# จันทร์ 11 พ.ย. 2024บันทึกการเที่ยวอาโสะต่อจากที่ตอนที่แล้วขึ้นเขามาถึงพิพิธภัณฑ์ภูเขาไฟอาโสะ
https://phyblas.hinaboshi.com/20241125ต่อไปก็นั่งรถเมล์มุ่งขึ้นเขาต่อไปเพื่อไปชมปากปล่องภูเขาไฟ
ระหว่างทางยังผ่านอีกป้ายนึงก่อนที่จะถึงปลายทาง นั่นคือจุดขึ้นเฮลิคอปเตอร์สำหรับบินขึ้นไปชมปากปล่องภูเขาไฟจากมุมสูง ซึ่งก็เป็นอะไรที่น่าสนเพราะว่าภูมิประเทศตรงนี้มองจากมุมสูงแล้วจะสวยมากทีเดียว แต่ก็แพงอยู่ เราไม่ได้ไป ขอชมแค่จากบนพื้นดินตามปกติก็พอ
แล้วก็มาถึง
ท่ารถบนเขาอาโสะ (阿蘇山上ターミナル) ซึ่งเป็นปลายทางของรถเมล์สายนี้ แต่ว่าตรงนี้ยังไม่ใช่จุดที่ชมปากปล่องภูเขาไฟ จากตรงนี้ยังต้องนั่งรถรับส่งเพื่อจะไปถึงส่วนปากปล่องจริงๆอีกที ซึ่งค่ารถรับส่งก็ไม่ได้รวมอยู่ในบัตรแบบเหมารวม ๒๐๐๐ เยนซึ่งใช้ได้แค่จากสถานีรถไฟมาถึงตรงนี้เท่านั้น ยังต้องจ่ายค่ารถรับส่งเที่ยวละ ๗๐๐ เยน ซึ่งก็ถือว่าแพงทีเดียวเมื่อเทียบกับระยะทางซึ่งแค่แป๊บเดียวถึง
ตอนแรกก็สงสัยว่าทำไมถึงต้องยุ่งยากทำเป็นรถ ๒ ต่อแบบนี้ ถ้าทำป้ายรถเมล์ไปถึงด้านบนเลยไม่ได้หรือ แต่ว่าที่จริงนี่มีเหตุผลอยู่ คือเมื่อก่อนเคยมีรถกระเช้าอยู่ นักท่องเที่ยวจะมาขึ้นรถกระเช้าจากตรงนี้ขึ้นไปชมปากปล่องภูเขาไฟ แต่ว่าตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในคุมาโมโตะปี 2016 รถกระเช้าก็เสียหายจนต้องปิดไป เลยเปลี่ยนเป็นรถรับส่งแทน ดังนั้นรถรับส่งสู่ปากปล่องนี้ก็มีเพื่อแทนรถกระเช้านั่นเอง
แทบทุกคนที่ลงรถเมล์มาก็มาต่อแถวเพื่อขึ้นรถรับส่ง แถวอยู่ด้านในตัวอาคาร
นี่เป็นตารางเวลารอบรถ ทั้งรถเมล์จากสถานีและรถรับส่งที่กำลังจะขึ้น
เท่าที่ดูเทียบกันแล้วเขาจัดรอดรถไว้พอดี ให้ลงจากรถเมล์มาก็มาขึ้นรถรับส่งต่อได้โดยไม่ต้องรอนาน ขากลับก็เช่นกัน
แต่ดูแล้วก็จะเห็นได้ว่าระยะเวลาตั้งแต่รถรับส่งไปถึงปากปล่องจนถึงรอบขากลับต่อไปนั้นอยู่ที่ ๒๕ นาที แสดงว่านี่เป็นเวลาทั่วไปที่คนจะอยู่ชมปากปล่องก่อนจะรีบกลับลงไป ซึ่งก็ดูจะกำลังดีเพราะว่าให้อยู่ตรงปากปล่องนานก็ไม่ดีต่อสุขภาพ และบนนั้นโดยหลักก็ไม่ได้มีอะไรให้เดินมาก นอกจากได้ไปเห็นปากปล่องแล้วก็เสร็จ
รถเมล์รอบที่เรามาถึงตรงนี้เวลา 11:20 แล้วขึ้นรถรับส่งรอบ 11:30 ไปถึงเวลา 11:35 แล้วก็กลับด้วยรถขากลับรอบ 12:00 มาขึ้นรถเมล์รอบ 12:12 กลับเป็นอันเสร็จ
ขึ้นมาบนรถ คนเต็มเลย
ระหว่างทางที่รถผ่าน ทิวทัศน์สวยงามทีเดียว ระหว่างทางก็เห็นคนเดินอยู่ จริงๆถ้าจะเดินมาก็ได้เหมือนกัน ถือเป็นระยะที่เดินได้ เห็นแล้วตอนแรกเราก็เลยยังคิดว่าขากลับอาจจะเดินลงก็ได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ
ใช้เวลาแค่ ๕ นาทีรถมาถึงหน้าทางเข้าชมปากปล่อง
ตรงนี้มีแค่อาคารจุดพักเล็กๆอยู่
มองไปก็เห็นทิวทัศน์โดยรอบ
ส่วนทางไปชมปากปล่องอยู่ทางโน้น
เดินไป เห็นคนเต็มเลย
ข้างหน้านี้ก็คือปากปล่องภูเขาไฟแล้ว มีรั้วกั้นไว้ไม่ให้เข้าไปใกล้กว่านี้
มองจากรั้วข้ามไป นี่คือปากปล่องภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ ทุกคนขึ้นมาถึงนี่ก็เพื่อดูทิวทัศน์นี้
บริเวณที่ให้เดินได้มีไม่มาก เดินเลียบรั้วมานิดหน่อยก็มีทางกั้นไม่ให้ไปต่อ
ก็มีอยู่ประมาณนี้ คนส่วนใหญ่ก็มาแค่เพื่อได้มาเห็นปากปล่องภูเขาไฟตรงนี้ เวลารอบรถก็ให้แค่แป๊บเดียวด้วย แล้วอยู่นานก็ไม่ไหว ตอนอยู่ตรงนี้ไอตลอดเลย คนอื่นก็เห็นไอกันเต็มไปหมด อยู่ดูตรงหน้าปล่องนี้ได้แค่ไม่นานนัก ถ้าจะให้ดีเวลาชมให้เตรียมหน้ากากที่กันฝุ่นได้มาจะดีกว่า
ในบริเวณนี้ยังมีที่หลบภัยให้ด้วย เผื่อสำหรับเวลาที่ภูเขาไฟเกิด่คุกรุ่นแรงขึ้นมา
แล้วก็มีศาลเจ้าเล็กๆอยู่
นอกจากนั้นก็ดูทิวทัศน์รอบๆสักหน่อยด้วยเวลาที่เหลือ แต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกล
แล้วก็เดินกลับไปจุดขึ้นรถ
ขึ้นรถรับส่งกลับตามเวลา 12:00
ทิวทัศน์ระหว่างทาง
ก็เห็นมีคนเดินไปมาอยู่บ้าง แม้จะน้อย ถ้าตกรอบรถก็คงเดินกลับเท่านั้น ดูแล้วระยะก็พอไหวอยู่ แต่เดินแถวนี้น่าจะไม่ดีต่อสุขภาพเท่าไหร่ นั่งรถไปดีแล้ว
แล้วก็กลับมาถึงตรงท่ารถที่จะขึ้นรถเมล์กลับ ตอนนี้มีเวลา ๗ นาทีก่อนรถเมล์จะมา
ลองดูรอบๆนิดหน่อย แถวนั้นก็ไม่ได้มีอะไรมาก นากจากศาลเจ้าเล็กๆ
ภายในมีร้านขายของนิดหน่อย ก็มาเดินดูผ่านๆก่อนจะไปขึ้นรถเมล์
ระหว่างทางบนรถเมล์ขากลับ ทิวทัศน์สวยกว่าตอนขามามากเพราะฟ้าเริ่มดีขึ้น คราวนี้เลยถ่ายรูปเต็มเลย
ที่เห็นเนินรูปร่างสวยวามนี้เรียกว่า
โคเมซึกะ (
米塚) แปลตรงๆว่า "เนินข้าว"
แถวนี้เขาเลี้ยงวัวแบบปล่อยไว้ด้วย
เราก็นั่งชมทิวทัศน์ข้างทางไปเรื่อยๆเพลินๆตลอดทางจนกลับไปถึงสถานีอาโสะ
ขอจบตอนเท่านี้ การเที่ยวบนเขาอาโสะจบลงแล้ว ในตอนต่อไปจะขึ้นรถไฟลาจากอาโสะ เพื่อมุ่งหน้าไปทางตะวันตกต่อไป