หลังจากที่รู้สึกว่าเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้นช่างผ่านไปเร็วโดยที่แทบจะไม่ได้ทำอะไรมากนัก ตอนนี้ก็เข้าสู่เดือนใหม่อีกแล้ว
พูดถึงเดือนพฤษภาคม เดือน 5 ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นหรือชอบดูอนิเมะบ่อยๆก็คงจะนึกถึงโรคเดือน 5 ขึ้นมา เป็นอาการที่พอถึงเดือนพฤษภาคมก็เกิดไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรขึ้นมา
เราก็เหมือนจะเป็นขึ้นมาเหมือนกัน มีอยู่สัปดาห์หนึ่งที่ปล่อยงานให้หยุดนิ่งเฉยๆไม่ได้ทำอะไรเลย
พูดถึงสถานการณ์ COVID-19 ในไต้หวันตอนนี้สักหน่อย
ตลอดเดือนพฤษภาคมนั้นในไต้หวันไม่มีการพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อในประเทศเพิ่มเลยแม้แต่คนเดียว มีแต่ผู้ที่กลับจากต่างประเทศซึ่งตรวจพบว่าติดโรค และตลอดเดือนก็มีเพียง ๓ คนเท่านั้น ถือเป็นช่วงที่สถานการณ์ผ่อนคลายความตึงเครียดลงเรื่อยๆ ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาได้
ยอดจำนวนผู้ป่วยรวมจนถึงเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ ๔๔๒ คน แต่พอขึ้น 1 มิถุนายนก็มีตัวเลขเพิ่มอีก ๑ คน กลายเป็น ๔๔๓ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลเพราะเป็นผู้ป่วยที่กลับจากต่างประเทศ ยังคงไม่ใช่การติดต่อแพร่เชื้อภายในประเทศ
ที่มหาวิทยาลัยเองก็ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคมเป็นต้นมาได้กลับมาเปิดให้สามารถกินข้าวในโรงอาหารได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เจอการระบาดจนทำให้สั่งห้ามไปตั้งแต่ 25 มีนาคม ดังที่เล่าไปใน
https://phyblas.hinaboshi.com/20200325หลังจากผ่านเวลาเป็นเดือนกว่าตลอดช่วงเดือนเมษายนไม่ได้กินข้าวในโรงอาหาร ต้องซื้อกลับไปกินที่ห้องเสมอ เลยเป็นช่วงที่พึ่งพาอาหารแช่แข็งจาก 7-11 เป็นหลักไป
อย่างไรก็ตาม ช่วงแรกๆโต๊ะในโรงอาหารถูกเปลี่ยนเป็นแบบโต๊ะเดี่ยว และบังคับให้นั่งได้โต๊ะละคนเท่านั้น
แต่พอสถานการณ์เริ่มจะผ่อนคลายลงมาบ้างก็เริ่มเปลี่ยนกลับมาเป็นโต๊ะใหญ่ เพียงแต่ก็ยังไม่ให้นั่งติดกันอยู่ ต้องนั่งสับหว่างกัน และก็ยังไม่ให้คุยกันระหว่างกินข้าว
ความเข้มงวดในการป้องกันโรคได้ค่อยๆคลายลงเมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ป่วยเพิ่มแล้ว แล้วพอถึงวันที่ 7 มิถุนาคมก็มีแผนที่จะลดความเข้มงวดลงไปอีก แม้จะยังไม่ถึงขั้นกลับมาใช้ชีวิตปกติเหมือนก่อนมี COVID-19 ได้ แต่ก็จะอิสระขึ้นมา
หน้ากากอนามัยยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องใช้อยู่ อย่างน้อยก็อาจจะเป็นแบบนี้ไปตลอดปีนี้
บางวันออกไปกินตามร้านอาหารก็พบว่าตามร้านทั่วไปไม่ได้กำหนดมาตรการเข้มงวดอะไรเหมือนอย่างโรงอาหารในมหาวิทยาลัย โต๊ะยังคงให้นั่งกินกันได้หลายคนอยู่
อย่างร้านอาหารญี่ปุ่นในภาพนี้ ถ่ายเมื่อ 13 พ.ค. ก็เห็นได้ว่าโต๊ะรอบข้างนั่งกันแน่นเลยทีเดียว ไม่ได้ต้องควบคุมอะไรทั้งนั้น
อีกเรื่องที่แสดงให้เห็นว่ามีการผ่อนคลายความเข้มงวดลงก็คือ การที่ไม่ต้องโดนยิงปืนวัดอุณหภูมิก่อนที่จะต้องเข้าอาคารต่างๆในมหาวิทยาลัยแล้ว
ก่อนหน้านี้จะต้องวัดอุณหภูมิก่อนว่าไม่มีไข้แล้วก็จะได้สติกเกอร์มาติดที่ตัวเพื่อแสดงเป็นหลักฐาน โดยในแต่ละวันก็จะมีสติกเกอร์ต่างกันออกไป เป็นตัวเลข 1-5 แทนวันจันทร์ถึงศุกร์แบบนี้ แต่ละสัปดาห์ก็สีไม่เหมือนกัน เอามาใช้ซ้ำกันไม่ได้ บางคนก็สะสมไว้ติดผนังจนเกือบครบทุกวันด้วย
ตลอดช่วงเดือนพฤษภาคมอากาศยิ่งร้อนขึ้นเรื่อยๆ เริ่มต้องเปิดแอร์แทบทุกวัน
นอกจากนี้พัดก็เป็นอีกอย่างที่จำเป็นขึ้นมา มักต้องพกติดตัวไว้ใช้เวลาที่ร้อน
ก่อนหน้านี้ใช้พัดซึ่งซื้อเป็นของที่ระลึกมาจากเมืองเยวี่ยหยางมณฑลหูหนานในจีนเมื่อปี 2012
https://phyblas.hinaboshi.com/20120911เวลาผ่านไปนานพัดก็เริ่มจะพัง อยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยดีซะแล้ว ก็เลยตัดสินใจลองหาซื้อใหม่
แต่ว่าช่วงนี้ก็ยังคงไม่ควรออกไปไหนไกลโดยไม่จำเป็น จึงตัดสินใจลองหาซื้อผ่านเว็บ amazon
พอค้นดูก็เลย
พัดลายยุรุแคมป์ ดูแล้วก็ถูกใจจึงตัดสินใจสั่งมา และพร้อมกันนั้นก็เป็น
ถ้วยลายยุรุแคมป์ เลยสั่งมาด้วยกันทีเดียวเลย
เมื่อก่อนเคยซื้อหนังสือผ่านทางนี้มาแล้ว แต่ยังไม่เคยเซื้อของใช้ธรรมดาแบบนี้ ถือเป็นครั้งแรก
ที่จริงของพวกนี้น่าจะเป็นของที่ไปเดินซื้อเป็นของที่ระลึกถ้าหากได้ไปญี่ปุ่นในปีนี้จริงๆ แต่แผนไปญี่ปุ่นก็ยกเลิกไปเพราะสถานการณ์โรคระบาดแล้ว การจะไปเดินซื้อของโดยตรงก็เป็นเรื่องยาก วิธีที่ดีที่สุดก็คือสั่งออนไลน์เอา
สั่งไปเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ตามกำหนดคาดการณ์แล้วของอาจถึงภายในช่วง 31 พฤษภาคมถึง 4 มิถุนายน หลังจากสั่งไปก็ตามผลผ่านทางเว็บได้เรื่อยๆทุกวัน พอส่งถึงไต้หวันก็มีเมลส่งมา DHL express ซึ่งเป็นตัวแทนขนส่ง
ในที่สุดก็มาถึงในวันที่ 1 มิ.ย. มีเมลบอกให้รู้เวลาที่ของมาส่งถึง
ของมาเป็นกล่องใหญ่แบบนี้ ทั้งที่จริงของที่สั่งก็เล็กนิดเดียว
พอเปิดออกมาก็โล่งๆ ใส่อยู่แค่นี้ มีพัดและกล่องที่ใส่ถ้วย
ถ้วยใส่อยู่ในกล่อง
พัด
คลี่ออกมาดูก็สวยดี
เดือนพฤษภาคมก็ได้ผ่านไปเช่นนี้ อากาศยังคงร้อนขึ้นเรื่อยๆ มุ่งสู่กลางฤดูร้อนที่แท้จริงคือตอนช่วงกลางปี
ไม่ว่าจะต้องเจออากาศร้อนแค่ไหน หรือสถานการณ์ COVID-19 จะเป็นอย่างไร แต่ชีวิตก็ยังต้องก้าวต่อไป