>> ตอนที่แล้วแผนซุ่มโจมตีครั้งต่อไปหลังจากที่กลับจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโดยที่ไม่มีร่องรอยอะไรให้ตามต่อ ทุกคนก็กลับมาประชุมกันที่ห้องชมรม
เมื่อไม่มีเบาะแสอะไรแผนการณ์จึงมาลงตัวที่การไปหาที่ซุ่มโจมตีอีก ครั้งนี้ตัดสินใจเลือกที่ห้องสมุดเพราะสึซึนะรู้สึกเป็นห่วงโชวเนนดอลขึ้นมา
นารุโกะก็เลยลงข่าวลือในเน็ตว่าคราวนี้ชมรมกลับบ้านจะไปล่าดิจิเฮดที่หอสมุด
เรื่องกลุ้มใจของชมรมกลับบ้าน
~เนื้อเรื่องเสริมของสมาชิกชมรมกลับบ้าน~
คราวนี้เป็นเนื้อเรื่องเสริมของแต่ละคนในชมรมกลับบ้านก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อเรื่องซุ่มโจมตี
เนื้อเรื่องของบางคนเมื่อดำเนินไปถึงจุดหนึ่งจะมีตัวเลือกว่าจะล้วงลึกเข้าไปถึงปมในอดีตของตัวละครหรือไม่ ซึ่งตรงนั้นนี้คือจุดที่จะได้รู้ความลับของตัวละครนั้นโดยละเอียด รู้ว่ามีเรื่องทุกข์ในอะไรเกิดขึ้นจึงได้มาอยู่ที่เมอบิอุส
สำหรับตอนนี้เนื้อเรื่องของอายานะดำเนินไปถึงจุดนั้นได้ ส่วนของคนอื่นยังต้องรอก่อน
โชวโงะกับโคโตโนะมาปรึกษาเรื่องที่ว่าอยากให้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องที่อายานะกลัวผู้ชาย ไม่งั้นอาจเป็นอันตรายต่อผู้ชายในชมรมได้
จึงได้ลองหาโอกาสให้ไปพูดคุยกับผู้ชายแต่ละคนในชมรม โดยเริ่มจากเคนสึเกะ ซึ่งเธอก็มีอาการต่อต้านอยู่ไม่น้อยจนยิ่งคุยยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้เคนสึเกะ แต่สุดท้ายก็ดูเหมือนจะเริ่มใจอ่อนลงได้บ้าง
ต่อมาลองมาหาอิซึรุ ซึ่งดูจะคุยไปได้อย่างราบรื่น แต่คุยไปมาจนเล่าถึงเรื่องที่ว่าเมื่อก่อนเคยเป็นไอดอลใต้ดิน แต่อยู่ๆเธอกลับไม่อยากพูดต่อแล้วก็หนีหายไป
แต่พอถามถึงเอย์จิเธอกลับทำท่ารังเกียจเกรงกลัวบอกว่าไม่อยากยุ่งด้วยเด็ดขาดเพราะได้เห็นว่าตอนนั้นเข้าไปทำร้ายคุจินาชิอย่างเลือดเย็น
อาเรียเลยถือโอกาสถามว่าทำไมเธอถึงกลัวผู้ชาย อายานะจึงเล่าว่าที่จริงฝังใจมาตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว แต่จุดแตกหักที่สำคัญคิือเมื่อสมัยที่เป็นไอดอลใต้ดินมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อมินามิเดะ ฮิมาริ (
南出 日向) ซึ่งเป็นสมาชิกวงเดียวกัน แต่วันหนึ่งกลับถูกแฟนผู้บ้าคลั่งไล่ตามแล้วพาลทำร้่ายด้วยกระบองเหล็ก สุดท้ายจึงลงเอยด้วยการฆ่าตัวตาย ส่วนคนร้ายก็ชื่อ
ทาโดโกโระ (田所) ซึ่งชื่อเหมือนกับคนที่เอย์จิเคยเล่าว่าเป็นโจรลักพาตัวเขาเมื่อตอนเด็ก ไม่รู้บังเอิญหรือว่าเป็นคนเดียวกันจริงๆ
หลังจากนั้นวันหนึ่งก็เห็นเธอเขียนจดหมายอยู่ แล้วขึ้นไปบนดาดฟ้า พับจดหมายเป็นเครื่องบินกระดาษลอยไป
ถึงจุดนี้เราจะต้องตัดสินใจว่าจะล้วงลึกถึงปัญหาในใจอายานะหรือไม่
เมื่อตัดสินใจที่จะถามต่อเธอจึงเล่าว่าจดหมายนี้เขียนถึงคุณพ่อ แต่ยังไงก็ไม่มีทางส่งถึงอยู่แล้วตราบใดที่ยังไม่ได้กลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง
เธอเล่าว่าหลังเกิดเรื่องที่เพื่อนไอดอลชื่อฮิมาริฆ่าตัวตายจนทำให้เธอเป็นโรคกลัวผู้ชายอย่างรุนแรงเธอก็ไม่อาจเข้าใกล้คุณพ่อได้อีก ถึงขนาดต้องแยกไปใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ทั้งที่จริงๆก็รู้ว่าพ่อเป็นคนดี ไม่ได้เป็นเหมือนผู้ชายที่เธอเจอมา
แล้ววันหนึ่งเธอก็ได้ฟังเพลงของมิวแล้วก็มาอยู่ที่เมอบิอุสนี้ ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขโดยที่ตอนแรกมองเห็นเพื่อนรอบข้างเป็นผู้หญิงทั้งหมด แต่แล้ววันหนึ่งก็ได้เจอคนที่เป็นเพื่อนเก่าสมัยที่เป็นไอดอลใต้ดิน ตั้งแต่นั้นมาจึงเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของโลกนี้ขึ้นมาในที่สุด อีกทั้งเพื่อนคนนั้นยังบอกให้รู้ว่าพ่อของเธอล้มป่วยลง เธอจึงรู้สึกผิดและอยากรีบกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงเพื่อกลับไปพบพ่อและขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมา
โคโตโนะมาปรึกษาเรื่องที่มีคนส่งจดหมายลึกลับมาอีกแล้ว โดยคราวนี้บอกให้ไปเจอ แต่เธอรู้สึกไม่ไว้วางใจจึงให้เราช่วยแอบตามไปคอยดู
เมื่อลองมาตามนัดก็กลับเจอดิจิเฮดพุ่งเข้าโจมตี โชคดีที่เราแอบตามไปดูอยู่จึงช่วยเอาไว้ได้
เมื่อล้มดิจิเฮดได้นักเรียนหญิงคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหา เธอดูเหมือนจะเป็นคนที่รู้จักโคโตโนะในโลกจริง มาถึงก็พูดเรื่องอดีตของโคโตโนะ ทั้งเรื่องแม่เธอ แล้วก็เรื่องของคนที่ชื่อ "ทักคุง" ซึ่งเป็นชื่อคนเดียวกับที่โคโตโนะพูดถึงในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำวันก่อน แต่โคโตโนะก็ยังไม่ได้อธิบายอะไรต่อจากนั้น
ทางด้านโชวโงะหลังจากที่ถูกจิกะบังคับให้เป็นแฟนก็ถูกชวนออกไปเดตด้วยบ่อยๆ
แต่วันหนึ่งก็พบโชวโงะมีท่าทีเหมือนไม่ค่อยสบายในขณะที่เดินมากับจิกะ เธอบอกว่าตะกี้ชวนไปร้องคาราโอเกะ แต่พอเปิดเพลงของธอร์นขึ้นมาโชวโงะก็มีอาการคลื่นไส้ ทำให้เธอเป็นห่วงและขอโทษ
ส่วนโคตาโรวซึ่งได้รับคำร้องปรึกษาให้ไปช่วยเพื่อนของเขา พอไปถึงก็กลับพบว่าเพื่อนคนนั้นชื่อ
ยูโตะ (悠人) เป็นคนรู้จักของโคตาโรวในโลกจริง เขาเองก็ดูเหมือนจะรู้ว่าโลกนี้ไม่ใช่โลกจริงแล้ว และเมื่อเห็นโคตาโรวก็จำหน้าได้แล้วก็หนีไป
ทางด้านนารุโกะก็ได้เล่าว่าหมู่นี้เริ่มเขียนนิยายขึ้นมา พอถามถึงเนื้อเรื่องก็พบว่าแค่เอาเรื่องของพวกตัวเองในเมอบิอุสมาดัดแปลงเขียนใหม่ให้เป็นนิยายเท่านั้นเอง
ส่วนเคนสึเกะยังคงวุ่นอยู่กับการตามเก็บกวาดดิจิเฮดที่เป็นแฟนเพลงของคางิพี
แต่วันหนึ่งก็มาเจอกับชายคนหนึ่งที่ใช้นามแฝงว่า
บลูมัน (ブルーマン) เขารู้ตัวอยู่แล้วว่าโลกนี้ไม่ใช่โลกแห่งความเป็นจริง แถมยังรู้ว่าเคนสึเกะกำลังพยายามเพื่อจะกลับสู่โลกจริง เขาเลยเล่าว่าตัวเองในโลกจริงเป็นผู้ใหญ่ที่ทำงานน่าเบื่อไปวันๆเหมือนอย่างที่เคนสึเกะกลัวว่าจะได้เป็น ทำให้เคนสึเกะเถียงไม่ออกและเริ่มรู้สึกหวาดกลัวในอนาคตขึ้นมาอีก เริ่มลังเลที่จะกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง
เดิมทีเคนสึเกะตั้งใจจะอยู่เมอบิอุสต่อไปเพราะอยากอยู่เป็นเด็กมัธยมปลายอย่างนี่ตลอดไป ไม่อยากโตเป็นผู้ใหญ่ แต่หลังจากที่แพ้ให้กับชมรมกลับบ้านแล้วเข้ามาเป็นสมาชิกเขาก็เริ่มเปลี่ยนความคิดและตั้งใจจะกลับสู่โลกจริงไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริง แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เขากลับเริ่มลังเลคิดหนักขึ้นมาอีก
ทางด้านมิฟุเอะคราวนี้ได้ชวนออกมาตามหา NPC ที่เป็นคุณแม่ แต่ก็ยังคงไม่พบ และอาเรียก็ได้บอกว่าอาจต้องรีบเพราะ NPC ที่ไม่ถูกใช้งานจะถูกลบทิ้งหายไปในที่สุดเพื่อเปลี่ยนเป็น NPC ตัวใหม่ เพราะพลังงานภายในเมอบิอุสมีจำกัด
ส่วนสึซึนะก็ได้ชวนมากินข้าวด้วยกันอีก คราวนี้ชวนมิฟุเอะมาด้วย เธอเล่าเรื่องสมัยมัธยมต้นให้ฟังมากขึ้น พูดถึงเรื่องที่เมื่อก่อนเคยอยู่ชมรมขับร้องประสานเสียง ดังนั้นก็เลยเป็นคนที่พูดเสียงดัง
เอย์จิได้ขอโทษเรื่องที่ตัวเองเผลอคลุ้มคลั่งขึ้นมาตอนที่โดนคุจินาชิขังในกรงที่ซีพาราอีโซวันก่อน ซึ่งอาเรียก็ดูจะเข้าใจและไม่ได้ว่าอะไร
แล้วเอย์จิก็ได้ขอยืมโทรศัพท์มือถือของนารุโกะเพื่อเอาไปใช้ค้นหาข้อมูลในโลกจริง นารุโกะแอบดูบันทึกว่าเอย์จิค้นเว็บอะไรไปบ้างก็กลับพบว่าเขาลบประวัติการเข้าเว็บไปเกลี้ยงเหมือนไม่อยากให้ใครรู้ แต่นารุโกะได้ลงแอ็ปที่ช่วยสร้างไฟล์บันทึกคำที่ถูกค้นไว้ให้ จึงสามารถรู้จนได้ว่าเอย์จิค้นเรื่องอะไร แล้วก็ได้รู้ว่าเขาค้นเกี่ยวกับคนที่ชื่อทาโดโกโระซึ่งเคยเล่าให้ฟังว่าลักพาตัวไปตอนเด็ก นอกจากนี้ยังมีค้นข้อมูลเรื่องวงไอดอล
อุซึเมะไต (ウズメ隊) ซึ่งเป็นวงที่อายานะและเพื่อนชื่อฮิมาริเคยอยู่นั่นเอง
ต่อมาเอย์จิก็ได้พูดถึงเรื่องที่วันก่อนเขาใช้นารุโกะค้นเรื่องทาโดโกโระ จึงได้รู้ว่าทาโดโกโระที่เขาอยู่นั้นเป็นคนเดียวกับที่ทำร้ายฮิมาริ ทาโดโกโระคนนี้เป็นไอดอลโอตาคุ และตอนนี้ก็ได้ข่าวมาว่าเขาได้เข้ามาอยู่ในเมอบิอุสด้วย ซึ่งอาเรียก็ได้บอกว่าคนแบบนั้นถ้ามาอยู่ที่นี่จริงๆอาจกลายเป็น
เอโกเฮด (エゴベッド) ซึ่งหมายถึงพวกดิจิเฮดที่บ้าคลั่งเป็นพิเศษ ดังนั้นต้องระวังให้ดี
มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาหาอิซึรุที่ห้องชมรมแล้วยื่นจดหมายให้ซึ่งเดาได้ว่าน่าจะเป็นจดหมายรัก พอเอาไปให้อิซึรุเขาก็ทิ้งไปอย่างไม่ใยดีโดยไม่ยอมอ่าน
อิซึรุนั้นแม้จะเข้ามาเป็นสมาชิกชมรมกลับบ้านแล้วแต่ก็มักจะทำตัวโดดเดี่ยวไม่อยากยุ่งกับใคร ที่เข้ามาเป็นพวกเพราะหวังว่าจะได้กลับบ้านเท่านั้น
อาเรียเห็นแล้วก็เป็นห่วงจึงท้าให้เขาแสดงให้เห็นว่าตัวเองสามารถใช้ชีวิตคนเดียวได้จริง โดยเริ่มจากชวนไปร้านอาหารซื้อข้าวกินคนเดียว ปรากฏว่าเขามีปัญหาในการซื้ออาหาร สุดท่้ายจึงยอมรับว่าแม่เขาไม่เคยปล่อยให้ออกไปกินข้าวข้างนอกเองเลย แม่เขาเป็นนักไวโอลินที่มีชื่อเสียง และตั้งความหวังกับอนาคตเขาไว้จึงคอยบงการชีวิตตลอดจนไม่ได้ทำอะไรด้วยความคิดของตัวเองเลย จนมาที่เมอบิอุสจึงอยากได้อยู่อิสระตัวคนเดียวบ้าง
กลับมาเป็นฮิกิโกโมริที่หอสมุดต่อหลังจากที่ชมรมกลับบ้านได้ตั้งแผนซุ่มโจมตีที่หอสมุดขึ้น ธอร์นก็เรียกเราไปหาอีก คราวนี้คุจินาชิกับมิเรย์ถูกเรียกมาด้วยเพราะเพิ่งสู้แพ้มาเหมือนกัน
จากนั้น lucid ก็ได้มาที่หอสมุดด้วยกันกับคุจินาชิและมิเรย์ และอีกคนคือโชวเนนดอล
แต่พอเข้ามาได้สักพักจู่ๆโชวเนนดอลก็หายตัวไป ซึ่งพอเดาได้ว่าเขาคงกลับไปเก็บตัวเป็นฮิกิโกโมริในห้องตัวเอง
จึงต้องเดินลุยไปให้ถึงนห้องของโชวเนนดอลเพื่อตามหาตัว แล้วเกลี้ยกล่อมให้ยอมออกมาได้
ในขณะเดียวกันทางฝั่งชมรมกลับบ้านนั้น เอย์จิได้แอบหลบมาค้นข้อมูลอะไรบางอย่างด้วยคอมพิวเตอร์ในหอสมุดอยู่ตามลำพังคนเดียว
เขาพยายามค้นเรื่องทาโดโกโระ แต่ว่าข้อมูลที่นี่ไม่ได้เจออะไรที่เกี่ยวกับโลกจริงเลย นอกจากข้อมูลที่เก่ากว่า ๖ ปี เมื่อโคโตโนะกับอาเรียตามตัวมาเจอ พอถามถึงอาเรียก็บอกว่าจริงๆข้อมูลจากโลกจริงไม่น่าจะสามารถค้นได้ ถ้ามีข้อมูลเก่าเมื่อ ๖ ปีก่อนอยู่น่าจะเป็นบั๊ก
เมื่อโคโตโนะมาดูหน้าจอที่เอย์จิค้นอยู่ก็พบว่าเขากำลังค้นเรื่องคดีที่ไอดอลโดนแฟนผู้บ้าคลั่งโจมตีเข้าทำร้าย แต่คนร้ายกลับไม่ถูกจับเพราะมีทนายเก่งช่วยแก้ต่างให้
ระหว่างที่คุยกันอยู่พวก lucid ก็เข้ามาเจอตัว มิเรย์มีปากเสียงกับโคโตโนะอีกเช่นเคย
ส่วนคุจินาชิยังคงโกรธแค้นเอย์จิจึงมีปากเสียงกันและเอย์จิก็ท้าตีขึ้นมาอีก
ในที่สุดก็ต้องปะทะกัน โดยโคโตโนะขอให้อาเรียช่วยเพิ่มพลังให้ ครั้งนี้จึงต้องร่วมมือกับพวกคุจินาชิเพื่อล้มทั้ง ๒ คน
เมื่อชนะแล้วทั้ง ๒ คนก็หนีไป
หลังเสร็จเรื่องแล้วก็กลับมา ครั้งนี้ถือว่าทำงานได้แม้จะปล่อยให้พวกชมรมกลับบ้านหนีไปได้อีกแล้วก็ตาม
มิเรย์ดูจะสงสัยว่าตัวจริงของ lucid คือใคร แต่ธอร์นก็ไม่ยอมบอกอะไร แค่บอกว่าอาจเป็นพวกพ้องหรืออาจเป็นศัตรูก็ได้ต้องรอลุ้นกันต่อไป
เรื่องกลุ้มใจของเหล่านักดนตรี
~เนื้อเรื่องเสริมของสมาชิกนักดนตรีออสตินาโต~
เมื่อผ่านเนื้อเรื่องในส่วนซุ่มโจมตีไปได้อีกก็ทำให้ดำเนินเนื้อเรื่องของพวกตัวละครฝั่งนักดนตรีออสตินาโตได้ต่ออีกหน่อย โดยคราวนี้มีคุจินาชิเพิ่มมาอีกคน
คุจินาชินั้นดูจะมีความสุขกับครอบครัวที่นี่ซึ่งมีทั้งพ่อแม่และพี่สาวอยู่ด้วยกัน วันหนึ่งเธอบอกว่าเป็นวันเกิดอยากชวนพวกนักดนตรีไปร่วมงานวันเกิด ซึ่ง lucid สวีตพี โชวเนนดอล stork ต่างก็ไปร่วมด้วย
แต่เมื่อมาร่วมงานก็พบว่าพ่อแม่และพี่สาวนั้นทั้งหมดเป็นแค่ NPC ทั้งนั้น ไม่ใช่คนที่มาจากโลกจริง แต่เธอก็ดูมีความสุขกับครอบครัวที่นี่
แต่ระหว่างในงาน ขณะที่กินเค้ก คุจินาชิก็เกิดมีอาการหายในไม่ออกขึ้นมาแล้วล้มลงไป แต่สักพักก็ดีขึ้นแล้วบอกว่าเป็นโรคแพ้ควันไฟเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ประจำ ไม่มีอะไรมาก แล้วก็ขอบคุณที่มาร่วมงานวันเกิดด้วย
ส่วน stork ยังคงชวนไปแอบด้อมมองอีก คราวนี้ขณะที่ชวนไปที่หอสมุดเขาก็เล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังมากขึ้นว่าจริงๆแล้วเขาเป็นตำรวจ แต่ตอนกลางคืนจะไปแอบถ้ำมองโดยไม่ให้ใครจับได้ และตอนที่ทำงานก็ทำจริงจังจนคนอื่นก็มองว่าเขาเป็นตำรวจที่ดีไม่ถูกสงสัย
แต่พอคุยไปถึงเรื่องที่ว่าเขาได้แอบดูเห็นอะไรแปลกๆบ้างเขาก็กลับตกใจแล้วนิ่งไปเหมือนมีปมอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ซึ่งไม่อยากพูดถึง หลังจากนั้นมาเขาก็เริ่มมีท่าทีแปลกไป
ส่วนธอร์นยังคงชวนไปกินข้าวหรือแช่อนเซงแล้วยังคงพูดเหมือนแสดงบทเป็นใครบางคนอีกแล้ว บางทีก็หลุดพูดชื่อโชวโงะขึ้นมา บ้างก็พูดถึงคนชื่อ "อิจิกะ" แต่เธอก็ยังไม่ยอมบอกว่าที่ทำไปนั้นมีความหมายอะไร
>> ตอนถัดไป