# อังคาร 31 ธ.ค. 2024วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปี 2024 แล้ว ในที่สุดก็สิ้นสุดลงแล้ว ปีนี้เป็นปีที่มีอะไรมากมายน่าพูดถึงเหมือนกัน แต่ว่าที่น่าพูดถึงที่สุดก็คือการได้เริ่มมาอาศัยและใช้ชีวิตในเมืองฟุกุโอกะตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม
ความเป็นมาและเรื่องตอนเริ่มมาถึงฟุกุโอกะใหม่ๆได้เล่าไว้แล้วส่วนหนึ่งใน
https://phyblas.hinaboshi.com/20240430หลังจากผ่านเดือนแรกนั้นไป ชีวิตประจำก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง การอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเป็นชีวิตประจำวันที่คุ้นชิน ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ว่าช่วงครึ่งปีแรกที่มาอยู่นั้นมัวแต่ยุ่งกับเรื่องงาน ไม่ได้ไปไหนเป็นพิเศษนอกจากไปกลับระหว่างที่พักกับที่ทำงาน
จนถึงปลายเดือนกันยายนจึงมีโอกาสได้เดินทางไกล ไปโตเกียวด้วยเรื่องงาน เล่าไว้ใน
https://phyblas.hinaboshi.com/20240927แล้วช่วงนั้นครอบครัวก็มาหาที่ฟุกุโอกะด้วย เลยได้เดินในเมืองฟุกุโอกะด้วยกัน แล้วก็ยังได้ไปเที่ยวเมืองคุรุเมะด้วยกัน
https://phyblas.hinaboshi.com/20240929แล้วพอถึงเดือนพฤศจิกายนเพื่อนก็แวะมาหา เลยพาเที่ยวกันยาวสัปดาห์นึง เที่ยวซะทั่วคิวชูตอนเหนือ สนุกมาก เขียนบันทึกไว้ซะยาว สรุปรวมไว้ใน
https://phyblas.hinaboshi.com/20241213สำหรับเรื่องงานก็ถือว่าสนุกดี ได้เขียนโปรแกรมในขณะที่เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ส่วนเรื่องการใช้ชีวิต อยู่ที่นี่เรียกได้ว่าอาหารอร่อยมาก ฟุกุโอกะขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อยอยู่แล้ว โดยเฉพาะราเมง ตั้งแต่มาอยู่นี่กินราเมงบ่อยมาก เพราะเป็นของขึ้นชื่อของฟุกุโอกะ ไปที่ไหนก็จะต้องเจอร้านราเมง เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ของที่นี่
ราเมงของฟุกุโอกะส่วนใหญ่เป็นราเมงใส่ซุปกระดูกหมู เรียกว่าฮากาตะราเมง (
博多ラーメン) ที่นี่พอพูดถีงราเมงจะหมายถึงราเมงประเภทนี้เป็นหลัก แต่ก็ไม่ได้มีแต่ราเมงกระดูกหมูเสมอไป ยังเจอราเมงชนิดอื่นด้วย ซึ่งก็อร่อยเหมือนกัน
แต่ว่าราเมงก็ไม่ได้เจอแต่ร้านอร่อยเสมอไป บ้างก็เจอร้านที่ไม่ถูกใจเหมือนกัน เพราะราเมงที่นี่มีความหลากหลายมาก แต่ละร้านก็รสชาติไม่เหมือนกันเลย โดยเฉพาะที่น้ำซุป ทำให้กินได้ไม่เบื่อ และความชอบก็แล้วแต่คนด้วย เลยมีร้านที่ไม่ชอบด้วย โดยเฉพาะร้านที่ทำเข้มข้นและเค็มเกินไป แต่โดยรวมแล้วก็เจอร้านอร่อยมากกว่า และยังคงตระเวณตามหาร้านต่างๆต่อไปเรื่อยๆ
เราได้รวบรวมร้านราเมงที่ได้เคยไปมาทั้งหมดไว้ด้วย อยู่ในหน้านี้
https://phyblas.hinaboshi.com/fukuoka_raamenว่าแต่กินราเมงเป็นประจำแบบนี้ที่จริงก็เป็นห่วงอยู่ว่าจะอ้วนขึ้นหรือเปล่า เพราะราเมงที่นี่ไขมันเยอะด้วย แต่ปรากฏว่ากลับกัน ที่จริงคือน้ำหนักลดลงไปมากเลยด้วย ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าตั้งแต่มาอยู่นี่ต้องเดินไปทำงานทุกวัน ระยะก็ไม่ใช่ใกล้ๆ ใช้เวลาประมาณ ๒๐-๓๐ นาที บางทีรีบๆก็วิ่งด้วย นอกจากนี้ยังเลิกกินจุกจิก กินแค่อาหาร ๓ มื้อ โดยมื้อเช้าก็กินแค่ผลไม้ ส่วนมื้อเที่ยงก็กินแค่พอประมาณ จะจัดเต็มที่แค่มื้อเย็น
บริษัทที่นี่มีให้ตรวจสุขภาพประจำปีด้วย เพิ่งตรวจไปตอนต้นเดือนธันวาคม ดูแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ ก็โล่งใจ ตอนแรกยังกังวลว่าที่น้ำหนักลดไปมากนี่อาจเพราะเป็นโลกอะไรหรือเปล่า แต่ดูจากความเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตแล้วน้ำหนักลดลงน่าจะสมเหตุสมผลอยู่ น่าจะไม่มีปัญหา
สำหรับสิ่งที่ได้เรียนรู้ใหม่ในปีนี้มีหลายอย่างเลย เพราะทำงานบริษัทแล้วต้องเขียนโปรแกรมหลายอย่าง บางอย่างก็ไม่มีความรู้มาก่อนต้องมาศึกษาใหม่ ทั้งในเวลางานและยังต้องศึกษาเพิ่มนอกเวลาด้วยเวลาส่วนตัวด้วย
ที่ได้เรียนรู้เริ่มจากตอนช่วงเดือนแรกเลยคือ MATLAB เป็นภาษาใหม่ที่ไม่เคยเรียนมาก่อน แต่ก็เรียนจนสามารถใช้งานได้ในไม่ช้า และยังเขียนบทความลงในบล็อก qiita ด้วยหลายบทความ ส่วนบทความในภาษาไทยมีเขียนไว้แค่หน้าเดียว ลงไว้ใน
https://phyblas.hinaboshi.com/20240531นอกจากนี้ยังได้เรียนภาษา typescript ด้วย แต่ว่าอันนี้ก็คล้ายกับ javascript ที่รู้อยู่แล้ว แค่มีเรื่องยุ่งยากต้องทำความเข้าใจเพิ่ม แต่พอเข้าใจแล้วก็นำมาใช้งานได้อีกเยอะทั้งตอนนี้และงานหลังจากนี้ไปอีก
ส่วน python นั้นก็ได้เรียนรู้มอดูลเพิ่มเติมอีกหลายตัวเพราะต้องใช้ในงานด้วย ที่สำคัญก็เช่น streamlit ซึ่งเอาไว้ใช้เขียนเว็บแอปได้ง่ายโดยไม่ต้องใช้ javascript เลย แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีข้อจำกัดมาก โดยหลักแล้วเราก็คิดว่าเขียนเว็บโดยใช้ fastapi+vue.js ยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดอยู่
อีกอย่างที่สำคัญคือการที่ได้เรียนรู้เพิ่มเติมความรู้ด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง ซึ่งถือเป็นงานหลักของเราอยู่แล้ว โดยหลักแล้วใช้เพื่อการวิเคราะห์รูปภาพ นอกจากนี้ก็ยังได้เริ่มฝึกใช้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยสร้างภาพ เช่น stable diffusion มีเขียนบทความลงบล็อกไว้ด้วย
แล้วช่วงนี้ก็เริ่มศึกษาเกี่ยวกับการประมวลภาษาธรรมชาติ (NLP) เพราะต่อไปน่าจะได้ใช้ แต่ก็ยังแค่อยู่ระหว่างทาง ดูจะยังต้องใช้เวลาอีกสักพัก
ระหว่างที่เรียนรู้ก็ยังได้ทำการแปลหน้าที่เกี่ยวข้องลงในวิกิพีเดียไทยด้วย ดังนั้นช่วงนี้จะเห็นว่าวิกิพีเดียภาษาไทยมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่องเพิ่มขึ้นมาก ส่วนใหญ่เราเป็นคนเขียนเอง แต่ก็ยังคงไม่พอ ถ้ามีเวลาก็ยังอยากจะเขียนต่อไป
แต่จริงๆแล้วที่เขียนไปเยอะกว่าคือหน้าที่เกี่ยวกับอาหารญี่ปุ่น เพราะว่าได้กินของแปลกใหม่แล้วพอค้นข้อมูลเจอในวิกิพีเดียก็รู้สึกอยากแปลเป็นไทยเก็บไว้ด้วย
สุดท้ายลองดูในวิกิพีเดียก็พบว่าจนถึงตอนนี้แปลไปแล้วทั้งหมด ๑,๗๕๕ หน้า (เดือนนี้แปลไป ๕๕ หน้า) ในขณะที่ตอนนี้วิกิภาษาไทยมีจำนวนหน้าทั้งหมด ๑.๗ แสน นั่นก็หมายความว่าบทความราวๆ 1% ของวิกิพีเดียไทยเป็นบทความที่เราแปลนั่นเอง
บทความที่เราแปลลงในวิกิพีเดียไทยนั้นโดยหลักแล้วได้สรุปไว้ในหน้าผู้ใช้ของตัวเอง ใครสนใจสามารถเข้าไปดูได้
https://th.wikipedia.org/wiki/ผู้ใช้:Phyblasก็มีประมาณนี้ สำหรับเรื่องเล่าส่งท้ายปี ต่อไปขอเล่าเรื่องวันสุดท้ายของปีสักหน่อย ช่วงกลางวันก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เหมือนวันหยุดทั่วไป แต่ว่าตอนช่วงเย็นมีเรื่องเล่าเล็กน้อย
ที่ญี่ปุ่นช่วงปีใหม่ส่วนใหญ่แล้วร้านจะหยุดกัน แม้แต่ในย่านท่องเที่ยวที่ปกติคนพลุกพล่าน ดังนั้นใครคิดจะเที่ยวช่วงปีใหม่ยังไงก็ทำไม่ได้ โดยเฉพาะช่วงเย็นของวันสิ้นปี เป็นเวลาที่ร้านอะไรต่างๆเปิดน้อยที่สุดแล้ว
ตอนเย็นยังไงเราก็ต้องไปหาอะไรกินมื้อเย็นอยู่แล้ว จึงตัดสินใจไปย่านเทนจิง ซึ่งเป็นย่านใจกลางเมืองที่คนน่าจะพลุกพล่านที่สุด เพราะคิดว่าน่าจะเหลือร้านที่เปิดอยู่บ้าง ต่อให้ส่วนใหญ่จะปิดไปก็ตาม
เราเดินทางมาด้วยรถเมล์ มาลงที่ป้ายด้านหน้าห้าง
ฟุกุโอกะพาร์โก (
福岡パルコ) ซึ่งใกล้ใจกลางย่านเทนจิง เวลาตอนนั้น 17:46 พระอาทิตย์ตกดินไปแล้วแต่ยังพอเห็นแสง
เริ่มจากลงไปด้านล่างตรงส่วนของย่านร้านค้าใต้ดิน
แล้วก็พบว่าเต็มไปด้วยร้านค้าที่ปิดแล้ว มีเปิดอยู่ส่วนน้อยมาก
เดินขึ้นมาทางเหนือเรื่อยๆก็ทะลุเข้าสู่ห้าง
มีนะเทนจิง (ミーナ
天神) แต่พอเข้าไปก็ได้ยินเขาประกาศว่ากำลังจะปิดแล้ว ดูเหมือนว่าวันนี้จะปิด 18:00 ซึ่งเร็วกว่าปกติมาก และวันปีใหม่คือพรุ่งนี้ก็จะปิดทั้งวันด้วย เราเข้ามาได้จังหวะกำลังปิดพอดีเลยได้เห็นบรรยากาศร้านค้าที่เริ่มเก็บข้าวของแล้ว
จากนั้นก็ออกมาดูภายในบริเวณเพื่อหาร้านอาหาร ก็พบว่าหาร้านเปิดได้ยาก แต่ก็ไม่ถึงกับไม่เจอเลย ตรงนี้เจอร้านซูชิจานหมุนเปิดอยู่นิดหน่อย
หัวมุมสี่แยกจุดตัดระหว่างถนนหลักสำคัญ ๒ สายใจกลางเทนจิง
เดินแถวย่าน
ไมซึรุ (
舞鶴) ทางเหนือของเทนจิง ตรงนี้เจอร้านซูชิจานหมุนอีกร้านเปิดอยู่ นอกนั้นปิดหมด
เดินมาทางเหนือเจอ
ป้อมยามไมซึรุ (
舞鶴交番) ใน
สวนสาธารณะนางาฮามะ (
長浜公園)
ร้านราเมง หน้าร้านติดป้ายว่าหยุดตั้งแต่ 31 ธันวาคมจนถึง 3 มกราคมเลย
แถวนี้ก็เงียบ
แล้วก็เจออีกร้านที่เปิดอยู่ คือร้าน
สึกิยะ (すき
家) พอเห็นแล้วก็ย้อนระลึกได้ว่าเมื่อปีที่แล้วตอนอยู่ที่เซนไดก็เจอแค่ร้านนี้เปิดอยู่เหมือนกัน เป็นที่พึ่งพาในเวลาแบบนี้จริงๆ แต่พอคิดว่าปีนี้ก็จะกินร้านเดิมอีกแล้วเหรอ แบบนี้ความทรงจำช่วงปีใหม่ในญี่ปุ่นของเราก็จะมีแต่สึกิยะน่ะสิ เลยตัดสินใจไม่กินร้านนี้ดีกว่า แต่ถ้าเดินต่อไปแล้วหาร้านอื่นไม่เจอจริงๆก็คงจะเดินกลับมากินร้านนี้แหละ
แล้วก็ยังเดินผ่านย่านที่ไม่มีร้านเปิด
ร้านคิตากาตะราเมง (
喜多方ラーメン) ร้านนี้ก็ไม่เปิด
เดินไปตามถนนโชววะ ที่คั่นระหว่างย่านไมซึรุกับย่านไดเมียว
แล้วก็เจอร้านอาหารจีนเปิดอยู่ ชื่อร้าน
ยุเมะเอง (
梦園) ชื่อร้านอักษร 梦 เขียนด้วยอักษรจีนตัวย่อแทนที่จะใช้ตัวเต็ม 夢 แบบที่ใช้ทั่วไปในญี่ปุ่น ถือว่าหายากในญี่ปุ่น
ตัวร้านนี้อยู่ชั้น ๒ แต่ที่จริงชั้นล่างมีร้านราเมงด้วยแต่ปิดอยู่ ดูรอบๆแล้วแถวนี้ก็มีแค่ร้านนี้เปิดอยู่ เราตัดสินใจกินร้านนี้ เพราะเดินหาต่อไปก็คงไม่เจออะไรแล้ว ไม่งั้นก็เดินย้อนไปกินร้านสึกิยะ
หน้าทางเข้าร้านที่ชั้น ๒
บรรยากาศภายใสร้าน ดูแล้วกว้างทีเดียว คนก็โหรงเหรง แต่ก็มีคนอื่นนอกจากเราอยู่
เมนูส่วนหนึ่ง
เราเลือกสั่งราเมงซุปเปรี้ยวเผ็ด (
酸辣湯麺) ราคา ๙๕๐ เยน เป็นราเมงที่ใช้ซุปเปรี้ยวเผ็ดแบบเสฉวน ถือเป็น
อาหารจีนแบบญี่ปุ่นประเภทหนึ่ง ที่จริงแล้วไม่มีในจีนโดยทั่วไป แต่พบได้ตามร้านอาหารจีนในญี่ปุ่น ที่จริงเคยได้ยินชื่อมานานแล้วแต่ก็ยังไม่เคยได้ลองเพราะมีคำว่า 辣 เลยกลัวว่าจะเผ็ด แต่ครั้งนี้เกิดออยากลอง เห็นว่ากำลังขึ้นปีใหม่ อยากลองอะไรใหม่ๆ ก็เลยเพิ่งเคยกินเป็นครั้งแรก ก็พบว่าอร่อยดี และไม่ค่อยเผ็ด
จากนั้นก็เดินย้อนกลับมาตรงหน้าห้างมีนะเทนจิง ดูอาคารห้างแล้วยังเปิดไฟอยู่ แต่ที่จริงปิดไปตั้งแต่หกโมงเย็นแล้ว ที่อยู่ข้างในดูเหมือนจะมีแต่พวกพนักงานที่เก็บกวาดตอนท้าย
แล้วก็มาจึ้นรถเมล์ที่ป้ายเทนจิงคิตะ (
天神北) ที่หน้าห้างนี้เพื่อเดินทางกลับ
หลังจากนั้นก็กลับมาเขียนบันทึกหน้านี้ไป ตอนดึกเปิดดูไลฟ์ของฮานามารุ ฮาเรรุข้ามปี ในที่สุดปีใหม่ก็มาถึง สวัสดีปีใหม่ 2025