จากที่ได้ไปอยู่ไต้หวันมา ๓ เดือน จนตอนนี้กลับมาแล้วก็มีของจากที่นั่นเก็บเหลือไว้กลับมาเล็กน้อย ตอนนี้ก็กลับมาจากที่นั่นได้นานระยะนึงแล้ว พอหยิบมาดูแล้วก็ให้ความรู้สึกคิดถึงขึ้นมาเลยทีเดียว
ที่จริงรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เอาอะไรกลับมามากเท่าไหร่เลย เพราะตอนที่จะกลับเนี่ยของมันเยอะก็เลยทิ้งอะไรไว้หลายอย่าง ไม่ได้เอากลับมา ที่พอจะพกกลับมาก็เลยเหลือแค่นี้
1. บัตรร้านอาหารใกล้ๆบ้าน
เป็นบัตรอาหารของร้านที่รู้จักแรกๆตั้งแต่ไปอยู่ที่นั่นเลย เพราะอยู่ใกล้ๆ แต่กินไม่กี่ครั้งก็ไม่ได้กินอีกเลย แม้ว่ามันจะอร่อยแต่มันก็แพงเกินไป ดูรายการแต่ละอย่าง ต่ำสุดคือข้าวผัดไข่เบคอนก็ 49 บาทเข้าไปแล้ว ด้านหลังบัตรเป็นช่องสะสมแต้ม ถ้าสะสมครบก็ได้กินฟรีอีกจาน แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจสะสมเท่าไหร่หรอก เลยมีอยู่แค่สองช่องเท่านั้น
2. บัตรเติมเงินอเนกประสงค์บัตรนี้ที่เรียกว่า โยวโหยวข่า (悠遊卡) หรือ easy card เอาไว้ใช้ทำอะไรได้หลายอย่างมาก ทำให้ตอนอยู่ที่นั่นยังไงก็ต้องมีติดตัวไว้
คือสามารถใช้ขึ้นรถไฟได้โดยไม่ต้องไปซื้อตั๋ว ใช้ขึ้นรถไฟฟ้าในไทเปได้ ใช้ขึ้นรถเมล์ในไทเปกับจีหลงได้ (แต่ในเถาหยวนที่เราอยู่ใช้ไม่ได้ ต้องมีอีกบัตร) นอกจากนี้ยังใช้ซื้อของในร้าน 7-eleven ได้ด้วย แต่เราไม่เคยใช้
การเติมบัตรก็ไปเติมได้ที่ 7-eleven ทุกสาขา หรือถ้าไปที่ไทเปก็จะมีเครื่องเติมเงินอัตโนมัติอยู่ที่สถานีรถไฟฟ้า
บัตรนี้ที่เห็นเป็นลายโดราเอมอนแบบนี้นี่คือไปซื้อที่ 7-eleven เลย มีหลายลายให้เลือกตามสบาย
3. บัตรรถเมล์เมืองเถาหยวน-จงลี่
เมื่อครู่เพิ่งบอกไปว่าบัตรโยวโหยวข่าใช้ได้แค่กับรถเมล์ในไทเปกับจีหลงเท่านั้น ถ้าหากไปเมืองอื่นก็ต้องซื้อบัตรรถเมล์ของเมืองนั้นใช้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องแบ่งแยกกันให้ยุ่งยากด้วยเหมือนกัน
บัตรใบนี้สำหรับใช้กับรถเมล์ของเมืองเถาหยวนกับจงลี่ ซึ่งเท่านี้ก็คือครอบคลุมรถเมล์ส่วนใหญ่ที่วิ่งภายในจังหวัดเถาหยวน
แต่ไม่ใช่ว่ารถเมล์ทุกคันในจังหวัดเถาหยวนจะใช้บัตรนี้ได้หมด เพราะรถเมล์ของไทเปบางคันก็มีเส้นทางผ่านแถวนี้ ในกรณีนี้ก็ต้องกลับไปใช้โยวโหยวข่า
4. บัตรรถไฟความเร็วสูง
โยวโหยวข่าใช้ขึ้นรถไฟธรรมดาได้ แต่ใช้ขึ้นรถไฟความเร็วสูงไม่ได้ (แหงล่ะ) ถ้าหากจะนั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูงก็ต้องซื้อบัตรเป็นเที่ยวๆ แต่ว่าแม้จะเป็นบัตรใช้ครั้งเดียวทิ้งแต่พอใช้เสร็จก็เก็บกลับบ้านไปเป็นที่ระลึกได้
เรามีโอกาสนั่งไปเที่ยวเมืองไถจงตอนช่วงที่ใกล้จะกลับแล้ว ตอนนั้นอยากนั่งดูสักครั้งเพราะถือว่าเป็นของแปลกไหนๆก็มีโอกาสแล้ว ซึ่งราคาก็อย่างที่เห็นว่าแพงมาก ขึ้นจากเถาหยวนไปไถจงซึ่งระยะทาง ๑๒๐ กม. ก็ ๕๒๐ บาทแล้ว แต่ก็คุ้มเพราะไปถึงที่หมายได้ในเวลาเพียง ๔๐ นาทีเท่านั้น
5. บัตรเข้าชมบริเวณแหลมเหยหลิ่ว
เคยเล่าไว้ใน https://phyblas.hinaboshi.com/20110615
ค่าเข้าชม ๕๐ บาท ก็ถือว่าไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้เข้าไปเห็น6. ใบแผ่นพับของเหยหลิ่ว
อันนี้เป็นใบแผ่นพับแนะนำสถานที่ของเหยหลิ่ว ก็มีเก็บกลับมาด้วยเช่นกัน
7. เค้กสัปปะรด
เป็นของอร่อยมากของที่นั่นเลย ตอนรู้ว่าจะกลับก็เลยซื้อตุนกลับมาเยอะ จนป่านนี้ยังไม่หมดเลย ที่เห็นนี่เป็นชิ้นรองสุดท้ายแล้ว
8. กล้องถ่ายรูป BENQ
ของสำคัญที่สุดที่นำติดกลับมาด้วย ภาพถ่ายรูปอะไรต่างๆมากมายที่เขียนเป็นหน้าบล็อกมากมายในช่วงที่ผ่านมาก็มาจากกล้องนี้ซะส่วนใหญ่เลย ส่วนที่ไม่ใช่กล้องนี้ถ่ายก็คือมาจากกล้องมือถือซึ่งไม่ชัดเลย ดังภาพกล้องนี้ที่เห็น ภาพนี้แน่นอนว่าต้องใช้กล้องมือถือถ่ายเพราะกล้องถ่ายตัวมันเองไม่ได้
กล้องนี้เป็นยี่ห้อ BENQ ซึ่ง BENQ เนี่ยเป็นยี่ห้อของไต้หวัน ทำให้กล้องที่ขายในไต้หวันมี BENQ อยู่เยอะเป็นพิเศษ ในขณะที่ในไทยมี BENQ อยู่ไม่กี่รุ่นเอง และรุ่นที่ซื้อมาอันนี้ก็ไม่มีในไทยด้วย กล้องตัวนี้ราคา ๒๙๐๐ บาท ถือว่าไม่แพงแต่ประสิทธิภาพก็ล้นเหลือ
สุดท้ายขอปิดด้วยภาพที่ถ่ายวันสุดท้ายก่อนกลับ เป็นสิ่งที่ไม่ได้นำกลับมาด้วยแต่ได้ถ่ายไว้เป็นที่ระลึกก่อนทิ้ง สิ่งนั้นคือ...
ขวดชาที่ดื่มมาตลอด ๓ เดือน...
มีทั้งชาแดง ชาเขียว ชาอูหลง หลายชนิด แต่ที่ชอบมากสุดคือชาเขียวขวดสีเหลือง เป็นชาเขียวแบบไต้หวัน
นับรวมแล้วได้ ๔๕ ขวด เท่ากับดื่มเฉลี่ยราวๆสองวันต่อหนึ่งขวด