# เสาร์ 11 พ.ย. 2023หลังจากที่ตอนที่แล้วได้แวะไปเที่ยวปราสาทซากาโมโตะมา 
https://phyblas.hinaboshi.com/20231112เราก็นั่งรถไฟไปตามสายโจวบังย้อนขึ้นมาทางเหนือ จนมาถึง
เมืองวาตาริ (
亘理町) ซึ่งเป็นเป้าหมายสุดท้ายของการเที่ยวในวันนี้
ตำแหน่งเมืองวาตาริ แสดงเป็นสีเหลืองเข้มเล็กๆด้านล่าง


เมืองวาตาริเป็นอีกเมืองที่เคยมีปราสาทตั้งอยู่ นั่นคือ
ปราสาทวาตาริ (
亘理城) หรือเรียกอีกชื่อว่า 
ปราสาทกางิว (
臥牛城) ผู้ครองปราสาทนี้เป็นสายย่อยของตระกูลดาเตะซึ่งปกครองเซนได
ปราสาทนี้ก็ถูกรื้อทิ้งในช่วงต้นยุคเมย์จิเช่นเดียวกับปราสาทอื่นส่วนใหญ่ และข้อมูลของรูปร่างเดิมเกี่ยวกับตัวปราสาทก็น้อยด้วย จึงไม่สามารถสร้างจำลองตัวปราสาทเดิมขึ้นมาใหม่ได้ ปัจจุบันบริเวณที่เคยเป็นหอหลักของตัวปราสาทนี้ได้กลายมาเป็นที่ตั้ง
ศาลเจ้าวาตาริ (
亘理神社) และ
สวนสาธารณะคิวกัง (
旧館公園)
นอกจากนี้แล้ว ยังได้มีการสร้างอาคาร 
ยูริกัง (
悠里館) ซึ่งทำเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองวาตาริ โดยตัวอาคารนั้นได้ถูกทำเป็นลักษณะเหมือนปราสาทญี่ปุ่น ตั้งอยู่ข้างๆสถานีรถไฟวาตาริ ถ้าใครนั่งรถไฟก็จะเห็นอาคารนี้ตั้งอยู่สวยเด่น กลายเป็นจุดสนใจของเมืองนี้
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอาคารถูกสร้างให้หน้าตาคล้ายปราสาท จึงอาจทำให้คนเข้าใจผิดว่ายูริกังเป็นปราสาทวาตาริได้ ถ้าเรา
ค้นภาพด้วยชือปราสาทนี้ในกูเกิล ภาพส่วนใหญ่ที่ขึ้นมาก็คือตัวอาคารยูริกัง
ในการเที่ยวครั้งนี้เราเริ่มจากไปชมบริเวณที่เดิมเป็นปราสาทวาตาริ และก็ค่อยมาเข้าชมยูริกัง ก่อนจะขึ้นรถไฟเดินทางกลับ
รถไฟที่นั่งมานั้นถึงสถานีวาตาริเวลา 10:48 ส่วนรถไฟขากลับที่นั่งนั้นเป็นรอบ 12:52 (แต่รถไฟมาช้ากว่ากำหนด ออกจริงคือ 12:57) โดยรวมเวลาที่ใช้เที่ยวที่นี่คือประมาณ ๒ ชั่วโมง
หลังจากที่รถไฟออกจากสถานียามาชิตะแล้วก็เข้าสู่เขตเมืองวาตาริ ซึ่งอยู่ถัดมาทางตอนเหนือ มาจอดที่สถานีแรกคือ
สถานีฮามาโยชิดะ (
浜吉田駅) ซึ่งอยู่ตอนใต้ของเมือง

จากนั้นจึงมาจอดที่สถานีวาตาริซึ่งเป็นสถานีหลักของเมืองนี้ 
 
 
เดินออกมาทางฝั่งตะวันตกของสถานี 

เดินห่างจากตัวอาคารสถานีมาหน่อยก็สามารถมองเห็นยูริกังตั้งอยู่หลังสถานี ดูสวยเด่น 

จากตรงนี้เดินทางไปทางตะวันตก มุ่งหน้าสู่ปราสาทวาตาริ 
 
 
 
ระหว่างทางผ่านโรงเรียนประถมวาตาริ (
亘理小学校) 
 
แล้วก็มาถึง 

บันไดขึ้นไปยังศาลเจ้าวาตาริ 

ภายในบริเวณศาลเจ้า 
 
 
 
 
ตรงนี้มีแผ่นป้ายที่อธิบายเกี่ยวักบปราสาทวาตาริ 

แผนที่ปราสาทวาตาริในอดีต 

พอเดินลึกเข้าไปด้านในก็พบว่าเต็มไปด้วยแผ่นป้ายหินที่สลักข้อความต่างๆอยู่เต็มไปหมด 
 
 
 
 
จากบนศาลเจ้า เดินลงบันไดไปทางนี้เป็นส่วนของสวนสาธารณะ 
 
ในบริเวณนี้มีคูน้ำซึ่งเคยเป็นคู่ของปราสาทวาตาริ แต่ก็เป็นแค่ส่วนเล็กๆในด้านหนึ่งเท่านั้น 
 
ป้ายอธิบายเกี่ยวกับซากคูน้ำ 

จากนั้นเดินออกจากสวนสาธารณะ ภาพนี้ถ่ายจากด้านนอกหน้าทางเข้าสวนสาธารณะหลังเดินออกมาแล้ว 

จากตรงนี้เดินต่อไปอีกหน่อย มีเป้าหมายอีกแห่งที่อยู่ใกล้ๆและมีความเกี่ยวข้องกัน 

แล้วก็มาถึง
วัดเซนเนง (
専念寺) ซึ่งประตู
ซัมมง (
山門) ของวัดนี้เดิมทีเป็นประตูของปราสาทวาตาริแล้วถูกย้ายมาสร้างใหม่ที่วัดนี้ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมาก 

ส่วนด้านในวัดนั้นกำลังก่อสร้างอยู่จึงไม่สามารถเข้าไปชมได้ แต่ก็ยังดีที่ได้มาเห็นตัวประตูซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญ แค่นี้ก็พอแล้ว 

จากนั้นที่เหลือก็ไม่มีอะไรแล้ว จึงเดินย้อนกลับไปยังสถานีวาตาริ 
 
เดินกลับมาถึงแล้ว เห็นตัวยูริกังเด่นมาแต่ไกล 

จากด้านนอกสถานี มองเข้าไปเห็นบริเวณชานชลา และสะพานข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามซึ่งมียูริกังอยู่ 

เดินขึ้นสะพานข้ามจากตรงนี้ไป 

บนสะพานข้าม 

เมื่อข้ามมาก็จะโผล่ชั้น ๒ ของยูริกังโดยตรง ทางด้านโน้นเป็นห้องสมุด 

และตรงนี้ยังมีร้านอาหารอยู่ด้วย ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยง ที่จริงก็อยากแวะกิน แต่ดูแล้วไม่มีเวลาพอจงไม่ได้แวะ 

มองลงไปข้างล่าง 

จากนั้นก็เดินลงมาด้านล่าง ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ ส่วนจัดแสดงในนี้เข้าชมได้ไม่มีค่าเข้า 

เมื่อเข้ามาก็จะเจอที่นั่งให้ชมวิดีโออธิบายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ ดูแล้วทำออกมาได้ดีทีเดียว เรานั่งฟังอยู่ตรงนี้จนจบแล้วจึงเดินเข้าไปชมด้านในต่อ 
 
ภายในส่วนจัดแสดงนี้เป็นห้องใหญ่ห้องเดียว มีของจัดแสดงเยอะมาก มีทั้งวัตถุโบราณ และแบบจำลองต่างๆที่เกี่ยวข้อง ดูแล้วทำออกมาได้ดีมากยิ่งกว่าพวกพิพิธภัณฑ์ที่เก็บค่าเข้าเสียอีก ไม่น่าเชื่อว่าที่แบบนี้จะไม่เก็บค่าเข้าชม 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ตรงนี้เป็นห้องที่ให้นั่งชมวิดีโออีก ฉายเกี่ยวกับนิทานพื้นบ้านที่นี่ แต่ดูแล้วก็ไม่มีอะไรมาก 

ชมห้องจัดแสดงหลักเสร็จก็เดินต่อมามีห้องเล็กๆอยู่ตรงนี้ ซึ่งจัดแสดงพวกรูปต่างๆ 

นี่เป็นภาพแสดงความเสียหายจากเหตุการณ์คลื่นทสึนามิปี 2011 โดยเปรียบเทียบให้เห็นภาพก่อนและหลังเหตุการณ์ และภาพปัจจุบันหลังจากที่ฟื้นฟูบ้านเมืองจากความเสียหายแล้ว 

ชมเสร็จก็ออกมาเดินดูบริเวณรอบๆอาคาร 

ตรงนี้เป็นทางเข้าสู่สถานีวาตาริอีกทาง 

ข้างๆนั้นเป็นสะพานชื่อว่า 
ยูกิวโนะฮาชิ (
悠久の
橋) แปลว่า "สะพานแห่งนิรันดร์" 

ทิวทัศน์จากบนสะพาน ที่เห็นนี้เป็นคลองเล็กๆที่ลากผ่านกลางเมืองวาตาริลงสู่ทะเล 

ตัวอาคารจากบนสะพานฝั่งตรงข้ามคลอง 

จากนั้นเดินเลียบคลองไปทางนี้ 

ภาพอาคารที่ถ่ายจากฝั่งตรงข้ามคลอง 
 
เดินมานิดหน่อยก็ข้ามสะพานนั้นกลับเข้าไปฝั่งเดิม 

ทิวทัศน์จากบนสะพาน 
 
จากนั้นก็เดินกลับเข้ามายังตัวอาคาร 

แล้วก็ขึ้นไปยังชั้น ๕ ซึ่งเป็นชั้นบนสุด ที่นี่เป็นจุดชมทิวทัศน์ 

เดินออกมาที่ระเบียง จากตรงนี้ชมทิวทัศน์รอบๆได้ จังหวะนั้นเห็นฝูงนกกำลังบินอยู่พอดี 

มองลงไปเห็นตัวสถานีรถไฟและทางรถไฟ 
 
ตัวเมืองทางฝั่งตะวันออกซึ่งมีบ้านอยู่แค่เบาบาง 
 
การเที่ยวที่นี่ก็จบลงเท่านี้ จากนั้นก็กลับมาที่สถานีวาตาริเพื่อขึ้นรถไฟ ตอนที่ไปถึงนั้นดูหน้าจอแสดงเวลารถไฟแล้วก็พบว่ารถไฟฝั่งทิศตรงข้ามคือที่ออกจากเซนไดไปยังทางฟุกุชิมะนั้นเกิดช้ากว่าเวลาไปถึง ๓๖ นาที ซึ่งช้าไปมาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่โชคดีรถไฟที่เราจะนั่งไปนั้นเป็นฝั่งตรงข้าม คือฝั่งที่กับเซนไดไป ซึ่งตอนหลังก็พบว่ามาช้ากว่ากำหนดเช่นกัน แต่ช้าไป ๕ นาที ซึ่งก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหามาก 

ในอาคารสถานีมีตู้ขายพวกกาแฟและเครื่องดื่มร้อนๆอัตโนมัติ เห็นมีซุปข้าวโพดด้วย ราคา ๑๓๐ เยน เลยกดมาดื่มระหว่างรอรถไฟ 

จากนั้นรถไฟก็มาถึงและออกเวลา 12:57 เราก็ขึ้นรถไฟขบวนนี้เพื่อเดินทางกลับเซนได 

ระหว่างทางผ่าน
สถานีโอกุมะ (
逢隈駅) ซึ่งเป็นอีกสถานีบนสายโจวบังซึ่งอยู่ในเมืองวาตาริ เป็นสถานีทางเหนือสุดก่อนที่จะไปรวมกับสายหลักโทวโฮกุที่สถานีอิวานุมะ 

การเที่ยวชมปราสาทตามทางรถไฟสายโจวบังในวันนี้ก็จบลงเท่านี้ ได้ไปเที่ยว ๓ เมือง ชมปราสาทถึง ๓ แห่ง นับว่าเป็นอีกวันที่ได้เที่ยวอย่างคุ้มค่าเลยทีเดียว