#เสาร์ 12 พ.ย. 2022บันทึกการเที่ยวเมืองมรดกโลก
ฮิราอิซึมิ (平泉) ต่อจากตอนที่แล้ว
https://phyblas.hinaboshi.com/20221114เป้าหมายต่อไปที่เราได้เดินทางไปชมก็คือเขา
คิงเกย์ซัง (金鶏山) ซึ่งเป็นภูเขาเล็กๆสูง ๙๘.๖ เมตร ที่ตั้งอยู่กลางเมืองฮิราอิซึมิ ที่นี่มีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นที่ตั้งสุสานของครอบครัวของ
มินาโมโตะ โนะ โยชิตสึเนะ (源 義経, ปี 1159-1189
) วีรบุรุษคนสำคัญในช่วงปลายยุคเฮย์อัง
ฮิราอิซึมินั้นเป็นสถานที่ที่โยชิตสึเนะอาศัยอยู่เป็นระยะเวลานาน และจบชีวิตลงด้วย จึงถือว่ามีความสำคัญในประวัติศาสตร์ช่วงนี้
ก่อนที่จะเล่าเรื่องเที่ยวสถานที่นี้ก็ขอเขียนถึงเกี่ยวกับโยชิตสึเนะสักหน่อย เพราะเป็นประวัติศาสตร์ที่สำคัญ และทำให้เข้าใจเกี่ยวกับฮิราอิซึมิมากขึ้น
โยชิตสึเนะ มีชื่อในวัยเด็กว่า
อุชิวากะ (牛若) เกิดในปี 1159 ในตระกูล
มินาโมโตะ (源) ซึ่งเป็นตระกูลนักรบตระกูลหนึ่งที่มีอิทธิพลยิ่งใหญ่ในช่วงสมัยนั้น คือช่วงปลายยุค
เฮย์อัง (平安, ปี 794-1185
)พ่อของเขาคือ
มินาโมโตะ โนะ โยชิโตโมะ (源 義朝, ปี 1123-1160
) ผู้นำตระกูลมินาโมโตะในตอนนั้น โดยเขาเป็นลูกชายคนที่ ๙ ซึ่งเป็นคนสุดท้อง
ส่วนแม่ของเขาคือ
โทกิวะโงเซง (常磐御前, ปี 1138-?
) ซึ่งว่ากันว่าเป็นสาวงามที่สุดคนหนึ่งในยุคนั้น ทำให้โยชิตสึเนะเองก็เป็นหนุ่มหน้าตาดีมากด้วย
*คำว่า
"โกเซง" (御前) นั้นเป็นคำลงท้ายชื่อ มักใช้เรียกภรรยาของคนที่มีตำแหน่งสูงๆในยุคนั้น
หลังจากโยชิตสึเนะเพิ่งเกิดมาได้ไม่ทันไร ในปี 1160 ได้เกิดเหตุการณ์
กบฏปีเฮย์จิ (平治の乱) ขึ้นมา เป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างตระกูลมินาโมโตะ กับตระกูล
ไทระ (平) ซึ่งนำโดย
ไทระ โนะ คิโยโมริ (平 清盛, ปี 1113-1181
) ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ซึ่งพาตระกูลไทระไปสู่ความรุ่งโรจน์ในตอนนั้น
สุดท้ายแล้วเหตุการณ์ครั้งนี้ก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของฝ่ายมินาโมโตะ โยชิโตโมะได้ถูกสังหาร ส่วนโทกิวะโงเซงได้หลบหนีออกไป โดยได้พาโยชิตสึเนะซึ่งยังเป็นทารก พร้อมกับลูกชายอีก ๒ คน (พี่ชายของโยชิตสึเนะซึ่งเกิดจากแม่เดียวกัน) คือ
อิมาวากะ (今若, ปี 1153-1203
) กับ
โอโตวากะ (乙若, ปี 1155-1181
) ไปด้วยกัน
แต่สุดท้ายโทกิวะโงเซงก็ตัดสินใจยอมเข้ามอบตัวกับคิโยโมริ พร้อมกับลูกชายทั้ง ๓ คน โดยทำใจไว้แล้วว่าคงจะถูกประหารลงเช่นเดียวกับพี่น้องอีกหลายคนในตระกูลมินาโมโตะที่พบจุดจบลงไปก่อนหน้านี้แล้ว
แต่ด้วยความใจกว้างของคิโยโมริทำให้ทั้งแม่และลูกทั้ง ๓ ได้รับการปล่อยให้มีชีวิตรอดต่อไป รวมทั้งลูกหลานคนอื่นๆอีกหลายคนในตระกูลมินาโมโตะที่ยังเหลือรอดอยู่ด้วย โดยที่ไม่คาดคิดว่าในที่สุดแล้วเด็กเหล่านั้นเมื่อโตขึ้นมาแล้วจะกลับมาแก้แค้นแทนพ่อของตัวเองในภายหลัง
หลังจากนั้นโยชิตสึเนะก็ได้เติบโตขึ้นมาโดยถูกเลี้ยงดูใน
วัดคุรามะ (鞍馬寺) ที่เมืองหลวงเกียวโต เขาถูกคาดหวังว่าเมื่อโตขึ้นจะให้บวชเป็นพระเพื่อจะได้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องความขัดแย้งระหว่างตระกูล แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้รู้ถึงอดีตของตัวเอง ในที่สุดจึงมุ่งมั่นที่จะกำจัดคิโยโมริและตระกูลไทระเพื่อแก้แค้นให้ได้ จึงตัดสินใจออกจากวัดมา
ปี 1174 ขณะอายุ ๑๕ ปี โยชิตสึเนะได้เดินทางไปยัง
ฮิราอิซึมิ (平泉) ซึ่งในสมัยนั้นเป็นศูนย์กลางการปกครองภูมิภาค
โอวชู (奥州) ซึ่งเทียบเท่ากับ
ภูมิภาคโทวโฮกุ (東北地方, คือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
) ของญี่ปุ่นในปัจจุบัน
ฮิราอิซึมิในตอนนั้นถูกปกครองโดยตระกูล
โอวชูฟุจิวาระ (奥州藤原) โยชิตสึเนะได้มาขอพึ่งพิง
ฟุจิวาระ โนะ ฮิเดฮิระ (藤原 秀衡, ปี 1122-1187
) ซึ่งเป็นผู้นำรุ่นที่ ๓ ของตระกูลโอวชูฟุจิวาระ ซึ่งเขาก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี แล้วโยชิตสึเนะก็ได้เติบโตขึ้นมาที่นั่น
แล้วพอถึงปี 1180 ก็เกิด
สงครามเกมเปย์ (源平合戦) ปะทุขึ้น เป็นความขัดแย้งระหว่างตระกูลไทระกับกลุ่มคนที่ต้องการโค่นล้มตระกูลไทระซึ่งมีอิทธิพลมายาวนาน นำโดยตระกูลมินาโมโตะซึ่งต้องการล้างแค้น ผู้นำตระกูลขณะนั้นคือ
มินาโมโตะ โนะ โยริโตโมะ (源 頼朝, ปี 1147-1199
) ลูกชายคนที่ ๓ ของโยชิโตโมะ และเป็นพี่ชายต่างแม่ของโยชิตสึเนะ โดยตั้งฐานอยู่ที่เมือง
คามากุระ (鎌倉)โยชิตสึเนะได้เดินทางกลับจากฮิราอิซึมิมายังคามากุระเพื่อเข้าร่วมรบพร้อมกับโยริโตโมะ และได้สร้างผลงานดีเด่นมากมายในการสู้รบศึกต่างๆ ทำให้ฝ่ายมินาโมโตะได้เปรียบเป็นอย่างมาก
ไม่นานน้กคิโยโมริก็ได้ล้มป่วยและเสียชีวิตลงในปี 1181 ทิ้งให้ลูกหลานในตระกูลไทระยังคงต่อสู้กับตระกูลมินาโมโตะกันต่อไป แต่เมื่อขาดคิโยโมริไปแล้ว ตระกูลไทระก็ยิ่งเสื่อมโทรมอย่างไม่อาจฟื้นคืนมาได้ สถานการณ์เสียเปรียบขึ้นเรื่อยๆ จนต้องทิ้งเมืองหลวงแล้วหนีถอยร่นไปตั้งหลักทางภาคตะวันตก
ในระหว่างนั้น โยชิตสึเนะได้หมั้นกับ
ซาโตะโงเซง (郷御前, 1168-1189
) ภายใต้การชี้นำของโยริโตโมะ แล้วทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันในปี 1184
แต่ว่าในขณะนั้นโยชิตสึเนะก็ได้พบรักกับสาวงาม
ชิซึกะโงเซง (静御前) ซึ่งเป็น
ชิราเบียวชิ (白拍子, คืออาชีพนักรำและร้องเพลงแบบหนึ่งที่แพร่หลายในช่วงยุคเฮย์อัง
) สุดท้ายก็เลยให้ซาโตะโงเซงเป็นภรรยาหลวง และได้ชิซึกะโงเซงเป็นภรรยาน้อย
ในปี 1185 กองทัพมินาโมโตะภายใต้การนำของโยชิตสึเนะได้ปราบตระกูลไทระอย่างราบคาบ ตระกูลไทระโดนกำจัดทิ้งทั้งหมดจนล่มสลาย สิ้นสุดสงครามเกมเปย์ แล้วโยริโตโมะก็ได้กลายเป็นโชกุนผู้ยิ่งใหญ่ตั้งรัฐบาลโชกุนคามากุระขึ้น ปกครองแผ่นดินญี่ปุ่น และเป็นจุดเริ่มต้นของยุคคามากุระ (ปี 1185-1333) เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
เรื่องราวของตระกูลไทระจนถึงตรงนี้ได้ถูกเล่าขานใน
เฮย์เกะโมโนงาตาริ (平家物語) ซึ่งเป็นมหากาพย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดเรื่องหนึ่งของญี่ปุ่น และโยชิตสึเนะก็เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ปรากฏในบันทึกนี้ เราจึงรู้เรื่องราวของเขาไปด้วย
แม้ว่าโยชิตสึเนะจะเป็นวีรบุรุษที่สร้างผลงานอย่างมากในสงครามปราบตระกูลไทระครั้งนี้ แต่เขากลับไม่ได้รับความดีความชอบอะไรจากโยริโตโมะ และในปีเดียวกันนั้นเขาก็กลับมีเรื่องบาดหมางกับโยริโตโมะจนถึงขั้นตัดขาดกัน ในที่สุดโยริโตโมะก็ได้ส่งนักฆ่ามาจัดการโยชิตสึเนะ แต่ว่าไม่สำเร็จ โยชิตสึเนะสามารถหนีไปได้
หลังจากนั้นโยชิตสึเนะก็ได้หนีตายไปยังฮิราอิซึมิเพื่อขอพึ่งพาฮิเดฮิระอีกครั้ง ซึ่งฮิเดฮิระก็ต้อนรับอย่างดีและได้ช่วยให้ที่พักพิงกับเขา
การหนีไปอยู่ฮิราอิซึมิทำให้โยชิตสึเนะจำต้องพรากจากชิซึกะโงเซง ภรรยาน้อยสุดที่รักของเขา โดยไม่รู้ว่าเธอตั้งครรภ์มีลูกของเขาอยู่ในท้อง ต่อมาชิซึกะโงเซงได้ถูกพวกของโยริโตโมะจับได้ และได้อยู่ในความดูแลของ
โฮวโจว มาซาโกะ (北条 政子, ปี 1157-1225
) ภรรยาของโยริโตโมะจนกว่าจะคลอดลูก
มีเรื่องเล่าว่าในระหว่างนั้นมีวันหนึ่งชิซึกะโงเซงได้ถูกสั่งให้มาแสดงรำร้องเพลงต่อหน้าโยริโตโมะ แต่เธอได้ร้องเพลงที่แสดงถึงความรักที่มีต่อโยชิตสึเนะ ทำให้โยริโตโมะไม่พอใจอย่างมาก ถ้ามาซาโกะไม่มาห้ามไว้เธออาจไม่รอดก็เป็นได้
หลังจากนั้นชิซึกะโงเซงได้คลอดลูกชายออกมา โยริโตโมะกลัวว่าถ้าปล่อยไปเด็กคนนี้ซึ่งเป็นลูกของโยชิตสึเนะจะโตขึ้นมาแล้วกลับมาแก้แค้นตัวเองเข้าสักวัน จึงสั่งให้กำจัดทิ้ง หลังจากนั้นชิซึกะโงเซงก็ได้รับการปล่อยตัว แล้วเธอก็หายตัวไป ไม่มีใครรู้ข่าวคราวอีกเลย
ส่วนซาโตะโงเซงซึ่งเป็นภรรยาหลวงของโยชิตสึเนะนั้นในที่สุดก็ได้ตามมาเจอโยชิตสึเนะที่ฮิราอิซึมิ ทั้ง ๒ คนมีลูกด้วยกัน ๑ คน อาศัยอยู่ด้วยกันที่ฮิราอิซึมิตั้งแต่นั้นมา
ต่อมาโยริโตโมะได้สืบจนรู้ว่าโยชิตสึเนะหนีมาอยู่ฮิราอิซึมิ จึงทำให้โยริโตโมะไม่พอใจและถือว่าทางฮิราอิซึมิเป็นกบฏ จึงเกิดเป็น
สงครามโอวชู (奥州合戦) ซึ่งเป็นสงครามระหว่างโยริโตโมะกับตระกูลโอวชูฟุจิวาระที่นำโดยฮิเดฮิระ ซึ่งให้การสนับสนุนโยชิตสึเนะ
แต่ในปี 1187 ฮิเดฮิระได้ล้มป่วยและเสียชีวิตลง ลูกชายของเขาคือ
ฟุจิวาระ โนะ ยาสึฮิระ (藤原 泰衡, ปี 1155-1189
) จึงเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลต่อไป
ยาสึฮิระนั้นได้รับฝากฝังจากพ่อให้คอยช่วยเหลือโยชิตสึเนะต่อไป แต่แล้วเขาก็ถูกกดดันจากโยริโตโมะให้ยอมแพ้แล้วส่งตัวโยชิตสึเนะให้ ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจยอมหักหลังโยชิตสึเนะ ในปี 1189 ยาสึฮิระได้ส่งทหารเข้าล้อมจับโยชิตสึเนะที่อาคาร
โคโรโมงาวะ (衣川館) ซึ่งเขาอาศัยอยู่ขณะนั้น เหตุการณ์ครั้งนี้เรียกว่า
การต่อสู้ที่โคโรโมงาวะ (衣川の戦い)ในการต่อสู้ครั้งนี้
มุซาชิโบว เบงเกย์ (武蔵坊 弁慶, ปี ?-1189
) ซึ่งเป็นผู้ติดตามผู้ซื่อส้ตย์ของโยชิตสึเนะได้พยายามปกป้องโยชิตสึเนะ แต่ก็ถูกลูกธนูจำนวนมากปักจนตายทั้งๆที่กำลังยืนอยู่ เกิดเป็นตำนานเล่าขานที่เรียกว่า
"การยืนตายแบบเบงเกย์" (弁慶の立往生) ซึ่งเป็นที่โด่งดังรู้จักไปทั่ว
โยชิตสึเนะซึ่งรู้ว่ายังไงก็ไม่มีทางรอดแล้วจึงได้ตัดสินใจฆ่าตัวตายไปพร้อมกับซาโตะโงเซงและลูกวัย ๔ ขวบ ในที่สุดเขาก็ต้องจบชีวิตลงในวัยแค่ ๓๐ ปี
หลังจากนั้นยาสึฮิระก็ได้ตัดเอาคอของโยชิตสึเนะส่งไปให้โยริโตโมะตามที่เขาต้องการ แต่แล้วยาสึฮิระก็กลับไม่ได้รับการไว้ชีวิต สุดท้ายก็ถูกโยริโตโมะกำจัดทิ้ง ตายลงในปีเดียวกัน ตระกูลโอวชูฟุจิวาระจึงถึงคราวล่มสลาย
ส่วนศพของซาโตะโงเซงและลูกที่ตายไปพร้อมกับโยชิตสึเนะนั้น ได้ถูกนำมาฝังที่ตีนเขาคิงเกย์ซังใจกลางเมืองฮิราอิซึมิ
ทุกวันนี้หากใครมาเที่ยวฮิราอิซึมิก็สามารถเข้าเยี่ยมชมสุสานของครอบครัวโยชิตสึเนะซึ่งตั้งอยู่ที่ตีนเขาคิงเกย์ซัง รวมถึงอาคาร
ทากาดาจิงิเกย์โดว (高館義経堂) ซึ่งถูกสร้างใหม่ในบริเวณที่โคโรโมงาวะสถานที่ตายของโยชิตสึเนะและครอบครัวตั้งอยู่ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับตำนานการยืนตายของเบงเกย์อยู่ด้วย
หลังจากเล่าประวัติศาสตร์มาซะยาวแล้ว เราก็ได้เห็นแล้วว่าโยชิตสึเนะเป็นบุคคลสำคัญอย่างไร และฮิราอิซึมิมีความสำคัญอย่างไรกับเขาบ้าง คราวนี้กลับมาที่บันทึกการท่องเที่ยวที่นี่
ครั้งนี้เรามีโอกาสได้มาเที่ยวคิงเกย์ซังชมสุสานของครอบครัวโยชิตสึเนะ แล้วหลังจากนั้นยังมีโอกาสได้ไปชมอาคารทากาดาจิงิเกย์โดวด้วย ซึ่งก็จะเล่าถึงต่อไป
ก่อนอื่นขอเล่าถึงการเที่ยวคิงเกย์ซังก่อน
หลังจากที่ออกมาจากวัดโมวตซือแล้ว พวกเราก็นั่งรถมาแล้วมาจอดตรงหน้าทางขึ้นเขาคิงเกย์ซัง
จากนั้นเดินเข้ามาก็เจอสุสานของครอบครัวโยชิตสึเนะซึ่งเป็นเป้าหมายทันที
ป้ายหน้าสุสาน
ที่สุสานถูกสร้างเป็นเจดีย์ โกรินโตว (
五輪塔)
ข้างๆนั้นมีป้ายเขียนอธิบายเกี่ยวกับสถานที่นี้
ข้างๆสุสานเป็นอาคารเซนจุโดว (
千手堂) ซึ่งมีรูปสลักไม้ของโยชิฮิระตั้งอยู่
การชมบริเวณสุสานก็จบลงแค่เพียงเท่านี้ ดูแล้วไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น จากนั้นพวกเราก็เดินขึ้นเขาไป
ระหว่างทางมีบางส่วนที่ชัน แต่ก็มีบันได ปีนขึ้นไปได้ไม่ยาก
ใช้เวลาไม่นาน แค่ประมาณ ๕ นาทีเท่านั้นก็ขึ้นไปถึงยอดเขา
บนยอดเขาก็ดูแล้วไม่ได้มีอะไรมาก
ทิวทัศน์ที่มองจากยอดเขา ก็ไม่ได้เห็นอะไรชัดนัก เพราะไม่ได้สํงมาก และมีต้นไม้บัง
หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว เดินกลับลงจากเขา
บนพื้นระหว่างทางเห็นลูกเกาลัดตกอยู่ เห็นผลด้วย ลองหยิบขึ้นมาดู แต่ไม่ได้เก็บมากิน แค่ถ่ายรูปเก็บไว้
การเที่ยวเขาคิงเกย์ซังก็จบลงเพียงเท่านี้ ดูแล้วก็ไม่มีอะไรมาก แต่ก็เป็นสถานที่หนึ่งที่สำคัญได้ตามรอยบุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ ไม่ได้ใช้เวลามาก และมาไม่ลำบาก
หลังจากนั้นเราก็ยังได้ไปเที่ยวสถานที่อื่นๆในเมืองฮิราอิซึมิต่อไป
https://phyblas.hinaboshi.com/20221116