φυβλαςのβλογ
phyblasのブログ



Supreme Candy - ฮาเนอิ (ช่วงต้น)
เขียนเมื่อ 2009/10/29 08:09
แก้ไขล่าสุด 2021/09/28 16:42

เขียนต่อจากหน้า >>Supreme Candy - ก่อนเข้าเนื้อเรื่องแยก

 

 

หลังจากวันนั้นมา ยูก็ยังคงเข้ามาเล่นในโรงเรียนกับพวกฮาเนอิอยู่ทุกวัน จนวันหนึ่งขณะที่กำลังจะกลับบ้านกัน จู่ๆยุมิเนะก็มาชวนบอกว่ายูกับฮาเนอิบ้านอยู่ใกล้ๆกันน่าจะกลับด้วยกันนะ ทำให้วันนั้นยูได้เดินกลับบ้านพร้อมกันกับฮาเนอิ

ระหว่างทางฮาเนอิก็ชวนคุย เธอบอกว่ายูเป็นเด็กที่แปลกดีนะ ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเด็กคนอื่นๆ ในขณะที่เด็กคนอื่นๆกำลังเล่นกัน ยูกับชอบทำสายตามองไกลออกไป หรือไม่ก็คิดอะไรอยู่เรื่อย คล้ายๆกับคนที่เธอเคยรู้จักตอนเด็กๆเลย

ฮาเนอิเล่าให้ฟังว่าเมื่อสมัยเด็กเธอได้เจอกับเด็กคนหนึ่ง เป็นเด็กที่แปลก ไม่ว่าเวลาที่คุยกันสนุกสนานหรือหัวเราะ ก็กลับมีสายตาที่ดูเศร้าอยู่ตลอดเวลา พอคิดแล้วเธอก็เหม่อลอยขึ้นมา ยูเริ่มสงสัยว่าหรือว่าคนคนนั้นจะเป็นรักแรกของเธอหรือเปล่านะ แต่ก็ยังกลัวที่จะถามออกไป

 

สักพักก็เดินมาถึงริมฝั่งน้ำ ทั้งสองคนตัดสินใจนั่งคุยกันต่อสักพัก ฮาเนอิเล่าเรื่องในหนังสือเล่มหนึ่งที่เธอชอบให้ฟัง

วันหนึ่ง ตัวเอกของเรื่องชื่อแจ็ก ได้เข้าไปปกป้องเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งถูกผู้คนในหมู่บ้านกำลังปาหินใส่ด้วยเหตุผลว่าเป็นคนแปลก

ในตอนนั้นแจ๊กได้บอกกับคนในหมู่บ้านว่า ในที่นี้มีใครที่ดีเลิศไปเสียทุกอย่างอยู่ด้วยเหรอ

จากนั้นผู้คนในหมู่บ้านจึงได้ทิ้งก้อนหินแล้วก็เดินจากไป

แล้วฮาเนอิก็บอกว่าในโลกนี้น่ะไม่ว่าใครก็ตาม เมื่อเทียบกับคนอื่นแล้วก็ต้องมีจุดที่ด้อยกว่าหรือแปลกกว่าอยู่เสมอนั่นล่ะ เมื่อก่อนเธอเป็นคนที่เชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองมาก แต่พอมาเจอกับเด็กคนนั้นแล้ว ทุกอย่างก็กลับเปลี่ยนไป เขาคนนั้นเมื่อเทียบกับเธอแล้วดูด้อยกว่าอยู่หลายอย่าง แต่กลับช่วยสอนอะไรให้ได้ตั้งหลายอย่าง เธอชอบเด็กคนนั้นมาก แต่แล้วเขาก็กลับหายไปจากชีวิตของเธอ

ยูได้ฟังดังนั้นแล้วก็รีบถอยห่างจากฮาเนอิและวิ่งหนีไปทันที เพราะนั่นคือคำตอบที่เขารู้สึกกลัว ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆแล้วเขาคงรู้สึกไม่สบายใจที่จะอยู่กับเธอต่อไป

หลังจากนั้นพอยูกลับบ้านไปเขาก็ยังคงกังวลถึงเรื่องนี้อยู่ แต่แล้วยูก็เริ่มคิดขึ้นมาว่า หรือว่าบางทีเขาอาจจะเป็นเด็กคนนั้นที่อยู่ในความทรงจำของเธอ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ว่าเขาเคยมีความทรงจำแบบนั้นอยู่ด้วย แล้วยิ่งถ้าเป็นเด็กน่ารักแบบนี้แล้วมีหรือที่จะลืมได้ลง

ยูปิดไฟแล้วเข้านอน แต่ก็ยังคิดเรื่องนี้ต่อไป พอคิดไปเรื่อยๆอยู่ๆก็กลับมีภาพความทรงจำลางๆโผล่ขึ้นมา เขาเริ่มนึกออกขึ้นมาทีละนิด ในที่สุดประตูแห่งความทรงจำก็ได้เปิดขึ้น ยูนึกเรื่องราวทุกอย่างได้แล้ว

ยูนึกย้อนกลับไปถึงเมื่อสมัยเด็ก ตอนที่เขาเชื่อว่าเวทมนตร์มีจริง และพยายามที่จะใช้ไม้กวาดเพื่อบิน เขามักจะไปที่ริมฝั่งน้ำประจำเพื่อฝึกบินด้วยไม้กวาด แต่ก็ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็ได้พบกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเข้า

เธอเป็นผู้ใช้เวทย์ซึ่งขี่เครื่องดูดฝุ่นและบินผ่านมาชนเขาเข้าพอดี หลังจากนั้นก็ได้คุยกัน เธอเข้าใจผิดว่ายูเป็นผู้ใช้เวทย์เหมือนกันและคุยอะไรต่างๆเกี่ยวกับเวทมนตร์ให้ฟัง ซึ่งยูก็ฟังไม่รู้เรื่องเท่าไหร่

เธอบอกว่ากำลังพยายามหาเทคนิคที่จะขี่เครื่องดูดฝุ่นได้คล่องอยู่ ยูจึงลองนึกตามหลักโดยความคิดของเขาดูและบอกเธอไป พอเธอเอาไปลองใช้ก็ปรากฏว่าทำได้จริงๆ ทำให้เธอชมว่ายูเป็นคนที่เก่งมาก แต่พอถามชื่อ ยูกลับตอบว่าไม่ได้สำคัญขนาดจะต้องเอ่ยชื่อหรอก เธอเข้าใจว่ายูถ่อมตัว

พอยูคิดที่จะบอกความจริงว่าตัวเองไม่ใช่ผู้ใช้เวทย์ ก็กลับไม่กล้าบอกขึ้นมา ในที่สุดก็ได้ตัดสินใจที่จะโกหกต่อไป และหลังจากวันนั้นเขาก็มาที่ริมฝั่งน้ำนี้ตอนเย็นอีกบ่อยๆเพื่อมาเล่นกับเธอ

วันหนึ่งเธอถามว่าบ้านเขาอยู่ไหน แต่เขาก็กลับไม่สามารถตอบได้ เพราะเกิดนึกไม่ออกขึ้นมาว่าบ้านตัวเองอยู่ไหน น่าแปลกมากว่าเวลาที่ยูมาเล่นอยู่กับเธอ เขาจะลืมบ้านของตัวเองไปเลย จากนั้นพอเขาบอกลากับเธอเรียบร้อยแล้ว ความทรงจำเกี่ยวกับบ้านก็จะกลับแว้บขึ้นมาในหัวทันที ทำให้เขากลับบ้านได้ ตัวยูเองก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่นั่นก็ทำให้ที่ผ่านมายูไม่เคยเดินกลับบ้านกับเธอหรือว่าไปเล่นที่อื่นนอกจากที่นี่เลย

 

เวลาผ่านไปจนถึงวันหนึ่งขณะที่กำลังนั่งคุยกันเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมฝั่งน้ำ ก็เห็นแมวตัวหนึ่งติดอยู่บนต้นไม้โดยไม่สามารถลงมาได้ เห็นดังนั้นเธอจึงบอกว่าจะกลับบ้านไปหยิบเครื่องดูดฝุ่นมาเพื่อบินขึ้นไปช่วย ให้ยูรออยู่ก่อน แต่ว่าระหว่างที่รออยู่นั้น ยูกลับคิดที่จะพยายามปีนขึ้นไปช่วยเองแต่ก็พลาดตกลงมา

เธอกลับมาเห็นเข้าพอดีจึงขอโทษใหญ่ แต่ยูกลับบอกว่าไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก มันเป็นบาปของเขาเองที่โกหกมาโดยตลอด และสารภาพความจริงว่าตัวเองไม่ใช่ผู้ใช้เวทย์หรอก ทั้งไม่สามารถบินได้ และยังโกหกได้อย่างหน้าตาเฉย ดังนั้นจึงทำได้แค่ปีนต้นไม้ขึ้นไปช่วยแมวโดยตรงเท่านั้น สุดท้ายยูก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีจากไปทันทีและไม่ได้กลับมาพบกับเธออีกเลย

เรื่องราวในความทรงจำก็จบแต่เพียงเท่านี้ แต่ยูยังมีคำถามคาใจอยู่ว่าทำไมตัวเองถึงได้ลืมเรื่องเหล่านี้ลงไปได้ แต่เขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนที่กลับมาเจอกับฮาเนอินั้นถึงได้มีความรู้กังวล

วันต่อมา ยูไม่ได้มาเล่นด้วยกันตอนหลังเลิกเรียนเหมือนอย่างทุกวัน ทำให้ฮาเนอิรู้สึกกังวล แต่แล้วตอนเย็นเมื่อถึงเวลาที่ทุกคนต้องแยกย้ายกันไปนั้น ยูก็ได้ปรากฏตัวขึ้นหน้าประตูโรงเรียนจนได้ ทำให้ฮาเนอิดีใจมาก แต่ที่แปลกคือวันนี้ยูอยู่ในชุดของผู้ใหญ่เหมือนกับตอนที่พบกันวันแรก ทำให้เธอสงสัยแต่ยูก็ไม่ได้ตอบ

ยูชวนฮาเนอิเดินกลับบ้านอีกครั้ง ระหว่างทางฮาเนอิก็บอกว่าตอนที่เห็นว่ายูไม่มาเธอรู้สึกกังวลมาก เพราะเหมือนกับเหตุการณ์ในอดีตที่อยู่ดีๆเด็กที่อยู่ในความทรงจำของเธอก็จากไปเฉยๆ

 

เมื่อมาถึงริมฝั่งน้ำ ยูก็บอกว่าเขารู้จักกับคนคนนั้นของเธอ จากนั้นก็กินลูกอมเพื่อกลับร่างเดิมและบอกความจริงทั้งหมดไป ยูบอกว่าไม่อยากที่จะโกหกอีกต่อไปแล้ว และก็ขอบอกลาเธอตรงนี้ แต่ในขณะที่กำลังจะก้าวเท้ากลับเดินออกไปนั้นเธอก็พูดคำหนึ่งขึ้นมา

แม้ว่าจะบินไม่ได้ แต่ก็พยายามที่จะบิน... ไม่ใช่ว่าเพราะรู้ว่าบินได้จึงบิน... แบบนี้ออกจะดูดีกว่าเป็นไหนๆไม่ใช่เหรอ?

เสียงฮาเนอิพูดขึ้น เธอบอกว่านั่นเป็นคำพูดจากในหนังสือที่เธอชอบอ่าน

ฮาเนอิบอกว่าที่มาสนใจยูในตอนนั้น ไม่ใช่ว่าเพราะเห็นยูเป็นผู้ใช้เวทย์ แม้ว่าทีแรกจะสนใจเพราะเห็นความฉลาดของยูก็ตาม แต่พอเวลาผ่านไปเหตุผลก็เริ่มเปลี่ยนไป สิ่งที่เธอสนใจเขามากที่สุดคืออยากรู้ว่าทำไมถึงได้ทำหน้าเศร้าอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ออกจะเก่ง หัวดี แต่กลับดูไม่มีความมั่นใจ แม้แต่เวลาที่สนุกสนานหรือหัวเราะก็ดูเหมือนห่อหุ้มไปด้วยความโศกเศร้าตลอดเวลา

ในวันที่ยูจากไปวันนั้นเธอก็ได้เข้าใจเหตุผลทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจกับความจริงนั้นมากนัก แต่กลับเสียใจที่ยูได้จากไปมากกว่า หลังจากนั้นจึงได้พยายามตามหาคำพูดบางอย่างเพื่อที่จะมาพูดกับยู โดยไปค้นใจห้องสมุดจนได้เจอกับหนังสือเก่า เป็นหนังสือนิทานปรัมปราชื่อ ความทรงจำของจาโกแลนเทิร์น

วันหนึ่งแจ๊กซึ่งเป็นตัวเอกได้รับคำถามจากเคียวแห่งคำสาปว่า ทำไมนายถึงได้หลงใหลเหล่าผู้ใช้เวทย์ที่บินไม่ได้กันนักกันหนา ผู้ใช้เวทย์ที่บินบนท้องฟ้าก็ไม่ได้ ด้อยกว่าออกขนาดนั้น มีอะไรน่าชื่นชมงั้นเหรอ?

แม้ว่าจะบินไม่ได้ แต่ก็พยายามที่จะบิน... ไม่ใช่ว่าเพราะรู้ว่าบินได้จึงบิน... แบบนี้ออกจะดูดีกว่าเป็นไหนๆไม่ใช่เหรอ?

นั่นคือคำที่แจ๊กตอบ เมื่อเธอได้เห็นคำพูดนั้น จึงตั้งใจว่าเมื่อกลับมาเจอกันอีกเมื่อไหร่ก็จะพูดให้ยูฟัง เพราะมันเหมือนกับตัวยูในตอนนั้นมาก ในตอนนั้นที่ยูพยายามจะไปช่วยแมวทั้งๆที่บินไม่ได้นั้น แม้จะบินไม่ได้แต่ก็พยายามที่จะบินเพื่อไปช่วย ทำให้เธอรู้สึกชอบมาก

หลังจากนั้นจึงได้ตามมาที่โลกของมนุษย์ มาเข้าโรงเรียนซึ่งใกล้กับริมฝั่งน้ำนี้มากที่สุด ก็เพื่อจะตามหายู เพราะอยากเจออีกครั้ง และในที่สุดก็ได้เจอกันแล้ว ฮาเนอิตัดสินใจสารภาพรักกับยู และขอคบกันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

แต่ยูตอบว่าตอนแรกนึกว่าจะโดนดูถูกว่าตัวเองไม่มีค่าขนาดนั้นหรอก ฮาเนอิจึงบอกว่างั้นแค่อยู่เป็นเพื่อนกันต่อไปอย่างเดิมก็พอ ไม่ใช่เป็นแฟนแต่เป็นเพื่อน ให้เป็นเด็กแล้วมาเล่นด้วยกันเหมือนกับที่ผ่านมา

หลังจากเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว ฮาเนอิก็ถามว่าทำไมยูถึงได้มีชูเพรมแคนดีอยู่ได้ล่ะ ทั้งที่มันเป็นของที่หายากมากในโลกเวทมนตร์ แถมยังต้องห้ามด้วย และยังเรื่องที่มันคือชูเพรมแคนดี แทนที่จะเป็น ซูพรีมแคนดี

เธอบอกว่าชูเพรมแคนดี กับ ซูพรีมแคนดีนั้นเหมือนกันมาก เพียงแต่ว่าชูเพรมแคนดีนั้นจะน่ากลัวกว่าตรงที่มีผลข้างเคียง นั่นคือถ้าทานพร้อมกันทั้งสีแดงและสีฟ้าก็จะทำให้ลืมสิ่งที่สำคัญไป ซึ่งเธอก็แค่ได้ยินมาไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่ก็เป็นเรื่องที่มีความน่าเชื่อถือสูงอยู่ทีเดียว ฉะนั้นมันจึงเป็นของต้องห้าม ถ้าหากมีใครรู้ว่ามีในครอบครองละก็ คงจะถูกยึดไปทันที

พอได้ยินเช่นนั้นยูจึงบอกว่าจะส่งคืนให้ฮาเนอิ แต่เธอก็บอกว่าไม่เป็นไร ถ้าไม่ทานสองเม็ดพร้อมกันก็ไม่ต้องกลัว และอีกอย่างถ้าไม่มีลูกอมนี่ยูก็จะไม่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นเด็กแล้วเข้าไปเล่นด้วยกันอีก ดังนั้นจึงให้ยูเก็บมันไว้ต่อไป

จากนั้นฮาเนอิก็ชวนยูเข้ามาในประตูแห่งห้วงคำนึงเพื่อเข้ามาอยู่ในบริเวณซึ่งอธิบายอย่างง่ายๆว่าเป็นเขตแดนเวทย์ที่ฮาเนอิสร้างขึ้น การจะเข้ามาได้นั้นเพียงแค่ใช้พลังในการจินตนาการเท่านั้น ภายในนั้นจะดูเหมือนกับโลกภายนอกทุกอย่าง แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในนี้แล้ว คนภายนอกก็จะมองไม่เห็น ดังนั้นเธอจึงอาศัยอยู่ที่ริมฝั่งน้ำนี้เป็นบ้านได้อย่างสบาย พูดง่ายๆว่าที่นี่เป็นบ้านของเธอนั่นเอง ฮาเนอิบอกว่าจะไปอาบน้ำพร้อมกับชมดาวไปด้วย และตั้งใจจะชวนยูด้วย แต่เขาขอตัวกลับบ้านไปก่อน

วันหนึ่งฮาเนอิชวนยูไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนๆ ยูก็เข้าใจว่าคงจะมีเด็กคนอื่นไปด้วย แต่พอไปถึงปรากฏว่ามีเขาเป็นเด็กอยู่คนเดียว คนที่เหลือก็คือยุมินะกับยูรินั่นเอง

หลังจากที่ทุกคนเที่ยวทะเลเสร็จกลับมาก็จะเจอกับฮิมาวาริ ทุกคนจึงถามว่าไปไหนมาถึงได้ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน เธอบอกว่าแค่วนเดินดูอะไรอยู่ แต่แล้วเธอก็เหลือบไปเห็นขนมที่ได้มาจากตอนไปเที่ยวอยู่ในมือทุกคนแล้วก็ตกใจ เหมือนกับเป็นของที่ตามหามานาน ซึ่งเธอจะขอขนมทั้งหมดนี่ไป พอทุกคนยอมให้ เธอก็ดีใจมาก

เย็นวันหนึ่งหลังจากที่ทุกคนเล่นกันเสร็จยูก็กลับไปเพื่อกินลูกอมคืนร่างเดิมแล้วกลับมาหาฮาเนอิเพื่อเดินกลับบ้านด้วยกัน ยูริก็มาเห็นเข้าและถามว่านั่นใคร ฮาเนอิจึงตอบไปว่าเป็น คนสำคัญ ของตัวเอง แต่แล้วตอนที่ยูริกล่าวลา เธอกลับเรียกชื่อยู ทำให้ยูตกใจมากว่าความแตกแล้วงั้นหรือ ทำไมเธอถึงพูดเหมือนรู้ตัวจริงของเขาอยู่แล้วแต่แกล้งมาถามเลย

วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆโดยที่ยูยังคงเข้ามาเล่นกับฮาเนอิในโรงเรียนอยู่ประจำ เย็นวันหนึ่ง ขณะที่กำลังจะกลับบ้านกันนั้น ก็มีรุ่นพี่ที่นิสัยไม่ดีกลุ่มหนึ่งเข้ามาพยายามจะทำอะไรไม่ดีกับฮาเนอิ ยูพยายามจะห้ามคนพวกนั้นด้วยสันติวิธี เพราะเห็นว่ายังไงก็เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียน ในที่สุดพวกนั้นก็ยอมจากไปแต่โดยดี

แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อทั้งสองคนไปเดินเล่นกันที่สวนสาธารณะตอนค่ำ คนพวกนั้นก็กลับมาอีกและคราวนี้ก็เข้าทำร้ายยูอย่างไม่ยั้ง พวกนั้นใช้ท่อเหล็กตีจนยูหมดสติไป ในตอนนั้นตัวตนด้านมืดของยูก็กลับตื่นขึ้นมา

เขาสามารถเล่นงานคนพวกนั้นได้อย่างสบาย ยูเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งและรู้ว่าตัวเขาอีกคนกำลังควบคุมร่างเขาและทำร้ายคนอื่นอยู่ จึงพยายามจะห้ามและตะโกนบอกให้พวกเขาหนีไปซะ ในที่สุดคนพวกนั้นก็หนีไปได้ บางทีถ้ายูห้ามไว้ไม่ทัน คนพวกนั้นอาจไม่ได้มีชีวิตรอดก็เป็นได้

แม้ว่ามันจะทำให้พวกเขารอดมาได้ แต่ก็ทำให้ฮาเนอิได้เห็นภาพที่ยูไม่อยากให้ใครเห็นเข้าเสียแล้ว ตัวตนอีกด้านที่เขาพยายามปิดซ่อนมันมาตลอด ยูจึงเล่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ฮาเนอิฟังทั้งหมด เธอเข้าใจ และขอโทษที่ทำให้ยูต้องมาเจอกับเรื่องที่ไม่อยากเจอ ซึ่งยูก็ขอโทษที่ตัวเขาเป็นแบบนี้ และก็ขอบคุณที่เธอยอมรับในตัวเขาที่เป็นแบบนี้ได้

 

 

--------------------

 

 

อ่านต่อ >>Supreme Candy - ฮาเนอิ (ตอนจบ)

 

--------------------

 

รวมศัพท์ท้ายตอน
愛でる めでる เอ็นดู,ชื่นชม,ประทับใจ
大人びる おとなびる เติบโตขึ้น
見栄っ張り
 みえっぱり โอ้อวด
脳裏 のうり ในสมอง,ในใจ
遣る瀬無い やるせない ท้อแท้,เป็นทุกข์,หดหู่,เศร้าซึม
逸脱 いつだつ ออกนอกลู่นอกทาง
鵜呑 みうのみ กลืน(อาหาร,เรื่องราว)
蟠り わだかまり ความรู้สึกไม่ดี,ความรู้สึกต่อต้าน
信憑性 しんぴょうせい ความน่าเชื่อถือ
格言 かくげん สุภาษิต
潜める ひそめる ปกปิด,ซ่อน
汚辱 おじょく ความอับอายขายหน้า
跪 くひざまずく คุกเข่า



-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- บันเทิง >> เกม >> vn
-- บันเทิง >> เพลง >> เพลงเกม

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

目次

日本による名言集
モジュール
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
機械学習
-- ニューラル
     ネットワーク
javascript
モンゴル語
言語学
maya
確率論
日本での日記
中国での日記
-- 北京での日記
-- 香港での日記
-- 澳門での日記
台灣での日記
北欧での日記
他の国での日記
qiita
その他の記事

記事の類別



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  記事を検索

  おすすめの記事

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ

ไทย

日本語

中文