φυβλαςのβλογ
phyblasのブログ

#อังคาร 20 มิ.ย. 2012 - พุธ 21 มิ.ย. 2012

หลังจากที่นั่งรถไฟระยะไกลจากปักกิ่งมาถึงกว่างโจว https://phyblas.hinaboshi.com/20120624

วันรุ่งขึ้นเราก็เดินทางสู่ตงกว่าน (东莞) ที่จริงตอนแรกก็ไม่รู้ว่าที่นั่นมีอะไรเที่ยวหรอก ไปเพราะมีธุระ ไปถึงแล้วก็ค่อยๆหาข้อมูลจนพบสถานที่หนึ่งน่าสนใจ

สถานที่น่าสนใจในตงกว่านที่เราไปมาก็คือป้อมปืนใหญ่หู่เหมิน (虎门炮台) ตั้งอยู่ในตำบลหู่เหมิน (虎门) ทางใต้สุดของจังหวัดตงกว่าน พื้นที่ติดปากอ่าว

ป้อมปืนใหญ่หู่เหมินเป็นป้อมที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1717 และได้ถูกใช้เป็นสมรภูมิสำคัญในสงครามฝิ่นครั้งที่หนึ่ง (第一次鸦片战争) ปี 1839 - 1842 ในสมัยราชวงศ์ชิง (清朝)

สงครามฝิ่นคือสงครามที่จีนทำกับอังกฤษเนื่องจากในยุคนั้นอังกฤษได้ขายฝิ่นให้จีน ทำให้คนจีนติดฝิ่นกันมาก รัฐบาลจีนจึงได้สั่งห้ามอังกฤษขายฝิ่น อังกฤษจึงไม่พอใจ กลายเป็นชนวนของสงคราม

ผลของสงครามคือจีนแพ้ยับเยินเพราะเทคโนโลยีที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว จีนต้องยอมให้อังกฤษขายฝิ่นได้อย่างอิสระต่อไป แถมยังต้องยกเกาะฮ่องกงให้อังกฤษ

เนื่องจากหู่เหมินตั้งอยู่ปากแม่น้ำจูเจียง (珠江) ดังนั้นจึงเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ทับเรืออังกฤษจะต้องผ่าน ป้อมต่างๆที่หู่เหมินจึงต้องรับศึกหนัก แต่ก็แทบจะทำอะไรทัพอังกฤษไม่ได้เพราะเป็นป้อมปืนยุคเก่า พิสัยการยิ่งต่ำ ไม่อาจยิงโดนกองเรืออังกฤษ ดังนั้นอาจเรียกได้ว่าป้อมปืนใหญ่แห่งนี้เป็นซากที่ระลึกแห่งความล้าหลังของจีนสมัยนั้น ทัพอังกฤษพอบุกทะลวงที่นี่ได้แล้วก็ได้ทำการทำลายที่นี่ทิ้ง

พอจบศึกนี้แล้วหลังจากนั้นจึงมีการบูรณะใหม่ในปี 1843 แต่ต่อมาในสงครามฝิ่นครั้งที่สอง (第二次鸦片战争) ปี 1856 - 1860 ที่นี่ก็ได้กลายเป็นสมรภูมิรบอีกและถูกทำลายอีกจนต้องสร้างใหม่อีก นับว่าเป็นสถานที่สำคัญที่ผ่านการศึกกับต่างชาติมาอย่างโชกโชน

ในปี 1982 ป้อมปืนใหญ่นี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ

นอกจากตัวป้อมปืนใหญ่แล้วข้างๆป้อมนั้นก็ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่ระลึกสงครามฝิ่นตั้งอยู่ด้วย สามารถเข้าไปชมได้ ในนั้นทำไว้ดีมาก ใส่ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับสงครามฝิ่นไว้อย่างมากมาย



เราออกเดินทางจากกว่างโจวไปยังตงกว่านโดยนั่งรถบัส ต้องไปขึ้นที่ท่ารถสถานีตะวันออก



โรงแรมที่เราไปพักนั้นไม่ได้อยู่ในเขตตัวเมืองตงกว่าน แต่อยู่ที่ตำบลโฮ่วเจีย (厚街) ซึ่งค่อนไปทางใต้ อยู่กึ่งกลางตะหว่างตัวเมืองตงกว่านกับตำบลหู่เหมิน

โฮ่วเจียเองแม้ว่าจะไม่ใช่ใจกลางเมืองก็เรียกได้ว่าเจริญพอสมควร มีตึกสูงๆอยู่ประปราย



ตอนเย็นเราเดินเล่นบริเวณถนนของกินในย่านนั้น






ขายผลไม้




แวะเข้าร้านนี้เพราะมันติดแอร์ เดินข้างนอกร้อนอบอ้าวแทบแย่ ขนาดเป็นกลางคืน



สั่งทีมาเป็นหม้อเลย และก็ไม่ได้อร่อยอะไรมากนัก กินไม่หมด





วันต่อมาเราจึงมาเที่ยวป้อมปืนใหญ่หู่เหมิน ตัวสถานที่ตั้งอยู่ริมปากแม่น้ำจูเจียง มองออกไปทิวทัศน์สวย



จุดเด่นอย่างหนึ่งของที่นี่คืออยู่ใกล้กับใต้สะพานใหญ่หู่เหมิน (虎门大桥, หู่เหมินต้าเฉียว) เป็นสะพานที่ยาวมาก ข้ามฝั่งไปก็จะเป็นเขตกว่างโจว



ทางเข้าชมตัวป้อม



บรรยากาศในบริเวณป้อม







ตัวปืนใหญ่



ตัวป้อมกับสะพาน




ดูป้อมเสร็จแล้ว ไม่ได้ใหญ่เท่าไหร่ จากนั้นก็ไปดูพิพิธภัณฑ์ซึ่งอยู่ข้างๆกัน




ตอนนั้นเราเดินข้างนอกกันจนร้อนแทบแย่แล้ว ได้เข้ามาในอาคารเหมือนได้ขึ้นสวรรค์



บรรยากาศข้างใน








แผนที่สามมิติจำลองสภาพปากแม่น้ำบริเวณหู่เหมินตอนช่วงนั้น จะเห็นว่ามีเรือมาทัพใหญ่



จำลองสมรภูมิรบ




ทหารจีนจะฆ่าฝรั่ง



สภาพของคนที่ติดฝิ่น เขาบอกว่าครอบครัวนี้แต่ก่อนร่ำรวยมาก แต่พอติดฝิ่นก็กลายเป็นแบบนี้ ดังนั้นอย่าได้ติดยาเด็ดขาด มั่งมมีเพียงใดก็ไม่เหลือ





เสร็จแล้วหลังจากนั้นฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ฟ้ายังใสๆอยู่เลย คราวนี้เป็นฝนตกยาวไม่ใช่ฝนไล่ช้างด้วย เล่นเอาแทบแย่



เราเข้ามาเดินเล่นฆ่าเวลาในห้างแห่งหนึ่ง เห็นเขาบอกว่าเป็นห้างขายเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมือง



ห้างนี้มันใหญ่มาก ที่นี่เจริญมากกว่าที่คิดไว้มาก ขนาดไม่ใช่ตัวเมืองตงกว่าน แค่ตำบลย่อยก็เป็นเมืองใหญ่ขนาดนี้แล้ว แถมมีห้างหรูแบบนี้




ในห้างคนเต็ม เพราะเข้ามาหลบฝนกัน



ต่างติดฝนไปไหนไม่ได้กัน



ตอนที่ออกมาจากห้างฝนยังคงไม่หยุดตก แต่ก็เบาลงหน่อยแล้ว





แล้วเราก็ได้เวลาไปยังท่าขึ้นรถเพื่อเดินทางไปยังที่หมายต่อไป นั่นคือเมืองแต้จิ๋ว (潮州, เฉาโจว) บ้านเกิดของบรรพบุรุษคนจีนจำนวนมากในไทย อ่านต่อได้ใน https://phyblas.hinaboshi.com/20120628

-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ