ในบทความนี้จะแนะนำให้รู้จักถึงสิ่งที่เรียกว่า "ตำนานกรีก" แบบรวบรัดให้จบภายในหน้าเดียว ไม่ต้องอ่านกันยืดยาวเลย โดยจะพูดถึงตั้งแต่ที่มา และเนื้อเรื่องในส่วนที่สำคัญโดยย่อ
เนื้อหาที่ใช้เรียบเรียง รวมทั้งภาพประกอบนั้นรวมรวมมาจากหนังสือ ๓ เล่มดังนี้
-
一冊でまるごとわかるギリシア神話 (だいわ文庫)
-
マンガ 面白いほどよくわかる! ギリシャ神話-
ギリシア神話 知っておきたい!神様たちの物語 (角川つばさ文庫) และยังมีส่วนหนึ่งอาศัยข้อมูลจากวิกิพีเดียด้วย
ที่มาของตำนานกรีก ตำนานกรีกนั้นเชื่อว่ามีที่มาจากการเล่าสืบต่อกันมานานในกรีกโบราณมาตั้งแต่กว่าพันปีก่อน ค.ศ. แล้ว แต่มีการเขียนบันทึกเรื่องราวเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นครั้งแรกด้วยภาษากรีกในช่วงประมาณ 700 ปีก่อน ค.ศ. โดยบันทึกเก่าแก่ที่สุดคือมหากาพย์ "
เทโอโกนีอา (θεογονία)" ซึ่งเขียนโดยกวีชื่อ
เฮซีโอดส (Ἡσίοδος) ตำนานที่เล่ามาแบบปากต่อปากนั้นอาจคลาดเคลื่อนได้ง่าย จึงมีความแตกต่างเกิดขึ้นบ้างไปตามท้องที่ต่างๆ แต่โดยภาพรวมว่าใครเป็นเทพเจ้าอะไร มีความสัมพันธ์กันอย่างไรนั้นมักจะตรงกันอยู่ เพียงแต่จะต่างไปในรายละเอียดว่าใครทำอะไรอย่างไร
เรื่องราวที่ปรากฏในตำนานกรีกนั้นทั้งหมดบอกเล่าว่าเป็นเรื่องในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งเหล่าเทพเจ้าได้มายุ่งย่ามกับมนุษย์จนเกิดเรื่องวุ่นๆมากมาย
ฉากโลกมนุษย์ในตำนานกรีกนั้นก็ใช้สถานที่ต่างๆในแถวกรีกโบราณและบริเวณรอบๆนั้น ซึ่งมีอยู่จริง และมีโบราณสถานที่เชื่อกันว่าเชื่อมโยงกับตำนานหลงเหลือให้เห็นบางส่วนด้วย

สถานที่ที่เกี่ยวข้องนั้นมีอยู่หลายแห่งมาก แต่ในที่นี้จะกล่าวถึงส่วนหนึ่งที่สำคัญให้พอเห็นภาพโดยกว้างๆ
สถานที่สำคัญที่สุดก็คือภูเขา
โอลึมปส (Ὄλυμπος) ซึ่งเป็นภูเขาสูงทางตอนเหนือของกรีซ ที่นี่เชื่อว่าเป็นที่อยู่หลักของเหล่าเทพเจ้ากรีก ซึ่งนำโดย
เซอุส (Ζεύς) นอกจากนี้ก็มีเมืองต่างๆ เช่น
อาแทไน (Ἀθῆναι) เมืองโบราณที่เป็นเมืองหลวงของกรีซมาตั้งแต่อดีตจนถึงสมัยใหม่ ปัจจุบันรู้จักกันดีในชื่อว่า "กรุงเอเธนส์"
แล้วก็เช่นเกาะใหญ่ตอนใต้สุดชื่อ
เกาะแกรแต (Κρήτη) หรือปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ "เกราะครีต" ก็เป็นสถานที่ที่มีความผูกพันกับเทพเจ้า และในตำนานได้เล่าไว้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นมากมาย เช่นเป็นสถานที่เกิดของเทพเจ้าเซอุสด้วย
หรืออย่างกรุง
โตรยอา (Τροία) หรือที่ปัจจุบันนิยมเรียกว่า "เมืองทรอย" เป็นฉากของสงครามกรุงโตรยอาที่ถือเป็นมหากาพย์ช่วงท้ายของตำนานกรีกที่สำคัญ สถานที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นประเทศตุรกีในปัจจุบัน
เรื่องราวในตำนานกรีกนั้นเกิดมาจากการประกอบกันหลายๆส่วน มีผู้แต่งมากมายหลายคนตั้งแต่ยุคโบราณมา เนื้อหาก็มีส่วนเกี่ยวข้องกันเชื่อมโยงกัน หรือบางทีก็ขัดแย้งกันไปบ้าง จึงยากที่จะสรุปออกมาเป็นเนื้อเรื่องเดียวได้ง่ายๆ
สำหรับสรุปที่จะเขียนต่อไปนี้จะยกมาแค่ส่วนหลักๆที่เป็นแกนสำคัญ เนื้อเรื่องที่โดดเด่นเป็นที่รู้จักกันดี รวมทั้งเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มดาวต่างๆ
พล็อตเรื่องซ้ำซาก เมื่ออ่านตำนานกรีกแล้ว เรามักจะเจอแนวโน้มพล็อตที่ซ้ำไปมาหลายครั้ง จึงขอยกมาพูดถึงไว้ตรงนี้สักหน่อย ให้เตรียมใจกันเอาไว้ก่อน
- เทพเจ้ามีอิทธิฤทธิ์ล้นฟ้า ทำเรื่องเหนือจินตนาการ แต่มีกิเลส และเอาแต่ใจ
- เทพเจ้าเดี๋ยวก็เป็นตัวดีบ้าง ตัวร้ายบ้าง บางครั้งก็แบ่งฝ่ายตีกันเอง
- เทพเจ้าแปลงร่างเป็นใครหรืออะไรก็ได้ แต่มักจะเปิดเผยตัวหลังจากเกิดเรื่องวุ่นแล้ว
- ความสัมพันธ์ระหว่างเทพเจ้าที่เป็นอมตะกับมนุษย์ที่มีอายุขัย
- การแต่งงานระหว่างพี่น้องแท้หรือพ่อแม่ลูก
- วีรบุรุษมักเป็นลูกครึ่งระหว่างเทพเจ้ากับมนุษย์
- มีคำทำนายว่าลูกจะฆ่าหรือสร้างหายนะให้พ่อ เลยพยายามกำจัดลูก แต่ดันรอด แล้วกลับมาทำตามคำทำนาย
- มนุษย์ที่ทำให้เทพเจ้าโกรธ มักจบไม่สวย
- เซอุสมีแฮราเป็นภรรยาหลวง แต่มักนอกใจไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่นๆจนมีลูกมากมาย
- แล้วแฮราก็จับได้แล้วโกรธเลยตามไปทำร้ายลูกภรรยาน้อยแต่ละคน
- มักมีส่วนที่ดูแล้วไม่สมเหตุสมผลหรือขัดแย้งในตัว อย่าไปคิดมาก
เนื้อเรื่องส่วนใหญ่จะพบว่าพวกเทพเจ้านั้นมีพลังอำนาจเหลือหลาย และยังดูเอาแต่ใจ อยากทำอะไรก็ทำได้ ทั้งแปลงร่างหรือสาปคนเป็นโน่นนี่ สร้างความเดือดร้อนให้มนุษย์เสมอมา แต่บางเรื่องที่เหมือนจะง่ายก็กลับทำไม่ได้ ทำให้รู้สึกขัดใจได้ สิ่งต่างๆนี้ก็ได้แสดงให้เห็นถึงแนวคิดของคนสมัยกรีกโบราณที่มีต่อสิ่งเหนือธรรมชาติ
แล้วอย่างเรื่องที่พี่น้องหรือพ่อแม่ลูกสายเลือดเดียวกันมาแต่งงานกันเองเนี่ย คนสมัยนี้คงจะมองว่าเป็นเรื่องไม่ดี แต่สิ่งเหล่านี้ปรากฏเป็นปกติในตำนานกรีก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงค่านิยมของคนสมัยกรีกโบราณซึ่งต่างไปจากปัจจุบัน
จุดกำเนิดของโลกนี้ ก่อนอื่นมาเริ่มกันตั้งแต่แรกสุดเลย นั่นคือตั้งแต่โลกนี้ถือกำเนิดขึ้นมา ตามตำนานกรีกแล้ว โลกนี้เริ่มแรกมีแต่ความสับสนวุ่นวาย เรียกว่า
คาอส (Χάος)ต่อมาได้กำเนิดเทพ
ไกอา (Γαῖα) เป็นเทพหญิงองค์แรก ตัวแทนแห่งพื้นพิภพ แล้วไกอาก็ได้ให้กำเนิดลูกชายคือเทพ
อูรานส (Οὐρανός) ซึ่งได้กลายเป็นผู้ปกครองท้องฟ้า
แล้วไกอาก็กลับได้ครองคู่กับอูรานส แล้วก็ได้คลอดลูกออกมามากมาย ซึ่งลูกพวกนั้นเรียกว่าเทพ
ตีตาน (Τιτάν) ซึ่งจะมีบทบาทในยุคถัดไป
นอกจากนั้นแล้วในยุคเริ่มต้นมีเทพเจ้าอีกหลายองค์ ซึ่งมีบทบาทน้อยกว่าแต่ก็ปรากฏในตำนานอยู่ด้วย เลยขอยกมาไว้แค่ชื่อส่วนหนึ่ง ดังนี้
- ตาร์ตารส (Τάρταρος) เทพเจ้าแห่งขุมนรก
- เอรอส (Ἔρως) เทพเจ้าแห่งความรัก
- ปนตส (Πόντος) เทพเจ้าแห่งทะเล
- เอเรบส (Ἔρεβος) เทพเจ้าแห่งความมืดใต้พิภพ
- นึกส์ (Νύξ) เทพธิดาแห่งกลางคืน ภรรยาของเอเรบส
- ไอแทร์ (Αἰθήρ) เทพเจ้าแห่งท้องฟ้า ลูกชายของเอเรบสและนึกส์
- แฮเมรา (Ἡμέρα) เทพธิดาแห่งกลางวัน ลูกสาวของเอเรบสและนึกส์ น้องสาวของไอแทร์
- ฯลฯ
อูรานสปกครองฟ้า ไกอาปกครองพื้นดิน ทั้งคู่ถือเป็นเทพปกครองในยุคแรกสุด แต่แล้วไม่นานก็มาถึงจุดเปลี่ยน ต้นเหตุมาจากการยึดอำนาจโดยลูกของอูรานสนั่นเอง
ยุคของโกรนสและเหล่าตีตาน อูรานสกับไกอาได้มีลูกที่เรียกว่าเทพ
ตีตาน (Τιτάν) ๑๒ คน ได้แก่
- โกรนส (Κρόνος) ผู้ยึดอานาจจากอูรานสและได้เป็นเจ้าครองในยุคต่อมา พ่อของเซอุส
- เรอา (Ῥέα) ต่อมาเป็นภรรยาของโกรนส แม่ของเซอุส
- ออเกอานส (Ωκεανός) เทพแห่งท้องทะเล
- โกยอส (Κοῖος)
- ฮือเปรีออน (Ὑπερίων)
- เกรอส (Κρεῖος)
- อีอาเปตส (Ἰάπετος) พ่อของโปรแมเทอุส
- แทตึส (Τηθύς)
- เทมิส (Θέμις) เทพธิดาแห่งความยุติธรรม ตอนหลังเป็นภรรยาของเซอุส
- มแนโมซือแน (Μνημοσύνη) เทพธิดาแห่งความทรงจำ ตอนหลังเป็นภรรยาอีกคนของเซอุส
- โพยแบ (Φοίβη)
- เทอา (Θεία)
ที่มาของการเปลี่ยนถ่ายอำนาจนั้นเกิดขึ้นจากการที่หลังจากตีตาน ๑๒ คนเกิดมาแล้วไกอาได้คลอดลูกออกมาอีกแต่คราวนี้กลับเป็นอสูรกาย เช่น
กือกลอปส์ (Κύκλωψ) ที่เป็นปีศาจยักษ์ตาเดียว และ
เฮกาตงเคร์ (Ἑκατόγχειρ) ซึ่งเป็นยักษ์ที่มี ๕๐ หัว ๑๐๐ มือ
พอได้ลูกเป็นตัวประหลาดแบบนี้แล้วก็เลยทำให้อูรานสไม่ยอมรับเป็นลูก เลยจับไปขัง แต่ไกอาไม่พอใจที่อูรานสทำแบบนี้ จึงได้ร่วมมือกับ
โกรนสให้จัดการอูรานสซะ
แล้วโกรนสก็ล้มอูรานสแล้วก็ได้เป็นเจ้าครองแทนต่อมา แต่ก็ไม่ได้รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับไกอาว่าจะช่วยปล่อยพวกน้องๆออกจากการถูกขัง ก็เลยทำให้ไกอาไม่พอใจ จึงอยู่ได้ไม่นานก็ถึงจุดเปลี่ยนอีก
การต่อสู้ระหว่างเซอุสและโกรนส โกรนสได้มีลูกร่วมกันเรอาทั้งหมด ๖ คน ได้แก่
- เซอุส (Ζεύς) ลูกคนเล็กสุด ต่อมาได้เป็นเทพเจ้าสูงสุด
- โปเซดอน (Ποσειδῶν) พี่ชายของเซอุส ได้เป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
- ฮาแดส (ᾍδης) พี่ชายของเซอุส ได้เป็นเทพเจ้าแห่งขุมนรก ต่อมายังได้เป็นลูกเขยของเซอุสด้วย
- แฮรา (Ἥρα) พี่สาวของเซอุส เทพธิดาแห่งสตรีและการสมรส ต่อมาได้เป็นภรรยาหลวงของเซอุสด้วย
- แดแมแตร์ (Δημήτηρ) พี่สาวของเซอุส เทพธิดาแห่งความอุดมสมบูรณ์ ต่อมาได้เป็นภรรยาอีกคนของเซอุสด้วย
- เฮสตีอา (Εστία) พี่สาวของเซอุส เทพธิดาแห่งเตาอิฐและพรหมจรรย์ ไม่ได้แต่งงานกับใคร
แต่เนื่องจากโกรนสได้รับคำทำนายว่าลูกของตัวเองนั้นจะมาล้มบรรลังก์ของตัวเองเข้าสักวัน ก็เลยทำให้พอเรอาคลอดลูกออกมาโกรนสก็เอาลูกมากลืนลงท้องไปซะหมด
จนมาถึงคนที่ ๖ คือเซอุส เรอาแอบไปคลอดที่เกาะ
แกรตา แล้วฝากให้เหล่าเทพธิดา
นึมแพ (Νύμφη, หรือ
นิมฟ์) ที่เกาะนั้นเลี้ยงดู ไกอาเองก็ได้ให้ความร่วมมือด้วย เซอุสจึงรอดมาได้และโตขึ้นมาในโลกภายนอก ต่างจากพี่ๆที่ต้องอยู่แต่ในท้องของโกรนส
หลังจากนั้นเซอุสได้หลอกให้โกรนสกินยาให้คายพวกพี่ๆทั้ง ๕ คนออกมาซะ แล้วพี่น้องทั้ง ๖ ก็ได้มาร่วมมือกันต่อสู้กับโกรนสเพื่อชิงอำนาจ
สงครามระหว่างพวกเซอุสกับโกรนสนี้มีชื่อเรียกว่า
ตีตาโนมาคีอา (Τιτανομαχία) ซึ่งเป็นสงครามใหญ่และกินเวลายาวนาน ช่วงแรกๆก็ไม่เห็นผล จนกระทั่งไกอาได้แนะนำให้เซอุสไปช่วยพวกอสูรที่ถูกอูรานสขังไว้ (ซึ่งโกรนสก็เคยถูกขอให้ช่วยแต่ก็ไม่ยอมช่วยออกมาตามสัญญา)
พอได้กำลังเสริมจากพวกอสูรมาแล้วในที่สุดพวกเซอุสก็แข็งแกร่งสุดๆ แล้วเอาชนะโกรนสได้ ยึดอำนาจมาได้สำเร็จ แล้วเซอุสก็ได้เป็นผู้ปกครองสูงสุดแทน แล้วให้โปเซดอนไปปกครองท้องทะเล ฮาเดสได้ไปปกครองขุมนรก
ยุคของเซอุสและเทพแห่งโอลึมปสหลังจากที่เซอุสได้ครองอำนาจแล้ว ก็ใช้ชีวิตสำราญ โดยได้เอาพวกเทพต่างๆมาเป็นภรรยา ซึ่งก็รวมถึงพี่สาวตัวเองอย่าง
แฮราและ
เดเมเตร์ และอาของตัวเองอย่าง
เทมิสกับ
มแนโมซือแนด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีอะไรกับเทพธิดาอีกหลายคน ที่สำคัญได้แก่
แมติส (Μῆτις) แลตอ (Λητώ) ไมอา (Μαῖα) ดีออแน (Διώνη) เป็นต้น และยังมีสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วย
แล้วระหว่างเซอุสกับเทพธิดาแต่ละคนก็ได้เกิดลูกขึ้นมาอีกมากมาย ที่สำคัญได้แก่
- อาแทนา (Ἀθηνᾶ) ลูกของเซอุสกับแมติส เป็นเทพธิดาแห่งปัญญาและการรบ
- อาปลลอน (Ἀπόλλων) ลูกของเซอุสกับแลตอ เป็นเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์
- อาโพรดีแต (Ἀφροδίτη) ลูกของเซอุสกับดีออแน เป็นเทพธิดาแห่งความงาม
- อาแรส (Ἄρης) ลูกของเซอุสกับแฮรา เป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม
- อาร์เตมิส (Ἄρτεμις) ลูกของเซอุสกับแลตอ พี่สาวฝาแฝดของอาปลลอน เป็นเทพธิดาแห่งการล่าสัตว์
- แฮไพส์ตส (Ἥφαιστος) ลูกของแฮรา เป็นเทพเจ้าแห่งช่างฝีมือ
- เฮร์แมส (Ἑρμῆς) ลูกของเซอุสกับไมอา เป็นเทพเจ้าแห่งการค้าและการเดินทาง
ซึ่งทั้ง ๗ คนนี้ พร้อมกับเซอุสและพี่น้องอีก ๔ คนคือ
โปเซดอน แฮรา แดแมแตร์ เฮสตีอา (ยกเว้น
ฮาแดส เท่านั้นที่ไม่นับรวม) รวมกันเรียกว่า
ดอเดกาเทอน (Δωδεκάθεον) หรือเรียกว่าเป็น ๑๒ เทพแห่งโอลึมปส
เพียงแต่ว่าสำหรับ
อาโพรดีแตนั้น บางตำนานก็บอกว่าไม่ได้เป็นลูกของเซอุส แต่ว่าเกิดขึ้นมาจาก
อูรานส และบางตำนานก็บอกว่าเทพแห่งความรัก
เอรอส นั้นเป็นลูกของอาโพรดีแต ในขณะที่บางส่วนก็บอกว่าเป็นเทพในยุคแรกที่เกิดมาถัดๆจากไกอา ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น
พวกเทพส่วนใหญ่จะหน้าตาดีๆกัน ยกเว้นอยู่คนนึงคือ
แฮไพส์ตส ซึ่งหน้าตาอัปลักษณ์แถมยังขาพิการด้วย แต่เก่งการช่างฝีมือ สร้างของต่างๆได้สารพัด บางตำนานก็บอกว่าแฮไพส์ตสนั้นเป็นลูกของแฮราคนเดียว ไม่ใช่ลูกของเซอุส
แม้จะเป็นอย่างนั้นแต่แฮไพส์ตสก็ได้แต่งงานกับ
อาโพรดีแตซึ่งเป็นสาวสวย แต่ว่าทั้งคู่ไม่ค่อยถูกกันสักเท่าไหร่ อาโพรดีแตเลยไปมีสัมพันธ์กับ
อาแรส จนมีลูกด้วยกัน
นอกจากนี้แล้วเทพ
ดีโอนือซส (Διόνυσος) เทพแห่งการทำไวน์ ซึ่งเป็นลูกของเซอุสกับมนุษย์ชื่อ
เซเมแล (Σεμέλη) นั้นบางทีก็ถูกนับรวมอยู่ในกลุ่มเทพแห่งโอลึมปสด้วย

เซอุสกับแดแมแตร์มีลูกด้วยกันคนนึงคือ
เปร์เซโพแน (Περσεφόνη) ซึ่งได้แต่งงานกับฮาแดส จึงได้เป็นราชินีแห่งขุมนรกไป
ส่วน
แทมิสซึ่งเป็นอาของเซอุสนั้นก็ได้ให้กำเนิดลูกให้เซอุสมากมาย โดย ๓ คนแรกนั้นถูกเรียกรวมว่า
ฮอรา (Ὥρα) เป็นเทพธิดาแห่งกาลเวลา
- เอวโนมีอา (Εὐνομία)
- ดีแก (Δίκη)
- เอแรแน (Εἰρήνη)
นอกจากนี้แทมิสยังได้ให้กำเนิดลูกสาวอีก ๓ คน ซึ่งเรียกรวมว่า
โมยรา (Μοῖρα) เป็นเทพแห่งโชคชะตา
- กลอทอ (Κλωθώ)
- ลาเคซิส (Λάχεσις)
- อาโตรปส (Ἄτροπος)
เซอุสยังได้มีสัมพันธ์กับอาอีกคนคือ
มแนโมซือแน แล้วได้ให้กำเนิดลูกสาว ๙ คน ซึ่งเล่นดนตรีเก่ง เรียกรวมว่า
มูซา (Μοῦσα)
- กัลลีโอแป (Καλλιόπη)
- เกลออ (Κλειώ)
- เอวเตร์แป (Εὐτέρπη)
- ทาเลอา (Θάλεια)
- เมลโปเมแน (Μελπομένη)
- เตร์ปซีโครา (Τερψιχόρα)
- เอราตอ (Ἐρατώ)
- โปลึมนีอา (Πολυμνία)
- อูรานีอา (Οὐρανία)
นอกจากนี้ก็มีเทพอีกมากมายไม่อาจกล่าวถึงได้ทั้งหมด ในที่นี้ยกมาพูดถึงแค่ส่วนหนึ่งให้เห็นว่ามีเทพต่างๆมากมายซึ่งมีความสัมพันธ์ซับซ้อนวุ่นวายนักหนา
กำเนิดมนุษย์และเรื่องของกล่องปันดอรา ตามตำนานกรีกนั้นว่าไว้ว่าผู้ที่ให้กำเนิดมนุษย์ขึ้นมาในแรกเริ่มนั้นคือเทพเจ้า
โปรแมเทอุส (Προμηθεύς) ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเซอุส (ลูกของ
อีอาเปตส ลุงของเซอุส)
โปรแมเทอุสได้รับคำสั่งจากเซอุสให้ไปทำการสร้างมนุษย์ขึ้นมา มนุษย์จึงได้ถือกำเนิดขึ้นบนโลกมนุษย์
จากนั้นโปรแมเทอุสยังเป็นคนแอบเอาไฟไปให้มนุษย์โดยไม่บอกเซอุสด้วย จึงทำให้มนุษย์มีไฟใช้ได้ แต่ก็ทำให้เซอุสโกรธ จึงลงโทษจับขังทรมานโปรแมเทอุส
นอกจากนี้แล้วเซอุสยังได้สั่งให้
แฮไพส์ตสช่วยทำการสร้างมนุษย์ผู้หญิงคนแรกคือ
ปันดอรา (Πανδώρα) ส่งลงไปยังโลกมนุษย์ ไปหา
เอปีแมเทอุส (Ἐπιμηθεύς) น้องชายของโปรแมเทอุสซึ่งอาศัยอยู่ที่โลกมนุษย์ พอเจอปันดอราแล้วเอปีแมเทอุสก็หลงรักและแต่งงานกับเธอทันที โดยไม่ฟังคำเตือนของโปรแมเทอุสว่าอย่าได้รับสิ่งใดๆจากเซอุส
แล้วเรื่องวุ่นก็เกิดขึ้นจริงๆ เพราะปันดอรานั้นได้มาพร้อมกับกล่องลึกลับใบหนึ่งซึ่งได้รับมอบมาจากเซอุส โดยตั้งแต่แรกนั้นได้ถูกสั่งไว้ว่ายังไงก็ห้ามเปิดกล่องนี้ออกเด็ดขาด แต่แล้วปันดอราก็แพ้ต่อความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง เปิดกล่องออกมาจนได้
ภายในกล่องนั้นบรรจุภัยพิบัติต่างๆ เมื่อเปิดออกสิ่งเหล่านี้จึงกระจายไปทั่วโลกมนุษย์ ทำให้มนุษย์ต้องเจอกับเรื่องทุกข์ทน แต่อย่างไรก็ตาม ในกล่องนั้นก็ยังใส่สิ่งที่เรียกว่า "ความหวัง" ไว้ด้วย ทำให้มนุษย์ยังหลงเหลือความหวังอยู่ได้เสมอแม้ว่าจะเจอความลำบากแค่ไหน
สงครามระหว่างเซอุสกับไกอา ไกอานั้นเดิมทีได้เคยช่วยโกรนสล้มอูรานส แล้วก็ได้ช่วยเซอุสล้มโกรนสต่ออีก แต่อยู่มาวันหนึ่งไกอาก็เกิดผิดใจกับเซอุสขึ้นมา เนื่องจากไกอาอยากให้ปลดปล่อยพวกตีตานที่ถูกขังไว้ แต่เซอุสไม่ยอม คราวนี้เลยทำให้ไกอาลุกฮือขึ้นต่อต้านเซอุสขึ้นมาอีก
ในศึกครั้งนี้เหล่าเทพแห่งโอลึมปสได้เข้าร่วมกับเซอุสกันถ้วนหน้า นอกจากนี้ยังมีวีรบุรุษคนสำคัญคือ
แฮราแกลส (Ηρακλής) เป็นกำลังสำคัญ
แฮราแกลสนั้นเป็นลูกของเซอุสกับมนุษย์ชื่อ
อัลก์แมแน (Ἀλκμήνη) ลูกสาวของกษัตริย์แห่ง
มือแกไน (Μυκῆναι) เขาเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้สร้างตำนานยิ่งใหญ่ไว้มาก และหนึ่งในบทบาทสำคัญของเขาก็คือการร่วมสู้กับเซอุสในศึกนี้นั่นเอง
ฝ่ายไกอาได้ปล่อยอสูรยักษ์
ตือพอน (Τυφών) ซึ่งเป็นไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดและเป็นเจ้าแห่งอสูรทั้งปวง ซึ่งก็ทำให้พวกเซอุสลำบาก แต่สุดท้ายก็เอาชนะมาได้
หลังจากนั้นแล้วก็ไม่มีใครจะมาขวางเซอุสในการเป็นเทพเจ้าสูงสุดอีกต่อไป
วีรบุรุษเปร์เซอุสผู้ปราบเมดูซา ตำนานกรีกนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวของวีรบุรุษมากมายซึ่งมักจะมีเชื้อสายของเทพเจ้าอยู่ นอกจาก
แฮราแกลสแล้วก็ยังมีวีรบุรุษอีกคนที่มีชื่อเสียงมากและเป็นลูกของเซอุสเช่นกัน นั่นคือ
เปร์เซอุส (Περσεύς)กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีหญิงสาวคนหนึ่งชื่อ
ดานาแอ (Δανάη) เป็นเจ้าหญิงแห่งเมือง
อาร์กส (Άργος) แต่ถูกจับขังอยู่เนื่องจากพ่อของเธอคือกษัตริย์
อากรีซีอส (Ἀκρίσιος) นั้นได้ยินคำทำนายที่ว่า "หากลูกสาวตัวเองคลอดลูกออกมา เด็กคนนั้นจะกลับมาฆ่าตัวเขาเอง" เลยไม่ยอมให้ดานาแอไปยุ่งกับชายที่ไหน
แต่ปรากฏว่าเซอุสได้แปลงร่างเป็นฝนทองคำแล้วบุกเข้าไปหาดานาแอ ทำดานาแอท้อง ในที่สุดจึงได้ให้กำเนิดเปร์เซอุสขึ้นมา
กษัตริย์
อากรีซีอสกลัวคำทำนายนั้นจะเป็นจริงขึ้นมาเลยจับเจ้าหญิง
ดานาแอพร้อม
เปร์เซอุสที่ยังเป็นทารกยัดใส่กล่องให้ลอยไปในทะเล แต่ปรากฏว่าทั้งคู่รอดตายมาได้
เมื่อโตขึ้นมาเปร์เซอุสก็ได้กลายเป็นหนุ่มที่แข็งแกร่ง และได้เดินทางไปปราบ
กอร์กอน (Γοργών) ปีศาจสาวหัวงูที่ทำให้คนที่มองหน้ากลายเป็นหินได้
กอร์กอนนั้นเป็นพี่น้อง ๓ คนชื่อ
สเทนนอ (Σθεννώ),
เอวรืออาแล (Εὐρυάλη) และ
เมดูซา (Μέδουσα) โดยคนพี่ ๒ คนนั้นเป็นอมตะ จะยังไงก็ปราบไม่ได้ เปร์เซอุสจึงไปจัดการน้องสาวคนเล็กคือ
เมดูซาเปร์เซอุสได้รับความช่วยเหลือจากเทพ
เฮร์เมส โดยเขาได้รับรองเท้าวิเศษที่ทำให้บินได้ และผ้าคลุมล่องหน พร้อมกับโล่ที่เป็นเงาเหมือนกระจก ทำให้เขาล้มเมดูซาได้ แล้วเลือดที่ออกจากเมดูซาก็ได้ให้กำเนิด
แปกาซส (Πήγασος) ม้ามีปีกบินได้ ซึ่งสามารถนำมาใช้ขี่บิน
ระหว่างกำลังเดินทางกลับพร้อมกับหัวของเมดูซาที่ตัดมาได้ เปร์เซอุสได้เดินทางผ่านแถว
ไอทีโอปีอา (Αἰθιοπία) (ประเทศเอธิโอเปียในปัจจุบัน) เจอเจ้าหญิง
อันโดรเมดา (Ἀνδρομέδα) ถูกจับเป็นเหยื่อสังเวยให้สัตว์อสูรทะเลของเทพ
โปเซดอน เปร์เซอุสเลยเข้าไปสู้เพื่อช่วยอันโดรเมดาออกมา แล้วหลังจากนั้นก็ได้แต่งงานกับเธอในที่สุด
เรื่องราวของเปร์เซอุสดูจะจบลงอย่างมีความสุขดี แต่ทว่าว่ากันว่าหลังจากนั้นเปร์เซอุสยังได้เผลอฆ่าอากรีซีอส (ผู้เป็นตาของตัวเอง) ซึ่งเป็นไปตามคำนายข้างต้นในที่สุดด้วย
เรื่องราวของกลุ่มดาวต่างๆ ตำนานกรีกนั้นเป็นที่รู้จักกันอย่างดีว่าเป็นที่มาของกลุ่มดาวมากมาย อย่างวีรบุรุษ
เปร์เซอุส ม้าบิน
แปกาซส เจ้าหญิง
อันโดรเมดา ที่ปรากฏในเรื่องของเปร์เซอุส รวมถึง
เกเพอุส (Κηφεύς) ราชาแห่ง
ไอทีโอปีอา พ่อของอันโดรเมดา กับราชินี
กัสซีโอเปอา (Κασσιόπεια) แม่ของอันโดรเมดา ก็ได้กลายเป็นกลุ่มดาวเช่นกัน
นอกจากนี้แล้วยังมีตำนานดาวที่มีชื่อเสียงอีกหลายเรื่อง เช่นเรื่องของ
ออรีออน (Ὠρίων) ซึ่งเป็นลูกของเทพโปเซดอน และเป็นนายพรานผู้ล่าสัตว์เก่งมาก แม้แต่
อาร์เตมิส เทพธิดาแห่งการล่าสัตว์ก็หลงรักเขา
แต่ออรีออนนั้นซ่ามากเกินไป ทำให้เทพอาปลลอนโกรธ เลยต้องพบจุดจบอย่างน่าอนาถ ซึ่งการตายของออรีออนนั้นมีอยู่หลายตำนานกล่าวต่างกันไป เช่นบ้างก็ว่าอาปลลอนได้หลอกให้อาร์เตมิสยิงฆ่าออรีออนซะเอง หรือบ้างก็ว่าอาปลลอนได้ส่ง
แมงป่องยักษ์ไปต่อยออรีออนตาย
ซึ่งออริออนและแมงป่องยักษ์นี้ก็ได้กลายมาเป็น
กลุ่มดาวนายพรานและ
กลุ่มดาวแมงป่อง อยู่ในฟ้าคนละซีกไม่ขึ้นมาให้เห็นพร้อมกัน
ส่วนเรื่องของกลุ่มดาวหมีใหญ่กับกลุ่มดาวหมีเล็กนั้น มาจากเรื่องราวของเทพธิดาชื่อ
กัลลิสตอ (Καλλιστώ) ซึ่งเป็นผู้ติดตามของ
อาร์เตมิส แต่ว่า
เซอุสดันไปหลงเธอเข้า เลยแอบไปมีอะไรกันจนได้ลูกชายขึ้นมาคนหนึ่งชื่อ
อาร์กัส (Ἀρκάς) ทำให้
แฮรา ซึ่งเป็นภรรยาหลวงของเซอุสโกรธไม่พอใจ แล้วสาปกัลลิสตอเป็นหมีแล้วปล่อยให้อยู่ในป่า
แล้วลูกชายของเซอุสกับกัลลิสตอนั้นก็ได้โตขึ้นมาเป็นเด็กหนุ่มแล้วออกไปล่าสัตว์ในป่า แล้วบังเอิญเจอกัลลิสตอที่กลายเป็นหมี แต่ก็ไม่รู้ว่านี่เป็นแม่ เลยต่อสู้กัน แล้วพอดีเซอุสมาเห็นเหตุการณ์เข้าและไม่ต้องการให้ลูกฆ่าแม่เลยจับทั้ง ๒ คนโยนขึ้นฟ้า แล้วกัลลิสโตก็กลายเป็น
กลุ่มดาวหมีใหญ่ ส่วนอาร์กัสก็ได้กลายเป็น
กลุ่มดาวหมีเล็กไป
ส่วน
กลุ่มดาวคนคู่มาจากเรื่องของ ๒ พี่น้องฝาแฝดที่เกิดขึ้นมาจาก
แลดา (Λήδα) ราชินีแห่ง
สปาร์ตา (Σπάρτα) แต่ว่าเกิดจากคนละพ่อ โดยคนพี่คือ
กัสตอร์ (Κάστωρ) นั้นเป็นลูกแท้ๆของกษัตริย์
ตึนดาเรออส (Τυνδάρεως) ส่วนคนน้องคือ
โปลือเดวแกส (Πολυδεύκης) นั้นเป็นลูกของ
เซอุสทั้งคู่เป็นพี่น้องที่รักกันดีมาก แต่ว่าวันหนึ่ง
กัสตอร์ก็เสียชีวิตลงกะทันหัน ในขณะที่โ
ปลือเดวแกสนั้นเป็นครึ่งเทพจึงไม่ตายง่ายๆ แต่ก็ไม่อยากให้ความตายมาพรากทั้งคู่ไปจากกัน เซอุสก็เลยให้ทั้งคู่ไปอยู่ด้วยกันเป็น
กลุ่มดาวคนคู่มีนอสและอสูรมีนอเตารสแห่งเขาวงกตบนเกาะแกรแต พวกลูกๆของ
เซอุสนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเทพที่มีบทบาทสำคัญหรือเป็นวีรบุรุษซะมาก แต่ก็มีที่รับบทร้ายในตำนานกรีกเหมือนกัน
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีกษัตริย์ผู้หนึ่งปกครองเกาะ
แกรแต (Κρήτη) ชื่อ
มีนอส (Μίνως) เขาเป็นลูกที่เกิดระหว่าง
เซอุสกับเจ้าหญิง
เอวรอแป (Εὐρώπη) ซึ่งเป็นมนุษย์
แต่มีนอสได้มีปัญหาขัดแย้งกับเทพ
โปเซดอน ทำให้โปเซดอนโกรธ สาปให้ภรรยาของมีนอสคือราชินี
ปาซีพาแอ (Πασιφάη) ไปหลงรักวัวตัวผู้เข้า แล้วมีอะไรกันจนเกิดมีลูกขึ้นมา แล้วลูกที่ออกมานั้นก็เป็นปีศาจครึ่งคนครึ่งวัว ชื่อว่า
มีนอเตารส (Μινώταυρος)มีนอสได้สั่งให้เอามีนอเตารสไปขังไว้ในเขาวงกตไต้ดินที่สร้างขึ้นมาโดย
ไดดาลส (Δαίδαλος) ผู้เป็นนักประดิษฐ์ที่เก่งกาจ เขาวงกตนี้น่ากลัวตรงที่ถ้าหากเข้าไปแล้วจะไม่มีวันออกมาได้เลย
หลังจากนั้นมีนอสได้ทำสัญญากับกษัตริย์แห่ง
อาแทไน (Ἀθῆναι) ว่าให้ช่วยส่งหนุ่มสาวอย่างละ ๗ คนมาจากอาแทไนให้เป็นเหยือสังเวยให้มีนอเตารสทุกๆปี
จนมาวันหนึ่งเจ้าชายแห่งอาแทไนชื่อ
แทเซอุส (Θησεύς) ต้องการจะปราบมีนอเตารสเพื่อช่วยทุกคน จึงอาสาตัวเป็นหนึ่งในเหยื่อสังเวย
เมื่อมาถึงเขาวงกต ก่อนจะเข้าไปข้างใน แทเซอุสได้เจอกับเจ้าหญิง
อารีอัดแน (Ἀριάδνη) ซึ่งเป็นลูกสาวของมีนอส และเธอได้แอบช่วยเขาอย่างลับๆ โดยมอบกลุ่มด้ายให้เขา ใช้เป็นตัวนำทางให้ออกจากเขาวงกตได้
ในที่สุดแทเซอุสก็เข้าไปปราบมีนอเตารุสได้สำเร็จ แล้วก็อาศัยกลุ่มด้ายที่ได้รับมานี้เพื่อออกจากเขาวงกตไปได้ในที่สุด

เรื่องราวเกี่ยวข้องกับกษัตริย์มีนอสยังมีต่ออีกเล็กน้อย คือหลังจากที่มีนอสรู้ว่าแทเซอุสได้เข้าไปฆ่ามีนอเตารสแล้วออกมาได้อย่างปลอดภัยเขาก็โกรธแล้วพาลใส่
ไดดาลสซึ่งเป็นผู้สร้างเขาวงกตนี้ เขาได้จับไดดาลสพร้อมกับลูกชายเขาชื่อ
อีการส (Ἴκαρος) ขังไว้บนหอคอย
ไดดาลสได้แอบประดิษฐ์ปีกขึ้นเพื่อจะใช้บินหนีไปพร้อมกับอีการส ในที่สุดพวกเขาก็ได้ใช้ปีกนี้บินหนีออกจากหอคอยที่ขังได้สำเร็จ แต่อีการสไม่ยอมฟังคำเตือนของพ่อที่บอกว่าอย่า
บินสูงจนเผลอเข้าใกล้พระอาทิตย์มากเกินไป เลยทำให้ปีกที่ยึดด้วยขี้ผึ้งนั้นโดนความร้อนของพระอาทิตย์เผาจนละลาย แล้วอีการสก็ร่วงตกลงไปจมน้ำตาย
โอยดีปูสแห่งแทไบ เรื่องเล่าวีรบุรุษในตำนานกรีกที่มีขื่อเสียงอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องของราชวงศ์ที่ปกครองเมือง
แทไบ (Θῆβαι) ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดย
กัดมส (Κάδμος) ซึ่งเป็นมนุษย์ที่ได้แต่งงานกับ
ฮาร์โมนีอา (Ἁρμονία) ที่เป็นลูกสาวของเทพเจ้า
อาเรสกับเทพี
อาโพรดีแตหลังจากนั้นลูกหลานของกัดมสซึ่งก็มีเชื้อสายของเทพเจ้าก็ได้ปกครองแทไบมาเรื่อยๆ จนมาถึงรุ่นของกษัตริย์
ลายอส (Λάϊος) ซึ่งมีภรรยาคือ
อีโอกัสแต (Ἰοκάστη) และทั้งคู่ก็ได้มีลูกชายด้วยกัน แต่ก็ได้มีคำทำนายจากเทพอาปลลอนว่าลูกชายคนนี้จะนำหายนะมาให้ ดังนั้นแล้วลายอสจึงสั่งให้คนเลี้ยงแกะเอาเด็กคนนี้ไปทิ้งในป่า แต่เด็กก็ถูกพบโดย
โปลือบส (Πόλυβος) กษัตริย์แห่ง
โกรินทส (Κόρινθος) ซึ่งเป็นเมืองใกล้ๆกับแทไบ
กษัตริย์
โปลือบสและภรรยาเขาคือราชินี
เมโรแป (Μερόπη) นั้นไม่มีลูก จึงได้เก็บเด็กคนนี้มาเลี้ยง ตั้งชื่อให้ว่า
โอยดีปูส (Οἰδίπους) แล้วโอยดีปูสก็เติบโตขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของทั้ง ๒ คน แล้ววันหนึ่งก็ไปได้ยินคำทำนายจากเทพอาปลลอนว่าตัวเขานั้นจะฆ่าพ่อของตัวเองและเอาแม่ตัวเองมาเป็นภรรยา
โอยดีปูสเข้าใจว่าพ่อแม่ที่ว่านี้หมายถึงกษัตริย์
โปลือบสและราชินี
เมโรแป เขาจึงหนีออกจากโครินทสไปเพื่อหนีจากคำทำนายนั้น
แต่ปรากฏว่าเป้าหมายการเดินทางของเขากลับเป็น
แทไบ ซึ่งเป็นบ้านเกิดที่แท้จริงของเขาเอง และเมื่อไปถึงเขาก็สวนทางกับกษัตริย์ลายอส พ่อแท้ๆของเขาเอง แล้วเกิดมีปากเสียงกันขึ้นเลยพลั้งมือฆ่าลายอสไป กลายเป็นว่าเป็นไปตามคำทำนายจนได้
นอกจากนี้แล้วพอดีว่าในช่วงนั้นเมืองแทไบกำลังเจอปัญหาเพราะอสูร
สพิงกส์ (Σφίγξ) ซึ่งมีร่างกายเป็นสิงโตแต่มีหน้าเป็นมนุษย์
สพิงกส์มักจะโผล่มาถามคำถามให้มนุษย์ที่เดินผ่านมาเจอตอบ ถ้าตอบไม่ได้ก็จะจับกิน ชาวบ้านแถวนั้นเดือดร้อนอยู่ เลยตกลงกันว่าถ้าใครกำจัดสพิงกส์ได้จะให้เป็นกษัตริย์องค์ใหม่
ปรากฏว่าโอยดีปูสไปช่วยตอบคำถามของสพิงกส์ได้ ทำให้ปราบได้สำเร็จ แล้วก็ได้กลายมาเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ของแทไบ อีกทั้งยังได้แต่งงานกับราชินี
อีโอกัสแต ซึ่งเป็นแม่แท้ๆของเขาโดยไม่รู้ความจริง แถมยังมีลูกด้วยกันกับอีโอกัสแตด้วย
แต่แล้ววันหนึ่ง
โอยดีปูสก็ได้พบความจริงว่าเขาฆ่าพ่อและแต่งงานกับแม่ของตัวเองตามคำทำนาย ทำให้รู้สึกผิดจนตัดสินใจทำลายตาสองข้างของตัวเอง แล้วออกเดินทางเป็นคนเร่ร่อนไป หายไปจากแทไบ ส่วน
อีโอกัสแตก็ได้ฆ่าตัวตายลง เรื่องจึงจบลงโดยเป็นโศกนาฏกรรม
นิทานอีสปพระราชาหูลา ทาสชาวกรีกคนหนึ่งชื่อ
ไอซอปส (Αἴσωπος) มีชีวิตอยู่จริงในช่วงประมาณ 600 ปีก่อน ค.ศ. เขามีชื่อเสียงในฐานะนักแต่งนิทาน ทุกวันนี้นิทานที่เขาแต่งเป็นที่รู้จักดีในชื่อว่า "นิทานอีสป"
แต่ในบรรดานิทานอีสปทั้งหลายนั้นก็มีบางเรื่องที่ไอซอปสไม่ได้เป็นคนแต่งเอง แต่มีที่มาจากตำนานกรีกซึ่งมีอยู่ก่อนนานแล้วอีกที
ในจำนวนนั้นที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือเรื่อง
พระราชาหูลา เรื่องราวเกิดขึ้นที่เมือง
พรือกีอา (Φρυγία) ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในคาบสมุทรอานาโตเลีย (ปัจจุบันคือประเทศตุรกี)
ราชาแห่งพรือกีอาชื่อว่า
มีดาส (Μίδας) เขาได้พบกับเทพเจ้าแห่งท้องทุ่ง
ปาน (Πάν) ซึ่งเป่าขลุ่ยเก่ง และมีดาสก็ติดใจดนตรีของปานเข้า
แต่แล้ววันหนึ่งปานได้ไปท้าแข่งดนตรีกับเทพ
อาปลลอนซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นเทพที่เล่นพิณเก่งไม่มีใครจะเทียบได้
มีดาสได้เข้าร่วมฟังและเป็นคนตัดสินการแข่งนี้ด้วย แล้วผลปรากฏว่าทุกคนตัดสินให้เทพอาปลลอนเป็นผู้ชนะ ยกเว้นมีดาสคนเดียวที่เข้าข้างปาน ทำให้อาปลลอนโกรธ หาว่าหูของมีดาสคงมีปัญหา เลยลงโทษโดยสาปให้หูของมีดาสกลายเป็นหูลาไป
มีดาสอับอายที่หูตัวเองกลายเป็นแบบนี้ไปจึงพยายามเก็บไว้เป็นความลับ แต่มีช่างตัดผมที่ได้มาตัดผมให้มีดาสรู้ความจริงเข้า
แน่นอนว่าช่างตัดผมถูกสั่งห้ามเปิดเผยความลับนี้โดยเด็ดขาด แต่เขารู้สึกอัดอั้นใจอยากพูด เลยแอบไปตะโกนใส่หลุมว่า "หูของราชาเป็นหูลา" โดยคิดว่าคงไม่มีใครได้ยินอยู่แล้ว
แต่ปรากฏว่าที่หลุมนั้นมีต้นอ้องอกอยู่ ต้นอ้อได้บันทึกเสียงนี้ไว้ แล้วพอต้นอ้อนั้นเติบโตขึ้นก็ปลิวไปตามลมกลายเป็นตัวกระจายความลับนี้ให้ทุกคนได้ยิน ความลับจึงแตกจนได้ในที่สุด
ม้าไม้และสงครามโตรยอา เมื่อพูดถึงตำนานกรีกแล้ว เรื่องที่ขาดไม่ได้ที่จะถูกกล่าวถึงเป็นตัวส่งท้ายสุดก็คือเรื่องของสงคราม
โตรยอา (Τροία) เพราะเป็นสงครามครั้งใหญ่ที่สำคัญในช่วงปลายยุคที่พระเจ้าเข้ามาแทรกแทรงในโลกมนุษย์
เรื่องราวเริ่มต้นจากการที่เทพี
เทติส (Θέτις) ได้แต่งงานกับ
แปเลอุส (Πηλεύς) กษัตริย์แห่งเมือง
พทีอา (Φθία) และได้จัดงานแต่งงานใหญ่โต โดยเชิญเทพต่างๆมามากมาย
แต่ว่าเทพี
เอริส (Ἔρις) ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งการต่อสู้ไม่ได้ถูกเชิญให้ไปร่วมด้วย จึงทำให้เอริสโกรธและตั้งใจจะทำให้งานแต่งงานวุ่นวายโดยได้ส่งแอปเปิลทองคำไป ในนั้นมีเขียนบอกว่าให้มอบให้เทพธิดาที่สวยที่สุด
ปรากฏว่าเทพธิดีแห่งโอลึมปส ๓ คนได้แก่
แฮรา,
อาแทนา และ
อาโพรดีแต ต่างก็คิดว่าตัวเองสวยที่สุด ไม่มีใครยอมใคร
เซอุสเลยให้เด็กหนุ่มชื่อ
ปาริส (Πάρις) ซึ่งเป็นลูกชายของ
ปรีอามส (Πρίαμος) กษัตริย์แห่งเมือง
โตรยอา เป็นคนตัดสิน
แล้วอาโพรดีแตก็บอกปาริสว่าถ้าให้เธอชนะจะช่วยทำให้ปาริสได้หญิงสาวที่สวยที่สุดมาแต่งงานด้วย ปาริสก็เลยเลือกอาโพรดีแต่ในที่สุด
หลังจากนั้นปาริสก็ได้แต่งงานกับสาวงาม
เฮเลแน (Ἑλένη) แต่ปัญหาก็คือเดิมทีเฮเลแนได้แต่งงานอยู่แล้วกับ
เมเนลาอส (Μενέλαος) กษัตริย์แห่ง
สปาร์ตาเรื่องนี้ได้ทำให้เมเนลาอสไม่พอใจและได้ขอความร่วมมือจากเมืองอื่นๆในกรีกให้ช่วยไปตีโตรยอาเพื่อแย่งเอาเฮเลแนกลับคืนมา จึงได้เกิดเป็นสงครามระหว่างกรีกกับโตรยอาขึ้น
ในศึกครั้งนี้ฝ่ายกรีกมีวีรบุรุษคนสำคัญคือ
อาคิลเลอุส (Ἀχιλλεύς) ในขณะที่ฝ่ายโตรยอามี
เฮกตอร์ (Ἕκτωρ) ซึ่งเป็นลูกชายของกษัตริย์ปรีอามส และเป็นพี่ชายของปาริส
การรบได้ยืดเยื้อเป็นสิบปี จนวันหนึ่งอาคิลเลอุสฆ่าเฮกตอร์ได้สำเร็จ แต่เขาก็โดนปาริสยิงธนูเข้าที่ข้อเท้าซึ่งเป็นจุดอ่อนจนตายไปเช่นกัน ทำให้ทั้ง ๒ ฝ่ายต่างเสียกำลังรบที่แกร่งที่สุดไป แต่โตรยอาก็ยังคงตั้งรับได้อย่างเหนียวแน่นไม่ยอมให้ตีแตกง่ายๆ
จนในที่สุด
โอดึสเซอุส (Ὀδυσσεύς) ซึ่งเป็นวีรบุรุษอีกคนของฝั่งกรีก ได้เสนอแผนการขึ้นมา คือให้สร้างม้าไม้ขนาดยักษ์ขึ้น แล้วเอาทหารกรีกไปซ่อนไว้ในนั้น แกล้งทำเป็นว่ากรีกยอมแพ้แล้วหนีไปแล้วเหลือม้าไม้ไว้ให้ จากนั้นทหารโตรยอาก็มาเอาม้าไม้นี้เข้าไปในเมืองเพื่อหวังจะฉลองชัยชนะ แต่พอตกกลางคืน ทหารกรีกที่ซ่อนอยู่ข้างในก็ออกมาโจมตีภายในเมืองโตรยอาจนย่อยยับ
แผนการม้าไม้นี้ได้ทำให้ฝ่ายกรีกชนะและทำลายล้างโตรยอาลงได้จนราบ แล้วสงครามก็ได้สิ้นสุดลงในที่สุด
สรุปส่งท้าย จากที่เล่ามานี้จะเห็นได้ว่าในตำนานกรีกนั้นมีเรื่องราวอะไรต่างๆเกิดขึ้นมา ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเล่าของเทพเจ้า หรือเรื่องที่เทพเจ้ามายุ่งกับมนุษย์จนทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายต่างๆ
เรื่องราวพวกนี้มีเยอะแยะ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเรื่องเล่านั้น คัดเอาเฉพาะส่วนที่สำคัญ แนะนำตัวละคร โดยไม่ลงลึกในรายละเอียด
หลังจากผ่านเรื่องวุ่นวายมามาก และปิดท้ายลงที่สงครามโตรยอาแล้ว ก็สิ้นสุดยุคที่พระเจ้าลงมายุ่งย่ามกับมนุษย์ แล้วก็เข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ของกรีก เชื่อมต่อมาถึงยุคที่ชาวกรีกอยู่กันโดยไม่มีพระเจ้า ซึ่งเชื่อต่อกับประวัติศาสตร์กรีกตามจริง และต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน