ต่อจาก 
บทที่ ๘ดังที่ได้พูดถึงไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าคำนามในภาษามองโกลนั้นมีการผันรูปเพื่อแสดงหน้าที่ต่างๆในประโยค
คำนามที่ไม่ได้ผันนั้นปกติจะทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค แต่หากจะให้ทำหน้าที่อื่นภายในประโยคก็มักจะต้องเปลี่ยนรูปไป
สำหรับบทนี้จะพูดถึงการใช้คำนามทำหน้าที่เป็นกรรมตรงของประโยค ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักจะต้องทำการผัน
ต่อไปนี้จะเรียกคำนามที่ผันเป็นรูปนี้ว่า "รูปกรรมตรง"
วิธีการผันคำนามรูปกรรมตรงคำนามที่จะใช้เป็นกรรมตรงของประโยคนั้นโดยปกติแล้วจะต้องผันเป็นรูปกรรมตรง
วิธีการผันนั้นต่างกันออกไปแล้วแต่คำ แต่โดยทั่วไปแล้วสามารถสรุปได้ดังนี้
สำหรับคำที่เป็นสระเสียงยาวหรือสระประสม แค่เติม г ลงไปต่อท้ายก็กลายเป็นรูปกรรมตรงแล้ว
|   | 
รูปประธาน | 
รูปกรรมตรง | 
| ดินสอ | 
харандаа | 
харандааг | 
| หมา | 
нохой | 
нохойг | 
หากเป็นคำที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะให้เติม ийг
|   | 
รูปประธาน | 
รูปกรรมตรง | 
| บ้าน | 
гэр | 
гэрийг | 
| เรื่องราว | 
тууж | 
туужийг | 
เพียงแต่ว่าสำหรับคำสระหลังส่วนหนึ่งจะเติม ыг แทน
|   | 
รูปประธาน | 
รูปกรรมตรง | 
| มือ | 
гар | 
гарыг | 
| หนังสือ | 
ном | 
номыг | 
แต่ว่าต่อให้เป็นคำสระหลัง แต่ถ้าลงท้ายด้วย ж, ч, ш, г, к, и, ь ก็เติม ийг เหมือนกัน
สรุปหลักการแยกว่าจะใช้ ыг หรือ ийг อาจสรุปได้เป็นดังนี้
|   | 
ลงท้ายด้วย ж, ч, ш, г, к, и, ь | 
อื่นๆ | 
| คำสระหลัง | 
ийг | 
ыг | 
| คำสระหน้า | 
ийг | 
หากเป็นคำที่ลงท้ายด้วยสระเสียงสั้นหรือ ь ให้ตัดมันทิ้งก่อนแล้วค่อยเติม ийг หรือ ыг 
|   | 
รูปประธาน | 
รูปกรรมตรง | 
| หมาป่า | 
чоно   | 
чоныг | 
| ลม | 
салхи   | 
салхийг | 
| เงิน | 
мөнгө   | 
мөнгийг | 
| ม้า | 
морь   | 
морийг | 
การใช้และไม่ใช้รูปกรรมตรงหลังจากที่เข้าใจวิธีการผันคำนามเป็นรูปตรงแล้ว ต่อไปจะมาดูว่าใช้งานอย่างไร
ที่จริงแล้วยังมีความยุ่งยากอยู่อีกอย่างตรงที่ว่า ต่อให้เป็นกรรมตรงก็อาจไม่ต้องผันเป็นรูปกรรมตรงเสมอไป แต่จะผันเมื่อกรรมตรงนั้นเป็นคำนามแบบจำเพาะเจาะจงเท่านั้น
เช่นลองดูเทียบสองประโยคนี้
би энэ номыг уншина. = ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้ | 
би ном уншина. = ฉันอ่านหนังสือ | 
ทั้ง ๒ ประโยคนี้ต่างมีกรรมเป็น ном เหมือนกัน แต่ว่าในประโยคแรกมีการผันเป็นรูปกรรมตรง ในขณะที่ในประโยคหลังยังกลับไม่ต้องผัน ยังคงเขียนเหมือนรูปประธาน
ข้อแตกต่างคือประโยคแรกนั้นมี энэ นำหน้าอยู่ ซึ่งแสดงถึงความจำเพาะเจาะจงนั่นเอง คือเป็นตัวระบุแน่ชัดว่าเป็น "หนังสือเล่มนี้" ไม่ใช่เล่มใดๆก็ได้ ในกรณีแบบนี้จึงต้องทำการผันคำนามนี้เป็นรูปกรรมตรง
เมื่อมีการผันเป็นรูปกรรมตรงก็จะบอกได้ชัดเจนว่าอันไหนเป็นประธาน อันไหนเป็นกรรม ดังนั้นต่อให้สลับตำแหน่งกันแบบนี้ก็ความหมายเหมือนเดิม เช่น
энэ номыг би уншина. = หนังสือเล่มนี้ฉันอ่าน (ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้) | 
แบบนี้ยังไงประธานก็คือ "ฉัน" ส่วนกรรมก็คือ "หนังสือเล่มนี้"
ส่วนกรณีที่ไม่จำเพาะเจาะจงแม้จะเป็นกรรมตรงก็ให้เขียนในรูปเดิมเหมือนกับประธาน
เพียงแต่ว่าถ้ารูปเหมือนกันแบบนี้จะบอกได้อย่างไรว่าตัวไหนเป็นประธาน ตัวไหนเป็นกรรม? ที่จริงแล้วกรณีแบบนี้จะดูลำดับคำเอา โดยทั่วไปแล้วประธานจะมาก่อน ส่วนกรรมจะอยู่ติดกับกริยา
เช่น
могой хулгана иднэ. = งูกินหนู | 
| ꡐ могой = งู | 
ꡐ хулгана = หนู | 
ในคำนี้ "งู" могой ขึ้นต้นก่อน แล้วจึงตามด้วย "หนู" хулгана แล้วจึงเป็นคำกริยา идэх "กิน" (ผันเป็นรูปปัจจุบันอนาคต) ดังนั้นจึงรู้ว่า "งู" เป็นประธานส่วน "หนู" เป็นกรรม แม้ว่าจะไม่มีการผันคำนาม "หนู" ให้เป็นรูปกรรมตรงก็ตาม กรณีแบบนี้ถ้าสลับตำแหน่งคำนาม ความหมายก็จะเปลี่ยน
แต่ถ้ากรรมอยู่ในรูปจำเพาะเจาะจง ก็จะมีการผันเป็นรูปกรรมตรงให้เห็นชัด แบบนี้จะสลับตำแหน่งก็ได้
| могой энэ хулганыг иднэ. | 
หรือ энэ хулганыг могой иднэ. = งูกินหนูตัวนี้ | 
เพียงแต่ว่ากรณีที่ประโยคยาวแล้วต้องการเขียนให้กรรมตรงอยู่ห่างจากคำกริยาไปมากก็จะมีการผันเป็นรูปกรรมตรงด้วยเหมือนกัน แม้ว่าจะเป็นรูปไม่เจาะจงก็ตาม เช่น
барилгыг нутгийн хүмүүс баринэ. = ตึกสร้างโดยพวกคนท้องที่ | 
| ꡐ барилга = ตึก | 
ꡐ нутгийн = ท้องที่ | 
| ꡐ хүмүүс = พวกคน | 
ꡐ барих = สร้าง | 
แต่ประโยคนี้ถ้าย้ายเอา "ตึก" ไปไว้ติดกับคำกริยา "สร้าง" ก็จะไม่ต้องผันรูปกรรมตรง
нутгийн хүмүүс барилга баринэ. = พวกคนท้องที่สร้างตึก | 
ถ้าเช่นนั้นแล้วก็ชวนให้สงสัยว่างั้นทำไมถึงไม่ผันรูปกรรมตรงให้ชัดเจนทุกครั้งไปเลยล่ะ การที่ไม่ผันในบางกรณีจำกัดแบบนี้มีความหมายอะไร?
ที่จริงตรงนี้ก็เป็นส่วนที่แปลกสำหรับภาษามองโกลซึ่งทำให้ดูซับซ้อนขึ้นมา เรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นแค่เรื่องของความเคยชินในการใช้ เพราะเขาใช้กันมาแบบนี้เป็นปกติ แม้มันอาจทำให้ดูยุ่งยากขึ้นมาก็ตาม ดังนั้นก็ต้องจำหลักการใช้ตามนี้ไปด้วย
คำนามบางส่วนที่มีการผันแบบพิเศษปกติแล้วถ้าจะผันคำนามเป็นรูปกรรมตรงก็ใช้หลักการดังที่กล่าวข้างต้น แต่ก็มีคำนามจำพวกหนึ่งที่เวลาผันจะไม่เป็นไปตามกฎ หรือเปลี่ยนรูปไปเป็นอย่างอื่นเลย ซึ่งคำพวกนี้ได้แก่พวกคำสรรพนาม ดังนี้
|   | 
รูปประธาน  | 
รากที่จะใช้ผัน | 
รูปกรรมตรง | 
| ฉัน | 
би | 
намай | 
намайг   | 
| พวกเรา | 
бид | 
бидэн | 
биднийг   | 
| เธอ | 
чи | 
чамай | 
чамайг   | 
| คุณ | 
та | 
тан | 
таныг   | 
| นี่ | 
энэ | 
ไม่เปลี่ยน | 
энийг   | 
| энэн | 
энэнийг   | 
| үүн | 
үүнийг   | 
| นั่น | 
тэр | 
ไม่เปลี่ยน | 
тэрийг   | 
| тэрэн | 
тэрнийг   | 
| түүн | 
түүнийг   | 
| เหล่านี้ | 
эд | 
эдэн | 
эднийг   | 
| เหล่านั้น | 
тэд | 
тэдэн | 
тэднийг   | 
สำหรับ энэ กับ тэр นั้นจะมีอยู่หลายแบบ โดยอาจจะผันจากรูปเดิมเป็น энийг กับ тэрийг เลยก็ได้ หรืออาจจะผันจากรูป энэн, тэрэн กับ үүн, түүн ก็ได้ ไม่ว่าตัวไหนก็ใช้ในความหมายเดียวกัน
อ่านต่อ 
บทที่ ๑๐