# 30 มี.ค. ~ 30 เม.ษ. 2024ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2024 เราได้ย้ายจากเซนไดมาใช้ชีวิตใน
เมืองฟุกุโอกะ (
福岡市) นี่ก็ผ่านมาเดือนนึงแล้วก็เลยขอสรุปคร่าวๆเรื่องราวบางส่วนตั้งแต่ย้ายมาอยู่จนถึงตอนนี้สักหน่อย
การย้ายครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญครั้งหนึ่งของชีวิตเหมือนกัน ไม่ใช่แค่ย้ายเมืองที่อยู่ แต่เป็นการเปลี่ยนงานที่ทำด้วย จากเดิมทำงานอยู่ในมหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาทำงานบริษัทเอกชนเล็กๆแทน
เรื่องราวช่วงที่หางานก็มีอะไรน่าเล่ามากเหมือนกัน ไว้ถ้ามีโอกาสก็อยากจะมาเขียนเล่าเป็นประสบการณ์ แต่สำหรับตอนนี้ขอเล่าเรื่องราวชีวิตประจำวันทั่วไปตั้งแต่ย้ายมาอยู่ฟุกุโอกะสักหน่อย
แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองฟุกุโอกะภายในจังหวัดฟุกุโอกะ เหนือสุดของเกาะฮนชู แสดงเป็นสีม่วงเข้มทางซ้าย ส่วนสีม่วงอ่อนทางขวาบนคือ
เมืองคิตะคิวชู (
北九州市)
ที่จริงก่อนที่เราจะมาอยู่ฟุกุโอกะครั้งนี้ก็ได้เคยมาที่นี่แล้วครั้งนึงเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้า ตอนนั้นมาเพื่อแวะมาบริษัทเพื่อจัดการเรื่องเอกสารและพูดคุยก่อนเข้าทำงานจริง และก็มาเพื่อดูบ้านที่จะมาพักอาศัยอยู่ด้วย เล่าไว้ใน
https://phyblas.hinaboshi.com/20240304หลังจากนั้นเราก็ได้เดินทางกลับไทยไปเมื่อ 14 มีนาคม โดยแวะเที่ยวไต้หวันก่อน
https://phyblas.hinaboshi.com/20240316จากนั้นก็ไปอยู่กับที่บ้านเป็นระยะเวลาสั้น แล้วจึงบินกลับมาญี่ปุ่นอีกที คราวนี้ลงที่ฟุกุโอกะโดยตรง ไม่ได้กลับไปเซนไดอีกแล้ว
ภาพทิวทัศน์เมืองฟุกุโอกะก่อนที่เครื่องบินจะลงจอดที่
สนามบินฟุกุโอกะ (
福岡空港)
หลังจากลงเครื่องแล้วก็รีบเดินทางมาที่บริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ซึ่งช่วยเราตอนหาห้องเช่าอยู่ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของสถานีฮากาตะ การจะไปเข้าพักได้ต้องเริ่มจากไปที่บริษัทเพื่อเซ็นเอกสารแล้วก็รับกุญแจ แล้วเขาก็จะเป็นคนขับรถพาไปส่งถึงที่พัก วันที่ไปนั้นเป็นวันเสาร์ซึ่งที่จริงแล้วไม่ใช่วันทำงานของบริษัทนี้เลยดูเงียบเหงา แต่คนที่รับผิดชอบหาบ้านให้เราเขามาทำงานวันนี้เป็นพิเศษ ก็ยังดีที่เขารับงานวันหยุดด้วย ไม่งั้นคนที่ย้ายบ้านตอนวันเสาร์ก็ลำบาก ถ้าแบบนั้นเราก็อาจจำเป็นต้องมาเร็วกว่านี้ก่อนวันนึง
แต่ตอนไปเซ็นสัญญาเจอปัญหาว่าเราทำตราประทับหาย ที่ญี่ปุ่นเวลาจะทำสัญญาอะไรจะต้องทำตราประทับด้วย พอบอกว่าทำตราประทับหาย นายหน้าคนที่เราติดต่ออยู่ก็มีท่าทีหงุดหงิดเล็กน้อยขึ้นมาด้วย แล้วก็บอกให้รีบไปหาร้านทำตราประทับ ซึ่งก็มีร้านอยู่ที่ฮากาตะ สามารถทำได้ทันที รอรับในครึ่งชั่วโมง ระหว่างนั้นก็ไปหาอะไรกินเพราะเป็นเวลาเที่ยงพอดี
จากนั้นก็เซ็นสัญญาเสร็จ แล้วเราก็ขับรถพาไปที่ห้องพัก แต่ว่าตอนที่มาถึงนั้นห้องพักเป็นห้องเปล่าๆไม่มีอะไรเลย ต้องไปซื้อของมาเติมเอง นอกจากนี้แล้วทั้งไฟฟ้าและก๊าซก็ยังไม่ได้เปิด ต้องโทรไปติดต่อบริษัทการไฟฟ้าคิวชู (
九州電力) เพื่อเปิดใช้งาน อินเทอร์เน็ตก็ต้องไปติดต่อเองเพื่อที่จะติดตั้งให้ใช้งานได้ในห้อง
สำหรับพวกเครื่องเรือนและเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆนั้นสามารถเดินไปซื้อที่ร้านได้ แต่ว่าสั่งซื้อแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะได้ทันที ต้องรอของมาส่งอีกที ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่คนย้ายบ้านเยอะเลยต้องรอนานกว่าปกติด้วย
ยังดีว่าเครื่องนอนเช่นที่นอน หมอน ผ้าห่ม สามารถซื้อแล้วขนกลับไปเองได้ แต่ก็ต้องใช้แท็กซีเพื่อขนกลับ ส่วนโต๊ะ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ต้องรอไปก่อน
ดังนั้นคืนแรกขณะที่ของอะไรๆยังไม่พร้อม ก๊าซก็ยังไม่มีทำให้ไม่สามารถอาบน้ำอุ่นในห้องได้ด้วย จึงตัดสินใจไปพักอยู่ที่โฮสเทลถูกๆชื่อว่า
คลาวด์แชริงโฮเทลฮากาตะ 1 (クラウドシェアリングホテル
博多1) ซึ่งอยู่แถวย่าน
สึมิโยชิ (
住吉) ทางตะวันตกของสถานีฮากาตะ
ระหว่างทางเดินไป ทิวทัศน์บน
สะพานอินาริ (
稲荷橋) ข้าม
แม่น้ำนากะ (
那珂川) ซึ่งพาดผ่านใจกลางเมืองฟุกุโอกะ
โฮสเทลอยู่ในตึกนี้ อยู่ตั้ง ๒ และ ๓ ส่วนชั้นล่างเป็นร้านสะดวกซื้อและอื่นๆ
ห้องที่พักก็เป็นแบบนี้ คล้ายโรงแรมแคปซูล เราได้ที่นอนด้านบน
มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำอยู่ตรงนี้
ริมหน้าต่างเป็นที่นั่งเล่นเล็กๆ อินเทอร์เน็ตก็มีให้ใช้ฟรีและชาร์จไฟได้
ตอนดึกได้ออกมาเดินเล่น แถวนั้นอยู่ใกล้กับห้าง
คาแนลซิตีฮากาตะ (キャナルシティ
博多) แต่ว่าตอนนั้นปิดไปแล้ว
แล้วก็พักค้างผ่านคืนแรกในฟุกุโอกะไปได้ จากนั้นวันต่อมา 31 มีนาคม ก่อนเดินทางกลับห้องเช่าจึงมาที่ร้าน
นิโตริ (ニトリ) ในห้างคาแนลซิตีฮากาตะ เพื่อหาซื้อเครื่องเรือน ได้สั่งโต๊ะไปตัวนึง แต่กว่าจะมาส่งก็คืออีก ๓ วันให้หลัง ซึ่งเป็นวันพุธ
แต่ว่าโต๊ะที่ซื้อไปนั้นต้องไปประกอบเองอีกที แล้วการจะประกอบจำเป็นต้องมีไขควงด้วย พนักงานร้านก็แนะนำว่ามีไขควงถูกๆขายที่ร้านไดโซ (ダイソー) ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะร้านร้อยเยนนั่นเอง แต่ว่าร้านไดโซที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ห้าง
ลาชิกฟุกุโอกะเทนจิน (ラシック
福岡天神店) ซึ่งอยู่ใกล้สถานีเทนจินมินามิ (
天神南駅) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกออกไปอีก
สะพานนาดะโนะคาวะ (
灘の
川橋) ที่เสาบนสะพานมีรอบขีดข่วนที่เหมือนจะเป็นอักษรอะไรบางอย่างที่อ่านไม่ออกเหมือนกันแต่ดูสวยดี
แล้วก็มาถึงห้างที่เป็นเป้าหมาย เดินเข้าไปร้านไดโซซื้อไขควงมาได้สำเร็จ
จากนั้นก็เดินเลยต่อไปทางเหนืออีกหน่อยเพื่อแวะ
ธนาคารมิตสึบิชิ UFJ (
三菱UFJ
銀行) สาขาฟุกุโอกะจูโอว (
福岡中央支店) เพื่อกดเงินที่ตู้ ATM หลังจากนั้นก็นั่งรถเมล์กลับมายังห้องเช่า
จากนั้นคืนนั้นจึงเป็นคืนแรกที่ได้พักที่ห้องเช่าของตัวเองจริงๆ แม้ว่าในห้องจะยังคงว่างเปล่า ไม่มีอะไรอยู่เลยนอกจากเครื่องนอน และน้ำอุ่นก็ยังใช้ไม่ได้ทำให้ต้องอาบน้ำเย็นไปอีกคืน
การจะเปิดน้ำอุ่นได้นั้นจำเป็นต้องเปิดท่อก๊าซ ซึ่งต้องโทรเรียกพนักงานมา ซึ่งก็ต้องรอถึงวันอังคาร 2 เมษายน ให้เขามาทำตอนเช้า แต่ว่าเป็นเวลาทำงานทำให้วันนั้นเราต้องไปทำงานสายนิดหน่อยแต่ก็ช่วยไม่ได้ ไม่งั้นยิ่งทำช้าไปก็ต้องยอมอาบน้ำเย็นไปอีก
แล้วก็ถึงวันจันทร์ที่ 1 เมษายนซึ่งเป็นวันที่เริ่มทำงานเป็นวันแรกจริงๆแล้ว ห้องเช่าที่เราอยู่นั้นอยู่ในระยะที่เดินไปยังที่ทำงานซึ่งอยู่ใกล้สถานีฮากาตะได้ ระหว่างทางที่เดินก็มีผ่าน
สวนสาธารณะมิโนชิมะ (
美野島公園) ซึ่งซากุระกำลังบานอยู่สวยงามเพราะเป็นฤดูใบไม้ผลิ เดือนเมษายนนี้ที่ญี่ปุ่นถือเป็นเดือนแห่งการเริ่มต้นด้วยเพราะโรงเรียนก็เปิดภาคเรียนเอาช่วงนี้ ในอนิเมะก็มักจะเห็นซากุระบานแบบนี้อยู่บ่อยๆ
ทางเดินผ่านตรงนี้มีคนอื่นอีกมากมายใช้เดินทางไปทำงานอีก หลายคนขี่จักรยานกันไป
แล้วก็มาถึงที่ทำงาน เข้าทำงานตอน 9:00 วันแรกยังไม่ได้เริ่มทำงานอะไรจริงๆแค่แนะนำอะไรต่างๆ เรียนรู้เกี่ยวกับทีทำงานและนโยบายด้านความปลอดภัยของบริษัท
ตอนกลางวันเวลาพักเที่ยงคือ 11:45-12:45 ที่ทำงานที่อยู่นี้ทุกวันตอนใกล้เที่ยงจะมีคนมาขายอาหารกล่อง ราคา ๔๐๐-๔๔๐ เยน ถูกดี และอร่อยด้วย ทำให้มื้อเที่ยงไม่จำเป็นต้องออกไปหากินที่ร้าน สะดวกดีมาก อาหารแต่ละวันก็ไม่ซ้ำกัน ไม่ต้องกลัวว่ากินทุกวันแล้วจะเบื่อ
ภาพอาหารกล่องของวันแรก ทุกวันนั่งกินในห้องทำงานได้เลย ไม่ต้องไปหาที่นั่งกินที่ไหน
ตอนเย็นเวลาเลิกงาน วันนี้แวะมาที่ร้านโยโดบาชิคาเมรา (ヨドバシカメラ) ซึ่งเป็นร้านขายพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า สั่งซื้อตู้เย็นและเครื่องซักผ้า ซึ่งสั่งตอนนี้กว่าจะมาส่งก็คืออีก ๕ วันข้างหน้า คือวันเสาร์ที่ 6 เมษายน นอกจากนี้ยังติดต่อเรื่องติดตั้งอินเทอร์เน็ตด้วย แต่อันนี้ต้องใช้เวลารอนาน กว่าจะมาติดตั้งให้คือวันเสาร์ที่ 13 เมษายน ระหว่างนั้นก็ต้องยอมอยู่โดยไม่มีเน็ตใช้ไป ๒ สัปดาห์เลย แต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะว่าเร็วที่สุดได้แค่นี้จริงๆ
ระหว่างทางผ่านอาคารบริษัท
พานาโซนิคคอนเนกต์ (パナソニック コネクト) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือพานาโซนิค ในบริเวณนี้ก็ปลูกซษกุระสวยและตอนค่ำคืนก็เปิดไฟสวยดี
จากวันนั้นก็เริ่มทำงานตามปกติ ทุกเช้าเดินมาทำงาน ถึงวันศุกร์ 5 เมษายน ก็ยังได้เห็นซากุระบานสวยอยู่ที่เดิม
ขากลับผ่าน
สวนสาธารณะโทวเรียว (
東領公園) ได้ถ่ายภาพซากุระบานคู่กับรางรถไฟที่รถไฟกำลังวิ่ง
แล้วก็เข้าสู่วันเสาร์ 6 เมษายน เนื่องจากในห้องใช้เน็ตไม่ได้จึงตัดสินใจมาหาร้านกาแฟนั่งอยู่ยาวเพื่อใช้เน็ต ตอนกลางวันเลือกไปที่ร้าน
ปรนโต (プロント) สาขา
ตึกไฟฟ้าอาคารเหนือ (
電気ビル
北館) ซึ่งอยู่ใกล้สถานี
วาตานาเบะโดริ (
渡辺通駅) กินมื้อเที่ยงที่นี่แล้วก็สั่งกาแฟ นั่งเล่นเน็ตอยู่ยาวตลอดช่วงบ่าย
จากนั้นตอนเย็นก็กลับมาเพื่อรอคนที่เอาตู้เย็นและเครื่องซักผ้ามาส่งและติดตั้งให้ เสร็จแล้วก็ออกมาหามื้อเย็นกินแล้วก็แวะนั่งร้านกาแฟอีกร้านคือที่ร้าน
โดโตร์ (ドトール) ที่
สถานียากุอิง (
薬院駅)
ส่วนวันต่อมามีเรื่องต้องมาแวะที่ที่ว่าการเขตมินามิ ระหว่างทางผ่าน
มหาวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ไดอิจิ (
第一薬科大学) ซึ่งซากุระกำลังบานสวย
แล้วตอนเที่ยงก็มานั่งร้านกาแฟอีก คราวนี้มาที่
ร้านกาแฟโคเมดะ (コメダ
珈琲店) สาขาฮากาตะเอกิฮิงาชิ (
博多駅東店)
ที่นี่นอกจากกาแฟแล้วก็มีขนมปังด้วย แต่ลองสั่งมากินแล้วก็ไม่ค่อยอร่อยเลย ทำให้กินเหลือ เน่าเสียดาย ถือว่าน่าผิดหวัง
กาแฟเองก็ถือว่าแพงกว่าร้านอื่นด้วย ถ้วยนึง ๕๔๐ เยนเลยทีเดียว แต่ว่าจุดประสงค์หลักที่เรามาที่ร้านนี้ก็คือมาใช้เน็ตฟรีแล้วก็นั่งสบายเป็นระยะเวลานาน ดังนั้นก็คงบ่นอะไรไม่ได้
สุดท้ายวันนั้นทั้งวันก็นั่งอยู่ในร้านกาแฟจนถึงเย็น แล้วก็ไปหาอะไรกินมื้อเย็นก่อนเดินกลับห้องเช้าซึ่งยังคงใช้เน็ตไม่ได้
ภาพที่สถานีฮากาตะวันนั้นตอนค่ำ
มากินที่ย่านขายของกินชั้นใต้ดิน
เอกิการะซัมเบียปโปะโยโกโจว (
駅から
三百歩横丁) ภายใน
ตึก JRJP ฮากาตะ (JRJP
博多ビル) ทางตะวันตกของสถานีฮากาตะ
จากนั้นเวลาก็ล่วงเลยผ่านไป ถึงวันอังคารที่ 9 เมษายน ซากุระบริเวณสวนสาธารณะที่ผ่านทางได้ร่วงโรยลงแล้ว ช่วงเวลาที่เบ่งบานช่างแสนสั้นนัก แต่ชีวิตคนเรายังต้องก้าวเดินต่อไป
ถัดมาอีกสัปดาห์ วันอังคารที่ 16 เมษายน เป็นวันแรกที่เราได้ออกไปทำงานนอกบริษัท เป้าหมายที่ที่
มหาวิทยาลัยคิวชูซังเงียว (
九州産業大学) หรือมักเรียกย่อว่า
คิวซันได (
九産大) ที่มาก็เพื่อนัดพบกับศาสตราจารย์ซึ่งได้ทำงานวิจัยปัญญาประดิษฐ์โดยร่วมมือกับบริษัทที่เราอยู่นี้ และเราก็รับหน้าที่ในโครงการนี้ด้วย
มหาวิทยาลัยนี้อยู่ค่อนไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง ต้องนั่งรถไฟเพื่อเดินทางไป เวลานัดเจอคือ 9:00 ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เริ่มงานปกติ แต่ว่าเราต้องเดินทางไปด้วยตัวเอง นัดเจอกันที่นั่นเลย แล้วขากลับจึงค่อยกลับไปที่บริษัทด้วยกันพร้อมกับคนอื่น
ครั้งนี้เราตัดสินใจไปขึ้นที่
สถานีทาเกชิตะ (
竹下駅) ซึ่งอยู่ในระยะที่พอจะเดินจากห้องเช่าที่อยู่ไปได้ แม่ว่าจะไกลสักหน่อย ก็ออกแต่เช้า ระหว่างทางเดินผ่าน
สะพานชิมิซึ (
清水橋) ข้ามแม่น้ำนากะ
ทิวทัศน์จากบนสะพาน
แล้วก็มาถึงสถานีทาเกชิตะ
ตอนเข้ามาขึ้นรถไฟก็พบว่าผู้คนเบียดเสียดแน่นหนามากทีเดียว นี่คือสภาพปกติของสถานีรถไฟยามเช้าในเมืองใหญ่อย่างฟุกุโอกะ ถ้าเป็นโตเกียวคงจะยิ่งกว่านี้อีก ทำให้รู้สึกว่าโชคดีแล้วที่เราสามารถไฟทำงานโดยการเดินไปได้ ไม่ต้องมาเบียดเสียดรถไฟทุกวันแบบนี้
ยังดีกว่าพอรถไฟมาจอดที่สถานีฮากาตะคนส่วนใหญ่ก็ลงจากรถไฟ ทำให้เรามีโอกาสได้ที่นั่ง
จากนั้นรถไฟก็มาถึง
สถานีคิวซันไดมาเอะ (
九産大前駅) ซึ่งเป็นสถานีหน้ามหาวิทยาลัยคิวชูซังเงียว
เดินออกจากสถานีมาก็เจอประตูทางเข้ามหาวิทยาลัย
แผนที่ภายในบริเวณมหาวิทยาลัย ดูแล้วไม่ค่อยกว้างเท่าไหร่ มีอยู่แค่นี้เอง
เนื่องจากเรามาก่อนเวลาแบบเผื่อเวลาไว้ค่อนข้างมาก มีเวลาเหลือเฟือก่อนเริ่มงาน ก็เลยเดินเล่นชมภายในบริเวณมหาวิทยาลัยสักหน่อย ดูแล้วก็สวยดี
แล้วก็มาถึงอาคาร ๑๒ ของคณะวิทยาการสารสนเทศ ซึ่งเป็นสถานที่นัดพบ
งานของอาจารย์คนที่เรามาติดต่อด้วยนี้ทั้งหมดใช้ MATLAB เขียนโปรแกรม พอไปที่ห้องนัดคุยก็เห็นหนังสือเรียน MATLAB ตั้งมากมาย มีการซื้อลิขสิทธิ์โปรแกรมเอาไว้พร้อม คอมพิวเตอร์ในห้องนี้ก็ติดตั้ง MATLAB ไว้ ทั้งอาจารย์และนักศึกษาก็สามารถมาใช้งานได้ด้วย และงานวิจัยที่เราทำกับที่นี่งานนี้เขาก็ให้เราใช้ MATLAB ไปด้วย โดยทางมหาวิทยาลัยช่วยแบ่งลิขสิทธิ์ให้ ทำให้ทางบริษัทเราสามารถใช้โดยไม่ต้องจ่ายอะไร
หลังจากคุยงานเสร็จก่อนกลับก็แวะกินข้าวที่โรงอาหารในมหาวิทยาลัย ซึ่งราคาค่อนข้างถูก หลังจากนั้นจึงนั่งรถไฟกลับบริษัท ช่วงบ่ายก็นั่งทำงานในบริษัทไปตามปกติ
จากนั้นวันศุกร์ที่ 19 เมษายนตอนเช้าก่อนเข้าทำงานเราได้แวะมาที่
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองฟุกุโอกะ (
福岡出入国在留管理局) เพื่อทำเรื่องเกี่ยวกับใบอนุญาตพำนักอยู่
ขาไปนั้นนั่งรถเมล์ไปจากห้องเช่า ส่วนขากลับนั่งรถไฟใต้ดินเพื่อไปบริษัท โดยไปขึ้นที่
สถานีอากาซากะ (
赤坂駅) ซึ่งอยู่ใกล้สุด
ภาพตอนเย็นวันศุกร์ที่ 26 เมษายน ริมแม่น้ำนากะขณะเดินกลับบ้าน
วันอังคารที่ 30 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของเดือนเมษายน เราได้มาคุยงานที่มหาวิทยาลัยคิวชูซังเงียวอีก นี่เป็นครั้งที่ ๓ ที่มา วันนั้นฝนตกชุ่มฉ่ำไปหมด
ส่วนตอนเย็นหลังเลิกงานได้มากินมื้อเย็นกับเพื่อนร่วมงานอีกคนที่เริ่มงานตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเหมือนกันและนั่งอยู่ห้องทำงานเดียวกัน วันนี้เป็นวันที่ทั้งคู่ทำงานมาครบ ๑ เดือนเต็ม ก็เลยเป็นการฉลองไปด้วย
ที่แวะมากินคือที่แหล่งร้านราเมงที่เรียกว่า
ฮากาตะเมงไคโดว (
博多めん
街道) ภายในตึก
ฮากาตะเดย์โตสอาเนกซ์ (
博多デイトス·アネックス) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอาคารสถานีฮากาตะ ในนี้มีร้านอยู่มากมาย แต่ที่วันนี้เลือกมากินคือร้าน
ราเมงอุนาริ (ラーメン
海鳴) ซึ่งเป็นร้านทงกตสึราเมงที่มีสาขาแต่อยู่แต่ภายในเมืองฟุกุโอกะเท่านั้น
เมนูที่เราสั่งก็คือ
ราเมงซุปกระดูกหมูทะเล (
魚介とんこつラーメン) เป็นราเมงใส่ซุปกระดูกหมู่ผสมน้ำจากอาหารทะเล อร่อยมากทีเดียว รสชาติของกระดูกหมูกับอาหารทะเลเข้ากันได้ดีกว่าที่คิด ก็เป็นมื้อที่ทำให้ปิดฉากเดือนนี้ลงได้อย่างประทับใจ
ขากลับแวะซูเปอร์แห่งหนึ่งตามทาง เจอมุมขายขนมปังที่น่าสนใจ เป็นขนมปังที่มีชื่อของจังหวัดต่างๆภายในเกาะคิวชู ได้แก่
ฮ็อตเค้กมะม่วงมิยาซากิ (
宮崎マンゴーホットケーキ)
โรลเค้กมันเทศอันโนวคาโงชิมะ (
鹿児島安納芋ロールケーキ)
เนยแข็งฮากาตะเมนไตฟุกุโอกะ (
福岡博多明太チーズ)
เมลอนปังชิจิโจวคุมาโมโตะ (
熊本七城メロンパン)
แต่ละอันก็ดูแล้วน่าอร่อย แล้วก็น่าสนใจดีเพราะเป็นของแต่ละท้องถิ่นด้วยก็เลยซื้อกลับไป ๓ อัน ขาดแค่ของคุมาโมโตะที่ไม่ได้ซื้อไปด้วย เพราะจะเยอะเกิน
ก็จบการเล่าเรื่องเดือนแรกในการใช้ชีวิตในฟุกุโอกะลงเท่านี้ ชีวิตใหม่ที่นี่ไม่เลวเลยทีเดียว งานที่ทำก็สนุกดี ก็น่าจะคาดหวังว่าต่อจากนี้ไปจะได้ทั้งทำงานที่ชอบและตั้งตัวเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆที่นี่