#เสาร์ 12 พ.ย. 2022หน้านี้เป็นบันทึกการเที่ยวเมืองมรดกโลก
ฮิราอิซึมิ (平泉) ตอนสุดท้าย ต่อจากตอนที่แล้ว
https://phyblas.hinaboshi.com/20221115เป้าหมายต่อไปที่เราได้ไปเยี่ยมชมก็คือ
วัดจูซง (中尊寺) ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นและสำคัญที่สุดของฮิราอิซึมิแล้วก็ว่าได้
วัดนี้เริ่มสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงที่บุกเบิกสร้างเมืองฮิราอิซึมิโดยตระกูลโอวชูฟุจิวาระ (
奥州藤原) ขึ้นในยุคของผู้นำรุ่นแรก ฟุจิวาระ โนะ คิโยฮิระ (
藤原 清衡, ปี 1056-1128) ถือเป็นสิ่งก่อสร้างแรกๆ มีประวัติเก่าแก่ที่สุดของฮิราอิซึมิ
เมื่อปี 1189 ที่โชกุนแห่งคามากุระ มินาโมโตะ โนะ โยริโตโมะ (
源 頼朝) ยกทัพมาโจมตีฮิราอิซึมิก็ได้มีโอกาสแวะมาชมวัดนี้แล้วก็ประทับใจจนเอาไปเป็นต้นแบบสร้างวัดภายในคามากุรด้วย
ตัววัดอยู่บนเนินเขาที่อยู่ค่อนไปทางเหนือของเมืองฮิราอิซึมิ ประกอบด้วยอาคารจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งอาคารดั้งเดิมที่ถูกสร้างตั้งแต่สมัยโบราณ และที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นมาแทนของเก่า
ที่หน้าทางขึ้นเนินที่ตั้งวัดนี้ยังมีสุสานที่ว่ากันว่าเป็นของมุซาชิโบว เบงเกย์ (
武蔵坊 弁慶) อยู่ด้วย และภายในบริเวณวัดก็มีของที่เกี่ยวข้องกับเบงเกย์อยู่
เรื่องเกี่ยวกับเบงเกย์ รวมถึงมินาโมโตะ โนะ โยชิตสึเนะ (
源 義経) นั้นอ่านรายละเอียดได้ในตอนที่แล้ว ก่อนที่จะมาอ่านแนะนำสถานที่สำคัญของ ๒ คนนี้ในตอนนี้
หลังจากที่พวกเราออกจากเขาคิงเกย์ซัง เดินทางต่อขึ้นมาทางเหนือมาจอดรถที่ใกล้ทางขึ้นเนินที่เป็นที่ตั้งของวัดจูซง แล้วก็เดินเข้าไป
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/446.jpg)
เส้นทางเดินเป็นทางลาดขึ้นไปทีละนิดไม่ชัน เดินง่ายๆ ระหว่างทางก็ชมใบไม้เปลี่ยนสีไปตามทาง
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/448.jpg)
เดินเข้ามาสักพักก็เจอร้านขายขนมเโชวเอย์โดวเบงเกย์เอง (
松栄堂 弁慶園) ซึ่งมีขายเบงเกย์โมจิ (
弁慶餅) ของขึ้นชื่อของที่นี่ ซึ่งก็ดูจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเบงเกย์โดยตรง แค่ยืมชื่อเขามาใช้เป็นจุดขายเท่านั้น
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/449.jpg)
เบงเกย์โมจิราคาไม้ละ ๒๕๐ เยน เราซื้อมาลองกินไม้นึงแล้วลองกินดูเลย ก็อร่อยดี
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/450.jpg)
ข้างๆร้านมีที่ให้สวมหัวเป็นเบงเกย์
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/451.jpg)
เดินถัดเข้าไปจากร้านที่ขายเบงเกย์โมจิก็เจออาคารที่มีชื่อว่าเบงเกย์โดว (
弁慶堂)
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/452.jpg)
ตัวอาคารเบงเกย์โดวนี้แม้จะใช้ชื่อเบงเกย์ แต่ว่าเดิมทีไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเบงเกย์โดยตรง เดิมทีถูกสร้างขึ้นมาเป็นที่บูชาเทพอาตาโงะ (
愛宕) ผู้คุ้มกันจากอัคคีภัย ตัวอาคารถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 1826 หลังจากนั้นในปี 1889 ก็ได้มีการบรรจุรูปปั้นสูง ๑๘๖ เซนติเมตร ซึ่งเชื่อว่าเท่าขนาดตัวจริงของเบงเกย์ หลังจากนั้นจึงเริ่มถูกเรียกว่า "เบงเกย์โดว"
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/455.jpg)
ทิวทัศน์ที่มองลงไปจากตรงนี้
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/456.jpg)
จากนั้นเดินเข้ามาต่อ
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/458.jpg)
แล้วก็มาถึงทางเข้า ฮนโดว (
本堂) คืออาคารหลักของวัดจูซง
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/459.jpg)
เดินเข้ามาชมในบริเวณฮนโดว
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/463.jpg)
ตรงนี้มีดอกเบญจมาศ
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/464.jpg)
นี่คือตัวอาคารหลัก ตัวอาคารนี้ไม่ใช่ของเก่าดั้งเดิม แต่ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 1909
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/466.jpg)
จากนั้นเดินออกมาอีกทาง
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/467.jpg)
แล้วเดินต่อไปก็เจออาคารฟุโดวโดว (
不動堂) ซึ่งบูชาเทพฟุโดวเมียวโอว (
不動明王) หรือเทพอจลนาถ (
अचलनाथ, ท้าวผู้ขยับไม่ได้)
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/468.jpg)
เดินต่อเข้ามาพร้อมชมใบไม้เปลี่ยนสีไปตามทาง
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/470.jpg)
ต่อมาก็เจออาคาร อามิดะโดว (
阿弥陀堂) ที่บูชาพระอามิดะเนียวไร (
阿弥陀如来) หรือ พระอมิตาภพุทธะ (
अमिताभ बुद्ध)
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/471.jpg)
ตรงข้ามกันนั้นเป็นอาคารที่เป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งเก็บรักษารวบรวมสมบัติมีค่าของวัดนี้เอาไว้มากมาย เรียกว่าซังโกวโซว (
讃衡蔵)
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/472.jpg)
การเข้าชมที่นี่ต้องเสียค่าเข้าชม ซื้อตั๋วได้ตรงนี้
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/473.jpg)
นี่คือตั๋วเข้าชมราคา ๘๐๐ ซึ่งเอาไว้ใช้เข้าชมซังโควโซว แล้วก็ยังใช้เข้าชมคนจิกิโดว (
金色堂) ซึ่งอยู่ข้างๆกันด้วย
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/474.jpg)
จากนั้นเราก็ได้เข้าไปชมภายใน แต่ว่าในนี้เขาไม่ให้ถ่ายรูป ดังนั้นจึงแค่เข้าไปเดินชมเฉยๆ ไม่ได้ถ่ายภาพมาลงในนี้
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/475.jpg)
ต่อมาก็มายังคนจิกิโดว ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่สำคัญที่สุดของที่นี่ ใช้บัตรเข้าชมอันเดียวกันกับซังโกวโซวในการเข้าไปชมด้านใน
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/476.jpg)
คนจิกิโดวนั้นเป็นอาคารเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1124 และยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน เป็นอาคารสีทองที่บรรจุพระพุทธรูปทอง
ในปี 1288 ได้มีการสร้างอาคารครอบคนจิกิโดวเพื่อทำหน้าที่ปกป้องรักษาตัวอาคาร เรียกว่าฟุกุโดว (
覆堂) ตัวอาคารฟุกุโดวนั้นอยู่มาเรื่อยๆจนถึงปี 1965 จึงได้มีการรื้อย้ายไปตั้งที่อื่น แล้วสร้างอาคารฟุกุโดยหลังใหม่โดยใช้คอนกรีตเสริมเหล็กแทน ส่วนอาคารฟุกุโดวหลังเก่านั้นก็อยู่ไม่ไกล สามารถไปเข้าชมได้เช่นกัน
เมื่อผ่านที่ตรวจตั๋วแล้วเดินเข้ามาเราก็เห็นอาคารฟุกุโดวหลังใหม่นี้อยู่ตรงหน้า
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/478.jpg)
ตัวอาคารคนจิกิโดวนั้นถูกเก็บรักษาอยู่ข้างในนี้ สามารถเข้าไปชมได้ แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป จึงไม่ได้เก็บภาพมาลงในนี้ ใครอยากเห็นภาพคนจิกิโดวลองค้นดูใน google ได้
https://www.google.co.jp/search?q=金色堂&tbm=isch ![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/479.jpg)
หลังจากชมคนจิกิโดวที่อยู่ด้านในเสร็จก็มาดูอาคารด้านข้าง
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/480.jpg)
อาคารเคียวโซว (
経蔵) ซึ่งเป็นที่เก็บพระสูตร
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/481.jpg)
ถัดมาใกล้ๆเจอทางขึ้นไปยังศาลเจ้าไคซันเทมมังงู (
関山天満宮) แต่เราไม่ได้ขึ้นไปข้างบน
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/482.jpg)
ถัดไปเจออาคารฟุกุโดวเก่า (
旧覆堂) ที่เคยครอบคนจิกิโดวมาจนถึงปี 1965
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/483.jpg)
ซึ่งข้างๆกันนั้นมีรูปปั้นของมัตสึโอะ บาโชว (
松尾 芭蕉) กวีเอกที่เดินทางผ่านมายังที่นี่และได้แต่งกลอนเอาไว้ เช่นเดียวกับที่ผ่านไปที่วัดโมวตซือจิ ซึ่งได้เล่าไปแล้วใน
https://phyblas.hinaboshi.com/20221114 ![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/484.jpg)
ภายในอาคารฟุกุโดวเก่า
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/485.jpg)
เดินถัดต่อมาเจออาคารไดโจวจุอิง (
大長寿院) เป็นอาคารวัดที่บูชาพระอามิดะเนียวไร เริ่มสร้างในปี 1107 โดยคิโยฮิระ แต่ว่าก็ผ่านอัคคีภัยมาจนพังไปแล้ว หลังจากนั้นจึงถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในปี 1863 ซึ่งก็คืออาคารที่เห็นในปัจจุบันตอนนี้
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/486.jpg)
มีบันทึกไว้ว่าเมื่อปี 1189 โยริโตโมะซึ่งได้ยกทัพมาตีฮิราอิซึมิได้มาเห็นอาคารนี้เข้าแล้วประทับใจเลยเลียนแบบเอาไปสร้างอาคารเหมือนกันที่วัดโยวฟุกุ (
永福寺) ในคามากุระด้วย
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/487.jpg)
จากนั้นเดินต่อเข้ามายังส่วนลึกสุด เจอศาลเจ้าฮากุซัง (
白山神社)
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/488.jpg)
ในนี้มีอาคารโนวงากุโดว (
能楽堂) ซึ่งเป็นเวทีที่ใช้สำหรับเล่นละครโนว (
能) ตัวอาคารที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่เมื่อปี 1853
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/489.jpg)
ข้างๆกันนั้นเป็นอาคารหลักของศาลเจ้า
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/491.jpg)
หลังจากนั้นก็เดินกลับออกมา ระหว่างทางยังผ่านอีกอาคารคือ เบนไซเตนโดว (
弁財天堂) ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะที่ล้อมรอบไปด้วยน้ำ อาคารนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1716 โดยภรรยาของดาเตะ ทสึนามุระ (
伊達 綱村, ปี 1659-1719) ผู้ครองเซนไดฮังซึ่งปกครองพื้นที่ฮิราอิซึมิในยุคเอโดะ
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/492.jpg)
แล้วการเที่ยวชมวัดจูซงก็จบลงเท่านี้ หลังจากนั้นเราก็เดินกลับลงมายังปากทางเข้า
การเที่ยวในฮิราอิซึมิยังไม่ได้จบลง ยังเหลือสถานที่อีกแห่งที่ตั้งใจจะไปเที่ยว นั่นคือ
ทากาดาจิงิเกย์โดว (高館義経堂) ซึ่งเป็นสถานที่ที่โยชิตสึเนะจบชีวิตลงพร้อมกับครอบครัวในปี 1189 และเป็นที่ที่เบงเกย์ยืนตายนั่นเอง ตัวอาคารถูกสร้างขึ้นในปี 1683 โดยดาเตะ ทสึนามุระ ภายในมีรูปสลักไม้ของโยชิตสึเนะตั้งอยู่
ปัญหาก็คือที่นี่ปิดตอน 16:30 และตอนที่เรากลับลงมาถึงปากทางเข้าวัดจูซงก็เป็นเวลา 16:10 แล้ว เหลือเวลาอีกแค่ ๒๐ นาทีเท่านั้น จึงกลัวว่าจะไปชมไม่ทันแม้จะรีบไปตอนนี้ก็ตาม แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจรีบเดินทางไป ทันไม่ทันก็ว่ากันอีกที
สถานที่นั้นอยู่ไม่ไกลจากวัดจูซง อยู่ในระยะที่สามารถเดินไปถึงได้ เราเลยตัดสินใจวิ่งไปเพื่อให้ถึงทันเวลาก่อน 16:30 ส่วนเพื่อนคนอื่นนั่งรถไป ซึ่งจะต้องเสียเวลาเพราะต้องเดินไปยังที่จอดรถแล้วก็หาที่จอดรถอีก
ระหว่างทางที่วิ่งไปนั้นแม้จะรีบก็ยังถ่ายรูปไปด้วยเรื่อยๆ
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/494.jpg)
เส้นทางผ่านทางรถไฟ
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/496.jpg)
เดินข้ามทางรถไฟไป
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/497.jpg)
แล้วก็มุ่งหน้าต่อมาตามทาง
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/499.jpg)
แล้วก็ปีนขึ้นบันไดตรงนี้ไป
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/500.jpg)
ในที่สุดก็มาถึงปากทางเข้าในเวลา 16:17 ซึ่งก็ถือว่าทันเวลาก่อน 16:30 ซึ่งเป็นเวลาปิด แต่กลับพบว่าหน้าทางขึ้นบันไดมีป้ายกั้นอยู่ ซึ่งเขียนบอกว่าที่นี่ปิดไปแล้ว
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/501.jpg)
แต่ก็ไม่ได้มีประตูกั้นไม่ให้เข้าไป เราจึงตัดสินใจลองเข้าไปดู ไหนๆก็อุตส่าห์มาถึงแล้วไม่อยากเสียเที่ยว
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/502.jpg)
เมื่อเดินเข้ามาก็สามารถมาถึงอาคารทากาดาจิงิเกย์โดวได้จริงๆ แต่ว่าตัวอาคารปิดไปแล้ว ไม่สามารถชมภายในได้ จึงได้แต่มองจากด้านนอก อีกทั้งข้างๆอาคารนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์อยู่ด้วย ซึ่งก็ปิดไปแล้ว เข้าชมไม่ได้เหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นแค่ได้เข้ามาชมตัวอาคารที่ถือว่าเป็นสถานที่สำคัญของโยชิตสึเนะและเบงเกย์ แบบนี้ก็พอใจแล้ว
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/504.jpg)
ส่วนข้างๆอาคารมีเจดีย์โฮวเกียวอินโตว (
宝篋印塔) ที่ถูกสร้างเพื่อบูชาโยชิตสึเนะ
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/505.jpg)
แล้วก็มีแผ่นหินเขียนบทกลอนที่แต่งโดยกวีชื่อไร มิกิซาบุโรว (
頼 三樹三郎, ปี 1825-1859) ซึ่งมาเยือนฮิราอิซึมิในปี 1846
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/506.jpg)
ทิวทัศน์ที่มองเห็นจากตรงนี้ มองออกไปเห็นแม่น้ำคิตากามิ (
北上川) ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านจังหวัดอิวาเตะไปออกสู่ทะเลที่จังหวัดมิยางิ
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/507.jpg)
หลังจากนั้นเพื่อนที่นั่งรถมาก็ตามมาถึงทีหลัง แล้วก็เข้าไปชมในนั้นด้วย พอเสร็จแล้วจึงกลับมายังที่จอดรถเพื่อขึ้นรถ
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/508.jpg)
การเที่ยววันนี้ได้จบลงแล้ว แต่ก่อนจะกลับก็ขอแวะหาอะไรกินแถวนี้สักหน่อย ก็แวะมาเจอร้านยุเมะโนะคาเซะ (
夢乃風) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทากาดาจิงิเกย์โดว มีที่จอดรถอยู่หน้าร้านด้วย
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/510.jpg)
มื้อนี้เราสั่งอุดงเทมปุระ ราคา ๖๖๐ เยน
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/511.jpg)
ภาพภายในร้านหลังจากที่กินกันเสร็จ
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/512.jpg)
เมื่อกินเสร็จออกมาก็เป็นเวลา 17:30 ตอนนั้นฟ้าได้มืดลงแล้ว
![](https://phyblas.hinaboshi.com/rup/nihon/2022/11/513.jpg)
หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งรถเดินทางกลับเซนได จบการเดินทางเที่ยวอิวาเตะในวันนี้ลง
นี่ก็เป็นอีกวันที่ได้เที่ยวสนุก ได้มาชมเมืองมรดกโลก ทั้งยังได้ชมทิวทัศน์สวยๆในขณะที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง