φυβλαςのβλογ
phyblas的博客



ว่าด้วยประสบการณ์รักษารากฟันที่จีน
เขียนเมื่อ 2014/12/24 00:30
แก้ไขล่าสุด 2021/09/28 16:42
# 10~23 ธ.ค. 2014

จนถึงตอนนี้ก็ใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนมาเป็นเวลามากกว่า ๓ ปีแล้ว มีอยู่ไม่กี่ครั้งที่เป็นอะไรหนักจนต้องไปโรงพยาบาล

คงไม่มีใครอยากป่วยเป็นอะไร ยิ่งใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนซึ่งไม่คุ้นเคย ไม่มีคนใกล้ตัวคอยดูแล และยังมีปัญหาเรื่องของกำแพงภาษาด้วย ถึงจะคุยกับคนที่นี่ได้คล่องพอสมควรแล้วแต่ยังไงก็ไม่ใช่ภาษาตัวเอง การสื่อสารอาจมีอะไรผิดพลาดได้บ้างไม่มากก็น้อย แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่อาจทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้

ปกติถ้ามีปัญหาอะไรเล็กๆน้อยๆก็จะแค่ไปโรงพยาบาลเล็กๆซึ่งอยู่ภายในมหาวิทยาลัย ซึ่งนักเรียนทุนอย่างเราสามารถรักษาได้ฟรี ดังนั้นจึงมักไปบ่อยๆแม้เป็นอะไรเพียงเล็กน้อยก็ไปขอยาได้ ประหยัดเงินไปได้มากทีเดียว

แต่หากเป็นอะไรหนักๆเข้าโรงพยาบาลเล็กๆของมหาวิทยาลัยไม่อาจรักษาให้ได้ เพราะไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือมากพอ จึงต้องไปโรงพยาบาล ซึ่งมหาวิทยาลัยเองก็มีโรงพยาบาลในสังกัดที่ถ้าไปรักษาที่นั่นสามารถขอเบิกเงินค่ารักษาได้ ซึ่งเราก็เคยไปมาแค่ครั้งเดียวก่อนหน้านี้

ส่วนเรื่องทำฟันนั้นเราไม่เคยมีประสบการณ์ทำในจีนมาก่อน ปกติจะตรวจฟันครึ่งปีครั้งอยู่แล้ว โดยตรวจตอนที่กลับไทยไปแต่ละครั้ง ซึ่งหลังๆมานี้กลับทุกปิดเทอม จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องตรวจที่จีน

อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องราวครั้งนี้เป็นอะไรที่เกิดขึ้นโดยกะทันหันไม่คาดคิด



เหตุเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. อยู่ดีๆก็เริ่มปวดฟันด้านขวาล่าง แต่ก็แค่เล็กน้อยไม่ได้คิดว่าจะเป็นอะไร

แต่แล้วเช้าวันที่ 9 ธ.ค. ประมาณตีสี่กว่าก็เกิดปวดรุนแรงจนตื่นขึ้นมาก่อนรุ่งเช้า ปวดจนนอนไม่หลับเลยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทานยาแก้ปวดแล้วก็พยายามนอนต่อ

พอตื่นขึ้นมาก็พบว่าอาการปวดลดลงไปเยอะ แต่ก็ยังเป็นอยู่ ไม่อาจไว้วางใจได้ จึงยังจำเป็นต้องไปหาหมออยู่ แต่ตอนเช้ามีธุระ กว่าจะไปหาก็เลยต้องเป็นตอนบ่าย พอไปถึง

โรงพยาบาลเล็กๆของมหาวิทยาลัยนั้นมีหมอฟันอยู่ด้วยสามารถไปหาได้ อย่างไรก็ตามในวันหนึ่งเขารับผู้ป่วยแค่ช่วงเช้า ๒ คน และช่วงบ่าย ๒ คนเท่านั้น เราไม่รู้มาก่อนดังนั้นตอนบ่ายที่ไปคนจึงเข้าเต็มแล้ว ทำให้ต้องไปหาหมอทั่วไปแทน หมอก็ได้แต่ให้ยาแก้ปวดมาซึ่งก็เหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไร อาการปวดปะทุุขึ้นมาเป็นระยะๆ ทำให้ไม่เป็นอันทำอะไรเลย

เมื่อไม่สามารถหาหมอฟันได้จึงต้องรอถึงเช้าวันถัดไป เช้าวันที่ 10 ธ.ค. เราไปรอเพื่อจองคิวหมอฟังตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ปรากฏว่ามีคนมารอแล้ว ๑ คน เราเลยได้เป็นคิวที่ ๒ ก็พอดี ถ้ามาช้ากว่านั้นก็ไม่ได้แล้ว เพราะเขารับรักษาแค่ ๒ คน

แม้จะไปรอตั้งแต่เจ็ดโมงแต่เวลาที่เปิดจริงๆก็คือแปดโมงคนแรกจึงจะเริ่มได้ทำ โชคดีที่คนแรกเขาใช้เวลาไม่นานดังนั้นรอไม่นานเราก็ได้เข้าไปทำแล้ว



พอเข้าไปรักษาหมอก็ตรวจไม่เจอสาเหตุว่าปวดเพราะอะไร จึงวินัจฉัยว่าฟันที่เคยอุดเมื่อก่อนมันติดเชื้อไปถึงโพรงปราสาทฟัน จำเป็นต้องไปทำการรักษาราก

อย่างไรก็ตามต้องเอ็กซ์เรย์เพื่อความแน่ใจอีกที ที่นี่เขาไม่สามารถตรวจวินิจฉัยอะไรให้ได้เพราะไม่มีอุปกรณ์ จึงบอกให้เราไปที่โรงพยาบาลใหญ่แทน

เราไปที่นั่นแล้วก็ต้องพบว่าแผนกหมอฟันคนเต็มหมดแล้ว ไม่สามารถรับการรักษาได้ ดูเหมือนว่าที่นี่เองถ้าอยากทำฟันก็ต้องมารอคิวแต่เช้าเช่นกัน เรามาถึงตอนประมาณสิบโมงเช้าคิวก็เต็มไม่สามารถรักษาได้แล้ว นั่นทำให้รู้สึกหมดหวังกับระบบโรงพยาบาลของจีนขึ้นมาทันที

อย่างไรก็ตาม พอลองถามพยาบาลที่นั่นว่าทำยังไงดีในเมื่อปวดมากเลยถ้าไม่ได้ทำก็คงจะแย่ เขาก็เลยบอกว่าให้ไปที่โรงพยาบาลช่องปากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง (北京大学口腔医院)  โรงพยาบาลแห่งนั้นมีแผนกฉุกเฉินซึ่งสามารถรักษาได้ตลอดไม่ต้องรอนาน

ที่นั่นอยู่แถวเว่ย์กงชุน (魏公村) ซึ่งไม่ไกลจากที่นั่น ที่จริงแล้วมันอยู่ฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยจงยางหมินจู๋ (中央民族大学) ซึ่งเมื่อเดือนก่อนเพิ่งจะแวะมาเพื่อร่วมงานลอยกระทงของคนไทย เคยเล่าไว้ใน https://phyblas.hinaboshi.com/20141116

เรารีบหาแท็กซีนั่งไปเลยเพราะตรงนั้นไม่มีรถไฟฟ้า และถ้านั่งรถเมล์ก็กินเวลาเกินไป ในที่สุดก็มาถึง



มาถึงเราก็รีบเข้าไปในตึกหลักโรงพยาบาลเพื่อจะถามว่าต้องทำยังไง เขาก็บอกว่าให้ไปที่แผนกฉุกเฉินซึ่งเป็นตึกเล็กที่อยู่ด้านข้างอาคารหลักโรงพยาบาล



เข้าไปถึงก็ไปลงทะเบียนแล้วก็รับสมุดบันทึกประวัติคนไข้แล้วก็รอคิวสักพัก



ระหว่างรอก็เห็นเขาเปิดทีวีมีการ์ตูนฝรั่งเปิดอยู่ เป็นภาษาอังกฤษซับจีน



รอไม่นานก็ได้เข้ารับการรักษา หมอเอ็กซเรย์ให้ก็พบว่าฟันกรามซึ่งในสุดด้านล่างขวาติดเชื้อถึงโพรงปราสาทฟันจริงๆ ฟันซี่นี้เคยอุดมาตั้งแต่เมื่อต้นปีซึ่งกลับไทยไป ตอนนั้นหมอฟันก็บอกไว้ว่าฟันซี่นี้ฟุมาก อาจถึงรากแล้ว เป็นไปได้ที่จะปวดขึ้นมาอีก ถึงเวลานั้นขึ้นมาจริงๆต้องรีบมาทำการรักษาราก

แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีอาการอะไรเลย ใครจะไปคิดว่าผ่านมาเกือบปีอยู่ดีๆจะเกิดปวดขึ้นมาอย่างกะทันหันได้ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าแม้อุดฟันแล้วก็ไม่อาจวางใจได้ ถ้าฟันผุไปถึงโพรงปราสาทแล้วการอุดนั้นก็อาจไร้ความหมาย ถึงตอนนั้นถ้าหากไม่รักษารากฟันก็ต้องถอนทิ้งเท่านั้น

นี่เป็นเรื่องโหดร้ายมากทีเดียวสำหรับมนุษยชาติ ลองคิดดูว่าคนสมัยก่อนซึ่งไม่มีเทคโนโลยีการทำฟันเจอแบบนี้มีแต่จะต้องถอนทิ้งเท่านั้น เราโชคดีแค่ไหนที่เกิดมาในยุคนี้

ถึงอย่างนั้นก็ตาม การรักษารากฟันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยและกินเงินมากทีเดียว ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมเพราะไม่เช่นนั้นก็ต้องถอนฟันไป ซึ่งก็จะมีปัญหาตามมามากกว่านั้น ค่าใช้จ่ายในการรักษารากทั้งหมดนั้นหมอบอกว่ารวมแล้วประมาณ ๒๕๐๐ หยวน

การรักษารากนั้นไม่ใช่ทำครั้งเดียวแล้วจบเลย ต้องทำหลายครั้ง ขั้นตอนค่อนข้างยุ่ง และแต่ละคนจำนวนครั้งที่ต้องมาทำอาจไม่เท่ากัน สำหรับการรักษารากครั้งนี้หมอบอกว่าต้องมาทำทั้งหมดรวมแล้ว ๓ รอบ



ในครั้งแรกนี้หลังจากที่ได้เอ็กซเรย์พบสาเหตุแน่ชัดแล้วหมอก็ได้ทำการเจาะฟันเพื่อเอาประสาทฟันที่อยู่ในโพรงประสาทฟันออกให้หมดและล้างฆ่าเชื้อ ซึ่งก็จะทำให้ความเจ็บปวดหายไป ฟันซี่นี้ก็จะกลายเป็นฟันที่ตายแล้ว ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว

หลังจากนั้นก็ทำการอุดโพรงปราสาทฟันด้วยวัสดุชั่วคราวเพื่อที่คราวหน้าจะมาเจาะทำการรักษาต่อ

แน่นอนว่าก่อนการทำต้องฉีดยาชา ไม่เช่นนั้นจะปวดทรมานจนตายแน่นอน โดยหลังจากฉีดแล้วรอจนชาหมอถึงจะเริ่มทำการเจาะฟัน แต่หลังจากเจาะแล้วทำไปสักพักก็พบว่าปวดขึ้นมาอีกจึงต้องทำการฉีดยาชาอีกเป็นครั้งที่สองแล้วค่อยทำต่อ จากนั้นก็ไม่รู้สึกเจ็บอีกเลย

หมอคนที่ทำนี้ใจดีมาก มีการถามตลอดอย่างใส่ใจว่าเจ็บหรือเปล่า ระหว่างทำก็รู้สึกสบายใจเพราะว่าเขาดูแล้วใส่ใจดีมากจริงๆ

เวลาทำฟันอยู่จะไม่สามารถพูดได้ เขาจึงบอกไว้ก่อนว่าถ้าเจ็บให้ยกมือซ้ายขึ้นเป็นสัญญาณ แต่บางทีถ้าอยากสื่อสารกันก็พอจะพูดได้บ้างโดยอาศัยความแตกต่างของน้ำเสียง ภาษาจีนก็เหมือนภาษาไทยคือเป็นภาษาที่มีวรรณยุกต์ แม้จะขยับปากไม่ได้ทำให้แยกพยัญชนะและสระไม่ออกแต่แค่เดาจากวรรณยุกต์ก็น่าจะพอเข้าใจได้ในระดับนึงอยู่แล้ว

ทำเสร็จแล้วหมอก็ให้ไปจ่ายเงิน ค่าใช้จ่ายครั้งแรกนี้คือ ๕๘๓.๙๘ หยวน จากนั้นก็กลับมาคุยแล้วนัดวันที่จะทำวันต่อไป ซึ่งก็นัดวันจันทร์ที่ 15 ธ.ค. ซึ่งเป็น ๕ วันให้หลัง

ตอนที่ทำเสร็จนั้นก็เป็นเวลาประมาณเที่ยง แต่ก็ยังไม่สามารถกินอะไรได้เพราะปากยังชาไปหมดอยู่ และจะยังชาแบบนั้นไปอีกอย่างน้อยสองชั่วโมง



ในตอนนั้นอารมณ์กำลังแบบว่าอยากปลดปล่อยตัวเองไปตามสบายรักหน่อย ยังไม่อยากรีบกลับมหาวิทยาลัย ก็เลยเดินเรื่อยเปื่อยต่อ แถวนั้นอยู่ไม่ไกลจากสวนสัตว์ปักกิ่ง (北京动物园) ซึ่งข้างๆสวนสัตว์นั้นเป็นแหล่งขายเสื้อผ้าขนาดใหญ่อยู่ พอดีตอนนั้นรองเท้าที่ใส่อยู่กำลังเยินเต็มที่ก็เลยว่าจะถือโอกาสนี้แวะไปซื้อรองเท้า

คิดเช่นนั้นก็เลยเดินออกมาจากโรงพยาบาลแล้วเดินลงไปทางใต้เรื่อยๆ ระหว่างทางผ่านซอยซึ่งเป็นทางเข้าสู่สถานที่เที่ยวแห่งหนึ่ง นั่นคือวัดเจินเจวี๋ย (真觉寺) เป็นวัดที่มีเจดีย์โบราณสวยๆอยู่ แต่ว่าตอนนั้นยังไม่คิดจะแวะเข้าไป



จากนั้นก็เลี้ยวขวาไปทางตะวันออกแล้วเดินไปเรื่อยๆ ผ่านโรงยิมเมืองหลวง (首都体育馆) ซึ่งเป็นสถานที่จัดการแข่งวอลเลย์บอลเมื่อโอลิมปิกปี 2008 ตัวอาคารถูกสร้างเมื่อปี 1968



แล้วก็ผ่านท้องฟ้าจำลองปักกิ่ง (北京天文馆) ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม นี่เป็นสถานที่ที่ยังไงก็ตั้งใจว่าจะไปให้ได้สักครั้งหนึ่งเหมือนกัน คิดว่ายังไงภายในช่วงที่อยู่ปักกิ่งต้องแวะไปเข้าชมก่อนที่จะกลับ



แล้วก็ผ่านด้านหน้าสวนสัตว์ปักกิ่ง ที่นี่ยังไม่เคยมีโอกาสได้แวะเข้าไปชมเลยสักที แต่ตั้งใจว่าจะต้องหาโอกาสเข้าชมสักครั้งเหมือนกัน



แล้วก็มาถึงห้างขายเสื้อผ้าซึ่งอยู่ข้างๆสวนสัตว์ สำหรับตึกนี้ซึ่งมีเขียนว่า 鞋城 ซึ่งแปลว่าปราสาทรองเท้า ชั้นใต้ดินเป็นแหล่งขายรองเท้าถูกๆ มีให้เลือกมากมาย



เราเข้าไปซื้อรองเท้าเสร็จก็ยังไม่อยากกลับจึงเดินต่อไปสักพัก แล้วก็มาเจอ หอนิทรรศการปักกิ่ง (北京展览馆) เข้า จึงได้แวะเข้าไปชม ขณะนั้นมีนิทรรศการที่น่าสนใจอยู่พอดี สำหรับเรื่องราวตรงนี้เขียนเล่าแยกอีกหน้าเพื่อไม่ให้เป็นการนอกเรื่องมากไป อ่านได้ที่ https://phyblas.hinaboshi.com/20141227



หลังจากกลับไปถึงหอพักแล้ว เมื่อยาชาหมดฤทธิ์ก็พบว่าฟันยังปวดอยู่ แต่ก็ไม่ได้มากเท่าก่อนทำ แต่วันต่อๆมาก็ไม่ได้ปวดอะไรแล้ว ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่มีปัญหา



วันที่ 15 ธ.ค. เรามาทำครั้งที่สองต่อ ครั้งนี้หมอก็ฉีดยาชาแล้วเจาะฟันซี่เดิมเพื่อทำการล้างรากฟันอีกทีแล้วก็อุดโพรงปราสาทฟันอย่างถาวร ครั้งนี้ใช้เวลานานและเจ็บพอสมควรแม้จะฉีดยาชาแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ขอให้ฉีดเข้มที่สองต่อเพราะไม่ได้เจ็บมากจนถึงขั้นทนไม่ได้

ค่าใช้จ่ายของครั้งนี้แพงมากเป็นพิเศษ แค่ครั้งนี้ก็หมดไป ๑๕๓๙.๖๗ หยวน ซึ่งเกินมากกว่าครั้งอื่นรวมกันทั้งหมดเสียอีก หลังจากทำเสร็จก็ไม่ได้ไปไหนต่อ รีบกลับทันที ซึ่งหลังจากนั้นก็พบว่ามีอาการปวดเกิดขึ้นตามมา

ตอนที่ทำเสร็จหมอก็บอกว่าหลังจากทำเสร็จกลับไปแล้วอาจจะเจ็บขึ้นมาอีก ซึ่งหลังจากนั้นก็พบว่ารู้สึกปวดจริงๆ และมันก็เจ็บมากจนทำอะไรไม่ได้เลยทีเดียว ทำได้แค่ทานยาแก้ปวดแล้วก็นอนไป ตื่นมาก็ยังปวดอยู่แต่ก็ค่อยๆดีขึ้น พอวันต่อมาก็ไม่ปวดแล้ว



หมอนัดครั้งสุดท้ายคือวันอังคารที่ 23 ธ.ค. ซึ่งเป็น ๘ วันให้หลัง ครั้งนี้หมอเจาะฟันที่รักษารากแล้วมาดูอีก ครั้งนี้ไม่ต้องใช้ยาชาเพราะไม่ได้เจาะลึกลงไป หลังจากเจาะตรวจเสร็จแล้วคราวนี้ก็อุดตัวฟันด้วยวัสดุถาวร ครั้งนี้ใช้เวลาไม่ค่อยนาน

ค่าใช้จ่ายครั้งสุดท้ายนี้คือ ๓๕๒.๗๒ หยวน และเมื่อรวมทั้งหมด ๓ ครั้งก็จะเป็น ๕๘๓.๙๘ + ๑๕๓๙.๖๗ + ๓๕๒.๗๒ = ๒๔๗๖.๓๗ หยวน

แต่ว่าการรักษาทั้งหมดยังไม่จบลงแค่นี้เพราะว่าฟันที่รักษารากแล้วจะอ่อนแอแตกง่าย จำเป็นจะต้องไปทำการครอบฟันอีกที แต่กว่าจะเริ่มทำได้ก็ต้องรอดูอีกการสักพักว่าฟันที่ทำนั้นอยู่ตัวดีแล้ว ซึ่งหลังจากนี้คิดว่าจะกลับไปทำต่อที่ไทย คงไม่ได้ทำที่นี่ต่อ ดังนั้นเรื่องเล่าการรักษาฟันที่นี่ก็คงจบลงเท่านี้



หลังจากที่รักษาเสร็จตอนนี้ก็สบายในแล้วก็เลยว่าจะถือโอกาสไปเดินเที่ยวที่วัดเจินเจวี๋ย

บรรยากาศบนถนนทางเดินไปวัดเจินเจวี๋ย ชื่อถนนอู่ถ่าซื่อ (五塔寺路) ซึ่งคำว่าอู่ถ่าซื่อนี้แปลว่าวัดห้าเจดีย์ เป็นชื่อเรียกอีกชื่อของวัดเจินเจวี๋ยเนื่องจากในวัดนั้นมีห้าเจดีย์นั่นเอง ถนนนี้เลียบริมน้ำ จะเห็นว่าผิวน้ำบางส่วนเกาะเป็นน้ำแข็งเพราะอุณหภูมิเกือบติดลบ ที่จริงช่วงนี้ปกติควรจะแข็งกว่านี้จนลงไปเดินเล่นได้เลยแต่วันนี้อากาศค่อนข้างอุ่นเมื่อเทียบกับวันก่อนๆ



ระหว่างทางบนถนนนี้ผ่านลานเล่นสเก็ต พอเห็นแล้วก็คิดในใจว่าช่วงฤดูนี้ถ้าจะเล่นสเก็ตอาจไม่ต้องไปลานสเก็ตก็ได้เพราะมันหนาวจนทะเลสาบบางแห่งถูกใช้แทนลานสเก็ตได้อยู่แล้ว เล่นกลางแจ้งน่าจะได้อารมณ์กว่า



แล้วก็มาถึงด้านหน้าทางเข้าวัดเจินเจวี๋ย แต่ก็พบว่าที่นี่กำลังปิดปรับปรุงอยู่ เท่ากับมาเสียเที่ยวเก้อเลย มีกำหนดจะเปิดในปีหน้าแต่ก็ไม่แน่นอนว่าวันไหน หวังว่าจะทันก่อนที่เราจะเรียนจบไป ไม่งั้นคงไม่ได้มีโอกาสมาคงน่าเสียดายแย่



ภาพนี้ถ่ายจากด้านหน้าทางเข้า เขาไม่ให้เดินเข้าไปข้างในต่อ แต่อย่างน้อยได้เห็นตัวเจดีย์หลักแค่นี้ก็ยังดีกว่าไม่ได้เห็นอะไรเลย



ขอจบการพูดถึงวัดเจินเจวี๋ยเท่านี้ดีกว่า เดี๋ยวจะนอกเรื่องไปไก
ล ไว้หากวันหน้าได้มาเที่ยวที่นี่จริงก็จะค่อยมาพูดถึงรายละเอียดอีกที



สรุปแล้วการหาหมอฟันในครั้งนี้ก็น่าจะจบลงด้วยดี ทำเสร็จก็ไม่ได้มีอาการปวดอะไรอีกแล้ว ทุกอย่างดูราบรื่นดี และก็ถือเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่ง ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องมาทำฟันที่จีนเลย

นี่คือใบเสร็จที่จ่ายแต่ละครั้ง ใช้บ้ตรเงินฝากธนาคารจ่ายตลอด โชคดีที่เก็บออมเงินไว้พอสมควรก็เลยไม่เดือดร้อนนักแม้จะต้องจ่ายแพงขนาดนี้



นี่คือสมุดบันทึกประวัติคนไข้ หมอเขียนบันทึกไว้ในแต่ละครั้งที่ทำ แต่ดูแล้วเหมือนจะอ่านแทบไม่รู้เรื่องเลย อย่างที่รู้ว่าลายมือหมอเป็นลายมือที่คนทั่วไปไม่สามารถอ่านได้โดยง่ายอยู่แล้ว แล้วนี่เขียนเป็นภาษาจีนอีกด้วย เขียนแบบนี้แทบดูไม่ออกว่าเป็นภาษาจีน




หลังจากนี้แล้ว ที่เหลือก็คือรอกลับไปรักษาต่อที่ไทย
 
 
 
 
 



-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- ประเทศจีน >> จีนแผ่นดินใหญ่ >> ปักกิ่ง

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

目录

从日本来的名言
模块
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
机器学习
-- 神经网络
javascript
蒙古语
语言学
maya
概率论
与日本相关的日记
与中国相关的日记
-- 与北京相关的日记
-- 与香港相关的日记
-- 与澳门相关的日记
与台湾相关的日记
与北欧相关的日记
与其他国家相关的日记
qiita
其他日志

按类别分日志



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  查看日志

  推荐日志

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ