φυβλαςのβλογ
phyblasのブログ



ตามรอยทามายุระที่อุรางะ คนญี่ปุ่นที่นี่ช่างมีน้ำใจ
เขียนเมื่อ 2014/04/11 21:29
แก้ไขล่าสุด 2023/03/30 12:40
# เสาร์ 16 พ.ย. 2013

เขียนต่อจากตอนที่แล้วที่เดินทางมาถึงเมืองโยโกสึกะเพื่อเที่ยวชมสถานที่ที่เป็นฉากของอนิเมะเรื่องทามายุระ https://phyblas.hinaboshi.com/20140405

ตอนที่แล้วเที่ยวที่ย่านชิโออิริ (汐入) ส่วนคราวนี้จะเดินทางต่อเพื่อไปยังย่านอุรางะ (浦賀) ซึ่งเป็นบริเวณตะวันออกสุดติดริมฝั่งทะเลของเมืองโยโกสึกะ พวกฟูจังพากันมาเที่ยวถึงแถวนี้

สถานที่สำคัญที่ใช้เป็นฉากในเรื่อง นั่นคือศาลเจ้าคาโนว (叶神社) ซึ่งมีอยู่สองแห่ง ทั้งสองแห่งอยู่ในย่านอุรางะนี้ โดยมีทะเลกั้นอยู่ ทะเลที่ว่านี้เป็นแค่อ่าวแคบๆที่ยื่นเข้ามา เป็นที่ตั้งของท่าเรือต่างๆ

ชื่อศาลเจ้านี้ความจริงตอนแรกพลาดที่ไม่ได้อ่านข้อมูลมาให้แน่ว่ามันอ่านว่าอย่างไร อักษร 叶 นั้นอ่านได้หลายแบบ บางทีอาจอ่านว่าคานาเอะ หรือคานาอุ อย่างไรก็ตามความจริงแล้วมันอ่านว่าคาโนว ซึ่งเป็นวิธีการอ่านที่แปลกออกไป ถ้าไม่เคยเจอมาก่อนคงเดายากอยู่

ความจริงแล้วตอนแรกกะว่าถ้าเป็นไปได้อยากจะลองนั่งรถเมล์ไปแทนที่จะนั่งรถไฟ ถึงจะช้ากว่าแต่ก็อาจจะไปจอดใกล้เป้าหมายมากกว่า แต่ไม่ได้ศึกษาเส้นทางมาก่อนก็เลยลองไปถามเจ้าหน้าที่ตรงสถานีรถไฟซึ่งเขาก็ช่วยให้บริการเป็นอย่างดี เราลองบอกชื่อศาลเจ้าไปเผื่อว่าเขาจะรู้จัก แต่ว่าบอกชื่อผิด อ่านเป็นคานาเอะ เขาก็บอกว่าไม่รู้จัก สุดท้ายก็เลยต้องบอกว่าอยู่แถวอุรางะ เขาก็เลยบอกว่ารถเมล์ที่นี่ไม่มีที่ไปไกลจนถึงแถวนั่น โดยทั่วไปต้องนั่งรถไฟไป

ความจริงแล้วก็ยังคิดอยู่ว่าถ้าตอนนั้นสะกดชื่อไปถูกเขาจะรู้จักศาลเจ้านี้หรือเปล่านะ แต่คิดว่าอาจไม่รู้จักอยู่ดี เพราะมันก็ไม่ใช่สถานที่เที่ยวที่ชื่อดังขนาดนั้น และเขาก็ไม่ได้อยู่ในย่านนั้นด้วย



เราเดินกลับไปที่สถานีชิโออิริเพื่อขึ้นรถไฟสายเดิมไปต่อจนถึงสุดสาย

ไม่นานก็ถึงสถานีอุรางะ อยู่ห่างจากสถานีชิโออิริไป ๖ สถานี



พอมาถึงแล้วต้องเดินไปต่ออีกหน่อย





ทางเดินตรงนี้อยู่ริมน้ำ และทะเลที่นี่ก็ช่างสวย น้ำทะเลใสเห็นเป็นสีเขียวและฟ้า



เนื่องจากต้องประหยัดแบ็ตโทรศัพท์มือถือเราเลยแค่จำตำแหน่งคร่าวๆแล้วปิดเครื่องไป ทำให้ต้องอาศัยถามคนแถวนี้เอา พอถามไปว่าศาลเจ้าคานาเอะอยู่ไหน เขาก็ดูเหมือนจะเข้าใจแม้ว่าเราจะพูดชื่อผิดก็ตาม ก็ไม่แปลกเพราะคงจะมีคนเรียกผิดแบบนี้อยู่ไม่น้อย



ฝาท่อระบายน้ำที่นี่สวยดี



หลังจากถามทางคนมาเรื่อยๆในที่สุดก็หาเจอแล้ว ศาลเจ้าคาโนว ตำแหน่งไม่ได้หายาก แต่ก็ไม่ได้เด่นจนหาง่ายซะทีเดียว เพราะไม่ได้อยู่ติดทะเล



เปรียบเทียบภาพด้านหน้าสถานีกับที่ปรากฏในอนิเมะ




ภาพภายในศาลเจ้า เทียบกันดู




ที่นี่มีให้เขียนแผ่นป้ายคำขอซึ่งมีอักษรคำว่า คานาอุ (叶) ที่แปลว่าฝันเป็นจริง อยู่มากมาย




ขอขยายความเกี่ยวกับเรื่องอักษร 叶 สักหน่อย โดยทั่วไปอักษรนี้ใช้เป็นคำกริยา คือคำว่า 叶う (คานาอุ) ซึ่งเป็นอกรรมกริยาแปลว่าฝันเป็นจริง และคำว่า 叶える (คานาเอรุ) ซึ่งเป็นสกรรมกริยาแปลว่าทำให้ความฝันเป็นจริง

แต่คำว่าคานาอุนั้นจริงๆแล้วมีหลายความหมาย ซึ่งจะต่างกันไปตามอักษรที่เขียน ถ้าเขียนว่า 敵う จะหมายถึงเอาชนะศัตรูได้ ถ้าเขียนว่า 適う จะหมายถึงเหมาะกับกาลเทศะหรือตรงตามจุดประสงค์ ทั้งสามคำนี้ถือเป็นคำพ้องเสียงกัน แยกความต่างกันด้วยการเขียนคันจิที่ต่างกัน

ส่วนการที่อ่านว่าคาโนวนั้น ไม่ใช่คำอ่านแบบปกติของอักษรตัวนี้ แต่จะเจอได้ในชื่อเฉพาะเท่านั้น โดยยังใช้เป็นนามสกุลหนึ่งของคนญี่ปุ่นด้วย แต่นามสกุลที่อ่านว่าคาโนวก็ยังอาจมีที่เขียนว่า 加納 หรือ 狩野 หรือ 鹿野 อีกด้วย ซึ่งก็ถือว่าเป็นคนละนามสกุลกัน

สำหรับในภาษาจีน อักษร 叶 นั้นเป็นอักษรตัวย่อของอักษร 葉 ซึ่งแปลว่าใบไม้ และยังเป็นแซ่หนึ่งของคนจีนด้วย ไม่ได้ใช้ในความหมายเดียวกับ

มุมอื่นภายในศาลเจ้า เท่าที่ดูก็เล็กแค่นี้



จากประตูศาลเจ้าเดินถอยหลังไปเรื่อยๆก็จะเห็นป้ายรถเมล์ ที่จริงสามารถนั่งรถเมล์จากสถานีรถไฟมาถึงตรงนี้ได้ แต่ก็แค่ไม่กี่ป้ายเท่านั้น เดินมาได้ก็เดินเอาดีกว่าจะได้ชมบรรยากาศไปด้วย



ออกมาเดินชมทะเลต่อ



เดินต่อไปเพื่อจะหาจุดที่ข้ามเรือไปยังศาลเจ้าคาโนวอีกฝั่งตามในเรื่อง



ระหว่างทางก็เห็นเรือจอดอยู่เยอะ และก็มีเบ็ดตกปลาวางอยู่มากมาย



หลังจากเดินไปพอสมควรเราก็มารู้ทำหลังว่าเดินเลยจุดที่ขึ้นเรือไปแล้ว เพราะตรงนั้นไม่ได้มีจุดอะไรให้สังเกตเด่นชัดพอ



ย้อนกลับมาหาจนเจอ ค่าขึ้นเรือราคา ๑๕๐ เยน



ภาพท่าเรือถ่ายเทียบกับในอนิเมะ




แต่ก็เจอปัญหาว่าเรือหยุดทำงานตอนช่วงเที่ยงถึงบ่ายโมงซึ่งเป็นช่วงพักเที่ยงของเขา แต่ตอนที่เรามาถึงมันเป็นจังหวะนั้นพอดีทำให้ไม่มีเรือมาเทียบ


พอดีเห็นคุณลุงคนหนึ่งกำลังนั่งตกปลาอยู่ตรงนั้นเราก็เลยลองถามเขาว่าทำยังไงดี เขาก็บอกว่าลองกดกริ่งเรียกดูไม่แน่อาจมีคนมาก็ได้

เห็นตรงนี้ก็มีป้ายเขียนอยู่เหมือนกันว่าเวลาที่ไม่มีเรือให้กดปุ่มตรงด้านบนบันได



พอลองกดเรียกดู ไม่นานก็พบว่ามีเรือลำหนึ่งกำลังแล่นมาจากฝั่งโน้น เห็นดังนั้นก็โล่งใจขึ้นมาเลย นึกว่าจะต้องเดินอ้อมอ่าวไปเองซะแล้ว ซึ่งมันไกลมาก นั่งเรือไปดีที่สุด

ระหว่างรอเรือมาเรามีโอกาสได้คุยกับคุณลุงคนนี้ด้วย เขาคุยดีมาก พอบอกว่าเป็นคนไทยเขาก็พูดสวัสดีครับเป็นภาษาไทยด้วย เขาบอกว่าเขาทำธุรกิจแล้วต้องไปไทยบ่อยๆ ปีนี้ก็มีไปมาด้วย

เราเล่าให้เขาฟังคร่าวๆถึงแผนการเที่ยววันนี้ของตัวเอง และบอกว่าเรากำลังรีบอยู่เพราะเป็นวันสุดท้ายแล้วเดี๋ยวต้องกลับไปสนามบินนาริตะให้ทันเวลา ตอนที่พูดมีพูดถึงศาลเจ้าคาโนวด้วย เราพูดว่าศาลเจ้าคานาเอะ แต่เขาพูดตอบกลับมาว่าศาลเจ้าคาโนว ทำให้เรารู้สึกตัวเอาตอนนั้นเองว่าที่ถูกต้องต้องเรียกแบบนั้น

มีเวลาคุยไม่นานเรือก็มาถึง เราก็รีบขึ้นเรือไป น่าเสียดายที่ได้คุยกันแค่นิดเดียวเพราะว่าเราต้องรีบไปแล้ว

ภาพเรือนี้ลองถ่ายแล้วเทียบกับในอนิเมะ เหมือนกันเลย




ภายในเรือ




มองไปยังฝั่งโน้น



ถึงแล้ว



พอข้ามมาถึงเราก็ถามทางคนเพื่อจะไปยังศาลเจ้าคาโนวของฝั่งนี้
ย่านชุมชนระหว่างทาง น่าอยู่จริงๆ ดูสงบดี




ป้ายตรงนี้บอกว่าศาลเจ้าคาโนวอีก ๒๐๐ เมตรข้างหน้า



ถึงแล้ว



ภาพด้านหน้าศาลเจ้า เทียบกับในอนิเมะดูอีก




เปรียบเทียบภาพด้านใน ในอนิเมะพอดีว่ามีงานเทศกาลอยู่บรรยากาศเลยต่างออกไป ดูครึกครื้นกว่ามากเลย














ภาพเปรียบเทียบก็หมดเท่านี้










ที่นี่มีขายเครื่องราง



บรรยากาศรอบๆศาลเจ้า เป็นย่านชุมชนริมฝั่งน้ำดูน่าอยู่มาก





เนื่องจากเวลาบีบเข้ามาแล้วเลยกะว่าจะหารถเมล์เพื่อนั่งกลับไปยังสถานีรถไฟ เพราะถ้าเดินต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ว่าไม่รู้ว่าจะไปขึ้นรถเมล์ที่ไหนดีก็เลยถามคนแถวนั้นดู



ก็ปรากฏว่าเจอคุณลงคนหนึ่งที่ใจดี พอถามว่าป้ายรถเมล์อยู่ไหนเขาก็ชี้ทางให้อย่างดี แต่ว่าพอเราเดินไปสักพักเขาก็เรียกเราแล้วก็ถามว่าจะไปไหนหรือ พอบอกว่าจะไปสถานีรถไฟเขาก็บอกว่างั้นเขาไปส่งให้เอง แล้วก็เรียกเราขึ้นมาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์


หลังขึ้นมอเตอร์ไซค์เราก็มาถึงสถานีรถไฟอุรางะอย่างรวดเร็วด้วยเวลาเพียงสามนาที ทั้งๆที่ถ้าเดินคงจะต้องใช้เวลาประมาณ ๒๐ นาทีแน่

หลังจากลงแล้วเราก็ขอบคุณคุณลุงแล้วก็บอกลา การได้มาเจออะไรแบบนี้ทำให้การมาเที่ยวโยโกสึกะครั้งนี้เหลือความประทับใจไว้เป็นอย่างมากเลย จะเห็นได้ว่าคนญี่ปุ่นมีน้ำใจมาก ทุกคนดูเป็นมิตร อะไรๆก็ช่วยเหลือกัน

พอคิดแบบนี้แล้วรู้สึกไม่อยากกลับไปจีนเลย อยากอยู่ญี่ปุ่นตลอดไป สถานที่ก็สวยงามกว่า อากาศดีกว่า คนก็มีน้ำใจมากกว่า ดูเป็นระเบียบกว่า ถ้าได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีแบบนี้ตลอดคงจะมีความสุข จะมีโอกาสแบบนั้นหรือเปล่านะ

เราขึ้นมานั่งรถไฟเพื่อเดินทางกลับ โดยขากลับนั้นต้องไปเปลี่ยนรถที่สถานีโฮริโนะอุจิ (堀ノ内駅) ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสายระหว่างสายหลักที่มีปลายทางที่สถานีอุรางะ และสายคุริฮามะ (久里浜線) ซึ่งมีปลายทางที่สถานีมิซากิ (三崎口駅) ซึ่งอยู่ในเมืองมิอุระ (三浦市) ซึ่งเป็นเมืองข้างๆเมืองโยโกสึกะ



ที่ต้องมาเปลี่ยนรถที่สถานีโฮริโนะอุจิก็เพราะว่ารถไฟแบบเร็วไม่มีไปถึงสถานีอุรางะ ถ้าจะนั่งรถไฟจากสถานีอุรางะไปรวดเดียวจนถึงสถานีชินางาวะโดยไม่ต่อรถเลยก็ได้ แต่จะช้าสุดๆเพราะมันจะจอดทุกสถานีเลย ดังนั้นจึงต้องมาเปลี่ยนรถเร็ว



หลังเปลี่ยนรถแล้วเราก็นั่งรถสายเดิมมาเรื่อยๆ แต่คราวนี้มาลงที่สถานีโยโกฮามะ (横浜駅) ซึ่งเป็นสถานีกลางเมืองโยโกฮามะ วันก่อนเรามีแวะมาหาเพื่อนที่โยโกฮามะแล้ว แต่ครั้งนั้นไม่ได้ลงที่สถานีโยโกฮามะ แต่ก็ผ่านเหมือนกัน https://phyblas.hinaboshi.com/20131217

ก่อนที่จะกลับไปยังโตเกียวตั้งใจว่าจะมาแวะหาซื้อของฝากที่นี่สักหน่อยเพื่อจะเอากลับไปฝากเพื่อนที่จีน

บรรยากาศภายในตัวสถานี คนพลุกพล่านไปหมด





มีร้านค้าอยู่มากมาย



ขึ้นมาด้านนอกสถานี






มองกลับลงไปในตัวสถานี



เราเดินหาซื้อของในห้างข้างสถานีตรงนี้



แล้วก็มาเจอของที่คิดว่าน่าจะใช้ได้ จึงรีบตัดสินใจซื้ออย่างเร็วเนื่องจากไม่ได้มีเวลามากนัก นี่คือคุกกีที่ทำเป็นรูปรองเท้า ซึ่งมาจากตำนานรองเท้าสีแดง เป็นเรื่องที่เล่าขานกันมาในสมัยก่อนซึ่งถูกนำมาแต่งเป็นเพลงกล่อมเด็ก เนื้อหามีส่วนที่เกี่ยวข้องกับโยโกฮามะ



กล่องหนึ่งราคา ๖๘๐ เยน ภายในมีอยู่ ๑๘ ชิ้น ก็เป็นจำนวนที่กำลังเหมาะสำหรับจะเอาไปฝากเพื่อน



กลับมายังชานชลา คราวนี้ต้องไปขึ้นรถไฟของ JR สายโชวนังชินจุกุ (湘南新宿線) เป็นทางรถไฟสายยาวที่เชื่อมจากแถบจังหวัดคานางาวะ ผ่านจังหวัดโตเกียวและไซตามะ และแยกไปยังจังหวัดกุมมะและจังหวัดโทจิงิ



ขึ้นมายังชานชลา เนื่องจากเป็นสถานีหลักที่นี่จึงมีรถไฟหลายชนิดหลายเส้นทางมาก ต้องดูให้ดีไม่งั้นขึ้นผิดได้แล้วจะเสียเวลาไปอีกนาน




เราถามคนที่นี่ให้แน่ว่าใช่รถไฟที่จะไปชินจุกุหรือเปล่า ก่อนที่จะขึ้นรถไฟไป

หลังจากที่เล่ามายาวนาน ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายแล้ว ติดตามอ่านกันต่อได้ https://phyblas.hinaboshi.com/20140423



------------------------
ใน บทความนี้มีการนำภาพจากอนิเมะ "tamayura ~moaguresshibu~" มาใช้อ้างอิงเพื่อการวิจัยศึกษาภาพเปรียบเทียบ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของผู้จัดทำ "tamayura ~moaguresshibu~"
この記事では、比較研究を目的としてアニメ
「たまゆら 〜もあぐれっしぶ〜」の画像を引用しています。画像の著作権はすべて「たまゆら 〜もあぐれっしぶ〜」の製作者に帰属します。
 



-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- ประเทศญี่ปุ่น >> คานางาวะ
-- ท่องเที่ยว >> ทะเล
-- ท่องเที่ยว >> รถไฟ
-- ท่องเที่ยว >> เรือ

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

目次

日本による名言集
モジュール
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
機械学習
-- ニューラル
     ネットワーク
javascript
モンゴル語
言語学
maya
確率論
日本での日記
中国での日記
-- 北京での日記
-- 香港での日記
-- 澳門での日記
台灣での日記
北欧での日記
他の国での日記
qiita
その他の記事

記事の類別



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  記事を検索

  おすすめの記事

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ

ไทย

日本語

中文