φυβλαςのβλογ
บล็อกของ phyblas



ชมทิวทัศน์เมืองโตเกียวจากที่ว่าการโตเกียวย่านชินจุกุ
เขียนเมื่อ 2014/04/23 15:03
แก้ไขล่าสุด 2021/09/28 16:42
#เสาร์ 16 พ.ย. 2013

หลังจากตอนที่แล้วที่ไปเที่ยวเมืองโยโกสึกะมา https://phyblas.hinaboshi.com/20140411

เราก็เดินทางมาถึงสถานีชินจุกุ (新宿駅)



เป้าหมายที่มาที่นี่ก็คือเพื่อจะไปยังที่ว่าการโตเกียว (東京都庁) เพื่อจะชมทิวทัศน์ของเมืองโตเกียว ที่ตั้งใจว่าจะมาที่นี่ให้ได้เพราะอุตส่าห์ได้มาโตเกียวครั้งแรก แต่ว่าไม่มีเวลาได้ไปเที่ยวที่ไหนก็อยากจะขอเก็บภาพจากมุมสูงสักหน่อย อยากจะเห็นทุกอย่าง

จากที่ว่าการโตเกียวนี้สามารถมองเห็นได้ทั้งหอคอยโตเกียว (東京タワー) และโตเกียวสกายทรี (東京スカイツリー) นอกจากนี้หากอากาศแจ่มใสมากก็ยังอาจเห็นภูเขาไฟฟุจิได้ด้วย

จุดที่สามารถชมทิวทัศน์มุมสูงได้ภายในโตเกียวนั้นมีอยู่หลายที่ด้วยกัน แต่ว่าที่ว่าการโตเกียวเป็นที่หนึ่งที่คนนิยมเนื่องจากขึ้นไปชมได้ฟรีไม่ต้องมีค่าใช้จ่าย ถ้าหากเป็นตืกอื่นๆแม้ว่าอาจจะสูงกว่า มองเห็นอะไรได้มากกว่า แต่ก็ต้องเสียค่าขึ้นแพง

ตึกที่ว่าการโตเกียวเริ่มสร้างในปี 1988 และสร้างเสร็จเมื่อปี 1990 ประกอบด้วยสองอาคาร อาคารที่หนึ่งคืออาคารที่สูงกว่าและมีจุดชมทิวทัศน์อยู่ ตัวอาคารมีความสูง ๒๔๓ เมตร มีทั้งหมด ๔๘ ชั้น ส่วนจุดชมทิวทัศน์อยู่ที่ชั้น ๔๕ มีความสูง ๒๐๒ เมตร ส่วนยอดตึกจะแบ่งเป็นสองส่วนคือส่วนเหนือกับใต้ เปิดเป็นจุดชมทิวทัศนืให้ขึ้นชมโดยไม่เสียค่าเข้าทั้งคู่

การเดินทางนั้นสามารถเดินทางจากสถานีชินจุกุไปได้ ไม่ไกลนัก เรารีบเดินไปอย่างเร็วเพื่อแข่งกับเวลา แต่ก็ยังถ่ายรูปเรื่อยๆ





แถวนี้เต็มไปด้วยตึกสูงเต็มไปหมด สมแล้วที่เป็นย่านกลางเมือง ศูนย์รวมความเจริญ




ตรงนี้คือสถานีรถไฟใต้ดินสถานีโทโจวมาเอะ (都庁前駅) ซึ่งเป็นสถานีที่อยู่ใกล้ที่ว่าการโตเกียวมากที่สุด แต่เราไม่ได้นั่งรถไฟใต้ดินมาจึงไม่ได้มาลงสถานีนี้ และก็ไม่จำเป็นด้วยเพราะไม่ได้ใกล้กว่ากันมากนัก ถ้าเสียเวลาเดินไปต่อรถละก็เดินมาเองอาจจะเร็วกว่า



อันนี้เป็นทางใต้ดินที่เชื่อมยาวตั้งแต่สถานีชินจุกุถึงจนถึงที่ว่าการโตเกียวเลย ที่จริงจากสถานีจะมุดดินมาเรื่อยๆจนถึงที่ว่าการโตเกียวก็ได้ จะประหยัดเวลาเพราะไม่ต้องติดไฟแดง แต่ถ้าทำแบบนั้นก็จะไม่ได้เห็นทิวทัศน์ระหว่างทาง





แล้วเราก็มาถึงที่ว่าการโตเกียวแล้ว แต่ว่าที่อยู่ตรงหน้านี้คืออาคารที่สอง ไม่ใช่อาคารที่หนึ่งซึ่งเป็นอาคารหลักที่มีจุดชมทิวทัศน์ อาคารสองนี้มีความสูง ๑๖๓ เมตร ไม่สูงเท่าอาคารหนึ่ง ส่วนอาคารหนึ่งอยู่ทางขวา มองเห็นอยู่ด้านหลัง



เดินมาถึงด้านหน้าอาคารหนึ่งของของที่ว่าการโตเกียวแล้ว




ป้ายบอกด้านหน้าอาคาร



แต่เรามาถึงแล้วกลับหาทางเข้าตึกไม่เจอก็เลยวนหาเสียทั่วเลย นี่เป็นสวนที่อยู่อีกด้านของอาคาร



พอเจอคนให้ถามก็ได้รับคำตอบว่าวันนี้วันเสาร์ ที่ว่าการหยุด ไม่เปิดให้เข้านะ พอได้ยินดังนั้นก็ตกใจขึ้นมาทันที ลืมนึกไปเลยว่าเรื่องแบบนี้ก็มีด้วย

แต่พอลองถามดูใหม่ถึงจุดชมทิวทัศน์เขาก็บอกว่า ถ้าตรงนั้นละก็ยังเปิดอยู่ แต่ต้องเข้าจากทางใต้ดิน พอได้ยินดังนั้นก็โล่งใจ รีบขอบคุณเขาแล้วรีบวิ่งไปเลย เพราะเสียเวลามามากแล้ว

พอมาถึงก็พบว่าแถวคิวยาว ต้องรอคนขึ้นลิฟต์ไปทีละกลุ่ม ระหว่างนั้นรู้สึกกังวลมาก คิดอยู่ว่าจะถอนตัวกลับก่อนดีหรือเปล่า เดี๋ยวจะตกเครื่องบินกันพอดี เวลาก็ใกล้มากแล้ว แต่คิดว่าไหนๆก็มาแล้วต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง เวลายังพอไหวอยู่



ขึ้นมาถึงแล้ว บรรยากาศด้านบนเป็นแบบนี้ มีร้านขายของอะไรเต็มเลย แต่เราไม่ได้มีเวลาไปสนใจ



ตรงกลางมีที่นั่งและเป็นร้านอาหาร



นี่ล่ะ ทิวทัศน์โตเกียวที่เราปรารถนาจะเห็นมาตลอด น่าเสียดายว่าถ่ายภาพออกมาแล้วจะไม่ค่อยชัดเท่าไหร่เพราะกระจกรบกวนแสงไปพอสมควรเลย



ที่เห็นต้นไม้เยอะๆกำลังเปลี่ยนสีสวยอยู่ด้านล่างคือสวนสาธารณะชินจุกุจูโอว (新宿中央公園) อยู่ด้านหลังตึกนี้เอง เสียดายถ้ามีเวลาก็น่าไปเดินเล่น คงจะสวยน่าดูเวลาใบไม้เปลี่ยนสีแบบนี้



จุดเขียวๆขนาดใหญ่กลางเมืองที่เห็นอยู่นี้คือสวนสาธารณะโยโยงิ (代々木公園) เป็นจุดที่เห็นแล้วให้ความรู้สึกร่มรื่นจริงๆ



มองไปทางซ้ายอีกจะเห็นสีเขียวอีกแห่งขนาดเล็กกว่า นั่นคือสวนชินจุกุเกียวเอง (新宿御苑)



และหากมองลึกลงไปจุดนี้ในภาพก็จะมองเห็นหอคอยโตเกียว



มันดูไม่โดดเด่นเท่าไหร่นัก ตอนแรกเกือบจะหาไม่เจอ



และมุมนี้ ถ้ามองไปแล้วสังเกตดีๆก็จะเห็นโตเกียวสกายทรี ดูโดดเด่นมากทีเดียว แม้จะอยู่ไกลมากแต่ก็ยังเห็นได้ชัดขนาดนี้



ขยายให้เห็นชัดๆ



ส่วนภูเขาไฟฟุจินั้นเท่าที่ลองดูก็ไม่พบ ลองถามคนที่นั่นดูเขาก็บอกว่าถ้ามาตั้งแต่เช้าละก็จะเห็น แต่ตอนนี้ฟ้าไม่ได้ใสเท่าเมื่อเช้าแล้ว เลยอดไปเลย รู้สึกน่าเสียดาย แต่ก็ไม่เป็นไรหวังว่าโอกาสหน้าจะมีโอกาสได้มาอีก

ได้เวลาจากลาที่นี่ไปแล้ว เราใช้เวลาอยู่บนนี้เพียงแค่ประมาณสิบนาทีเท่านั้น แทบไม่มีเวลาให้ได้ชื่นชมกับทิวทัศน์ไปอย่างสบายๆ แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ถ้าเชยชมมากเดี๋ยวจะไม่ได้กลับแล้วก็จะได้อยู่ต่อสมใจ



ขาลงก็ต้องรอลิฟต์เหมือนกัน แต่ไม่นานเท่าขาขึ้น

ที่หน้าลิฟต์มีตราประทับให้ประทับเป็นที่ระลึกด้วย



ลิฟต์ไม่ได้พามาลงที่เก่าแต่ลงมาโผล่อีกชั้น



จะออกไปด้านนอกต้องกลับลงไปทางชั้นใต้ดินซึ่งเราขึ้นลิฟต์มาเมื่อครู่



พอออกมาก็รีบวิ่งต่อไปเลยเพื่อกลับไปที่สถานีชินจุกุ




นี่คือทางที่จะเชื่อมไปถึงสถานี



กลับมาถึงสถานีแล้ว คนพลุกพล่านและมีป้ายบอกทางเต็มไปหมด ที่นี่เป็นสถานีใหญ่สถานีหลักเลยต้องตั้งสมาธิให้ดีเพื่อจะไปขึ้นให้ถูกสาย



ที่เราต้องไปขึ้นคือสายจูโอวซึ่งจะไปทางสถานีโตเกียว ต้องไปที่ชานชลาหมายเลข ๗ และ ๘



พอขึ้นไปเพื่อรอรถไฟก็เห็นว่ารอบต่อไปคือ 15:40 ซึ่งกำลังจะมาถึงในไม่ช้า



แต่พอรอไปจริงๆรถไฟก็กลับไม่มาตามเวลา จากนั้นก็มีเสียงประกาศซึ่งหลอนเรามาตั้งแต่เช้า นั่นคือเรื่องที่สายจูโอวเกิดอุบัติเหตุเมื่อตอนเช้า ซึ่งมันส่งผลให้ตารางรถไฟสายจูโอวรวนมาจนถึงตอนนี้ และนั่นทำให้เราต้องรอรถไฟนานกว่าสิบนาทีจึงจะได้ขึ้น



เวลาเครื่องบินออกคือ 18:50 เท่ากับว่าเหลืออีกเพียง ๓ ชั่วโมงเท่านั้นแล้ว แต่เรายังต้องกลับไปที่สถานีคันดะเพื่อเอากระเป๋าอีก เวลาค่อนข้างกระชั้นชิดมากเลย



แล้วรถไฟก็มา เรารีบขึ้นไปลงที่สถานีคันดะ เมื่อมาถึงแล้วกำลังจะไปเอาสัมภาระที่ฝากไว้กับตู้ฝากของก็พบปัญหา นั่นคือหาใบเสร็จสำหรับที่จะรับของไม่เจอ ทำให้ตอนนั้นตาลีตาเหลือกหาแทบแย่ ค้นดูซะทั่วกระเป๋า จนในที่สุดก็หาเจอจนได้ โล่งอก นึกว่าทำหายไปซะแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงจะอดกลับแน่นอน

ถึงอย่างนั้นก็ทำให้เสียเวลาไปพอสมควร และของในประเป๋าก็เลยรกเลย แต่ก็ไม่มีเวลาไปคิดเรื่องนั้นแล้ว เรารีบวิ่งไปซื้อตั๋วเพื่อจะไปสถานีนิปโปริ (日暮里駅) ซึ่งเป็นจุดขึ้นรถด่วน

สถานการณ์ตอนนี้จำเป็นต้องนั่งรถด่วนเท่านั้นจึงจะไปทัน ที่จริงตอนแรกคิดไว้ว่าถ้าเวลาเหลือเฟือจะนั่งรถไฟธรรมดาเพราะจะประหยัดได้มาก แต่ถึงขั้นนี้แล้วถ้าทำแบบนั้นก็ตกเครื่องบินแน่นอน

เมื่อถึงสถานีนิปโปริก็รีบตรงไปซื้อตั๋ว รถไฟด่วนที่จะไปยังสนามบินนาริตะนั้นออกทุก ๒๐ นาที ตอนที่ไปถึงนั้นเป็นเวลา 16:20 น. รอบต่อไปที่กำลังจะออกก็คือ 16:25 และจะถึงตอน 17:03 พนักงานถามเราว่าจะเลือกรอบนี้เลยหรือเปล่า ถ้าไม่รีบแนะนำให้เลือกขึ้นรอบ 16:45 ดีกว่า ไม่ต้องรีบ ช้ากว่ากันแค่ ๒๐ นาที

แต่เรารู้สึกว่าแค่นี้ก็สายจะแย่แล้ว ปกติเวลาจะขึ้นเครื่องบินควรจะไปถึงก่อนเวลาขึ้นเครื่องสักสองชั่วโมง ต่อให้ขึ้นรอบ 16:25 ไปก็ยังเหลือเวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก่อนขึ้นเครื่อง ถ้าช้าไปอีก ๒๐ นาทีละก็คงจะยิ่งแย่

ดังนั้นจึงตัดสินใจเสี่ยง รีบซื้อตั๋วรอบ 16:25 จากนั้นก็รีบวิ่งขึ้นไปยังชานชลาเลย ถ้าหากซื้อตั๋วนี้แล้วเกิดตกรอบนี้ขึ้นมาละก็ไม่สามารถใช้ขึ้นรอบต่อไปได้ เพราะตั๋วจำกัดไว้สำหรับแต่ละเที่ยวรถไฟ ถ้าจะขึ้นรอบต่อไปก็ต้องจ่ายใหม่ จึงเป็นอะไรที่เสี่ยงจริงๆ

ตั๋วราคา ๒๔๐๐ ตอนจ่ายเงินเราพบว่าตัวเองเหลือเศษเงินไม่ถึงเท่านี้แล้ว ทำให้ได้เวลาใช้เงิน ๓๐๐๐ ที่ยืมมาเมื่อคืน คิดแล้วก็โล่งใจ ถ้าหากไม่ได้ยืมมาละก็เราคงไม่มีเงินนั่งรถไฟเป็นแน่เลย เพราะรถไฟที่นี่ไม่สามารถใช้บัตรเครดิตจ่ายได้

ขึ้นมาถึงชานชลาแล้ว รถไฟมาพอดี ก็เลยรีบถ่ายสักรูปอย่างไวแล้วก็เข้าไปเลย



ภายในรถไฟโล่งมาก ดูสงบดี



ทิวทัศน์ระหว่างทาง ฟ้ากำลังมืดลงเรื่อยๆ





17:03 พอถึงปลายทางตรงที่ตรวจตั๋วเราไปขอให้ช่วยประทับตราเพื่อเก็บตั๋วไว้ให้เพื่อเป็นที่ระลึก ไม่งั้นก็ต้องหยอดคืนตรงที่ตรวจตั๋ว



รีบเดินไปยังตัวสนามบิน



แล้วก็มาถึงทันเวลา ตอนที่ไปถึงก็ถือว่าช้ามากแล้ว 17:20 เหลืออีกแค่ชั่วโมงครึ่งเครื่องจะออก เขาบอกว่าให้รีบเข้าไปที่ห้องรอขึ้นเครื่องเลย ทำให้เราไม่มีเวลาเดินเล่นเรื่อยเปื่อยในสนามบิน ก็น่าเสียดายเหมือนกัน



เข้ามาถึงห้องที่นั่งรอ ตรงทางก่อนจะขึ้นเครื่อง



แถวๆนั้นมีร้านที่ขายอาหารอยู่เล็กน้อย เรากำลังหิวอยู่ด้วยเพราะยังไม่ได้ทานมื้อเที่ยงเลย แต่ก็ไม่ได้กินเพราะเดี๋ยวก็จะขึ้นเครื่องแล้วไปทานอาหารบนเครื่องฟรีดีกว่า ในสนามบินแต่ละอย่างแพงมาก



ราเมงดูแล้วออกจะน่ากินมาก ยั่วยวนใจมากมายเลย แต่ก็ไม่ได้กินหรอก



ซื้อคิตแคตรสชาเขียวกลับไปด้วย กล่องละ ๑๕๗



ได้เวลาขึ้นเครื่อง



ภาพถ่ายสุดท้าย ลาก่อนญี่ปุ่น แล้วจะต้องกลับมาอีกแน่นอน



หลังจากนั้นอาหารก็มา



เรื่องราวในญี่ปุ่นครั้งนี้ก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ เป็นประสบการณ์ที่ดีจริงๆ ครั้งนี้ได้อะไรมากมาย หวังว่าคราวหน้าจะมีโอกาสได้มาแบบนี้อีก

ไม่ว่าจะมาเที่ยวหรือมาธุระก็ตาม การมาญี่ปุ่นทุกครั้งก็เหลือความประทับใจไว้ให้เสมอ



-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- ประเทศญี่ปุ่น >> โตเกียว
-- ประเทศญี่ปุ่น >> จิบะ
-- ท่องเที่ยว >> รถไฟ
-- ท่องเที่ยว >> ตึกระฟ้า

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

สารบัญ

รวมคำแปลวลีเด็ดจากญี่ปุ่น
มอดูลต่างๆ
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
การเรียนรู้ของเครื่อง
-- โครงข่าย
     ประสาทเทียม
ภาษา javascript
ภาษา mongol
ภาษาศาสตร์
maya
ความน่าจะเป็น
บันทึกในญี่ปุ่น
บันทึกในจีน
-- บันทึกในปักกิ่ง
-- บันทึกในฮ่องกง
-- บันทึกในมาเก๊า
บันทึกในไต้หวัน
บันทึกในยุโรปเหนือ
บันทึกในประเทศอื่นๆ
qiita
บทความอื่นๆ

บทความแบ่งตามหมวด



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  ค้นหาบทความ

  บทความแนะนำ

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ

ไทย

日本語

中文