φυβλαςのβλογ
บล็อกของ phyblas



สุสานของครอบครัวโยชิตสึเนะ วีรบุรุษของตระกูลมินาโมโตะในปลายยุคเฮย์อัง บนเขาคิงเกย์ซังกลางเมืองฮิราอิซึมิ
เขียนเมื่อ 2022/11/15 13:51
แก้ไขล่าสุด 2022/11/17 05:17
#เสาร์ 12 พ.ย. 2022

บันทึกการเที่ยวเมืองมรดกโลก ฮิราอิซึมิ (平泉ひらいずみ) ต่อจากตอนที่แล้ว https://phyblas.hinaboshi.com/20221114

เป้าหมายต่อไปที่เราได้เดินทางไปชมก็คือเขาคิงเกย์ซัง (金鶏山きんけいさん) ซึ่งเป็นภูเขาเล็กๆสูง ๙๘.๖ เมตร ที่ตั้งอยู่กลางเมืองฮิราอิซึมิ ที่นี่มีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นที่ตั้งสุสานของครอบครัวของมินาโมโตะ โนะ โยชิตสึเนะ (源 義経みなもと の よしつね, ปี 1159-1189) วีรบุรุษคนสำคัญในช่วงปลายยุคเฮย์อัง

ฮิราอิซึมินั้นเป็นสถานที่ที่โยชิตสึเนะอาศัยอยู่เป็นระยะเวลานาน และจบชีวิตลงด้วย จึงถือว่ามีความสำคัญในประวัติศาสตร์ช่วงนี้

ก่อนที่จะเล่าเรื่องเที่ยวสถานที่นี้ก็ขอเขียนถึงเกี่ยวกับโยชิตสึเนะสักหน่อย เพราะเป็นประวัติศาสตร์ที่สำคัญ และทำให้เข้าใจเกี่ยวกับฮิราอิซึมิมากขึ้น



โยชิตสึเนะ มีชื่อในวัยเด็กว่า อุชิวากะ (牛若うしわか) เกิดในปี 1159 ในตระกูลมินาโมโตะ (みなもと) ซึ่งเป็นตระกูลนักรบตระกูลหนึ่งที่มีอิทธิพลยิ่งใหญ่ในช่วงสมัยนั้น คือช่วงปลายยุคเฮย์อัง (平安へいあん, ปี 794-1185)

พ่อของเขาคือมินาโมโตะ โนะ โยชิโตโมะ (源 義朝みなもと の よしとも, ปี 1123-1160) ผู้นำตระกูลมินาโมโตะในตอนนั้น โดยเขาเป็นลูกชายคนที่ ๙ ซึ่งเป็นคนสุดท้อง

ส่วนแม่ของเขาคือโทกิวะโงเซง (常磐御前ときわごぜん, ปี 1138-?) ซึ่งว่ากันว่าเป็นสาวงามที่สุดคนหนึ่งในยุคนั้น ทำให้โยชิตสึเนะเองก็เป็นหนุ่มหน้าตาดีมากด้วย

*คำว่า "โกเซง" (御前ごぜん) นั้นเป็นคำลงท้ายชื่อ มักใช้เรียกภรรยาของคนที่มีตำแหน่งสูงๆในยุคนั้น

หลังจากโยชิตสึเนะเพิ่งเกิดมาได้ไม่ทันไร ในปี 1160 ได้เกิดเหตุการณ์กบฏปีเฮย์จิ (平治へいじらん) ขึ้นมา เป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างตระกูลมินาโมโตะ กับตระกูลไทระ (たいら) ซึ่งนำโดยไทระ โนะ คิโยโมริ (平 清盛たいら の きよもり, ปี 1113-1181) ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ซึ่งพาตระกูลไทระไปสู่ความรุ่งโรจน์ในตอนนั้น

สุดท้ายแล้วเหตุการณ์ครั้งนี้ก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของฝ่ายมินาโมโตะ โยชิโตโมะได้ถูกสังหาร ส่วนโทกิวะโงเซงได้หลบหนีออกไป โดยได้พาโยชิตสึเนะซึ่งยังเป็นทารก พร้อมกับลูกชายอีก ๒ คน (พี่ชายของโยชิตสึเนะซึ่งเกิดจากแม่เดียวกัน) คือ อิมาวากะ (今若いまわか, ปี 1153-1203) กับโอโตวากะ (乙若おとわか, ปี 1155-1181) ไปด้วยกัน

แต่สุดท้ายโทกิวะโงเซงก็ตัดสินใจยอมเข้ามอบตัวกับคิโยโมริ พร้อมกับลูกชายทั้ง ๓ คน โดยทำใจไว้แล้วว่าคงจะถูกประหารลงเช่นเดียวกับพี่น้องอีกหลายคนในตระกูลมินาโมโตะที่พบจุดจบลงไปก่อนหน้านี้แล้ว

แต่ด้วยความใจกว้างของคิโยโมริทำให้ทั้งแม่และลูกทั้ง ๓ ได้รับการปล่อยให้มีชีวิตรอดต่อไป รวมทั้งลูกหลานคนอื่นๆอีกหลายคนในตระกูลมินาโมโตะที่ยังเหลือรอดอยู่ด้วย โดยที่ไม่คาดคิดว่าในที่สุดแล้วเด็กเหล่านั้นเมื่อโตขึ้นมาแล้วจะกลับมาแก้แค้นแทนพ่อของตัวเองในภายหลัง

หลังจากนั้นโยชิตสึเนะก็ได้เติบโตขึ้นมาโดยถูกเลี้ยงดูในวัดคุรามะ (鞍馬寺くらまでら) ที่เมืองหลวงเกียวโต เขาถูกคาดหวังว่าเมื่อโตขึ้นจะให้บวชเป็นพระเพื่อจะได้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องความขัดแย้งระหว่างตระกูล แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้รู้ถึงอดีตของตัวเอง ในที่สุดจึงมุ่งมั่นที่จะกำจัดคิโยโมริและตระกูลไทระเพื่อแก้แค้นให้ได้ จึงตัดสินใจออกจากวัดมา

ปี 1174 ขณะอายุ ๑๕ ปี โยชิตสึเนะได้เดินทางไปยังฮิราอิซึมิ (平泉ひらいずみ) ซึ่งในสมัยนั้นเป็นศูนย์กลางการปกครองภูมิภาคโอวชู (奥州おうしゅう) ซึ่งเทียบเท่ากับภูมิภาคโทวโฮกุ (東北地方とうほくちほう, คือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ของญี่ปุ่นในปัจจุบัน

ฮิราอิซึมิในตอนนั้นถูกปกครองโดยตระกูลโอวชูฟุจิวาระ (奥州藤原おうしゅうふじわら) โยชิตสึเนะได้มาขอพึ่งพิงฟุจิวาระ โนะ ฮิเดฮิระ (藤原 秀衡ふじわら の ひでひら, ปี 1122-1187) ซึ่งเป็นผู้นำรุ่นที่ ๓ ของตระกูลโอวชูฟุจิวาระ ซึ่งเขาก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี แล้วโยชิตสึเนะก็ได้เติบโตขึ้นมาที่นั่น

แล้วพอถึงปี 1180 ก็เกิดสงครามเกมเปย์ (源平合戦げんぺいかっせん) ปะทุขึ้น เป็นความขัดแย้งระหว่างตระกูลไทระกับกลุ่มคนที่ต้องการโค่นล้มตระกูลไทระซึ่งมีอิทธิพลมายาวนาน นำโดยตระกูลมินาโมโตะซึ่งต้องการล้างแค้น ผู้นำตระกูลขณะนั้นคือ มินาโมโตะ โนะ โยริโตโมะ (源 頼朝みなもと の よりとも, ปี 1147-1199) ลูกชายคนที่ ๓ ของโยชิโตโมะ และเป็นพี่ชายต่างแม่ของโยชิตสึเนะ โดยตั้งฐานอยู่ที่เมืองคามากุระ (鎌倉かまくら)

โยชิตสึเนะได้เดินทางกลับจากฮิราอิซึมิมายังคามากุระเพื่อเข้าร่วมรบพร้อมกับโยริโตโมะ และได้สร้างผลงานดีเด่นมากมายในการสู้รบศึกต่างๆ ทำให้ฝ่ายมินาโมโตะได้เปรียบเป็นอย่างมาก

ไม่นานน้กคิโยโมริก็ได้ล้มป่วยและเสียชีวิตลงในปี 1181 ทิ้งให้ลูกหลานในตระกูลไทระยังคงต่อสู้กับตระกูลมินาโมโตะกันต่อไป แต่เมื่อขาดคิโยโมริไปแล้ว ตระกูลไทระก็ยิ่งเสื่อมโทรมอย่างไม่อาจฟื้นคืนมาได้ สถานการณ์เสียเปรียบขึ้นเรื่อยๆ จนต้องทิ้งเมืองหลวงแล้วหนีถอยร่นไปตั้งหลักทางภาคตะวันตก

ในระหว่างนั้น โยชิตสึเนะได้หมั้นกับซาโตะโงเซง (郷御前さとごぜん, 1168-1189) ภายใต้การชี้นำของโยริโตโมะ แล้วทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันในปี 1184

แต่ว่าในขณะนั้นโยชิตสึเนะก็ได้พบรักกับสาวงาม ชิซึกะโงเซง (静御前しずかごぜん) ซึ่งเป็น ชิราเบียวชิ (白拍子しらびょうし, คืออาชีพนักรำและร้องเพลงแบบหนึ่งที่แพร่หลายในช่วงยุคเฮย์อัง) สุดท้ายก็เลยให้ซาโตะโงเซงเป็นภรรยาหลวง และได้ชิซึกะโงเซงเป็นภรรยาน้อย

ในปี 1185 กองทัพมินาโมโตะภายใต้การนำของโยชิตสึเนะได้ปราบตระกูลไทระอย่างราบคาบ ตระกูลไทระโดนกำจัดทิ้งทั้งหมดจนล่มสลาย สิ้นสุดสงครามเกมเปย์ แล้วโยริโตโมะก็ได้กลายเป็นโชกุนผู้ยิ่งใหญ่ตั้งรัฐบาลโชกุนคามากุระขึ้น ปกครองแผ่นดินญี่ปุ่น และเป็นจุดเริ่มต้นของยุคคามากุระ (ปี 1185-1333) เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

เรื่องราวของตระกูลไทระจนถึงตรงนี้ได้ถูกเล่าขานใน เฮย์เกะโมโนงาตาริ (平家物語へいけものがたり) ซึ่งเป็นมหากาพย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดเรื่องหนึ่งของญี่ปุ่น และโยชิตสึเนะก็เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ปรากฏในบันทึกนี้ เราจึงรู้เรื่องราวของเขาไปด้วย

แม้ว่าโยชิตสึเนะจะเป็นวีรบุรุษที่สร้างผลงานอย่างมากในสงครามปราบตระกูลไทระครั้งนี้ แต่เขากลับไม่ได้รับความดีความชอบอะไรจากโยริโตโมะ และในปีเดียวกันนั้นเขาก็กลับมีเรื่องบาดหมางกับโยริโตโมะจนถึงขั้นตัดขาดกัน ในที่สุดโยริโตโมะก็ได้ส่งนักฆ่ามาจัดการโยชิตสึเนะ แต่ว่าไม่สำเร็จ โยชิตสึเนะสามารถหนีไปได้

หลังจากนั้นโยชิตสึเนะก็ได้หนีตายไปยังฮิราอิซึมิเพื่อขอพึ่งพาฮิเดฮิระอีกครั้ง ซึ่งฮิเดฮิระก็ต้อนรับอย่างดีและได้ช่วยให้ที่พักพิงกับเขา

การหนีไปอยู่ฮิราอิซึมิทำให้โยชิตสึเนะจำต้องพรากจากชิซึกะโงเซง ภรรยาน้อยสุดที่รักของเขา โดยไม่รู้ว่าเธอตั้งครรภ์มีลูกของเขาอยู่ในท้อง ต่อมาชิซึกะโงเซงได้ถูกพวกของโยริโตโมะจับได้ และได้อยู่ในความดูแลของโฮวโจว มาซาโกะ (北条 政子ほうじょう まさこ, ปี 1157-1225) ภรรยาของโยริโตโมะจนกว่าจะคลอดลูก

มีเรื่องเล่าว่าในระหว่างนั้นมีวันหนึ่งชิซึกะโงเซงได้ถูกสั่งให้มาแสดงรำร้องเพลงต่อหน้าโยริโตโมะ แต่เธอได้ร้องเพลงที่แสดงถึงความรักที่มีต่อโยชิตสึเนะ ทำให้โยริโตโมะไม่พอใจอย่างมาก ถ้ามาซาโกะไม่มาห้ามไว้เธออาจไม่รอดก็เป็นได้

หลังจากนั้นชิซึกะโงเซงได้คลอดลูกชายออกมา โยริโตโมะกลัวว่าถ้าปล่อยไปเด็กคนนี้ซึ่งเป็นลูกของโยชิตสึเนะจะโตขึ้นมาแล้วกลับมาแก้แค้นตัวเองเข้าสักวัน จึงสั่งให้กำจัดทิ้ง หลังจากนั้นชิซึกะโงเซงก็ได้รับการปล่อยตัว แล้วเธอก็หายตัวไป ไม่มีใครรู้ข่าวคราวอีกเลย

ส่วนซาโตะโงเซงซึ่งเป็นภรรยาหลวงของโยชิตสึเนะนั้นในที่สุดก็ได้ตามมาเจอโยชิตสึเนะที่ฮิราอิซึมิ ทั้ง ๒ คนมีลูกด้วยกัน ๑ คน อาศัยอยู่ด้วยกันที่ฮิราอิซึมิตั้งแต่นั้นมา

ต่อมาโยริโตโมะได้สืบจนรู้ว่าโยชิตสึเนะหนีมาอยู่ฮิราอิซึมิ จึงทำให้โยริโตโมะไม่พอใจและถือว่าทางฮิราอิซึมิเป็นกบฏ จึงเกิดเป็นสงครามโอวชู (奥州合戦おうしゅうかっせん) ซึ่งเป็นสงครามระหว่างโยริโตโมะกับตระกูลโอวชูฟุจิวาระที่นำโดยฮิเดฮิระ ซึ่งให้การสนับสนุนโยชิตสึเนะ

แต่ในปี 1187 ฮิเดฮิระได้ล้มป่วยและเสียชีวิตลง ลูกชายของเขาคือฟุจิวาระ โนะ ยาสึฮิระ (藤原 泰衡ふじわらの やすひら, ปี 1155-1189) จึงเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลต่อไป

ยาสึฮิระนั้นได้รับฝากฝังจากพ่อให้คอยช่วยเหลือโยชิตสึเนะต่อไป แต่แล้วเขาก็ถูกกดดันจากโยริโตโมะให้ยอมแพ้แล้วส่งตัวโยชิตสึเนะให้ ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจยอมหักหลังโยชิตสึเนะ ในปี 1189 ยาสึฮิระได้ส่งทหารเข้าล้อมจับโยชิตสึเนะที่อาคารโคโรโมงาวะ (衣川館ころもがわのたて) ซึ่งเขาอาศัยอยู่ขณะนั้น เหตุการณ์ครั้งนี้เรียกว่า การต่อสู้ที่โคโรโมงาวะ (衣川ころもがわたたかい)

ในการต่อสู้ครั้งนี้ มุซาชิโบว เบงเกย์ (武蔵坊 弁慶むさしぼう べんけい, ปี ?-1189) ซึ่งเป็นผู้ติดตามผู้ซื่อส้ตย์ของโยชิตสึเนะได้พยายามปกป้องโยชิตสึเนะ แต่ก็ถูกลูกธนูจำนวนมากปักจนตายทั้งๆที่กำลังยืนอยู่ เกิดเป็นตำนานเล่าขานที่เรียกว่า "การยืนตายแบบเบงเกย์" (弁慶べんけい立往生たちおうじょう) ซึ่งเป็นที่โด่งดังรู้จักไปทั่ว

โยชิตสึเนะซึ่งรู้ว่ายังไงก็ไม่มีทางรอดแล้วจึงได้ตัดสินใจฆ่าตัวตายไปพร้อมกับซาโตะโงเซงและลูกวัย ๔ ขวบ ในที่สุดเขาก็ต้องจบชีวิตลงในวัยแค่ ๓๐ ปี

หลังจากนั้นยาสึฮิระก็ได้ตัดเอาคอของโยชิตสึเนะส่งไปให้โยริโตโมะตามที่เขาต้องการ แต่แล้วยาสึฮิระก็กลับไม่ได้รับการไว้ชีวิต สุดท้ายก็ถูกโยริโตโมะกำจัดทิ้ง ตายลงในปีเดียวกัน ตระกูลโอวชูฟุจิวาระจึงถึงคราวล่มสลาย

ส่วนศพของซาโตะโงเซงและลูกที่ตายไปพร้อมกับโยชิตสึเนะนั้น ได้ถูกนำมาฝังที่ตีนเขาคิงเกย์ซังใจกลางเมืองฮิราอิซึมิ

ทุกวันนี้หากใครมาเที่ยวฮิราอิซึมิก็สามารถเข้าเยี่ยมชมสุสานของครอบครัวโยชิตสึเนะซึ่งตั้งอยู่ที่ตีนเขาคิงเกย์ซัง รวมถึงอาคารทากาดาจิงิเกย์โดว (高館義経堂たかだちぎけいどう) ซึ่งถูกสร้างใหม่ในบริเวณที่โคโรโมงาวะสถานที่ตายของโยชิตสึเนะและครอบครัวตั้งอยู่ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับตำนานการยืนตายของเบงเกย์อยู่ด้วย



หลังจากเล่าประวัติศาสตร์มาซะยาวแล้ว เราก็ได้เห็นแล้วว่าโยชิตสึเนะเป็นบุคคลสำคัญอย่างไร และฮิราอิซึมิมีความสำคัญอย่างไรกับเขาบ้าง คราวนี้กลับมาที่บันทึกการท่องเที่ยวที่นี่

ครั้งนี้เรามีโอกาสได้มาเที่ยวคิงเกย์ซังชมสุสานของครอบครัวโยชิตสึเนะ แล้วหลังจากนั้นยังมีโอกาสได้ไปชมอาคารทากาดาจิงิเกย์โดวด้วย ซึ่งก็จะเล่าถึงต่อไป

ก่อนอื่นขอเล่าถึงการเที่ยวคิงเกย์ซังก่อน

หลังจากที่ออกมาจากวัดโมวตซือแล้ว พวกเราก็นั่งรถมาแล้วมาจอดตรงหน้าทางขึ้นเขาคิงเกย์ซัง



จากนั้นเดินเข้ามาก็เจอสุสานของครอบครัวโยชิตสึเนะซึ่งเป็นเป้าหมายทันที



ป้ายหน้าสุสาน



ที่สุสานถูกสร้างเป็นเจดีย์ โกรินโตว (五輪塔ごりんとう)



ข้างๆนั้นมีป้ายเขียนอธิบายเกี่ยวกับสถานที่นี้



ข้างๆสุสานเป็นอาคารเซนจุโดว (千手堂せんじゅどう) ซึ่งมีรูปสลักไม้ของโยชิฮิระตั้งอยู่



การชมบริเวณสุสานก็จบลงแค่เพียงเท่านี้ ดูแล้วไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น จากนั้นพวกเราก็เดินขึ้นเขาไป




ระหว่างทางมีบางส่วนที่ชัน แต่ก็มีบันได ปีนขึ้นไปได้ไม่ยาก



ใช้เวลาไม่นาน แค่ประมาณ ๕ นาทีเท่านั้นก็ขึ้นไปถึงยอดเขา



บนยอดเขาก็ดูแล้วไม่ได้มีอะไรมาก



ทิวทัศน์ที่มองจากยอดเขา ก็ไม่ได้เห็นอะไรชัดนัก เพราะไม่ได้สํงมาก และมีต้นไม้บัง



หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว เดินกลับลงจากเขา



บนพื้นระหว่างทางเห็นลูกเกาลัดตกอยู่ เห็นผลด้วย ลองหยิบขึ้นมาดู แต่ไม่ได้เก็บมากิน แค่ถ่ายรูปเก็บไว้



การเที่ยวเขาคิงเกย์ซังก็จบลงเพียงเท่านี้ ดูแล้วก็ไม่มีอะไรมาก แต่ก็เป็นสถานที่หนึ่งที่สำคัญได้ตามรอยบุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ ไม่ได้ใช้เวลามาก และมาไม่ลำบาก

หลังจากนั้นเราก็ยังได้ไปเที่ยวสถานที่อื่นๆในเมืองฮิราอิซึมิต่อไป https://phyblas.hinaboshi.com/20221116



-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- ประเทศญี่ปุ่น >> อิวาเตะ
-- ท่องเที่ยว >> ศาสนสถาน >> วัด
-- ท่องเที่ยว >> ภูเขา
-- ประวัติศาสตร์ >> ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
-- ท่องเที่ยว >> มรดกโลก
-- ท่องเที่ยว >> สุสาน

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

สารบัญ

รวมคำแปลวลีเด็ดจากญี่ปุ่น
มอดูลต่างๆ
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
การเรียนรู้ของเครื่อง
-- โครงข่าย
     ประสาทเทียม
ภาษา javascript
ภาษา mongol
ภาษาศาสตร์
maya
ความน่าจะเป็น
บันทึกในญี่ปุ่น
บันทึกในจีน
-- บันทึกในปักกิ่ง
-- บันทึกในฮ่องกง
-- บันทึกในมาเก๊า
บันทึกในไต้หวัน
บันทึกในยุโรปเหนือ
บันทึกในประเทศอื่นๆ
qiita
บทความอื่นๆ

บทความแบ่งตามหมวด



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  ค้นหาบทความ

  บทความแนะนำ

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ

บทความแต่ละเดือน

2024年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2023年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2022年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2021年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2020年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

ค้นบทความเก่ากว่านั้น

ไทย

日本語

中文