# เสาร์ 5 เม.ษ. 2025บันทึกการเที่ยวแถมท้ายต่อจากที่เดินทางไปเที่ยวศาลเจ้ามิยาจิดาเกะในเมืองฟุกุมะมา
https://phyblas.hinaboshi.com/20250411หลังจากที่นั่งรถไฟกลับ เราเลือกที่จะแวะเที่ยวอีกที่ระหว่างทางก่อนจะกลับ โดยลงที่
สถานีฟุกโกวไดมาเอะ (
福工大前駅) ซึ่งเป็นสถานีหน้า
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีฟุกุโอกะ (
福岡工業大学)
มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นมหาวิทยาลัยเอกชน ไม่ได้ถึงกับมีชื่อเสียงมากนัก แต่ก็เดินทางไปได้สะดวกเพราะมีสถานีรถไฟอยู่หน้ามหาวิทยาลัย และยังเป็นสถานีสำคัญที่รถไฟแบบเร็วทั้งหมดต้องจอดด้วย
ตัวมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ในพื้นที่เขตฮิงาชิ (
東区) ของเมืองฟุกุโอกะ แต่ก็ใกล้เขตแดนที่ข้ามไปอีกนิดเดียวก็เป็นเขต
เมืองชิงงู (
新宮町) ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ติดกับเมืองฟุกุโอกะทางเหนือ
แถวๆมหาวิทยาลัยนี้ก็เป็นย่านชุมชนที่มีคนอาศัยกันมากมาย ดังนั้นสถานีหน้ามหาวิทยาลัยนี้ก็ไม่ใช่แค่สำหรับนักศึกษาหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัย แต่ยังมีคนที่อาศัยแถวนั้นทั้งในเขตเมืองฟุกุโอกะและเมืองชิงงูจำนวนมากมาใช้ด้วย
เป้าหมายการมาที่นี่ครั้งนี้นอกจากจะมาเที่ยวชมมหาวิทยาลัยแล้วก็ยังมีอีกอย่างนั่นคือมาแวะกินราเมง
มิโสะเซงนิชินะยะ (みそ
膳仁科家) ซึ่งเป็นร้านในเครือ
โดซังโกะราเมง (どさん
子ラーメン) ซึ่งเป็นร้านราเมงมิโสะที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ ลักษณะเด่นของร้านนี้ก็คือมีราเมงที่ใส่มิโสะแบบต่างๆให้เลือกมากมายหลายแบบ
เริ่มจากเดินทางมาลงที่สถานีฟุกโกวไดมาเอะ เวลา 11:46

ออกมาข้างนอก ถ่ายภาพอาคารสถานี

จากนั้นก็เดินมาทางตะวันตกนิดหน่อยก็เจอร้านมิโสะเซงนิชินะยะ อยู่ในตึกนี้

ป้ายหน้าร้านดูแล้วเขียนชื่อราเมงมิโสะชนิดต่างๆมากมาย

เข้ามาภายในร้าน นั่งที่นั่งเคาน์เตอร์ด้านในสุด

ข้างๆที่นั่งมีมังงะวางอยู่เต็มไปหมดด้วย ด้านบนเป็นโทรทัศน์ที่เปิดอยู่ตลอด

เมนู จะเห็นว่ามีราเมงให้เลือกหลายแบบมา ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นราเมงมิโสะ แต่ใช้มิโสะแบบต่างๆกันไปหลายแบบ

นอกจากนี้ยังมีเมนูเฉพาะฤดู เป็นราเมงใส่หอยนางรมจากฮิโรชิมะ ราคา ๑๑๕๐ เยน ที่จริงก็น่าสนแต่หอยนางรมที่นี่เป็นของแพง

ที่เราสั่งคือราเมงมิโสะไซเกียว (
西京味噌らーめん) ราคา ๘๓๐เยน นี่เป็นมิโสะชนิดหนึ่ง มีต้นกำเนิดที่เกียวโต

บนโต๊ะมีเครื่องปรุงต่างๆทั้งผักดอง เมล็ดงา กระเทียม

ก็ใส่เครื่องปรุงแล้วกิน อร่อยดีทีเดียว

หลังกินเสร็จก็ซดน้ำซะจนหมดเลย ปกติแล้วการซดน้ำราเมงจนหมดไม่ดีต่อสุขภาพเพราะเต็มไปด้วยเกลืออยู่มาก แต่ว่ามิโสะถือเป็นของที่ดีต่อสุขภาพ แล้วก็อร่อยด้วย ก็เลยซดไปจนหมดด้วยความรู้สึกเหมือนกับตอนกินมิโสะชิรุ

ถ้าได้มากินอีกแล้วเลือกมิโสะชนิดอื่นจะมีรสชาติต่างไปยังไงบ้างก็อยากรู้เหมือนกัน ถ้าเราเป็นนักศึกษาที่นี่หรืออาศัยอยู่แถวนี้คงได้แวะมาร้านนี้บ่อยเพื่อลองมิโสะชนิดต่างๆ แต่น่าเสียดายว่าอยู่ไกลตั้งสุดขอบเมืองแบบนี้ โอกาสที่จะมาถึงนี่อีกน่าจะยาก
ตอนที่กินเสร็จแล้วออกจากร้านมาก็พบว่ามีรถมาจอดอยู่หน้าร้านจนแน่น ถ่ายภาพหน้าร้านได้ยาก ดีที่ถ่ายไว้ตั้งแต่ตอนก่อนเข้าแล้ว

หลังจากนั้นก็ออกมาแล้วเดินไปตามย่านเมืองแถวนี้ดูสักหน่อย

ย่านแถวนี้ก็มีพวกร้านอาหารอยู่ไม่น้อย เช่นร้านแฟรนไชส์อย่างโยชิโนยะ

นี่ก็ร้านราเมงอีกร้าน

ร้านอาหารโอกินาวะก็มี

แล้วก็เดินข้ามรางรถไฟตรงนี้ไปก็เป็นบริเวณมหาวิทยาลัยแล้ว

เข้ามาในบริเวณมหาวิทยาลัยก็เจอร้านราเมงอีกร้านอยู่ข้างใน
ราเมงนิโกนานะ (らーめんにこなな)


นี่ก็ดูแล้วน่าอร่อย โดยเฉพาะอันล่างที่เต็มไปด้วยกุยช่าย แต่ว่าขายแค่ช่วงมื้อเย็นจำกัดแค่ ๑๐ ที่เท่านั้น

สนามบอลเล็กๆ

เดินต่อลึกเข้าไปในมหาวิทยาลัย



ตรงนี้มีแผนที่ให้ดูบริเวณภายในมหาวิทยาลัย ดูแล้วไม่กว้าง ถือว่าค่อนข้างเล็ก และที่เด่นอยู่ตรงกลางเห็นเป็นสีชมพูคือบ่อน้ำกลางมหาวิทยาลัย ชื่อว่า
โอโตเมะงะอิเกะ (
乙女ヶ池) ซึ่งปลูกซากุระไว้รอบๆ จึงเป็นจุดเด่นของที่นี่เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ

แล้วก็มาเดินดูรอบบ่อน้ำ เต็มไปด้วยซากุระบานสวยไม่ผิดหวังที่มาเลยทีเดียว













เดินขึ้นมาตรงอาคารด้านใน

จากบนนี้มองลงไปยังบ่อน้ำก็สวยดี

ลองเดินลึกเข้าไปดูบริเวณอื่นบ้าง นอกจากบริเวณบ่อน้ำแล้วก็ก็เจอซากุระอยู่บ้าง แม้จะไม่ได้โดเด่นเท่า



จากบริเวณพื้นที่มหาวิทยาลัยที่อยู่สูงมองข้ามไปยังย่านที่อยู่อาศัยแถวนี้

จากนั้นก็ดูจะไม่มีอะไรแล้ว ก็เดินออกไปทางสถานีรถไฟ

บริเวณมหาวิทยาลัยอยู่ติดกับรางรถไฟเลย ตรงนี้เป็นรั้วกั้นระหว่างมหาวิทยาลัยกับชานชลาสถานี

ทางข้ามไปเข้าสถานี


แล้วก็แตะบัตรเข้าไปในชานชลา


แล้วก็ขึ้นรถไฟรอบ 13:09 ซึ่งมีปลายทางที่เมืองโทสึจังหวัดซางะ นั่งรถไฟกลับ เป็นอันจบการเที่ยวครั้งนี้

การเที่ยวชมซากุระของปีนี้ก็คงจะจบลงแค่เพียงเท่านี้ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนอีก แล้วซากุระก็เริ่มเข้าสู่ช่วงโรยในที่สุด แต่เท่านี้ก็ถือว่าได้เต็มอิ่มกับซากุระแล้ว ไว้รอปีหน้าค่อยมาชมซากุระกันอีกครั้ง