φυβλαςのβλογ
phyblasのブログ



ตามรอยสึซึมิยะ ฮารุฮิ ที่โควโยวเอง ย่านชุมชนบนทางลาดเขาเมืองนิชิโนมิยะ
เขียนเมื่อ 2013/02/09 00:26
แก้ไขล่าสุด 2024/03/09 05:50
เป้าหมายในการมาเที่ยวญี่ปุ่นของเราไม่เพียงแต่ไปเที่ยวตามสถานที่ดังที่ใครๆก็ไปกัน สำหรับคนชอบอนิเมะแล้ว การได้เที่ยวญี่ปุ่นมีกิจกรรมอย่างหนึ่งซึ่งไม่ควรพลาด นั่นคือการตระเวณเที่ยวตามสถานที่ที่เป็นฉากของอนิเมะ ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นใช้คำว่าเซย์จิจุนเรย์ (聖地巡礼) แปลตรงๆก็คือการเดินทางแสวงบุญ ณ แดนศักดิ์สิทธิ์

นั่นเพราะสำหรับผู้ชื่นชอบอนิเมะแล้ว สถานที่ที่เป็นฉากของอนิเมะเรื่องที่ชอบนั้นก็เสมือนเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งยังไงก็อยากจะไปเยือนให้เห็นกับตา

อนิเมะที่เข้าฉายในช่วงหลายปีมานี้พบว่ามีหลายเรื่องนิยมใช้ฉากสถานที่ซึ่งมีอยู่จริง บางเรื่องก็ใช้สถานที่นั้นๆเป็นฉากจริงๆโดยมีการกล่าวชื่อชัดเจน แต่บางเรื่องก็แค่เอาภาพบางส่วนของสถานที่มา แต่ไม่ได้กล่าวชื่อสถานที่ชัดเจน หรือใช้ชื่อเป็นเมืองสมมุติแม้ว่าทิวทัศน์ที่ปรากฏในเรื่องจะเห็นชัดว่าเลียนแบบมาจากเมืองไหน

เราได้เตรียมแผนเที่ยวชมฉากของอนิเมะอยู่หลายเรื่องด้วยกัน และที่แรกที่ได้ไปเยือนก็คือฉากของอนิเมะเรื่องสึซึมิยะ ฮารุฮิ (涼宮ハルヒ)



ซึ่งฉากของเรื่องอยู่ที่เมืองนิชิโนมิยะ (西宮市) จังหวัดเฮียวโงะ (兵庫県) ซึ่งเมืองนี้เป็นบ้านเกิดของคุณทานิงาวะ นางารุ (谷川 流) ผู้แต่งเรื่องนั่นเอง แม้ว่าในเรื่องจะไม่ได้กล่าวถึงชื่อเมือง แต่เมื่อดูจากอนิเมะแล้วฉากต่างๆทั้งหลายล้วนเอามาจากเมืองนิชิโนมิยะ


ตำแหน่งของเมืองนิชิโนมิยะ สีชมพูเข้มในแผนที่




ฉากของเรื่องนี้กระจายอยู่ทั่วเมืองนิชิโนมิยะ ถ้าหากจะไปหาสถานที่ตามนั้นทั้งหมดคงจะต้องใช้เวลาทั้งวัน และคงเปลืองค่ารถมากมาย และเมืองนิชิโนมิยะนี้ก็ไม่ได้มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรเป็นพิเศษด้วย จะให้ตะลุยทั่วเมืองก็คงไม่ไหว

แต่มีย่านหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะเป็นบริเวณที่ถูกนำมาใช้เป็นฉากอยู่หลายจุด หากไปเดินแค่แถบนั้นก็จะได้เจอกับฉากอยู่หลายแห่งโดยไม่ต้องเดินทางไกลนัก เท่านี้ก็เพียงพอแล้วด้วยเวลาที่จำกัด

นอกจากนี้ยังเป็นย่านชุมชมบนเนินเขาซึ่งน่าจะสวยงามบรรยากาศดีไม่น้อย แม้จะไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวอะไรก็น่าสนใจไปเดิน ย่านนั้นมีชื่อว่าย่านโควโยวเอง (甲陽園) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองนิชิโนมิยะบนทางลาดเขา มีรถไฟวิ่งไปถึงจึงไปได้โดยสะดวก



และนี่คือภาพฉากทั้งหมดที่เก็บมาได้ ขอเรียงตามลำดับการปรากฏในเรื่องเลย
ภาพที่ถ่ายมากับภาพที่ปรากฏในอนิเมะอาจไม่ค่อยตรงกันนัก บางภาพอาจจะถ่ายคนละมุมกันออกไปเลย เนื่องจากตอนที่ไปเดินที่นั่นเราไม่ได้เอาภาพตัวอย่างไปเทียบ จึงได้แต่ถ่ายสุ่มๆมาเยอะๆแล้วกลับมาเทียบดูว่ามีตรงไหนที่ตรงบ้าง เป็นงานที่เหนื่อยไม่น้อยแต่ก็คุ้มค่า



ภาค ๑ ตอนที่ ๒ ความหดหู่ของฮารุฮิ I (ตอนที่ ๑ ของภาค ๒)

====



สถานีรถไฟ สถานีโควโยวเอง (甲陽園駅) เคียวน์เดินผ่านตอนที่ไปเรียน

เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายมุมที่ตรงกับที่ปรากฏในนี้ไว้ แต่เทียบองค์ประกอบต่างๆของอาคารแล้วตรงกัน เป็นอาคารเดียวกันแน่นอน



ภาค ๑ ตอนที่ ๓ ความหดหู่ของฮารุฮิ II (ตอนที่ ๒ ของภาค ๒)

====




บันไดที่เคียวน์เดินผ่านตอนไปเรียน




ภาค ๑ ตอนที่ ๙ ซัมเมอร์อินเดอะเรน (ตอนที่ ๒๘ ของภาค ๒)

====



ฉากทางเดินบนทางลาดเขาซึ่งเห็นตัวเมืองเบื้องล่างชัด

ฉากนี้ที่จริงแล้วไม่ใช่มุมที่เราถ่ายอันนี้ แต่เรารู้ว่าจริงๆมันอยู่ตรงไหน แต่สถานที่นั้นอยู่ไกลเกินกว่าจะเดินไปถึงได้ จึงหามุมที่ใกล้เคียงกันแทน เพราะย่านนี้ไม่ว่าจะมองไปตรงไหนก็เห็นภาพประมาณนี้ได้

====



ถนนด้านหน้าสถานีโควโยวเอง


====



สะพานข้ามคลอง มุมที่ถ่ายต่างกันแต่องค์ประกอบโดยรวมไม่ผิดแน่ ต่างกันอีกอย่างคือในภาพฝนกำลังตกแต่ของจริงหิมะตกอยู่


====




วิทยาลัยชุกุงาวะงากุอิง (夙川学院短期大学)
เป็นส่วนหนึ่งของฉากที่เคียวน์เดินผ่านทาง




ภาค ๑ ตอนที่ ๑๓ ความหดหู่ของฮารุฮิ V (ตอนที่ ๕ ของภาค ๒)

====



สะพานข้ามคลองที่เดียวกับภาพ Ⓔ แต่ถ่ายจากด้านล่าง


====



ภาพนี้ดูเหมือนจะคล้ายตรงอาคารที่มีหลังคาสีฟ้าทางขวา และเบื้องหน้าซึ่งเป็นเขา แต่นอกนั้นดูจะไม่ตรงเลย ดังนั้นที่จริงแล้วคงไม่ใช่


====



ทางเดินลาดเขาด้านข้างรางรถไฟ

ดูจากลักษณะของรั้วและถนนและภูเขาด้านหลังแล้วตรงกันหมด เพียงแต่บ้านเมืองที่อยู่ทางขวาไม่ตรง เพราะไม่ได้ไปถ่ายเจอตรงบริเวณนั้น น่าเสียดาย

====



เดินจากตรงนั้นมาสักพักก็เจอจุดข้ามทางรถไฟ
เสียดายว่ามุมที่ถ่ายไว้ผิดออกไปเยอะ แต่ดูองค์ประกอบโดยรวมแล้วเป็นที่เดียวกันแน่นอน



ภาค ๒ ตอนที่ ๘ แรปโซดีใบไผ่

====



ฉากทางลาดเขาเลียบทางรถไฟเช่นเดียวกับภาพ Ⓘ แต่เทียบกันแล้วดูจะถ่ายได้ใกล้เคียงกว่ามาก


====



ม้านั่งที่ป้ายรถเมล์หน้าสถานีโควโยวเอง ถ่ายคนละมุมแต่องค์ประกอบโดยรอบจะรู้ว่าเป็นที่เดียวกัน


====



หน้าที่ตรวจตั๋วเข้าสถานี ไม่ได้ถ่ายมุมนั้นแต่องค์ประกอบส่วนใหญ่ตรงกัน แม้แต่รถไฟด้านหลังก็เป็นคันเดียวกัน




หมดเท่านี้ มีทั้งหมด ๑๓ ภาพ ที่จริงแล้วอาจจะมีถ่ายติดที่ตรงกันอีกก็เป็นได้นะ แต่ว่าหาเจอเพียงเท่านี้

นี่ก็เป็นภาพรวมของผลลัพธ์ที่ได้จากการเดินที่นี่



ต่อไปจะขอเล่าเรื่องราวการเดินทางกว่าจะไปถึงที่นั่น และกว่าจะเดินไปเจอฉากต่างๆและจนเดินทางกลับหอพักในตอนเย็น

จากตอนที่แล้วซึ่งเราไปเที่ยวสะพานอากาชิและอนุสรณ์สถานซุนยัดเซนมา https://phyblas.hinaboshi.com/20130207


เราก็นั่งรถไฟผ่านตัวเมืองโควเบะมายังสถานีซากุระชุกุงาวะ (さくら夙川駅) ซึ่งอยู่ในเมืองนิชิโนมิยะ เพื่อมาเปลี่ยนรถไปยังสถานีโควโยวเองอันเป็นเป้าหมาย



ที่แย่หน่อยก็คือสถานีโควโยวเองนั้นไม่ใช่สถานีรถไฟของ JR แต่เป็นของฮังกิว (阪急) ซึ่งเป็นบริษัทรถไฟเอกชนท้องถิ่น ทำให้เราต้องเสียค่าขึ้นรถไฟเพิ่มเติม หนำซ้ำรถไฟที่จะไปสถานีโควโยวเองนั้นต้องไปต่อรถจากสถานีชุกุงาวะ (夙川駅) ซึ่งแม้จะอยู่ใกล้กับสถานีสถานีซากุระชุกุงาวะของ JR ซึ่งเรานั่งมาลงแต่ก็ต้องเดินไปสักระยะกว่าจะถึง ไม่ใช่สถานีติดกันที่จะเรียกว่าเป็นการต่อรถได้โดยตรง

แต่ก็ไม่ลำบากมากที่จะไปด้วยเส้นทางนี้ เราจึงนั่งรถไฟของ JR มาลงที่นี่ และเดินต่อไปยังสถานีชุกุงาวะของฮังกิว

ท้องฟ้าขณะนั้นมีเมฆมากมาย หิมะก็ตกโปรยปรายแม้ว่าจะไม่กองลงบนพื้นให้เห็นเป็นสีขาวสวยงาม

 

ลักษณะถนนบริเวณนี้จะเห็นได้ชัดว่าไม่ราบเรียบ เต็มไปด้วยเนินสูงต่ำ



แล้วก็มาถึงสถานีชุกุงาวะของฮังกิวซึ่งเป็นต้นทางของรถไฟสายโควโยว (甲陽線) ซึ่งประกอบไปด้วยแค่สามสถานีคือสถานีชุกุงาวะ สถานีคุรากุเองงุจิ (苦楽園口駅) และสุดทางที่สถานีโควโยวเอง



รถไฟที่วิ่งสายนี้เป็นคันสีแดงสด



แต่ภายในเขียวเหลืองสวย



แล้วรถไฟก็วิ่งมาถึงสถานีโควโยวเอง



ภาพถ่ายตัวสถานีจากด้านนอก ดังที่เห็นในภาพ



บริเวณรอบๆด้านหน้าสถานี




ภาพบริเวณเดียวกับภาพ



บ้านเมืองระหว่างทางจากที่เดินจากสถานีเดินตามถนนไปทางตะวันออก





แต่เมื่อใช้ GPS ตรวจดูให้ดีๆก็พบว่าทางนี้มันผิดทาง ออกนอกเส้นทาง เส้นทางแถวนี้แม้จะดูแผนที่ก็หลงได้ง่ายเพราะถนนคดเคี้ยวไปมา เล่นเอามึนไม่น้อย

หลังจากนั้นจึงเริ่มกลับเข้าสู่เส้นทาง และเดินไปยังทางเดินเลียบรางรถไฟ



ตรงนี้ก็คือฉากในภาพ และ นั่นเอง



มองกลับด้าน เห็นสาว ม.ปลาย เดินสวนทางมาเต็มไปหมด



ตึกตรงนี้เท่าที่อ่านข้อมูลพบว่าถูกใช้เป็นฉากในเรื่องเหมือนกัน แต่หาภาพในอนิเมะเทียบไม่เจอเลยไม่รู้ว่าถูกใช้ตรงไหน



แล้วก็มาถึงจุดข้ามทางรถไฟในภาพ



หลังจากได้เห็นจุดข้ามทางรถไฟแล้วก็เดินกลับมาที่สถานี จากนั้นก็เดินไปอีกทาง ไม่นานก็พบบันไดในภาพ



จากนั้นก็เดินขึ้นบันไดนี้มาแล้วก็ทะลุมายังถนนด้านบน



ภาพบ้านเมืองที่อยู่ระหว่างทางเดินตรงนี้ ทั้งหมดตั้งอยู่บนทางลาดเขา ต้องเดินขึ้นๆลงๆตลอดๆ





ภาพนี้เมื่อมองลงไปจะเห็นบ้านเมืองอยู่ด้านล่างเหมือนกับภาพ แต่ว่าไม่ใช่ภาพตรงนั้น ความจริงแล้วจุดที่เห็นภาพแบบนั้นได้มีอยู่ไม่น้อย



ขยายให้เห็นชัดๆ



ต่อมาก็เจอสะพานดังที่เห็นในภาพ และ



หากหันมองกลับไปก็ยังเห็นบ้านเมืองบนเขาสูงขึ้นไปอีก



รถเมล์ที่วิ่งผ่านตรงนี้ก็มีอยู่ประปรายแม้ไม่เยอะมาก แม้จะตั้งอยู่บนเขาแบบนี้แต่ก็เต็มไปด้วยบ้านเรือน มีคนอยู่หนาแน่นพอสมควร



เดินต่อมาอีกนิดก็จะเจอกับวิทยาลัยชุกุงาวะงากุอิงที่เห็นในภาพ



ถนนด้านข้างนี้คือที่ที่เราถ่ายภาพ



เมื่อเดินมาถึงจุดนี้ก็เริ่มเหนื่อยมากแล้ว เนื่องจากเดินเที่ยวมาทั้งวัน และขณะนั้นเวลาก็ประมาณ ๔ โมงกว่าแล้ว ความจริงหากเดินต่อจะไปถึงโรงเรียนมัธยมปลายนิชิโนมิยะคิตะ (西宮北高校) ซึ่งถูกใช้เป็นฉากโรงเรียนที่พวกฮารุฮิอยู่นั่นเอง รวมทั้งฉากทางลาดเขาจริงๆที่ถูกใช้ในภาพ ก็มาจากแถวๆนั้นด้วย

แต่ว่าดูแผนที่จะรู้ว่ามันอยู่อีกไกลมาก ไกลจนที่เดินมาจนถึงตอนนี้เรียกได้ว่าแค่ครึ่งทางเท่านั้นเอง ดังนั้นคงเดินไปไม่ไหว ส่วนรถเมล์ที่นี่ก็ไม่ได้มากมาย และถ้าไปถึงแล้วจะกลับก็ลำบากอีก ดังนั้นจึงหยุดแค่ตรงนี้ เข้าใจความเหนื่อยของพวกเคียวน์ที่ต้องเดินผ่านทางลาดนี้เพื่อไปยังโรงเรียนนั้นเลย

การเที่ยวของเราที่นี่ในวันนี้จึงสิ้นสุดลงเท่านี้ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ไปแล้วถูกใจมากที่สุดในบรรดาสถานที่ที่ได้ไปมาเลย เพราะสภาพบ้านเมืองบนทางลาดเขานั้นสวยมาก แล้วก็เป็นการเดินตามรอยอนิเมะจึงยิ่งรู้สึกสนุกตื่นเต้น สภาพอากาศก็หิมะกำลังตกเย็นสบาย แม้ว่าจะเดินเหนื่อยมากก็ตามแต่ก็ถือว่าคุ้มจริงๆ



ขากลับเรานั่งรถเมล์ โดยดูตารางเวลาแล้วก็พบว่าเที่ยวต่อไปที่จะไปยังสถานีรถไฟได้นั้นรออีกไม่นาน โชคดี เพราะรถเมล์มาราวๆชั่วโมงละคันเท่านั้น ไม่ได้เยอะเหมือนใจกลางเมือง



แล้วรถเมล์ก็มาตามเวลา เราก็ขึ้นไปนั่ง เป็นการพักเหนื่อยหลังจากที่เดินไปมาบนทางลาดเขาเป็นชั่วโมง



นั่งรถเมล์ไปลงที่ป้ายหน้าสถานีรถไฟสถานีนิชิโนมิยะ (西宮駅) ของ JR ใช้เวลาไม่นาน



แล้วพอมาถึงหน้าสถานีก็มีเรื่องให้ต้องครุ่นคิด นั่นคือ ที่จริงแล้วตอนแรกเรายังมีเป้าหมายที่อยากไปเที่ยวอยู่อีกที่ แต่เพราะเจอปัจจัยเสียเวลาไปหลายอย่าง ตั้งแต่ตอนเช้าซึ่งขึ้นรถผิดไปขึ้นรถช้าแทนที่จะเป็นรถเร็ว แล้วรถไฟก็มาล่าช้าเพราะติดหิมะ จากนั้นเราก็เจอปัญหาเรื่องมาไม่ตรงจังหวะรถไฟที่จะนั่งไปลงสถานีอากาชิจน ต้องไปอ้อมถึงสถานีชินโควเบะ และสุดท้ายคือใช้เวลาเดินในย่านโควโยวเองนี้นานมาก




เวลาก็เลยสายมาเรื่อยๆ จนตอนที่กลับมาถึงสถานีนิชิโนมิยะนี้ก็เป็นเวลา ๕ โมงเย็นแล้ว ท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว สถานที่ที่ตั้งใจจะไปแห่งสุดท้ายคือย่านคนจีนนังกิงมาจิ (南京町) ในเมืองโควเบะนั้นต้องนั่งรถไฟย้อนกลับไปอีก และขากลับค่อยไปขึ้นรถไฟชิงกันเซงจากสถานีชินโควเบะ

แต่เราก็คิดขึ้นมาว่าไหนๆก็ได้เคยไปแวะสถานีชินโควเบะมาแล้ว แม้ว่าจะแค่เกิดจากความผิดพลาดโดยบังเอิญก็ตาม ดังนั้นก็ไม่อยากกลับไปอีกแล้ว และย่านคนจีนก็คงไม่ได้เป็นสถานที่ที่น่าสนใจอะไรขนาดนั้น พอที่จะตัดทิ้งได้

ดังนั้นจึงตัดสินใจเปลี่ยนแผน จากที่ตอนแรกกะว่าจะไปเดินเที่ยวเสร็จแล้วก็กินข้าวที่นังกิงมาจิ สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นไปหาอะไรกินที่เมืองอามางาซากิ (尼崎市) แทน ซึ่งเมืองนี้เป็นทางผ่าน จากนิชิโนมิยะถ้าจะกลับไปยังโอซากะต้องผ่านเมืองนี้อยู่แล้ว และไม่มีสถานที่เที่ยวอะไรเป็นพิเศษ แค่แวะไปหาอะไรกินแล้วก็กลับได้เลย ดังนั้นน่าจะเป็นทางเลือกที่ดี

เราขึ้นมายังชานชลารอรถเพื่อไปยังอามางาซากิ



เนื่องจากเป็นเวลาเย็นรถไฟขณะนั้นคนแน่นจนเกือบไม่มีที่นั่ง





พูดถึงเมืองอามางาซากิแล้ว ความจริงเมืองนี้เป็นอีกเมืองหนึ่งที่ถูกใช้เป็นฉากของอนิเมะ ซึ่งก็คืออนิเมะเรื่องเอ็มเอ็ม (えむえむっ!) หรือที่ฉบับมังงะแปลไทยใช้ชื่อว่ายายตัวแสบกับนายมาโซ



แต่ว่าจากที่ดูข้อมูล ฉากที่ถูกนำไปใช้จริงๆมีน้อยมาก และไม่ค่อยจะเหมือนของจริงเท่าไหร่ ก็เลยไม่อยู่ในเป้าหมายที่จะไปแต่แรกแล้ว

และสถานีที่ครั้งนี้แวะมาลงคือสถานีอามางาซากิ (尼崎駅) ซึ่งเป็นสถานีกลางของเมือง ก็ไม่ได้ถูกใช้เป็นฉาก สถานีที่ถูกใช้เป็นฉากในเรื่องเป็นสถานีอื่นๆภายในเมืองซึ่งอยู่บนเส้นทางรถไฟสายฟุกุจิยามะ (福知山線) ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟจากสถานีอามางาซากิไปยังสถานีฟุกุจิยามะ (福知山駅) ในเมืองฟุกุจิยามะ (福知山市) จังหวัดเกียวโต

ภาพเปรียบเทียบดูได้ในนี้ http://d.hatena.ne.jp/keyboar/20101025/1287967272

พูดถึงอนิเมะเรื่องนี้แล้ว ต้องบอกว่าน่าเสียดายจริงๆที่คนแต่งเสียชีวิตไปแล้ว เลยไม่มีโอกาสได้เขียนต่อจนจบ เป็นเรื่องหนึ่งที่สนุกจริงๆแม้ตอนท้ายจะเริ่มหลุดโลกมากไป

แผนที่จังหวัดเฮียวโงะ แสดงตำแหน่งเมืองอามางาซากิเป็นสีชมพูเข้ม จะเห็นว่าตั้งอยู่มุมตะวันออกเฉียงใต้สุดของจังหวัด ติดกับจังหวัดโอซากะ



ตอนที่รถไฟไปจอดที่สถานีอามางาซากิ เราพบว่ารถไฟขบวนที่จอดอยู่ข้างๆนั้นมีตู้พิเศษซึ่งให้แต่เฉพาะผู้หญิงขึ้นด้วย แบบนี้ก็มีด้วย แปลกดี เท่าที่เห็นมีแค่รถไฟสายนี้เท่านั้นที่มีตู้แบบนี้



ภายในสถานีอามางาซากิ



ออกมาด้านนอกสถานี



ตรงนี้เป็นจุดรอรถเมล์



ที่นี่ก็เป็นเมืองใหญ่ บริเวณรอบๆสถานีมีร้านอาหารอยู่ประปราย เราก็ลองเดินๆหาดูสักพัก




ก็มาเจอร้านนี้ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วๆไป



เห็นมีชุดซูชิ ราคาไม่แพงไปพอไหว คือ ๕๗๗ เยน ซึ่งถ้าเทียบกับทานที่ไทยก็ราคาพอๆกัน จึงตัดสินใจแวะ



ได้เวลาทานแล้ว อิทาดากิมาสึ! (いただきます! = ทานละนะ)



เมื่อทานเสร็จก็กลับมาที่สถานีและเบียดเสียดผู้คนจำนวนมหาศาลซึ่งกำลังขึ้นรถไฟ ขณะนั้นเวลา 17:55 เป็นช่วงที่คนมหาศาล เรานั่งรถเร็วซึ่งตรงจากที่นี่กลับไปยังเกียวโต เป็นอันจบการเดินทางเที่ยวอันแสนเหนื่อยในวันนี้ลง



เท่านี้ก็ผ่านไป ๒ วันแล้วกับการเที่ยวญี่ปุ่น แต่ยังเหลืออีก ๑๐ วัน ยังมีการเดินทางที่เหนื่อยกว่านี้รออยู่อีกมากมาย

วันต่อไปเป็นการท่องเที่ยวท่ามกลางหิมะ
https://phyblas.hinaboshi.com/20130211



โดยสรุปแล้วเป็นวันที่ใช้ Kansai WIDE are pass เที่ยวได้คุ้มมาก ลองคำนวณดูคร่าวว่าถ้าวันนี้ไม่ใช้จะต้องจ่ายค่ารถไฟไปเท่าไหร่

เกียวโต > ชินโอซากะ > โอกายามะ 5980 (รถไฟธรรมดาถึงชินโอซากะ จากนั้นนั่งชิงกันเซงต่อจนถึงโอกายามะ)
โอกายามะ > นิชิอากาชิ 4620 (ชิงกันเซง)
นิชิอากาชิ > อากาชิ 160
อากาชิ > ไมโกะ 160
ไมโกะ > ซากุระชุกุงาวะ 540
นิชิโนมิยะ > อามางาซากิ 170
อามางาซากิ > เกียวโต 890

รวมทั้งหมดเป็น 12520 เยน

แต่ว่า Kansai WIDE are pass ราคาเพียง 7000 เยนแต่ใช้ได้ทั้งหมด ๔ วัน! แต่เราใช้แค่วันเดียวก็เกินราคาแล้ว ต่อให้ใช้พาสแค่วันเดียวก็คุ้มแล้วแต่นี่ยังใช้ต่อได้อีก ๓ วัน ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการซื้อพาสนี้ใช้เป็นอะไรที่คุ้มมากอย่างสุดๆจริงๆ




ในบทความนี้มีการนำภาพจากอนิเมะ "suzumiya haruhi no yuuutsu" มาใช้อ้างอิงเพื่อการวิจัยศึกษาภาพเปรียบเทียบ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของผู้จัดทำ "suzumiya haruhi no yuuutsu"
この記事では、比較研究を目的としてアニメ「涼宮ハルヒの憂鬱」の画像を引用しています。画像の著作権はすべて「涼宮ハルヒの憂鬱」の製作者に帰属します。




-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- ประเทศญี่ปุ่น >> เฮียวโงะ
-- ท่องเที่ยว >> ตามรอย
-- ท่องเที่ยว >> รถไฟ
-- ท่องเที่ยว >> หิมะ

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

目次

日本による名言集
モジュール
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
機械学習
-- ニューラル
     ネットワーク
javascript
モンゴル語
言語学
maya
確率論
日本での日記
中国での日記
-- 北京での日記
-- 香港での日記
-- 澳門での日記
台灣での日記
北欧での日記
他の国での日記
qiita
その他の記事

記事の類別



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  記事を検索

  おすすめの記事

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ

ไทย

日本語

中文