วันที่ 25 ม.ค. เราเดินทางกลับไทยช่วงปิดเทอมฤดูหนาว พอถึงวันที่ 21 ก.พ. ก็เดินทางกลับ ตอนไปถึงสนามบินสายการบินก็พบว่าใบอนุญาตพำนักอยู่ไต้หวันได้หมดอายุลงไปแล้ว ถ้ากลับเข้าไปตอนนี้จะเจอปัญหา
ปกติแล้วคนที่มาเรียนต่อหรือทำงานที่ไต้หวันเป็นระยะยาวจำเป็นต้องทำบัตรประจำตัวผู้พำนักอยู่ ซึ่งเรียกเป็นภาษาจีนว่า จวีหลิวเจิ้ง (居留證) หรือนิยมเรียกเป็นตัวย่อว่า ARC
การจะทำบัตรนั้นก่อนอื่นต้องทำวีซ่าสำหรับนักเรียนมาจากประเทศตัวเองก่อน แล้วพอเดินมาถึงไต้หวันก็ได้
ปีที่แล้วตอนมาไต้หวันครั้งแรกเพื่อเรียนต่อก็ทำวีซ่านักเรียนไป เล่าไว้ใน
https://phyblas.hinaboshi.com/20170302เพราะปีที่แล้วไปถึงไต้หวันตอนวันที่ 9 ก.พ. จากนั้นก็มาทำบัตรแล้วเขาก็ออกให้สำหรับ ๑ ปี ปกติแล้วจะต้องมาต่ออายุในช่วงก่อนบัตรหมด ๑ เดือน
แต่เนื่องจากกลับไทยตั้งแต่ วันที่ 25 ม.ค. ช่วงที่หมดอายุก็อยู่ที่ไทย แล้วก็ลืมปัญหาเรื่องนี้ไปเลย
พอจู่ๆเจอปัญหาแบบนี้ก็ตกใจและลนลานพอสมควร ทางสายการบินบอกว่าถ้าจะไปขึ้นเครื่องจำเป็นจะต้องเข้าไปแบบไม่ใช้วีซ่า โดยจะต้องมีตั๋วขากลับด้วย ทำให้เราต้องรีบตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินเฉพาะขาไปตอนนั้นเลย
จากนั้นในที่สุดก็ได้ขึ้นเครื่อง พอไปถึงตรวจคนเข้าเมืองก็ผ่านด่านตรวจเข้าไปแบบธรรมดา ไม่ยื่นบัตรประจำตัวไป
จากนั้นวันต่อมาคือ 22 ม.ค. ก็รีบเดินทางไปสำนักงานต่างด้าว (移民署) ทันทีเพื่อจะไปทำใบอนุญาตใหม่
สถานที่อยู่ใกล้กับวิทยาเขตหนานต้า (南大校區) ของมหาวิทยาลัยชิงหัว การเดินทางหากออกจากวิทยาเขตหลัก (วิทยาเขตกวางฟู่) ก็มีรถเมล์บริการฟรี ออกประมาณทุกชั่วโมง
พอรถลงที่หนานต้าเสร็จแล้วก็ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือต่อ ข้ามสะพานข้ามทางรถไฟไป
ก็สามารถมาถึงสำนักงานต่างด้าว
แต่ปรากฏว่าพอไปถึงจึงพบความจริงว่าถ้าบัตรไปหมดอายุที่ไทยจำเป็นต้องทำวีซ่าใหม่ที่ไทย ตอนแรกเราพยายามถามว่าไม่มีทางเลือกอื่นเลยเหรอ เขาก็บอกให้โทรไปยังสำนักงานที่ไทเป พอโทรไปเขาก็ยืนยันว่ายังไงก็ต้องกลับไปทำ
ตอนแรกเราก็คิดว่าการกลับไปทำวีซ่าจะเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะตอนครั้งแรกที่ทำนั่นคือต้องตรวจสุขภาพ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นต้องเสียเวลากลับไปนานถึงอย่างน้อยครึ่งเดือน
แต่พอสอบถามข้อมูลโดยโทรไปที่สำนักงานที่ไทยแล้วก็ได้ความว่าการทำใหม่แบบนี้ไม่ต้องตรวจสุขภาพแล้ว สิ่งที่ต้องพกไปมีแค่พาสปอร์ตกับบัตรประจำตัวผู้พำนักอยู่ที่ไต้หวันเท่านั้น และใช้เวลาแค่ ๓ วันทำการ
พอรู้ว่าต้องกลับแน่ๆก็เลยรีบจองตั๋วเครื่องบิน ที่จริงเรื่องราวไม่ได้จำเป็นต้องรีบมาก เพราะการที่เข้าไปโดยไม่ใช้วีซ่าสามารถอยู่ได้ถึง ๓๐ วันอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นรู้สึกว่ายิ่งจัดการเร็วยิ่งดี ในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกกลับวันอาทิตย์ที่ 25 ก.พ.
จากนั้นวันที่ 26 เป็นวันจันทร์ ก็รีบไปทำวีซ่าทันที แล้วพอวันที่ 28 ก็ไปรับได้ ค่าทำ ๒๒๐๐ บาท โดยรวมแล้วทุกอย่างง่ายดาย แค่ลำบากตรงที่ต้องอุตส่าห์เดินทางกลับมาแล้วก็กลับไปอีก
จากนั้นวันอาทิตย์ที่ 4 มี.ค. ก็รีบบินกลับไต้หวัน เท่ากับว่าครั้งนี้เป็นการกลับไทยแค่ ๘ วันเท่านั้น มาเพื่อแค่ทำวีซ่าเท่านั้นเลยจริงๆ
พอกลับไปถึง วันจันทร์ที่ 5 มี.ค. ก็รีบกลับไปที่สำนักงานต่างด้าวอีกครั้งทันที ครั้งนี้ก็สามารถทำบัตรได้สำเร็จ ไม่มีปัญหา เรื่องก็จบลงด้วยดี ค่าทำ ๑๐๐๐ หยวนไต้หวัน รอ ๒ สัปดาห์ มารับวันจันทร์ที่ 19 มี.ค.
แต่ที่จริงยังหลงเหลือปัญหาอีกอย่าง นั่นคือพาสปอร์ตใกล้หมดอายุ โดยจะหมดในวันที่ 15 ต.ค. ดังนั้นในบัตรก็จะถูกเขียนว่ามีอายุถึงแค่วันนั้นเหมือนกัน
เพียงแต่ว่าหากหลังจากนั้นไปทำพาสปอร์ตใหม่มาเสร็จก็จะสามารถกลับไปทำบัตรใหม่ได้ทันทีไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม
ที่เล่ามานี้ เป็นกรณีตัวอย่างของปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อบัตรประจำตัวผู้พำนักอยู่ไปหมดอายุเอาตอนที่กลับไทย (หรืออยู่นอกไต้หวัน)
แต่ถ้าหมดตอนช่วงที่อยู่ไต้หวันจะเกิดอะไรขึ้น? อันนี้เรื่องใหญ่กว่า เพราะเท่ากับเป็นการอยู่เกินเวลา ถือเป็นการอยู่แบบผิดกฎหมาย แบบนี้จะต้องเสียค่าปรับ แล้วยังทำให้มีประวัติไม่ดีติดไปด้วย
ข้อมูลจากเว็บนี้ได้บอกบทลงโทษเอาไว้
http://oic.nccu.edu.tw/files/11-1000-227-1.phpหากเกิน ๑-๑๐ วัน ปรับ ๒๐๐๐
หากเกิน ๑๑-๓๐ วัน ปรับ ๔๐๐๐
กรณีที่เกินไม่ถึง ๓๐ วันแบบนี้ จ่ายค่าปรับแล้วก็ยังอยู่ไต้หวันต่อได้ ไม่ต้องกลับประเทศไปทำวีซ่าใหม่
แต่หากเกิน ๓๑-๖๐ วัน ปรับ ๖๐๐๐ และยังต้องกลับไทยไปทำวีซ่าใหม่ด้วย
ส่วนถ้าเกิน ๖๑-๙๐ ค่าปรับจะเป็น ๘๐๐๐ และถ้า ๙๑ วันขึ้นไปจะเป็น ๑๐๐๐๐ ยิ่งนานยิ่งแพง
ดังนั้นต้องระวังเรื่องนี้ให้ดี ไม่ใช่แค่ไต้หวัน ไม่ว่าอยู่ประเทศอะไรก็ตามต้องดูเงื่อนไขการพำนักอยู่ของประเทศนั้นๆให้ดี พลาดขึ้นมาอาจจะมีปัญหาตามมามากมายแล้วต้องมาตามแก้