# พฤหัส 14 พ.ย. 2024บันทึกการเที่ยวในคิวชูตอนเหนือต่อจาก
https://phyblas.hinaboshi.com/20241210เป้าหมายหลักของการเที่ยววันสุดท้ายคือที่
ฟุตามิงาอุระ (
見ケ浦) ซึ่งเป็นสถานที่เที่ยวขึ้นชื่ออีกแห่งใกล้เมืองฟุกุโอกะ ตั้งอยู่ที่
เมืองอิโตชิมะ (
糸島市) ทางตะวันตกสุดของจังหวัดฟุกุโอกะ
สีชมพูเข้มในภาพนี้คือตำแหน่งเมืองอิโตชิมะในจังหวัดฟุกุโอกะ อยู่ทางซ้ายสุดเลย ติดกับเมืองฟุกุโอกะ
แต่สถานที่ที่จะไปครั้งนี้ถือว่าอยู่ตรงรอยต่อระหว่างเขตเมืองฟุกุโอกะกับเขตเมืองอิโตชิมะ แค่เดินนิดหน่อยก็ข้ามเขตแล้ว ดังนั้นครั้งนี้ก็เลยได้เดินทางข้ามเขตเมืองด้วย
ที่นี่มีชื่อเสียงตรงทิวทัศน์สวยงามที่มีโขดหิน ๒ ก้อนขนาดใกล้กันกลางทะเลที่เรียกว่า
เมโอโตะอิวะ (
夫婦岩) หรือแปลว่าหินคู่สามีภรรยา ใช้เรียกหิน ๒ ก้อนที่ตั้งคู่กัน มักจะตั้งอยู่บนทะเล แต่ก็ไม่เสมอไป มีหลายแห่งในญี่ปุ่นที่มีหินแบบนี้อยู่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือที่
ศาลเจ้าฟุตามิโอกิตามะ (
二見興玉神社) ในเมืองอิเสะ ในจังหวัดมิเอะ แต่ว่าของอิโตชิมะเองก็มีชื่อเสียงมากรองๆลงมา
สำหรับหินเมโอโตะอิวะของที่นี่นั้นยังมีจุดเด่นตรงที่มีการสร้างเสาโทริอิสีขาว ซึ่งสร้างโดย
ศาลเจ้าซากุราอิ (
桜井神社) ซึ่งที่จริงอยู่ห่างจากตรงนี้ไปอีกเป็นกิโลเมตร แต่ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของศาลเจ้านี้ จึงมักเรียกชื่อเต็มว่า
ซากุราอิฟุตามิงาอุระ (
桜井二見ケ浦) เพราะว่ามีสถานที่อื่นที่ชื่อฟุตามิงาอุระเหมือนกันอยู่ด้วย ซึ่งอยู่ในจังหวัดอื่น
การเดินทางไปนั้นไปได้โดยนั่งรถเมล์ไป โดยขึ้นจากท่ารถบัสที่ข้างสถานีฮากาตะได้โดยตรง นอกจากนี้ก็อาจนั่งรถไฟไปยังสถานีใกล้ๆแล้วค่อยนั่งรถเมล์ต่อจากตรงนั้นก็ได้ ไม่ว่าจะทางไหนก็ต้องใช้เวลาชั่วโมงกว่า ครั้งนี้เรานั่งรถเมล์จากสถานีฮากาตะไป รถออกเวลา 9:28 ไปถึงที่หมายเวลา 10:43 ค่าโดยสาร ๑๐๖๐ เยน
จุดขึ้นรถเมล์ภายในอาคารท่ารถบัส
รถคันที่นั่ง
ภายใน
แล้วรถเมล์ก็ออกเดินทาง ระหว่างทางมองออกไปทางขวาก็เห็นทิวทัศน์ริมฝั่งทะเลฟุกุโอกะได้
ผ่านแถว
ชายฝั่งโอดาโนฮามะ (
小田浜海岸) ซึ่งก็เป็นหาดทรายที่เป็นจุดท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง อยู่ระหว่างทางก่อนถึงที่หมายเล็กน้อย ตรงนี้ก็ดูเป็นหาดทรายธรรมดา แต่มีของเล่นหลายอย่างสร้างไว้ เช่นชิงช้าโหนระหว่างต้นมะพร้าว ปากฉลาม
มีร้าน BBQ ริมทะเล และลองมองเข้าไปที่ริมทะเลดู
ก็เห็นประตูตั้งอยู่ใกล้ริมทะเล ดูแล้วหน้าตาคล้ายกับไปไหนก็ได้ของโดราเอมอน ถ้าผ่านตรงนั้นแล้วทะลุไปไหนได้จริงก็คงจะดี
แล้วก็มาถึงที่หมาย ลงรถเมล์ตรงนี้
จากตรงนี้มีทางลงไปยังทะเล เป็นที่จอดรถ
เดินลงต่อมาก็ถึงชายหาด
หันไปทางซ้ายก็เห็นหินเมโอโตะอิวะตั้งเด่นอยู่แล้ว
เห็นหาดทรายแบบนี้แล้วก็รู้สึกอยากขีดเขียนอะไรสักหน่อย ก็เป็นธรรมเนียมส่วนตัวอย่างหนึ่งว่าต้องเขียนชื่อสถานที่ด้วยอักษรไทย ครั้งนี้เขียนชื่อเมือง "อิโตชิมะ" แต่ว่าความจริงแล้วบริเวณที่เรายืนเขียนอยู่ตรงนี้ยังเป็นพื้นที่ส่วนของเมืองฟุกุโอกะอยู่ ต้องเดินเข้าไปใกล้โขดหินนั่นอีกหน่อยจึงจะข้ามไปยังเขตเมืองอิโตชิมะ แต่ก็ไม่เป็นไร แค่นิดหน่อยเอง
รู้สึกยังไกลไปหน่อยเลยเข้ามาใกล้อีกนิดแล้วก็เขียนใหม่
ก็เหลือรอยขีดเขียนไว้บนพื้นทราย ใครผ่านมาเห็นก็จะได้รู้ว่ามีคนไทยมาเที่ยวที่นี่
แล้วก็เดินต่อตามซอกโขดหินมาเรื่อยๆ
เริ่มเห็นเสาโทริอิขาว ด้านหน้าโขดหิน
เดินมาจนถึงด้านหน้า ได้มองดูมุมที่เห็นโขดหินลอดผ่านเสาโทริอิ
เดินต่อมาอีก มุมนี้ก็สวย
ลองหันกลับมายังส่วนหาดทราย เห็นนักท่องเที่ยวมากมาย รวมถึงนักท่องเที่ยว มีคนไทยด้วย ทำให้รู้ว่าที่นี่เป็นที่เที่ยวหนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่น้อย
จากตรงนี้เดินขึ้นไป
ขึ้นมาแล้วมองกลับลงมาด้านล่าง ตรงด้านหน้าเสาโทริอิคนเยอะจริงๆ แต่ว่าตรงหาดทรายแถวจุดที่เราลงรถเมล์มาตอนแรกนั่นคนโล่งมากเลย คนส่วนใหญ่ดูเหมือนจะมาลงที่ป้ายรถเมล์ตรงด้านหน้าเสานี้แล้วก็เดินลงมาดู ไม่ได้ไปถึงตรงโน้นกัน
จากนั้นก็ลองเดินย้อนกลับไปตามถนน ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือนิดหน่อยก็เห็นป้ายที่เขียนว่า "เมืองฟุกุโอกะ" (福岡市) ซึ่งบอกให้รู้ว่าผ่านตรงนี้ไปก็กลับสู่เขตเมืองฟุกุโอกะแล้ว ตะกี้เราเดินจากด้านล่างตรงหาดทรายเลยไม่ได้เห็นป้ายนี้แต่ที่จริงตอนแรกเราได้เดินผ่านมาจากทางโน้น
แล้วพอเดินผ่านป้ายมา ลองหันหลังไปมองก็จะเห็นว่าป้ายด้านนี้เขียนว่า "เมืองอิโตชิมะ" (糸島市) เท่ากับเราได้เดินข้ามเมืองกลับมาเมืองฟุกุโอกะแล้ว
จากตรงนี้มองลงไปก็ยังเห็นโขดหินกับเสาขาวได้อยู่
แล้วก็เดินต่อมาอีกหน่อยก็เจอร้านอาหาร
อิโตชิมะไคเซนโดว (
糸島海鮮堂) เราตัดสินใจแวะกินที่นี่ ขณะนั้นเวลา 11:00 ร้านเปิดพอดี คนยังน้อยอยู่
ภายในร้าน หน้าต่างกระจกใสมองออกไปเห็นชายฝั่ง
เราเลือกนั่งที่ตรงนี้ มองไปเห็นโขดหินได้
เมนูของร้านนี้ ดูแล้วแพงๆทั้งนั้น ซึ่งก็ช่วยไม่ได้ เหมือนมาจ่ายค่าชมบรรยากาศไปด้วย
ที่เราสั่งคือชุดข้าวหน้าปลาคัมปาจิใส่งา (ごまカンパチ
丼) ราคา ๒๐๐๐ เยน ซึ่งถือว่าเกือบถูกสุดแล้ว
ปกติไม่ค่อยมีโอกาสได้มากินข้าวหน้าปลาดิบแบบนี้บ่อยเพราะว่าแพง แต่ว่าก็อร่อยจริงๆ
หลังจากกินเสร็จลองดูสภาพในร้านแล้วก็พบว่าคนเริ่มแน่น ดีแล้วที่รีบมากินตั้งแต่ตอนโล่งๆ
จากนั้นก็เดินย้อนไปตามถนนต่อไป
ระหว่างทางก็มีพวกร้านกาแฟ
แล้วก็ย้อนมาถึงแถวป้ายรถเมล์ที่เรามาลงตอนแรก ทางซ้ายนี้เป็นร้านขายของและร้านกาแฟเล็กๆ
เซกเกย์คาเฟ (
絶景カフェ)
ทางเดินเข้าเป็นแบบนี้ เหมือนบันไดลงไปใต้ดิน
ภายในร้าน ตอนแรกนึกว่าใต้ดิน แต่ว่าเห็นหน้าต่าง มองออกไปเห็นทะเลได้สวย
เดินต่อไปอีกเพื่อไปดูทางโน้นอีกหน่อย
แล้วก็มาถึงป้ายรถเมล์ถัดไป ตรงแถวนี้เรียกว่าปาล์มบีช (PALMBEACH)
เราเดินมาถึงแค่นี้ก็พอแล้ว จากนั้นก็เดินย้อนกลับไป
ระหว่างทางก็ผ่านร้านที่ไปนั่งกินมา ตอนนี้เห็นร้านคนแน่นกว่าเดิมอีก มีคนรอคิวอยู่นอกร้าน เพราะเป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว ดีแล้วที่เราไม่กินเวลานี้ไม่งั้นต้องรอนานแน่เลย
เดินย้อนกลับมาถึงตรงเสาโทริอิขาวอีกรอบ คราวนี้ไม่ได้ลงไปแล้ว แค่ถ่ายจากด้านบนอีกหน่อย
ฝั่งตรงข้ามมีร้านข้าวหน้าปลาไหล แต่ราคาแพงมาก
จากตรงนี้ขึ้นรถเมล์กลับได้ แต่ว่าคราวนี้ขึ้นคนละสายกับตอนขามา สายนี้ไม่ได้กลับไปถึงตัวเมืองฟุกุโอกะ ต้องไปต่อรถไฟอีกที แต่ก็ดี ถือว่าได้แวะดูสถานีอีกแห่ง
ระหว่างทางก็ผ่านริมทะเลเหมือนตอนขามา ตรงนี้เป็นชายฝั่งโอดาฮามะซึ่งมีปากฉลามและชิงช้าต้นมะพร้าว
แล้วก็ผ่าน
สวนสาธารณะอุมิซึริ (
海釣り
公園) ซึ่งเป็นบริเวณริมฝั่งสำหรับตกปลา
ระหว่างทางเจอทิวทัศน์สวยอยู่ประปราย
แล้วก็มาถึงปลายทางที่
สถานีคิวไดงักเกงโทชิ (
九大学研都市駅) ค่ารถเมล์ถึงตรงนี้คือ ๗๓๐ เยน
ที่นี่เป็นสถานีรถไฟบน
สายจิกุฮิ (
筑肥線) ของ JR ซึ่งเชื่อมต่อโดยตรงกับสายรถไฟใต้ดินของเมืองฟุกุโอกะ จากสถานีนี้สามารถนั่งรถไฟเข้าถึงใจกลางเมืองฟุกุโอกะ รวมถึงสถานเทนจิงและสถานีฮากาตะ
ลงรถเมล์มาแล้วก็เข้าไปในสถานี
ยังพอมีเวลาก่อนจะถึงเวลาที่รถไฟรอบต่อไปออกก็เลยลองเดินมาดูอีกฝั่งของสถานี
แล้วก็ผ่านที่ตรวจตั๋วเข้ามา
บนชานชลา
แล้วรถไฟก็มา
ภายในขบวนรถไฟ
จากนั้นเราก็นั่งรถไฟไปลงที่สถานีเทนจิงเพื่อเดินเล่นด้วยเวลาที่เหลือช่วงบ่ายถึงเย็น
https://phyblas.hinaboshi.com/20241212