φυβλαςのβλογ
phyblas的博客



ตำนานกรีกฉบับสรุปย่อ
เขียนเมื่อ 2022/06/03 21:49
แก้ไขล่าสุด 2023/07/05 20:24
 



ในบทความนี้จะแนะนำให้รู้จักถึงสิ่งที่เรียกว่า "ตำนานกรีก" แบบรวบรัดให้จบภายในหน้าเดียว ไม่ต้องอ่านกันยืดยาวเลย โดยจะพูดถึงตั้งแต่ที่มา และเนื้อเรื่องในส่วนที่สำคัญโดยย่อ

เนื้อหาที่ใช้เรียบเรียง รวมทั้งภาพประกอบนั้นรวมรวมมาจากหนังสือ ๓ เล่มดังนี้
- 一冊でまるごとわかるギリシア神話 (だいわ文庫)
- マンガ 面白いほどよくわかる! ギリシャ神話
- ギリシア神話 知っておきたい!神様たちの物語 (角川つばさ文庫)
และยังมีส่วนหนึ่งอาศัยข้อมูลจากวิกิพีเดียด้วย



ที่มาของตำนานกรีก

ตำนานกรีกนั้นเชื่อว่ามีที่มาจากการเล่าสืบต่อกันมานานในกรีกโบราณมาตั้งแต่กว่าพันปีก่อน ค.ศ. แล้ว แต่มีการเขียนบันทึกเรื่องราวเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นครั้งแรกด้วยภาษากรีกในช่วงประมาณ 700 ปีก่อน ค.ศ. โดยบันทึกเก่าแก่ที่สุดคือมหากาพย์ "เทโอโกนีอา (θεογονία)" ซึ่งเขียนโดยกวีชื่อเฮซีโอดส (Ἡσίοδος)

ตำนานที่เล่ามาแบบปากต่อปากนั้นอาจคลาดเคลื่อนได้ง่าย จึงมีความแตกต่างเกิดขึ้นบ้างไปตามท้องที่ต่างๆ แต่โดยภาพรวมว่าใครเป็นเทพเจ้าอะไร มีความสัมพันธ์กันอย่างไรนั้นมักจะตรงกันอยู่ เพียงแต่จะต่างไปในรายละเอียดว่าใครทำอะไรอย่างไร

เรื่องราวที่ปรากฏในตำนานกรีกนั้นทั้งหมดบอกเล่าว่าเป็นเรื่องในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งเหล่าเทพเจ้าได้มายุ่งย่ามกับมนุษย์จนเกิดเรื่องวุ่นๆมากมาย

ฉากโลกมนุษย์ในตำนานกรีกนั้นก็ใช้สถานที่ต่างๆในแถวกรีกโบราณและบริเวณรอบๆนั้น ซึ่งมีอยู่จริง และมีโบราณสถานที่เชื่อกันว่าเชื่อมโยงกับตำนานหลงเหลือให้เห็นบางส่วนด้วย



สถานที่ที่เกี่ยวข้องนั้นมีอยู่หลายแห่งมาก แต่ในที่นี้จะกล่าวถึงส่วนหนึ่งที่สำคัญให้พอเห็นภาพโดยกว้างๆ

สถานที่สำคัญที่สุดก็คือภูเขาโอลึมปส (Ὄλυμπος) ซึ่งเป็นภูเขาสูงทางตอนเหนือของกรีซ ที่นี่เชื่อว่าเป็นที่อยู่หลักของเหล่าเทพเจ้ากรีก ซึ่งนำโดยเซอุส (Ζεύς)

นอกจากนี้ก็มีเมืองต่างๆ เช่นอาแทไน (Ἀθῆναι) เมืองโบราณที่เป็นเมืองหลวงของกรีซมาตั้งแต่อดีตจนถึงสมัยใหม่ ปัจจุบันรู้จักกันดีในชื่อว่า "กรุงเอเธนส์"

แล้วก็เช่นเกาะใหญ่ตอนใต้สุดชื่อเกาะแกรแต (Κρήτη) หรือปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ "เกราะครีต" ก็เป็นสถานที่ที่มีความผูกพันกับเทพเจ้า และในตำนานได้เล่าไว้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นมากมาย เช่นเป็นสถานที่เกิดของเทพเจ้าเซอุสด้วย

หรืออย่างกรุงโตรยอา (Τροία) หรือที่ปัจจุบันนิยมเรียกว่า "เมืองทรอย" เป็นฉากของสงครามกรุงโตรยอาที่ถือเป็นมหากาพย์ช่วงท้ายของตำนานกรีกที่สำคัญ สถานที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นประเทศตุรกีในปัจจุบัน

เรื่องราวในตำนานกรีกนั้นเกิดมาจากการประกอบกันหลายๆส่วน มีผู้แต่งมากมายหลายคนตั้งแต่ยุคโบราณมา เนื้อหาก็มีส่วนเกี่ยวข้องกันเชื่อมโยงกัน หรือบางทีก็ขัดแย้งกันไปบ้าง จึงยากที่จะสรุปออกมาเป็นเนื้อเรื่องเดียวได้ง่ายๆ

สำหรับสรุปที่จะเขียนต่อไปนี้จะยกมาแค่ส่วนหลักๆที่เป็นแกนสำคัญ เนื้อเรื่องที่โดดเด่นเป็นที่รู้จักกันดี รวมทั้งเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มดาวต่างๆ



พล็อตเรื่องซ้ำซาก

เมื่ออ่านตำนานกรีกแล้ว เรามักจะเจอแนวโน้มพล็อตที่ซ้ำไปมาหลายครั้ง จึงขอยกมาพูดถึงไว้ตรงนี้สักหน่อย ให้เตรียมใจกันเอาไว้ก่อน
  1. เทพเจ้ามีอิทธิฤทธิ์ล้นฟ้า ทำเรื่องเหนือจินตนาการ แต่มีกิเลส และเอาแต่ใจ
  2. เทพเจ้าเดี๋ยวก็เป็นตัวดีบ้าง ตัวร้ายบ้าง บางครั้งก็แบ่งฝ่ายตีกันเอง
  3. เทพเจ้าแปลงร่างเป็นใครหรืออะไรก็ได้ แต่มักจะเปิดเผยตัวหลังจากเกิดเรื่องวุ่นแล้ว
  4. ความสัมพันธ์ระหว่างเทพเจ้าที่เป็นอมตะกับมนุษย์ที่มีอายุขัย
  5. การแต่งงานระหว่างพี่น้องแท้หรือพ่อแม่ลูก
  6. วีรบุรุษมักเป็นลูกครึ่งระหว่างเทพเจ้ากับมนุษย์
  7. มีคำทำนายว่าลูกจะฆ่าหรือสร้างหายนะให้พ่อ เลยพยายามกำจัดลูก แต่ดันรอด แล้วกลับมาทำตามคำทำนาย
  8. มนุษย์ที่ทำให้เทพเจ้าโกรธ มักจบไม่สวย
  9. เซอุสมีแฮราเป็นภรรยาหลวง แต่มักนอกใจไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่นๆจนมีลูกมากมาย
  10. แล้วแฮราก็จับได้แล้วโกรธเลยตามไปทำร้ายลูกภรรยาน้อยแต่ละคน
  11. มักมีส่วนที่ดูแล้วไม่สมเหตุสมผลหรือขัดแย้งในตัว อย่าไปคิดมาก
เนื้อเรื่องส่วนใหญ่จะพบว่าพวกเทพเจ้านั้นมีพลังอำนาจเหลือหลาย และยังดูเอาแต่ใจ อยากทำอะไรก็ทำได้ ทั้งแปลงร่างหรือสาปคนเป็นโน่นนี่ สร้างความเดือดร้อนให้มนุษย์เสมอมา แต่บางเรื่องที่เหมือนจะง่ายก็กลับทำไม่ได้ ทำให้รู้สึกขัดใจได้ สิ่งต่างๆนี้ก็ได้แสดงให้เห็นถึงแนวคิดของคนสมัยกรีกโบราณที่มีต่อสิ่งเหนือธรรมชาติ

แล้วอย่างเรื่องที่พี่น้องหรือพ่อแม่ลูกสายเลือดเดียวกันมาแต่งงานกันเองเนี่ย คนสมัยนี้คงจะมองว่าเป็นเรื่องไม่ดี แต่สิ่งเหล่านี้ปรากฏเป็นปกติในตำนานกรีก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงค่านิยมของคนสมัยกรีกโบราณซึ่งต่างไปจากปัจจุบัน



จุดกำเนิดของโลกนี้

ก่อนอื่นมาเริ่มกันตั้งแต่แรกสุดเลย นั่นคือตั้งแต่โลกนี้ถือกำเนิดขึ้นมา ตามตำนานกรีกแล้ว โลกนี้เริ่มแรกมีแต่ความสับสนวุ่นวาย เรียกว่า คาอส (Χάος)

ต่อมาได้กำเนิดเทพไกอา (Γαῖα) เป็นเทพหญิงองค์แรก ตัวแทนแห่งพื้นพิภพ แล้วไกอาก็ได้ให้กำเนิดลูกชายคือเทพอูรานส (Οὐρανός) ซึ่งได้กลายเป็นผู้ปกครองท้องฟ้า

แล้วไกอาก็กลับได้ครองคู่กับอูรานส แล้วก็ได้คลอดลูกออกมามากมาย ซึ่งลูกพวกนั้นเรียกว่าเทพตีตาน (Τιτάν) ซึ่งจะมีบทบาทในยุคถัดไป

นอกจากนั้นแล้วในยุคเริ่มต้นมีเทพเจ้าอีกหลายองค์ ซึ่งมีบทบาทน้อยกว่าแต่ก็ปรากฏในตำนานอยู่ด้วย เลยขอยกมาไว้แค่ชื่อส่วนหนึ่ง ดังนี้
  • ตาร์ตารส (Τάρταρος) เทพเจ้าแห่งขุมนรก
  • เอรอส (Ἔρως) เทพเจ้าแห่งความรัก
  • ปนตส (Πόντος) เทพเจ้าแห่งทะเล
  • เอเรบส (Ἔρεβος) เทพเจ้าแห่งความมืดใต้พิภพ
  • นึกส์ (Νύξ) เทพธิดาแห่งกลางคืน ภรรยาของเอเรบส
  • ไอแทร์ (Αἰθήρ) เทพเจ้าแห่งท้องฟ้า ลูกชายของเอเรบสและนึกส์
  • แฮเมรา (Ἡμέρα) เทพธิดาแห่งกลางวัน ลูกสาวของเอเรบสและนึกส์ น้องสาวของไอแทร์
  • ฯลฯ
อูรานสปกครองฟ้า ไกอาปกครองพื้นดิน ทั้งคู่ถือเป็นเทพปกครองในยุคแรกสุด แต่แล้วไม่นานก็มาถึงจุดเปลี่ยน ต้นเหตุมาจากการยึดอำนาจโดยลูกของอูรานสนั่นเอง



ยุคของโกรนสและเหล่าตีตาน

อูรานสกับไกอาได้มีลูกที่เรียกว่าเทพตีตาน (Τιτάν) ๑๒ คน ได้แก่
  • โกรนส (Κρόνος) ผู้ยึดอานาจจากอูรานสและได้เป็นเจ้าครองในยุคต่อมา พ่อของเซอุส
  • เรอา (Ῥέα) ต่อมาเป็นภรรยาของโกรนส แม่ของเซอุส
  • ออเกอานส (Ωκεανός) เทพแห่งท้องทะเล
  • โกยอส (Κοῖος)
  • ฮือเปรีออน (Ὑπερίων)
  • เกรอส (Κρεῖος)
  • อีอาเปตส (Ἰάπετος) พ่อของโปรแมเทอุส
  • แทตึส (Τηθύς)
  • เทมิส (Θέμις) เทพธิดาแห่งความยุติธรรม ตอนหลังเป็นภรรยาของเซอุส
  • มแนโมซือแน (Μνημοσύνη) เทพธิดาแห่งความทรงจำ ตอนหลังเป็นภรรยาอีกคนของเซอุส
  • โพยแบ (Φοίβη)
  • เทอา (Θεία)
ที่มาของการเปลี่ยนถ่ายอำนาจนั้นเกิดขึ้นจากการที่หลังจากตีตาน ๑๒ คนเกิดมาแล้วไกอาได้คลอดลูกออกมาอีกแต่คราวนี้กลับเป็นอสูรกาย เช่นกือกลอปส์ (Κύκλωψ) ที่เป็นปีศาจยักษ์ตาเดียว และเฮกาตงเคร์ (Ἑκατόγχειρ) ซึ่งเป็นยักษ์ที่มี ๕๐ หัว ๑๐๐ มือ

พอได้ลูกเป็นตัวประหลาดแบบนี้แล้วก็เลยทำให้อูรานสไม่ยอมรับเป็นลูก เลยจับไปขัง แต่ไกอาไม่พอใจที่อูรานสทำแบบนี้ จึงได้ร่วมมือกับโกรนสให้จัดการอูรานสซะ

แล้วโกรนสก็ล้มอูรานสแล้วก็ได้เป็นเจ้าครองแทนต่อมา แต่ก็ไม่ได้รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับไกอาว่าจะช่วยปล่อยพวกน้องๆออกจากการถูกขัง ก็เลยทำให้ไกอาไม่พอใจ จึงอยู่ได้ไม่นานก็ถึงจุดเปลี่ยนอีก



การต่อสู้ระหว่างเซอุสและโกรนส

โกรนสได้มีลูกร่วมกันเรอาทั้งหมด ๖ คน ได้แก่
  • เซอุส (Ζεύς) ลูกคนเล็กสุด ต่อมาได้เป็นเทพเจ้าสูงสุด
  • โปเซดอน (Ποσειδῶν) พี่ชายของเซอุส ได้เป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
  • ฮาแดส (ᾍδης) พี่ชายของเซอุส ได้เป็นเทพเจ้าแห่งขุมนรก ต่อมายังได้เป็นลูกเขยของเซอุสด้วย
  • แฮรา (Ἥρα) พี่สาวของเซอุส เทพธิดาแห่งสตรีและการสมรส ต่อมาได้เป็นภรรยาหลวงของเซอุสด้วย
  • แดแมแตร์ (Δημήτηρ) พี่สาวของเซอุส เทพธิดาแห่งความอุดมสมบูรณ์ ต่อมาได้เป็นภรรยาอีกคนของเซอุสด้วย
  • เฮสตีอา (Εστία) พี่สาวของเซอุส เทพธิดาแห่งเตาอิฐและพรหมจรรย์ ไม่ได้แต่งงานกับใคร
แต่เนื่องจากโกรนสได้รับคำทำนายว่าลูกของตัวเองนั้นจะมาล้มบรรลังก์ของตัวเองเข้าสักวัน ก็เลยทำให้พอเรอาคลอดลูกออกมาโกรนสก็เอาลูกมากลืนลงท้องไปซะหมด

จนมาถึงคนที่ ๖ คือเซอุส เรอาแอบไปคลอดที่เกาะแกรตา แล้วฝากให้เหล่าเทพธิดานึมแพ (Νύμφη, หรือ นิมฟ์) ที่เกาะนั้นเลี้ยงดู ไกอาเองก็ได้ให้ความร่วมมือด้วย เซอุสจึงรอดมาได้และโตขึ้นมาในโลกภายนอก ต่างจากพี่ๆที่ต้องอยู่แต่ในท้องของโกรนส

หลังจากนั้นเซอุสได้หลอกให้โกรนสกินยาให้คายพวกพี่ๆทั้ง ๕ คนออกมาซะ แล้วพี่น้องทั้ง ๖ ก็ได้มาร่วมมือกันต่อสู้กับโกรนสเพื่อชิงอำนาจ

สงครามระหว่างพวกเซอุสกับโกรนสนี้มีชื่อเรียกว่า ตีตาโนมาคีอา (Τιτανομαχία) ซึ่งเป็นสงครามใหญ่และกินเวลายาวนาน ช่วงแรกๆก็ไม่เห็นผล จนกระทั่งไกอาได้แนะนำให้เซอุสไปช่วยพวกอสูรที่ถูกอูรานสขังไว้ (ซึ่งโกรนสก็เคยถูกขอให้ช่วยแต่ก็ไม่ยอมช่วยออกมาตามสัญญา)

พอได้กำลังเสริมจากพวกอสูรมาแล้วในที่สุดพวกเซอุสก็แข็งแกร่งสุดๆ แล้วเอาชนะโกรนสได้ ยึดอำนาจมาได้สำเร็จ แล้วเซอุสก็ได้เป็นผู้ปกครองสูงสุดแทน แล้วให้โปเซดอนไปปกครองท้องทะเล ฮาเดสได้ไปปกครองขุมนรก



ยุคของเซอุสและเทพแห่งโอลึมปส

หลังจากที่เซอุสได้ครองอำนาจแล้ว ก็ใช้ชีวิตสำราญ โดยได้เอาพวกเทพต่างๆมาเป็นภรรยา ซึ่งก็รวมถึงพี่สาวตัวเองอย่างแฮราและเดเมเตร์ และอาของตัวเองอย่างเทมิสกับมแนโมซือแนด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีอะไรกับเทพธิดาอีกหลายคน ที่สำคัญได้แก่ แมติส (Μῆτις) แลตอ (Λητώ) ไมอา (Μαῖα) ดีออแน (Διώνη) เป็นต้น และยังมีสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วย

แล้วระหว่างเซอุสกับเทพธิดาแต่ละคนก็ได้เกิดลูกขึ้นมาอีกมากมาย ที่สำคัญได้แก่
  • อาแทนา (Ἀθηνᾶ) ลูกของเซอุสกับแมติส เป็นเทพธิดาแห่งปัญญาและการรบ
  • อาปลลอน (Ἀπόλλων) ลูกของเซอุสกับแลตอ เป็นเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์
  • อาโพรดีแต (Ἀφροδίτη) ลูกของเซอุสกับดีออแน เป็นเทพธิดาแห่งความงาม
  • อาแรส (Ἄρης) ลูกของเซอุสกับแฮรา เป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม
  • อาร์เตมิส (Ἄρτεμις) ลูกของเซอุสกับแลตอ พี่สาวฝาแฝดของอาปลลอน เป็นเทพธิดาแห่งการล่าสัตว์
  • แฮไพส์ตส (Ἥφαιστος) ลูกของแฮรา เป็นเทพเจ้าแห่งช่างฝีมือ
  • เฮร์แมส (Ἑρμῆς) ลูกของเซอุสกับไมอา เป็นเทพเจ้าแห่งการค้าและการเดินทาง
ซึ่งทั้ง ๗ คนนี้ พร้อมกับเซอุสและพี่น้องอีก ๔ คนคือ โปเซดอน แฮรา แดแมแตร์ เฮสตีอา (ยกเว้นฮาแดส เท่านั้นที่ไม่นับรวม) รวมกันเรียกว่า ดอเดกาเทอน (Δωδεκάθεον) หรือเรียกว่าเป็น ๑๒ เทพแห่งโอลึมปส

เพียงแต่ว่าสำหรับอาโพรดีแตนั้น บางตำนานก็บอกว่าไม่ได้เป็นลูกของเซอุส แต่ว่าเกิดขึ้นมาจากอูรานส และบางตำนานก็บอกว่าเทพแห่งความรัก เอรอส นั้นเป็นลูกของอาโพรดีแต ในขณะที่บางส่วนก็บอกว่าเป็นเทพในยุคแรกที่เกิดมาถัดๆจากไกอา ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น

พวกเทพส่วนใหญ่จะหน้าตาดีๆกัน ยกเว้นอยู่คนนึงคือแฮไพส์ตส ซึ่งหน้าตาอัปลักษณ์แถมยังขาพิการด้วย แต่เก่งการช่างฝีมือ สร้างของต่างๆได้สารพัด บางตำนานก็บอกว่าแฮไพส์ตสนั้นเป็นลูกของแฮราคนเดียว ไม่ใช่ลูกของเซอุส

แม้จะเป็นอย่างนั้นแต่แฮไพส์ตสก็ได้แต่งงานกับอาโพรดีแตซึ่งเป็นสาวสวย แต่ว่าทั้งคู่ไม่ค่อยถูกกันสักเท่าไหร่ อาโพรดีแตเลยไปมีสัมพันธ์กับอาแรส จนมีลูกด้วยกัน

นอกจากนี้แล้วเทพดีโอนือซส (Διόνυσος) เทพแห่งการทำไวน์ ซึ่งเป็นลูกของเซอุสกับมนุษย์ชื่อเซเมแล (Σεμέλη) นั้นบางทีก็ถูกนับรวมอยู่ในกลุ่มเทพแห่งโอลึมปสด้วย



เซอุสกับแดแมแตร์มีลูกด้วยกันคนนึงคือ เปร์เซโพแน (Περσεφόνη) ซึ่งได้แต่งงานกับฮาแดส จึงได้เป็นราชินีแห่งขุมนรกไป

ส่วนแทมิสซึ่งเป็นอาของเซอุสนั้นก็ได้ให้กำเนิดลูกให้เซอุสมากมาย โดย ๓ คนแรกนั้นถูกเรียกรวมว่า ฮอรา (Ὥρα) เป็นเทพธิดาแห่งกาลเวลา
  • เอวโนมีอา (Εὐνομία)
  • ดีแก (Δίκη)
  • เอแรแน (Εἰρήνη)
นอกจากนี้แทมิสยังได้ให้กำเนิดลูกสาวอีก ๓ คน ซึ่งเรียกรวมว่า โมยรา (Μοῖρα) เป็นเทพแห่งโชคชะตา
  • กลอทอ (Κλωθώ)
  • ลาเคซิส (Λάχεσις)
  • อาโตรปส (Ἄτροπος)
เซอุสยังได้มีสัมพันธ์กับอาอีกคนคือมแนโมซือแน แล้วได้ให้กำเนิดลูกสาว ๙ คน ซึ่งเล่นดนตรีเก่ง เรียกรวมว่ามูซา (Μοῦσα)
  • กัลลีโอแป (Καλλιόπη)
  • เกลออ (Κλειώ)
  • เอวเตร์แป (Εὐτέρπη)
  • ทาเลอา (Θάλεια)
  • เมลโปเมแน (Μελπομένη)
  • เตร์ปซีโครา (Τερψιχόρα)
  • เอราตอ (Ἐρατώ)
  • โปลึมนีอา (Πολυμνία)
  • อูรานีอา (Οὐρανία)
นอกจากนี้ก็มีเทพอีกมากมายไม่อาจกล่าวถึงได้ทั้งหมด ในที่นี้ยกมาพูดถึงแค่ส่วนหนึ่งให้เห็นว่ามีเทพต่างๆมากมายซึ่งมีความสัมพันธ์ซับซ้อนวุ่นวายนักหนา



กำเนิดมนุษย์และเรื่องของกล่องปันดอรา

ตามตำนานกรีกนั้นว่าไว้ว่าผู้ที่ให้กำเนิดมนุษย์ขึ้นมาในแรกเริ่มนั้นคือเทพเจ้าโปรแมเทอุส (Προμηθεύς) ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเซอุส (ลูกของอีอาเปตส ลุงของเซอุส)

โปรแมเทอุสได้รับคำสั่งจากเซอุสให้ไปทำการสร้างมนุษย์ขึ้นมา มนุษย์จึงได้ถือกำเนิดขึ้นบนโลกมนุษย์

จากนั้นโปรแมเทอุสยังเป็นคนแอบเอาไฟไปให้มนุษย์โดยไม่บอกเซอุสด้วย จึงทำให้มนุษย์มีไฟใช้ได้ แต่ก็ทำให้เซอุสโกรธ จึงลงโทษจับขังทรมานโปรแมเทอุส

นอกจากนี้แล้วเซอุสยังได้สั่งให้แฮไพส์ตสช่วยทำการสร้างมนุษย์ผู้หญิงคนแรกคือปันดอรา (Πανδώρα) ส่งลงไปยังโลกมนุษย์ ไปหาเอปีแมเทอุส (Ἐπιμηθεύς) น้องชายของโปรแมเทอุสซึ่งอาศัยอยู่ที่โลกมนุษย์ พอเจอปันดอราแล้วเอปีแมเทอุสก็หลงรักและแต่งงานกับเธอทันที โดยไม่ฟังคำเตือนของโปรแมเทอุสว่าอย่าได้รับสิ่งใดๆจากเซอุส

แล้วเรื่องวุ่นก็เกิดขึ้นจริงๆ เพราะปันดอรานั้นได้มาพร้อมกับกล่องลึกลับใบหนึ่งซึ่งได้รับมอบมาจากเซอุส โดยตั้งแต่แรกนั้นได้ถูกสั่งไว้ว่ายังไงก็ห้ามเปิดกล่องนี้ออกเด็ดขาด แต่แล้วปันดอราก็แพ้ต่อความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง เปิดกล่องออกมาจนได้

ภายในกล่องนั้นบรรจุภัยพิบัติต่างๆ เมื่อเปิดออกสิ่งเหล่านี้จึงกระจายไปทั่วโลกมนุษย์ ทำให้มนุษย์ต้องเจอกับเรื่องทุกข์ทน แต่อย่างไรก็ตาม ในกล่องนั้นก็ยังใส่สิ่งที่เรียกว่า "ความหวัง" ไว้ด้วย ทำให้มนุษย์ยังหลงเหลือความหวังอยู่ได้เสมอแม้ว่าจะเจอความลำบากแค่ไหน



สงครามระหว่างเซอุสกับไกอา

ไกอานั้นเดิมทีได้เคยช่วยโกรนสล้มอูรานส แล้วก็ได้ช่วยเซอุสล้มโกรนสต่ออีก แต่อยู่มาวันหนึ่งไกอาก็เกิดผิดใจกับเซอุสขึ้นมา เนื่องจากไกอาอยากให้ปลดปล่อยพวกตีตานที่ถูกขังไว้ แต่เซอุสไม่ยอม คราวนี้เลยทำให้ไกอาลุกฮือขึ้นต่อต้านเซอุสขึ้นมาอีก

ในศึกครั้งนี้เหล่าเทพแห่งโอลึมปสได้เข้าร่วมกับเซอุสกันถ้วนหน้า นอกจากนี้ยังมีวีรบุรุษคนสำคัญคือแฮราแกลส (Ηρακλής) เป็นกำลังสำคัญ

แฮราแกลสนั้นเป็นลูกของเซอุสกับมนุษย์ชื่ออัลก์แมแน (Ἀλκμήνη) ลูกสาวของกษัตริย์แห่งมือแกไน (Μυκῆναι) เขาเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้สร้างตำนานยิ่งใหญ่ไว้มาก และหนึ่งในบทบาทสำคัญของเขาก็คือการร่วมสู้กับเซอุสในศึกนี้นั่นเอง

ฝ่ายไกอาได้ปล่อยอสูรยักษ์ตือพอน (Τυφών) ซึ่งเป็นไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดและเป็นเจ้าแห่งอสูรทั้งปวง ซึ่งก็ทำให้พวกเซอุสลำบาก แต่สุดท้ายก็เอาชนะมาได้

หลังจากนั้นแล้วก็ไม่มีใครจะมาขวางเซอุสในการเป็นเทพเจ้าสูงสุดอีกต่อไป





วีรบุรุษเปร์เซอุสผู้ปราบเมดูซา

ตำนานกรีกนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวของวีรบุรุษมากมายซึ่งมักจะมีเชื้อสายของเทพเจ้าอยู่ นอกจากแฮราแกลสแล้วก็ยังมีวีรบุรุษอีกคนที่มีชื่อเสียงมากและเป็นลูกของเซอุสเช่นกัน นั่นคือ เปร์เซอุส (Περσεύς)

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีหญิงสาวคนหนึ่งชื่อดานาแอ (Δανάη) เป็นเจ้าหญิงแห่งเมืองอาร์กส (Άργος) แต่ถูกจับขังอยู่เนื่องจากพ่อของเธอคือกษัตริย์อากรีซีอส (Ἀκρίσιος) นั้นได้ยินคำทำนายที่ว่า "หากลูกสาวตัวเองคลอดลูกออกมา เด็กคนนั้นจะกลับมาฆ่าตัวเขาเอง" เลยไม่ยอมให้ดานาแอไปยุ่งกับชายที่ไหน

แต่ปรากฏว่าเซอุสได้แปลงร่างเป็นฝนทองคำแล้วบุกเข้าไปหาดานาแอ ทำดานาแอท้อง ในที่สุดจึงได้ให้กำเนิดเปร์เซอุสขึ้นมา

กษัตริย์อากรีซีอสกลัวคำทำนายนั้นจะเป็นจริงขึ้นมาเลยจับเจ้าหญิงดานาแอพร้อมเปร์เซอุสที่ยังเป็นทารกยัดใส่กล่องให้ลอยไปในทะเล แต่ปรากฏว่าทั้งคู่รอดตายมาได้

เมื่อโตขึ้นมาเปร์เซอุสก็ได้กลายเป็นหนุ่มที่แข็งแกร่ง และได้เดินทางไปปราบกอร์กอน (Γοργών) ปีศาจสาวหัวงูที่ทำให้คนที่มองหน้ากลายเป็นหินได้

กอร์กอนนั้นเป็นพี่น้อง ๓ คนชื่อสเทนนอ (Σθεννώ), เอวรืออาแล (Εὐρυάλη) และ เมดูซา (Μέδουσα) โดยคนพี่ ๒ คนนั้นเป็นอมตะ จะยังไงก็ปราบไม่ได้ เปร์เซอุสจึงไปจัดการน้องสาวคนเล็กคือเมดูซา

เปร์เซอุสได้รับความช่วยเหลือจากเทพเฮร์เมส โดยเขาได้รับรองเท้าวิเศษที่ทำให้บินได้ และผ้าคลุมล่องหน พร้อมกับโล่ที่เป็นเงาเหมือนกระจก ทำให้เขาล้มเมดูซาได้ แล้วเลือดที่ออกจากเมดูซาก็ได้ให้กำเนิดแปกาซส (Πήγασος) ม้ามีปีกบินได้ ซึ่งสามารถนำมาใช้ขี่บิน

ระหว่างกำลังเดินทางกลับพร้อมกับหัวของเมดูซาที่ตัดมาได้ เปร์เซอุสได้เดินทางผ่านแถวไอทีโอปีอา (Αἰθιοπία) (ประเทศเอธิโอเปียในปัจจุบัน) เจอเจ้าหญิงอันโดรเมดา (Ἀνδρομέδα) ถูกจับเป็นเหยื่อสังเวยให้สัตว์อสูรทะเลของเทพโปเซดอน เปร์เซอุสเลยเข้าไปสู้เพื่อช่วยอันโดรเมดาออกมา แล้วหลังจากนั้นก็ได้แต่งงานกับเธอในที่สุด

เรื่องราวของเปร์เซอุสดูจะจบลงอย่างมีความสุขดี แต่ทว่าว่ากันว่าหลังจากนั้นเปร์เซอุสยังได้เผลอฆ่าอากรีซีอส (ผู้เป็นตาของตัวเอง) ซึ่งเป็นไปตามคำนายข้างต้นในที่สุดด้วย





เรื่องราวของกลุ่มดาวต่างๆ

ตำนานกรีกนั้นเป็นที่รู้จักกันอย่างดีว่าเป็นที่มาของกลุ่มดาวมากมาย อย่างวีรบุรุษเปร์เซอุส ม้าบินแปกาซส เจ้าหญิงอันโดรเมดา ที่ปรากฏในเรื่องของเปร์เซอุส รวมถึงเกเพอุส (Κηφεύς) ราชาแห่งไอทีโอปีอา พ่อของอันโดรเมดา กับราชินี กัสซีโอเปอา (Κασσιόπεια) แม่ของอันโดรเมดา ก็ได้กลายเป็นกลุ่มดาวเช่นกัน

นอกจากนี้แล้วยังมีตำนานดาวที่มีชื่อเสียงอีกหลายเรื่อง เช่นเรื่องของออรีออน (Ὠρίων) ซึ่งเป็นลูกของเทพโปเซดอน และเป็นนายพรานผู้ล่าสัตว์เก่งมาก แม้แต่อาร์เตมิส เทพธิดาแห่งการล่าสัตว์ก็หลงรักเขา

แต่ออรีออนนั้นซ่ามากเกินไป ทำให้เทพอาปลลอนโกรธ เลยต้องพบจุดจบอย่างน่าอนาถ ซึ่งการตายของออรีออนนั้นมีอยู่หลายตำนานกล่าวต่างกันไป เช่นบ้างก็ว่าอาปลลอนได้หลอกให้อาร์เตมิสยิงฆ่าออรีออนซะเอง หรือบ้างก็ว่าอาปลลอนได้ส่งแมงป่องยักษ์ไปต่อยออรีออนตาย

ซึ่งออริออนและแมงป่องยักษ์นี้ก็ได้กลายมาเป็นกลุ่มดาวนายพรานและกลุ่มดาวแมงป่อง อยู่ในฟ้าคนละซีกไม่ขึ้นมาให้เห็นพร้อมกัน

ส่วนเรื่องของกลุ่มดาวหมีใหญ่กับกลุ่มดาวหมีเล็กนั้น มาจากเรื่องราวของเทพธิดาชื่อกัลลิสตอ (Καλλιστώ) ซึ่งเป็นผู้ติดตามของอาร์เตมิส แต่ว่าเซอุสดันไปหลงเธอเข้า เลยแอบไปมีอะไรกันจนได้ลูกชายขึ้นมาคนหนึ่งชื่ออาร์กัส (Ἀρκάς) ทำให้แฮรา ซึ่งเป็นภรรยาหลวงของเซอุสโกรธไม่พอใจ แล้วสาปกัลลิสตอเป็นหมีแล้วปล่อยให้อยู่ในป่า

แล้วลูกชายของเซอุสกับกัลลิสตอนั้นก็ได้โตขึ้นมาเป็นเด็กหนุ่มแล้วออกไปล่าสัตว์ในป่า แล้วบังเอิญเจอกัลลิสตอที่กลายเป็นหมี แต่ก็ไม่รู้ว่านี่เป็นแม่ เลยต่อสู้กัน แล้วพอดีเซอุสมาเห็นเหตุการณ์เข้าและไม่ต้องการให้ลูกฆ่าแม่เลยจับทั้ง ๒ คนโยนขึ้นฟ้า แล้วกัลลิสโตก็กลายเป็นกลุ่มดาวหมีใหญ่ ส่วนอาร์กัสก็ได้กลายเป็นกลุ่มดาวหมีเล็กไป

ส่วนกลุ่มดาวคนคู่มาจากเรื่องของ ๒ พี่น้องฝาแฝดที่เกิดขึ้นมาจากแลดา (Λήδα) ราชินีแห่งสปาร์ตา (Σπάρτα) แต่ว่าเกิดจากคนละพ่อ โดยคนพี่คือกัสตอร์ (Κάστωρ) นั้นเป็นลูกแท้ๆของกษัตริย์ตึนดาเรออส (Τυνδάρεως) ส่วนคนน้องคือโปลือเดวแกส (Πολυδεύκης) นั้นเป็นลูกของเซอุส

ทั้งคู่เป็นพี่น้องที่รักกันดีมาก แต่ว่าวันหนึ่งกัสตอร์ก็เสียชีวิตลงกะทันหัน ในขณะที่โปลือเดวแกสนั้นเป็นครึ่งเทพจึงไม่ตายง่ายๆ แต่ก็ไม่อยากให้ความตายมาพรากทั้งคู่ไปจากกัน เซอุสก็เลยให้ทั้งคู่ไปอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มดาวคนคู่



มีนอสและอสูรมีนอเตารสแห่งเขาวงกตบนเกาะแกรแต

พวกลูกๆของเซอุสนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเทพที่มีบทบาทสำคัญหรือเป็นวีรบุรุษซะมาก แต่ก็มีที่รับบทร้ายในตำนานกรีกเหมือนกัน

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีกษัตริย์ผู้หนึ่งปกครองเกาะแกรแต (Κρήτη) ชื่อมีนอส (Μίνως) เขาเป็นลูกที่เกิดระหว่างเซอุสกับเจ้าหญิงเอวรอแป (Εὐρώπη) ซึ่งเป็นมนุษย์

แต่มีนอสได้มีปัญหาขัดแย้งกับเทพโปเซดอน ทำให้โปเซดอนโกรธ สาปให้ภรรยาของมีนอสคือราชินีปาซีพาแอ (Πασιφάη) ไปหลงรักวัวตัวผู้เข้า แล้วมีอะไรกันจนเกิดมีลูกขึ้นมา แล้วลูกที่ออกมานั้นก็เป็นปีศาจครึ่งคนครึ่งวัว ชื่อว่ามีนอเตารส (Μινώταυρος)

มีนอสได้สั่งให้เอามีนอเตารสไปขังไว้ในเขาวงกตไต้ดินที่สร้างขึ้นมาโดยไดดาลส (Δαίδαλος) ผู้เป็นนักประดิษฐ์ที่เก่งกาจ เขาวงกตนี้น่ากลัวตรงที่ถ้าหากเข้าไปแล้วจะไม่มีวันออกมาได้เลย

หลังจากนั้นมีนอสได้ทำสัญญากับกษัตริย์แห่งอาแทไน (Ἀθῆναι) ว่าให้ช่วยส่งหนุ่มสาวอย่างละ ๗ คนมาจากอาแทไนให้เป็นเหยือสังเวยให้มีนอเตารสทุกๆปี

จนมาวันหนึ่งเจ้าชายแห่งอาแทไนชื่อแทเซอุส (Θησεύς) ต้องการจะปราบมีนอเตารสเพื่อช่วยทุกคน จึงอาสาตัวเป็นหนึ่งในเหยื่อสังเวย

เมื่อมาถึงเขาวงกต ก่อนจะเข้าไปข้างใน แทเซอุสได้เจอกับเจ้าหญิงอารีอัดแน (Ἀριάδνη) ซึ่งเป็นลูกสาวของมีนอส และเธอได้แอบช่วยเขาอย่างลับๆ โดยมอบกลุ่มด้ายให้เขา ใช้เป็นตัวนำทางให้ออกจากเขาวงกตได้

ในที่สุดแทเซอุสก็เข้าไปปราบมีนอเตารุสได้สำเร็จ แล้วก็อาศัยกลุ่มด้ายที่ได้รับมานี้เพื่อออกจากเขาวงกตไปได้ในที่สุด



เรื่องราวเกี่ยวข้องกับกษัตริย์มีนอสยังมีต่ออีกเล็กน้อย คือหลังจากที่มีนอสรู้ว่าแทเซอุสได้เข้าไปฆ่ามีนอเตารสแล้วออกมาได้อย่างปลอดภัยเขาก็โกรธแล้วพาลใส่ไดดาลสซึ่งเป็นผู้สร้างเขาวงกตนี้ เขาได้จับไดดาลสพร้อมกับลูกชายเขาชื่ออีการส (Ἴκαρος) ขังไว้บนหอคอย

ไดดาลสได้แอบประดิษฐ์ปีกขึ้นเพื่อจะใช้บินหนีไปพร้อมกับอีการส ในที่สุดพวกเขาก็ได้ใช้ปีกนี้บินหนีออกจากหอคอยที่ขังได้สำเร็จ แต่อีการสไม่ยอมฟังคำเตือนของพ่อที่บอกว่าอย่าบินสูงจนเผลอเข้าใกล้พระอาทิตย์มากเกินไป เลยทำให้ปีกที่ยึดด้วยขี้ผึ้งนั้นโดนความร้อนของพระอาทิตย์เผาจนละลาย แล้วอีการสก็ร่วงตกลงไปจมน้ำตาย



โอยดีปูสแห่งแทไบ

เรื่องเล่าวีรบุรุษในตำนานกรีกที่มีขื่อเสียงอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องของราชวงศ์ที่ปกครองเมือง แทไบ (Θῆβαι) ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยกัดมส (Κάδμος) ซึ่งเป็นมนุษย์ที่ได้แต่งงานกับฮาร์โมนีอา (Ἁρμονία) ที่เป็นลูกสาวของเทพเจ้าอาเรสกับเทพีอาโพรดีแต

หลังจากนั้นลูกหลานของกัดมสซึ่งก็มีเชื้อสายของเทพเจ้าก็ได้ปกครองแทไบมาเรื่อยๆ จนมาถึงรุ่นของกษัตริย์ลายอส (Λάϊος) ซึ่งมีภรรยาคืออีโอกัสแต (Ἰοκάστη) และทั้งคู่ก็ได้มีลูกชายด้วยกัน แต่ก็ได้มีคำทำนายจากเทพอาปลลอนว่าลูกชายคนนี้จะนำหายนะมาให้ ดังนั้นแล้วลายอสจึงสั่งให้คนเลี้ยงแกะเอาเด็กคนนี้ไปทิ้งในป่า แต่เด็กก็ถูกพบโดยโปลือบส  (Πόλυβος) กษัตริย์แห่งโกรินทส (Κόρινθος) ซึ่งเป็นเมืองใกล้ๆกับแทไบ

กษัตริย์โปลือบสและภรรยาเขาคือราชินีเมโรแป (Μερόπη) นั้นไม่มีลูก จึงได้เก็บเด็กคนนี้มาเลี้ยง ตั้งชื่อให้ว่าโอยดีปูส (Οἰδίπους)

แล้วโอยดีปูสก็เติบโตขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของทั้ง ๒ คน แล้ววันหนึ่งก็ไปได้ยินคำทำนายจากเทพอาปลลอนว่าตัวเขานั้นจะฆ่าพ่อของตัวเองและเอาแม่ตัวเองมาเป็นภรรยา

โอยดีปูสเข้าใจว่าพ่อแม่ที่ว่านี้หมายถึงกษัตริย์โปลือบสและราชินีเมโรแป เขาจึงหนีออกจากโครินทสไปเพื่อหนีจากคำทำนายนั้น

แต่ปรากฏว่าเป้าหมายการเดินทางของเขากลับเป็นแทไบ ซึ่งเป็นบ้านเกิดที่แท้จริงของเขาเอง และเมื่อไปถึงเขาก็สวนทางกับกษัตริย์ลายอส พ่อแท้ๆของเขาเอง แล้วเกิดมีปากเสียงกันขึ้นเลยพลั้งมือฆ่าลายอสไป กลายเป็นว่าเป็นไปตามคำทำนายจนได้

นอกจากนี้แล้วพอดีว่าในช่วงนั้นเมืองแทไบกำลังเจอปัญหาเพราะอสูรสพิงกส์ (Σφίγξ) ซึ่งมีร่างกายเป็นสิงโตแต่มีหน้าเป็นมนุษย์

สพิงกส์มักจะโผล่มาถามคำถามให้มนุษย์ที่เดินผ่านมาเจอตอบ ถ้าตอบไม่ได้ก็จะจับกิน ชาวบ้านแถวนั้นเดือดร้อนอยู่ เลยตกลงกันว่าถ้าใครกำจัดสพิงกส์ได้จะให้เป็นกษัตริย์องค์ใหม่

ปรากฏว่าโอยดีปูสไปช่วยตอบคำถามของสพิงกส์ได้ ทำให้ปราบได้สำเร็จ แล้วก็ได้กลายมาเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ของแทไบ อีกทั้งยังได้แต่งงานกับราชินีอีโอกัสแต ซึ่งเป็นแม่แท้ๆของเขาโดยไม่รู้ความจริง แถมยังมีลูกด้วยกันกับอีโอกัสแตด้วย

แต่แล้ววันหนึ่งโอยดีปูสก็ได้พบความจริงว่าเขาฆ่าพ่อและแต่งงานกับแม่ของตัวเองตามคำทำนาย ทำให้รู้สึกผิดจนตัดสินใจทำลายตาสองข้างของตัวเอง แล้วออกเดินทางเป็นคนเร่ร่อนไป หายไปจากแทไบ ส่วนอีโอกัสแตก็ได้ฆ่าตัวตายลง เรื่องจึงจบลงโดยเป็นโศกนาฏกรรม



นิทานอีสปพระราชาหูลา

ทาสชาวกรีกคนหนึ่งชื่อไอซอปส (Αἴσωπος) มีชีวิตอยู่จริงในช่วงประมาณ 600 ปีก่อน ค.ศ. เขามีชื่อเสียงในฐานะนักแต่งนิทาน ทุกวันนี้นิทานที่เขาแต่งเป็นที่รู้จักดีในชื่อว่า "นิทานอีสป"

แต่ในบรรดานิทานอีสปทั้งหลายนั้นก็มีบางเรื่องที่ไอซอปสไม่ได้เป็นคนแต่งเอง แต่มีที่มาจากตำนานกรีกซึ่งมีอยู่ก่อนนานแล้วอีกที

ในจำนวนนั้นที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือเรื่องพระราชาหูลา เรื่องราวเกิดขึ้นที่เมืองพรือกีอา (Φρυγία) ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในคาบสมุทรอานาโตเลีย (ปัจจุบันคือประเทศตุรกี)

ราชาแห่งพรือกีอาชื่อว่ามีดาส (Μίδας) เขาได้พบกับเทพเจ้าแห่งท้องทุ่ง ปาน (Πάν) ซึ่งเป่าขลุ่ยเก่ง และมีดาสก็ติดใจดนตรีของปานเข้า

แต่แล้ววันหนึ่งปานได้ไปท้าแข่งดนตรีกับเทพอาปลลอนซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นเทพที่เล่นพิณเก่งไม่มีใครจะเทียบได้

มีดาสได้เข้าร่วมฟังและเป็นคนตัดสินการแข่งนี้ด้วย แล้วผลปรากฏว่าทุกคนตัดสินให้เทพอาปลลอนเป็นผู้ชนะ ยกเว้นมีดาสคนเดียวที่เข้าข้างปาน ทำให้อาปลลอนโกรธ หาว่าหูของมีดาสคงมีปัญหา เลยลงโทษโดยสาปให้หูของมีดาสกลายเป็นหูลาไป

มีดาสอับอายที่หูตัวเองกลายเป็นแบบนี้ไปจึงพยายามเก็บไว้เป็นความลับ แต่มีช่างตัดผมที่ได้มาตัดผมให้มีดาสรู้ความจริงเข้า

แน่นอนว่าช่างตัดผมถูกสั่งห้ามเปิดเผยความลับนี้โดยเด็ดขาด แต่เขารู้สึกอัดอั้นใจอยากพูด เลยแอบไปตะโกนใส่หลุมว่า "หูของราชาเป็นหูลา" โดยคิดว่าคงไม่มีใครได้ยินอยู่แล้ว

แต่ปรากฏว่าที่หลุมนั้นมีต้นอ้องอกอยู่ ต้นอ้อได้บันทึกเสียงนี้ไว้ แล้วพอต้นอ้อนั้นเติบโตขึ้นก็ปลิวไปตามลมกลายเป็นตัวกระจายความลับนี้ให้ทุกคนได้ยิน ความลับจึงแตกจนได้ในที่สุด



ม้าไม้และสงครามโตรยอา

เมื่อพูดถึงตำนานกรีกแล้ว เรื่องที่ขาดไม่ได้ที่จะถูกกล่าวถึงเป็นตัวส่งท้ายสุดก็คือเรื่องของสงครามโตรยอา (Τροία) เพราะเป็นสงครามครั้งใหญ่ที่สำคัญในช่วงปลายยุคที่พระเจ้าเข้ามาแทรกแทรงในโลกมนุษย์

เรื่องราวเริ่มต้นจากการที่เทพีเทติส (Θέτις) ได้แต่งงานกับแปเลอุส (Πηλεύς) กษัตริย์แห่งเมืองพทีอา (Φθία) และได้จัดงานแต่งงานใหญ่โต โดยเชิญเทพต่างๆมามากมาย

แต่ว่าเทพีเอริส (Ἔρις) ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งการต่อสู้ไม่ได้ถูกเชิญให้ไปร่วมด้วย จึงทำให้เอริสโกรธและตั้งใจจะทำให้งานแต่งงานวุ่นวายโดยได้ส่งแอปเปิลทองคำไป ในนั้นมีเขียนบอกว่าให้มอบให้เทพธิดาที่สวยที่สุด

ปรากฏว่าเทพธิดีแห่งโอลึมปส ๓ คนได้แก่แฮรา, อาแทนา และอาโพรดีแต ต่างก็คิดว่าตัวเองสวยที่สุด ไม่มีใครยอมใคร

เซอุสเลยให้เด็กหนุ่มชื่อปาริส (Πάρις) ซึ่งเป็นลูกชายของปรีอามส (Πρίαμος) กษัตริย์แห่งเมืองโตรยอา เป็นคนตัดสิน

แล้วอาโพรดีแตก็บอกปาริสว่าถ้าให้เธอชนะจะช่วยทำให้ปาริสได้หญิงสาวที่สวยที่สุดมาแต่งงานด้วย ปาริสก็เลยเลือกอาโพรดีแต่ในที่สุด

หลังจากนั้นปาริสก็ได้แต่งงานกับสาวงามเฮเลแน (Ἑλένη) แต่ปัญหาก็คือเดิมทีเฮเลแนได้แต่งงานอยู่แล้วกับเมเนลาอส (Μενέλαος) กษัตริย์แห่งสปาร์ตา

เรื่องนี้ได้ทำให้เมเนลาอสไม่พอใจและได้ขอความร่วมมือจากเมืองอื่นๆในกรีกให้ช่วยไปตีโตรยอาเพื่อแย่งเอาเฮเลแนกลับคืนมา จึงได้เกิดเป็นสงครามระหว่างกรีกกับโตรยอาขึ้น

ในศึกครั้งนี้ฝ่ายกรีกมีวีรบุรุษคนสำคัญคืออาคิลเลอุส (Ἀχιλλεύς) ในขณะที่ฝ่ายโตรยอามีเฮกตอร์ (Ἕκτωρ) ซึ่งเป็นลูกชายของกษัตริย์ปรีอามส และเป็นพี่ชายของปาริส

การรบได้ยืดเยื้อเป็นสิบปี จนวันหนึ่งอาคิลเลอุสฆ่าเฮกตอร์ได้สำเร็จ แต่เขาก็โดนปาริสยิงธนูเข้าที่ข้อเท้าซึ่งเป็นจุดอ่อนจนตายไปเช่นกัน ทำให้ทั้ง ๒ ฝ่ายต่างเสียกำลังรบที่แกร่งที่สุดไป แต่โตรยอาก็ยังคงตั้งรับได้อย่างเหนียวแน่นไม่ยอมให้ตีแตกง่ายๆ

จนในที่สุดโอดึสเซอุส (Ὀδυσσεύς) ซึ่งเป็นวีรบุรุษอีกคนของฝั่งกรีก ได้เสนอแผนการขึ้นมา คือให้สร้างม้าไม้ขนาดยักษ์ขึ้น แล้วเอาทหารกรีกไปซ่อนไว้ในนั้น แกล้งทำเป็นว่ากรีกยอมแพ้แล้วหนีไปแล้วเหลือม้าไม้ไว้ให้ จากนั้นทหารโตรยอาก็มาเอาม้าไม้นี้เข้าไปในเมืองเพื่อหวังจะฉลองชัยชนะ แต่พอตกกลางคืน ทหารกรีกที่ซ่อนอยู่ข้างในก็ออกมาโจมตีภายในเมืองโตรยอาจนย่อยยับ

แผนการม้าไม้นี้ได้ทำให้ฝ่ายกรีกชนะและทำลายล้างโตรยอาลงได้จนราบ แล้วสงครามก็ได้สิ้นสุดลงในที่สุด



สรุปส่งท้าย

จากที่เล่ามานี้จะเห็นได้ว่าในตำนานกรีกนั้นมีเรื่องราวอะไรต่างๆเกิดขึ้นมา ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเล่าของเทพเจ้า หรือเรื่องที่เทพเจ้ามายุ่งกับมนุษย์จนทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายต่างๆ

เรื่องราวพวกนี้มีเยอะแยะ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเรื่องเล่านั้น คัดเอาเฉพาะส่วนที่สำคัญ แนะนำตัวละคร โดยไม่ลงลึกในรายละเอียด

หลังจากผ่านเรื่องวุ่นวายมามาก และปิดท้ายลงที่สงครามโตรยอาแล้ว ก็สิ้นสุดยุคที่พระเจ้าลงมายุ่งย่ามกับมนุษย์ แล้วก็เข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ของกรีก เชื่อมต่อมาถึงยุคที่ชาวกรีกอยู่กันโดยไม่มีพระเจ้า ซึ่งเชื่อต่อกับประวัติศาสตร์กรีกตามจริง และต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน


-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- ประวัติศาสตร์

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

目录

从日本来的名言
模块
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
机器学习
-- 神经网络
javascript
蒙古语
语言学
maya
概率论
与日本相关的日记
与中国相关的日记
-- 与北京相关的日记
-- 与香港相关的日记
-- 与澳门相关的日记
与台湾相关的日记
与北欧相关的日记
与其他国家相关的日记
qiita
其他日志

按类别分日志



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  查看日志

  推荐日志

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ