# อังคาร 12 พ.ย. 2024บันทึกการเที่ยวต่อจากตอนที่แล้วที่เดินทางจากชิมาบาระนั่งรถไฟมาจนถึงสถานีทาเกโอะอนเซง เมืองทาเกโอะ จังหวัดซางะ
https://phyblas.hinaboshi.com/20241203ตอนนี้จะเป็นการเที่ยวในเมืองทาเกโอะอนเซง โดยเดินจากสถานีทาเกโอะอนเซงไปเที่ยวที่
มิฟุเนะยามะรากุเอง (
御船山楽園) ซึ่งเป็นสวนสวยๆที่ช่วงนี้กำลังมีไบไม้เปลี่ยนสี สามารถชมทิวทัศน์ได้ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน
การเดินทางไปยังสวนมิฟุเนะยามะรากุเองนั้นที่จริงก็มีรถเมล์ไป แต่ว่าเที่ยวรถก็ไม่ได้เยอะ และระยะทางก็พอจะเดินไปได้อยู่ จึงตัดสินใจเดินไป ระหว่างทางก็ได้ชมทิวทัศน์ในเมืองทาเกโอะไปด้วย
หลังจากที่นั่งชินกันเซงมาลงที่สถานีทาเกโอะอนเซง
ในชานชลาเดียวกันนี้มีรถด่วน
คาโมเมะรีเลย์ (かもめリレー) ซึ่งเป็นรถด่วนที่ไปยังสถานีฮากาตะของฟุกุโอกะ ถ้าใครลงจากชินกันเซงแล้วก็เข้าไปนั่งต่อได้เลย สะดวกดี ไว้เราก็จะมาขึ้นรถไฟด่วนนี้กลับ แต่ว่าตอนนี้ขอแวะเที่ยวเมืองนี้ก่อน
ป้ายสถานี ด้านหลังเป็นชินกันเซง แต่ว่าสถานีซ้ายขวาที่เขียนเป็นของสายรถไฟธรรมดา
เดินออกจากชานชลา
ออกมาข้างนอกสถานี
ตัวอาคารสถานี
จากนั้นก็เดินมุ่งหน้าสู่สวนที่เป็นเป้าหมาย ระหว่างทางก็ถ่ายภาพทิวทัศน์ในตัวเมือง ซึ่งก็สวยดี เห็นใบไม้เปลี่ยนสีอยู่ประปรายด้วย
ผ่าน
สวนสาธารณะริมแม่น้ำฮาซึมาจิ (
筈町河畔公園) ตรงนี้ใบไม้กำลังแดงสวย
ข้ามสะพาน
ทิวทัศน์จากบนนี้สวยดี ตรงนี้เป็น
แม่น้ำทาเกโอะ (
武雄川) แม่น้ำชื่อเหมือนชื่อเมือง ไหลผ่านกลางเมือง
ผ่านห้างยุเมะทาวน์ (ゆめタウン) สาขาทาเกโอะ
ข้ามสะพานลอย
มองจากบนสะพานลอยก็สวย
เดินต่อไป
ทางเดินตรงนี้ผ่าน
สนามแข่งเคย์ริงทาเกโอะ (
武雄競輪場)
ที่จริงทางเดินตรงนี้เข้าใจยาก เห็นแล้วไม่แน่ใจว่าไปถูกหรือเปล่า แต่เห็นมีเจ้าหน้าที่คอยนำทางอยู่บอกว่าไปยังไง
ผ่านมาถึงตรงนี้ทางเริ่มเปลี่ยว
ตรงนี้เป็นลานจอดรถเสริมของสวนมิฟุเนะยามะ แต่ว่ากว่ากว่าจะถึงทางเข้าก็ยังต้องเดินต่ออีก
เห็นสะพานพาดข้ามรั้วของสวนอยู่ แต่ด้านบนตัน ไม่น่าจะใช้ข้ามไปเข้าเข้าในได้จริง
ระหว่างทางเห็นประตูเล็กของสวน ซึ่งตอนนี้ดูจะไม่ได้เปิด ต้องเดินอ้อมไปอีก
ยังต้องเดินต่อไป อ้อมไกลกว่าที่คิด ระหว่างทางก็ไม่เห็นจะมีใครเดินผ่านเลย
แล้วก็มาถึงหน้าทางเข้าสวน ซึ่งมีที่จอดรถเล็กๆ ซึ่งจอดอยู่แน่นเต็ม ทำให้ดูแล้วรู้ว่ามีคนมาเที่ยวที่นี่ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ดูท่าคนอื่นจะมีรถมากัน ไม่ค่อยมีใครเดินมาแบบเรา
แล้วก็ซื้อตั๋วเข้าชม โดยที่นี่การเข้าชมแบ่งออกเป็นช่วงกลางวันและกลางคืน โดยจุดเปลี่ยนคือ 17:30 ถ้าจะแค่ชมตอนกลางวันหรือกลางคืนอย่างใดอยู่หนึ่งก็จ่าย ๖๐๐ เยน แต่ถ้าอยู่ข้ามช่วงก็จ่าย ๙๐๐ เยน ซึ่งเราตัดสินใจซื้อแบบ ๙๐๐ เยน เพื่อจะได้อยู่ที่นี่แบบพักยาว นั่งเล่นอยู่จนฟ้ามืด
แผนที่ภายในสวน ก็ไม่ได้ใหญ่มาก เดินนิดเดียวก็ทั่ว
เข้ามาด้านใน
ตรงนี้เป็นส่วนชมทิวทัศน์หลักของที่นี่ ชมภูเขาสะท้อนบนผิวทะเลสาบ ภูเขาสวยๆที่อยู่ตรงหน้านี้ก็คือเขามิฟุเนะ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อสวนนี้ ซึ่งตั้งอยู่บนตีนเขานี้ น่าเสียดายตรงนี้ยังเห็นใบไม้เปลี่ยนสีไม่ชัดมาก เพราะว่ายังแค่เพิ่งเริ่มเปลี่ยนสี
ระหว่างทางเดินต่อไปก็เห็นใบไม้เปลี่ยนสีอยู่ประปราย สวยดี
พื้นที่บางส่วนเป็นทางลาด แต่ก็เดินได้ง่ายเพราะทางทำเอาไว้ดี
เดินขึ้นเนินแล้วลงมาก็เจอตรงส่วนที่เรียกว่าห้าร้อยอรหันต์ (
五百羅漢)
จากตรงนี้เห็นเหมือนมีทางลงไป แต่ว่าปิดไว้อยู่ผ่านไม่ได้ ยังไงก็ต้องเดินกลับทางเดิม
ตรงนี้มีทีมแล็บ แต่มีค่าเข้าชมและคิดว่าไม่น่าสนใจเลยไม่ได้เข้าไป
เดินจนพอประมาณเกือบทั่วสวนใช้เวลาไม่มาก จากนั้นก็มานั่งพักที่
ร้านชาฮิงิโนะโอะ (
萩野尾御茶屋) อยู่ริมทะเลสาบ บรรยากาศดีทีเดียว
ที่นี่สามารถมานั่งสั่งชาและขนมได้ แต่ว่าตอนที่ไปถึงนั้นหมดเวลาขนมช่วงกลางวันแล้ว ไม่สามารถสั่งได้ ได้แต่เห็นคนที่มาก่อนนั่งกิน ต้องรอถึง 17:30 จึงจะสั่งชุดชาและขนมของรอบกลางคืนได้
แล้วเราก็นั่งเล่นอยู่ตรงร้านชานี้ไป รอเวลาจนถึงกลางคืน
พอเริ่มเข้าใกล้ช่วงฟ้ามืด ก็เริ่มเห็นคนนั่งเรือเอาโคมไฟมาวางไว้ในทะเลสาบกัน
รอไปจนถึง 17:30 ก็มีแสงไฟจากโคม
แล้วก็ได้เวลาสั่งชาและขนม ชุดนี้ราคา ๕๐๐ เยน ก็ถือว่าแพงอยู่ถ้าเทียบกับปริมาณ แต่ก็ถือว่าขายบรรยากาศ ขนมนี้เรียกว่า
เซนไซ (ぜんざい) กินกับชาผง
โคนาจะ (
粉茶)
แล้วฟ้าก็มืด ยิ่งเห็นทิวทัศน์พร้อมแสงไฟสวย
หลังจากนั่งอยู่สักพักจนพอก็ได้เวลาลุกออกจากร้าน
ก่อนจะกลับก็ย้อนกลับมายังอีกฝั่งของทะเลสาบเพื่อชมทิวทัศน์สวย
ทิวทัศน์ริมทะเลสาบจากฝั่งตรงกันข้ามกับที่นั่งชมจากร้านชา
มุมนี้สวย กำลังดีเลย
มีทางให้เดินขึ้นไปชมจากมุมสูงหน่อยด้วย
จากบนนี้ก็ได้ภาพสวย
เสร็จแล้วก็ไม่มีอะไรแล้ว การชมภายในสวนก็จบลงเท่านี้ จากนั้นก็ออกมา ตรงหน้าทางเข้านั้นมีร้านขายของที่ระลึก ก็แวะดูนิดหน่อย
ภายในร้าน มีขายพวกผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของจังหวัดซางะ
จากนั้นก็มารอรถเมล์ ขากลับไม่อยากเดินแล้ว จึงมาขึ้นรถเมล์ แต่ว่ารอบรถเมล์จังหวะไม่ได้เหมาะนัก
ดูตารางเวลารถเมล์แล้วก็เห็นได้ว่ามีไม่มาก รอบต่อไปที่เราจะนั่งคือเวลา 18:36
แต่ว่ารถเมล์มาช้ากว่าเวลานิดหน่อย มาจริงๆคือ 18:40
แต่ว่ารถเมล์สายนี้ไม่ได้ไปถึงสถานีทาเกโอะอนเซง แต่ต้องมาลงที่ป้ายรถเมล์
ทาเกโอะอนเซงอิริงุจิ (
武雄温泉入口) แล้วก็ยังต้องเดินต่อไปอีกหน่อย
แล้วก็เดินกลับมาถึงสถานี
ก่อนอื่นมาซื้อตั๋วรถไฟที่จะไปยังสถานีฮากาตะ ราคา ๒๘๘๐ เยน
ตั๋วแบ่งเป็น ๒ ใบ คือค่าโดยสารตามระยะทาง ๑๖๘๐ เยน บวกกับค่ารถไฟด่วนพิเศษ ๑๒๐๐ เยน
ยังเหลือเวลานิดหน่อยก่อนรถไฟเที่ยวต่อไปออก เลยมาเดินดูของ แต่เวลานั้นคือ 19:00 เป็นเวลาปิดร้านของร้านขายของฝากในสถานีพอดี เห็นกำลังปิดต่อหน้าต่อตา
นอกจากนี้ก็มีร้านสะดวกซื้อ แต่ก็ไม่ได้มีของอะไรให้ดูมาก
แล้วก็มาเข้าไปยังชานชลา รถไฟที่นั่งเป็นรอบ 19:18 ไปถึงสถานีฮากาตะเวลา 20:17
รถไฟขบวนที่จะนั่ง
เข้ามาด้านในรอเวลาออก
ก่อนถึงเวลาออกไม่กี่นาทีมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นชิงกันเซงมา แล้วคนก็ลงมาจากในนั้นขึ้นมายังรถไฟขบวนนี้กัน เวลารถไฟทั้ง ๒ ขบวนนี้ถูกตั้งมาให้พอดีกัน สำหรับคนที่มาเปลี่ยนทันที แบบนี้สะดวกจริงๆ
แล้วรถไฟก็ออก ระหว่างทางก็ผ่านสถานีสำคัญภายในจังหวัดซางะและจังหวัดฟุกุโอกะ แต่มันมืดแล้วเราจึงไม่ได้สนใจถ่ายภาพสถานีระหว่างทาง มีถ่ายแค่ภาพเดียวคือที่
สถานีชินโทสึ (
新鳥栖駅) เพราะพอดีตอนนั้นมองออกนอกหน้าต่างไปเห็นป้ายสถานีพอดี สถานีนี้เป็นสถานีสำคัญเพราะเป็นจุดขึ้นรถไฟชิงกันเซงสายหลัก แต่ก็ยังไม่ได้เชื่อมต่อกับชิงกันเซงที่สถานีทาเกโอะอนเซง
แล้วก็กลับมาถึงสถานีฮากาตะ จากนั้นเราก็ไม่ค่อยได้ถ่ายภาพอะไรแล้ว เพราะเป็นสถานที่ที่คุ้นเคย ใช้ชีวิตอยู่ประจำ ในที่สุดก็กลับมายังฟุกุโอกะบ้านเราแล้ว หลังจากที่ไปตระเวณต่างจังหวัดมานาน
เพื่อนเราอยากกินฮากาตะราเมงเราก็เลยพามาที่
ฮากาตะเมงไคโดว (
博多めん
街道) ซึ่งเป็นย่านชั้น ๒ ของสถานีฮากาตะที่มีแต่ร้านราเมง มาให้เลือกเลยว่าจะกินร้านไหน ซึ่งเพื่อนก็เลือกร้าน
นาจิมะเตย์ (
名島亭)
ราเมงของร้านนี้น้ำข้นไปหน่อย แรกๆกินไปไม่กี่คำก็รู้สึกเหมือนจะอร่อย แต่หลังจากนั้นก็เริ่มเลี่ยนเพราะเค็มมาก ตอนท้ายๆกลับรู้สึกลำบากที่จะกินให้หมด สุดท้ายนี่เรียกได้ว่าเป็นมื้อที่น่าผิดหวังที่สุดสำหรับการเที่ยวครั้งนี้ไปเลย ต่างจากมื้ออื่นที่เจอแต่ของอร่อยตลอด
ที่จริงฮากาตะราเมงก็มีอยู่หลายสูตร หลายร้านก็อร่อย ต่างจากร้านนี้มาก สำหรับใครที่อยากกินฮากาตะราเมงแต่ไม่ชอบเค็มให้เลือกร้านให้ดี เพราะหลายร้านก็เป็นสูตรเค็มแบบนี้ ไม่ใช่แค่ร้านนี้หรอก
กินเสร็จแล้วก็เดินมายังที่พักที่จะค้างคืนนี้ แม้ว่าเราจะอาศัยอยู่ในฟุกุโอกะอยู่แล้ว แต่ห้องที่พักก็คับแคบ ไม่สามารถให้เพื่อนมานอนค้างด้วยได้ และก็ไกลจากสถานีมากด้วย จึงได้หาที่พักแรมถูกๆในย่านใกล้สถานีฮากาตะ
ที่พักที่เลือกจองครั้งนี้คือ
สึมิโยชิอพาร์ตเมนต์ (
住吉アパートメント) ซึ่งจริงๆแล้วมันคืออาคารอพาร์ตเมนต์ที่เจ้าของนำมาปล่อยเป็นห้องพักนักท่องเที่ยวเหมือนโฮสเทล ดังนั้นก็เลยใช้ชื่อว่าอพาร์ตเมนต์
สำหรับการเข้าพักที่นี่นั้นมีขั้นตอนยุ่งยากกว่าที่คิด เนื่องจากไม่มีคนเฝ้า การเช็กอินต้องทำผ่านออนไลน์แล้วก็มากดที่เครื่องที่หน้าทางเข้า ทั้งเอากุญแจห้องสำหรับผ่านเข้าไปข้างในด้วย ทุกอย่างช่วยตัวเองหมด ก็ยุ่งยากและห้องก็คับแคบด้วย แต่ข้อดีคือราคาถูก ห้องแบบ ๒ คนราคา ๗๐๐๐ เยนเท่านั้น ซึ่งสำหรับฟุกุโอกะแล้วราคานี้ถือว่าถูกมากแล้ว ถ้าจะหาโรงแรมธรรมดาละก็ราคานี้แทบไม่มีทาง
ตอนที่เราไปเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มอื่นมาเข้าพักด้วย ซึ่งเขาก็ดูจะงงๆเหมือนกัน
แล้วก็เข้ามาด้านในได้ บรรยากาศภายในหน้าห้องเป็นแบบนี้ ดูแล้วเป็นแบบห้องเช่าสำหรับอยู่อาศัยทั่วไปจริงๆ ไม่ใช่โรงแรม ดูสกปรกไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ แต่สภาพในห้องก็ใช้ได้อยู่ สะอาดดี แค่คับแคบสำหรับการพัก ๒ คน แต่ก็พอได้อยู่ เสียดายไม่ได้ถ่ายภาพภายในห้องไว้เลย เพราะตอนไปถึงก็ดึกแล้วอยากพักผ่อนแล้ว
ก็เอาเป็นว่าจบการเที่ยววันที่ ๕ ลงเท่านี้ หลังจากที่ไปเที่ยวต่างจังหวัดมาเยอะ ตอนต่อไปจากนี้จะเป็นการเที่ยวภายในจังหวัดฟุกุโอกะแล้ว
https://phyblas.hinaboshi.com/20241205