# 2-3 ม.ค. 2025หลังจากที่ในวันสิ้นปี 2024 และวันปีใหม่ 2025 ได้แวะมาย่านเทนจิงแล้วพบความเงียบเหงาทั้ง ๒ วัน ดังที่เล่าไปใน
-
https://phyblas.hinaboshi.com/20241231-
https://phyblas.hinaboshi.com/20250102วันต่อมาคือวันที่ 2 มกราคมเราก็ยังได้ลองมาเดินดูที่นี่อีกครั้ง และได้พบความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ร้านค้าต่างๆเริ่มเปิดกันแล้ว แม้ว่าจะไม่ทั้งหมดแต่ก็เกินครึ่งอยู่ และก็แน่นอนว่าผู้คนก็กลับมาคับคั่ง พวกร้านต่างๆที่เปิดก็เต็มไปด้วยผู้คน ร้านดังก็มีคนมาต่อแถวรอเพื่อจะเข้ากิน
ย่านเทนจิงมีร้านชื่อดังมากมายที่ต้องเข้าแถวรอจึงจะได้กิน เช่นร้านที่กำลังจะแนะนำต่อไปนี้ ชื่อว่าร้าน
เมนยะคาเนโตระ (
麺や
兼虎) เป็นร้านราเมงประเภทที่เรียกว่า
ทสึเกเมง (つけ
麺) หรืออาจแปลไทยว่า "ราเมงจุ่ม" คือเป็นราเมงที่เอาเส้นจุ่มซุปกิน ต่างจากราเมงทั่วไปที่ใส่ในซุปไปเลย เส้นที่ใช้มักเป็นเส้นราเมงแบบหนา
ทสึเกเมงนั้นอาจพบได้ตามร้านราเมงทั่วไปได้ด้วย แต่บางร้านก็เปิดขึ้นเป็นร้านทสึเกเมงโดยเฉพาะเลย เช่นร้านนี้
ร้านเมนยะคาเนโตระมีเปิดทั้งหมด ๓ สาขา โดยสาขาหลักเรียกว่า
สาขาหลักเทนจิง (
天神本店) อย่างไรก็ตามที่จริงแล้วที่ตั้งอยู่ที่ย่าน
วาตานาเบะโดริ (渡辺通) ซึ่งอยู่ติดกับย่านเทนจิงอีกที ข้ามไปอีกนิดจึงจะเป็นย่านเทนจิงจริงๆ แต่ก็ถือว่าเลยมานิดหน่อยก็เลยใช้ชื่อเทนจิง
ที่เรามาครั้งนี้ก็คือสาขาหลักนี้เอง ที่จริงนอกจากนั้นยังมีสาขาที่สถานีฮากาตะด้วย ซึ่งเราก็เคยผ่านไปเห็น จะไปกินที่นั่นก็ได้ แต่ก็มีแถวคิวรอยาวเสมอไม่ต่างกัน ถ้ายังไงก็จะต้องรออยู่แล้วก็ขอมาลองสาขาหลักดีกว่า
ตอนแรกเรารู้จักร้านนี้จากการค้นในกูเกิลแม็ป ไม่ได้รู้ว่าเป็นร้านที่คนแน่นขนาดไหน ก็เลยลองเดินไปดู โดยไปถึงร้านตอนเวลา 17:56 แล้วก็พบสภาพหน้าร้านอย่างที่เห็น
ปกติแล้วเราจะไม่กินร้านพวกนี้เพราะว่าไม่อยากที่จะต้องรอนาน ร้านธรรมดาที่ไม่ได้รับความนิยมมากแต่กินแล้วอร่อยก็เจอมาเยอะแล้ว ดังนั้นจึงยอมตัดใจหลังจากที่มาเข้าคิวอยู่แค่แป๊บเดียว แล้วคิดว่าถ้าจะกินละก็ไว้ค่อยมาเร็วๆหน่อยดีกว่า งั้นพรุ่งนี้มาอีกทีก็ได้ สัก 5 โมงเย็นคนน่าจะน้อยกว่า
ดังนั้นวันนี้ก็ลองเดินไปหาร้านอื่นกินก่อน ระหว่างนั้นก็เดินเล่นดูบรรยากาศภายในย่านเทนจิงที่กลับมาคับคั่งอีก เช่นในย่านร้านค้าใต้ดิน ร้านกลับมาเปิดหมดแล้ว
แต่ว่าห้างไดมารุยังไม่เปิด ต้องรอถึงวันที่ 3 มกราคม
ส่วนตรงนี้เป็นห้าง
โซลาเรียสเตจ (ソラリアステージ) วันนี้เปิดตามปกติ
ภายในห้างนี้เต็มไปด้วยร้านต่างๆมากมาย ซึ่งก็มีหลายร้านที่คนมาเข้าแถวรอกันยาวทั้งนั้น จึงไม่อาจหาร้านกินที่นี่ได้
ตรงนี้คือร้าน
ฮากาตะราเมงชินชิง (
博多らーめん ShinShin) ซึ่งเป็นร้านราเมงชื่อดังอีกร้านของฟุกุโอกะ มีหลายสาขารวมทั้งแถวสถานีฮากาตะด้วย ไม่ว่าที่ไหนก็ต้องรอเข้าแถวยาวเหมือนกัน แต่ว่าที่นี่เขาถึงขนาดมีที่ให้นั่งระหว่างรอด้วย
จากนั้นลองข้ามไปห้างข้างๆ คือ
ฟุกุโอกะพาร์โก (
福岡パルコ)
ในนี้เจอร้าน
ฮากาตะทันดัมเมง (
博多担々麺) ร้านนี้คนไม่แน่น มีที่ว่าง ถ้าจะกินก็เข้าไปนั่งกินได้เลย แต่ว่าเป็นราเมงแบบเผ็ดก็เลยขอผ่านดีกว่า
แล้วในนี้ยังมีร้านเมนยะคาเนโตระอีกสาชานึง เป็นสาขาย่อยที่มาเปิดเพิ่มในนี้ และก็คนแน่นไม่แพ้สาขาหลักเลย ถ้าจะกินก็คงต้องรอนานเช่นกัน แต่ว่ามารอกินที่นี่น่าจะมีข้อดีกว่าตรงที่เป็นข้างในอาคาร ไม่ต้องยืนตากอากาศหนาว
นอกจากนั้นก็มีข้ามมาดูที่ห้าง
เทนจิงบิล (
天神ビル) ซึ่งก็มีย่านร้านอาหารที่ชั้นใต้ดิน แต่ว่าที่นี่ส่วนใหญ่ปิดเกือบหมด
จากนั้นจึงมาเดินดูที่ย่าน
ชินเตนโจว (
新天町) ซึ่งก็กลับมาคับคั่ง
จากตรงนี้เดินมาทางตะวันตกนิดหน่อยก็เจอร้านราเมงเล็กๆถูกชื่อ
รากุโชวราเมง (
楽勝ラーメン) ราคาราเมงถูกสุดชามละ ๔๙๐ เยนเท่านั้น
แล้วลองมาดูหน้าร้านแล้วก็พบว่าเมนูหน้ากินดี ที่สำคัญคือมีที่นั่ง คนไม่แน่น เย็นนี้จึงตัดสินใจเลือกร้านนี้เลย
ภายในร้าน
ที่สั่งคือเมนูที่เรียกว่า
ดนตากุราเมง (どんたくらーめん) ราคา ๖๓๐ เยน โดยรวมแล้วรสชาติก็อร่อยดี แม้จะไม่ได้ถึงขั้นบางร้านที่ชอบเป็นพิเศษ
กินเสร็จก็เดินไปขึ้นรถเมล์เพื่อกลับ ระหว่างทางผ่าน
ศาลเจ้าเคโงะ (
警固神社) โดยบังเอิญ ทำให้เราเพิ่งรู้ว่าตรงนี้มีศาลเจ้าอยู่ด้วย วันก่อนมาเดินไม่ได้ผ่านตรงนี้เลย เป็นแค่ศาลเจ้าเล็กๆ ไม่ได้ดูเด่น จะเผลอไม่ได้สังเกตก็อาจไม่แปลก
จากนั้นก็ไปขึ้นรถเมล์กลับ สำหรับวันที่ 2 มกราคมก็จบลงเท่านั้น
และต่อมา 3 มกราคม เราก็ได้กลับมายังร้านเมนยะคาเนโตระอีกทีตามที่ตั้งใจไว้ โดยคราวนี้มาถึงเวลา 16:55 ซึ่งเป็นเวลาก่อนอาหารเย็นปกติตั้งนาน ด้วยความหวังว่าเวลาแบบนี้คนน่าจะยังน้อยอยู่ แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าคนต่อแถวยาวกว่าเมื่อวานอีก!
แม้จะไม่อยากรอเข้าแถวนาน แต่ว่าในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะกินก็ช่วยไม่ได้ คงไม่อยากจะต้องมาใหม่อีกเป็นครั้งที่ ๓ และต่อให้มาอีกก็คงยากที่จะเลี่ยงการเข้าแถวอยู่ดี ดังนั้นก็เลยยอมเข้าแถวรอ
หลังจากที่เข้าแถวไปสัก ๑๐ นาที เราก็เดินมาถึงจุดที่มีป้ายเขียนว่ารออีกประมาณ ๓๐ นาที ดีนะมีป้ายบอกให้กะเวลาได้ด้วย ที่จริงแล้วเมื่อวานแถวก็ยาวมาถึงแค่ประมาณตรงนี้แหละ
ระหว่างนั้นดูที่ผนังร้านเห็นมีป้ายที่เขียนบอกว่ามีสาขาฟุกุโอกะพาร์โกอยู่ด้วย
ผ่านไป ๒๐ นาทีหลังจากเริ่มรอ แถวก็เลื่อนมาจนเราอยู่หน้าร้าน มองย้อนกลับไปเห็นคนมาต่อแถวยาวไม่ต่างจากตอนเราเริ่มเข้า
แล้วพอใกล้ถึงคิวเขาก็ให้เข้าไปในร้านเพื่อไปกดเครื่องขายเลือกเมนู
เลือกของที่อยากกินจากเครื่องแล้วก็หยอดเงินจ่ายตรงนี้เลย ดูแล้วเมนูแต่ละอย่างค่อนข้างแพง โดยในรูปนี้เป็นทสึเกเมงแบบเผ็ด ซึ่งเราไม่เอาอยู่แล้ว แต่ถ้ากดไปอีกหน้าก็จะมีทสึเกเมงแบบเข้มข้น (
濃厚つけ
麺) ซึ่งใช้น้ำซุปรสเค็มแต่ไม่เผ็ด ราคา ๑๒๐๐ เยน ต่างจากแบบเผ็ดอยู่ ๕๐ เยน
หลังจากจ่ายเงินซื้อตั๋วเสร็จเขาก็ให้ออกมารอนอกร้านต่ออีกสักพัก ระหว่างนั้นก็ถ่ายป้ายหน้าร้านที่มีรูปของทสึเกเมงทั้ง ๒ แบบ ด้านบนคือแบบเผ็ด ส่วนด้านล่างคือแบบเข้มข้นที่เราสั่ง
แล้วในที่สุดหลังจากที่รอมา ๔๐ นาที เวลา 17:36 เราก็ได้เข้ามานั่งในร้านแล้ว บรรยากาศภายในร้านเป็นแบบนี้ เป็นร้านเล็กๆที่มีอยู่แค่นี้จริงๆ
แล้วก็รออีกแค่นิดนึงอาหารที่สั่งไว้ก็มา รสชาติก็อร่อยสมกับที่อุตส่าห์มารอตั้งนานและราคาที่ค่อนข้างแพง ในภาพนี้อาจมองยากแต่มีทั้งเนื้อหมูและเมมมะจมอยู่ในซุปด้วย ซุปอร่อยมาก หลังจากที่กินเส้นจนหมดก็ยังซดดื่มจนหมดด้วย ที่จริงบางคนก็ไม่ได้กินซุปจนหมด เราเคยกินทสึเกเมงร้านอื่นมาปกติซดไม่หมด แต่ว่าครั้งนี้อุตส่าห์มารอตั้งนานแล้วก็แพงด้วย ก็เลยเอาให้คุ้ม เก็บให้หมด
ก่อนออกจากร้านหันหลังกลับไปถ่ายอีกภาพแล้วจึงเดินจากมา
ตอนที่ออกจากร้านมาเป็นเวลา 17:57 ซึ่งใกล้เคียงกับเมื่อวานเลย แต่ว่าวันนี้คนเยอะกว่าอย่างเห็นได้ชัด บางทีถ้ายอมเข้าแถวตั้งแต่เมื่อวานเราคงได้กินเร็วกว่านี้ ไม่ต้องยืนรอถึง ๔๐ นาที อาจรอแค่ครึ่งชั่วโมงก็ได้กินแล้วก็ได้
ข้างๆร้านนี้มีร้านบิกคาเมรา เข้าไปเดินเล่นนิดหน่อยก่อนกลับ
จากนั้นก็ข้ามไปยังหน้าห้างไดมารุเพื่อนั่งรถเมล์กลับ ตอนนี้ห้างไดมารุกลับมาเปิดแล้ว หลังจากหยุดไปในช่วงปีใหม่
ก็ถือเป็นประสบการณ์ ครั้งแรกที่ได้ต่อแถวคิวรอยาวคนเดียวเพื่อกินราเมง ปกติถ้าหากไปเที่ยวเราคงไม่คิดจะรอเข้าแถวคิวยาวเพื่อของกินอยู่แล้ว เพราะถ้าเที่ยวอยู่ก็มีเวลาจำกัด แต่ว่าในเมื่ออาศัยอยู่ที่นี่อยู่แล้ว เวลาที่รอคิวก็ไม่ได้เสียดายมาก
ถ้าหากรอนานแล้วสุดท้ายเป็นร้านที่ไม่อร่อยก็คงจะผิดหวัง แต่ว่าร้านนี้ถือว่าไม่เสียดาย ถึงอย่างนั้นก็คงไม่ได้ติดใจมากจนถึงขนาดจะกลับมาต่อแถวคิวรอยาวอีกรอบ