่องนี้ จึงจะออกไปได้
หลังจากนั้นก็เดินในบริเวณชั้นใต้ดินของสถานีเซนไดเพื่อหาอะไรกินก่อนกลับ
มื้อนี้เลือกกินที่ร้านโซบะมารุมัตสึ (
丸松)
สั่งคาชิวะนัมบัง (かしわ
南蛮) ๘๒๐ เยน
หลังจากนั้นก็เดินทางกลับที่พักไปพักผ่อน การเที่ยวเดินทางในครั้งนี้ก็ปิดฉากลงแต่เพียงเท่านี้