#เสาร์ 12 พ.ย. 2022เล่าเรื่องเที่ยวเมืองมรดกโลก
ฮิราอิซึมิ (平泉) ต่อจากตอนที่แล้ว
https://phyblas.hinaboshi.com/20221113หลังจากที่ชมทักโกกุโนะอิวายะซึ่งอยู่ทางตะวันตกของเมืองเสร็จแล้วเราก็มุ่งหน้ามายังตัวเมืองซึ่งสถานที่เที่ยวหลักของฮิราอิซึมิตั้งอยู่
เมืองฮิราอิซึมินั้นเริ่มถูกพัฒนาขึ้นในช่วงปลายยุคเฮย์อังโดยตระกูล
โอวชูฟุจิวาระ (奥州藤原) ซึ่งเริ่มก่อตั้งโดยฟุจิวาระ โนะ คิโยฮิระ (
藤原 清衡, ปี 1056-1128) เป็นผู้มีอำนาจปกครองพื้นที่แถบภูมิภาคโทวโฮกุนี้ (คำว่า "โอวชู" (
奥州) เป็นชื่อเรียกพื้นที่แถบภูมิภาคโทวโฮกุในสมัยนั้น)
ในช่วงนั้นฮิราอิซึมิได้เติบโตจนกลายเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคภายใต้การนำของตระกูลโอวชูฟุจิวาระ สิ่งก่อสร้างต่างๆที่สำคัญภายในนี้ก็ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงเวลานั้น แต่ว่าในปี 1189 มินาโมโตะ โนะ โยริโตโมะ (
源 頼朝, ปี 1147-1199) โชกุนแห่งคามากุระได้เข้าโจมตีฮิราอิซึมิทำให้ตระกูลโอวชูฟุจิวาระล่มสลายลง
ที่หมายแรกที่เราแวะไปชมภายในเมืองฮิราอิซึมินี้คือ
วัดโมวตซือ (毛越寺) ซึ่งได้เริ่มถูกสร้างขึ้นในช่วงยุคของฟุจิวาระ โนะ โมโตฮิระ (
藤原 基衡, ปี 1105-1157) ผู้นำตระกูลรุ่นที่ ๒ และถูกพัฒนาขึ้นต่อโดยฟุจิวาระ โนะ ฮิเดฮิระ (
藤原 秀衡, ปี 1122-1187) ผู้นำรุ่นที่ ๓
แต่ว่าสถานที่แห่งนี้ก็เคยผ่านอัคคีภัยมาทำให้สิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่พังไปหมด เหลือเพียงซากให้เห็นถึงปัจจุบัน และบางส่วนก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่แทนของเก่าที่ถูกทำลายไป
แล้วตั้งแต่ปี 2011 วัดโมวตซือก็ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกับสิ่งก่อสร้างเก่าแก่อื่นๆภายในฮิราอิซึมิ
ที่ข้างๆวัดโมวตซือยังมี
ซากสวนคันจิไซโอวอิง (観自在王院跡) ซึ่งเป็นสวนที่ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงเวลาเดียวกัน และได้เป็นมรดกโลกเช่นกัน แต่เราไม่ได้เข้าไปชมในนั้นด้วย ได้แค่เข้าชมในส่วนของวัดโมวตซือ
ภาพที่ถ่ายตอนอยู่บนรถระหว่างทางที่เดินทางจากทักโกกุโนะอิวายะมายังวัดโมวตซือ

แล้วก็เดินทางมาถึงที่หมาย เข้ามาจอดรถตรงที่จอดรถข้างๆวัดโมวตซือ

ที่จริงแล้วนอกจากการชมภายในตัววัดแล้ว ที่นี่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องการตามหาอยู่ นั่นคือฝาท่อระบายน้ำโปเกมอนประจำเมืองฮิราอิซึมิ (
https://local.pokemon.jp/manhole/desc/267/)
พอดีไปค้นเจอมาว่าฝาโปเกมอนได้ถูกตั้งอยู่ในลานจอดรถของวัดโมวตซือ ดังนั้นในเมื่อได้มาเที่ยวที่นี่จึงตั้งใจถือโอกาสลองเดินหาดูไปด้วย แล้วก็พบอยู่ตรงนั้นเอง

โปเกมอนที่ถูกวาดอยู่บนฝาท่อที่นี่คือ เครเซเลีย (クレセリア) และ ลูนาโทน (ルナトーン)

หลังจากค้นหาฝาท่อโปเกมอนเจอและได้ถ่ายรูปเก็บไว้แล้วเราก็เดินออกจากที่จอดรถ มุ่งไปยังทางเข้าวัด

หน้าทางเข้าวัดเป็นประตูซัมมง (
山門) ซึ่งย้ายมาจากปราสาทอิจิโนเซกิ (
一関城) ในปี 1921

ต้องซื้อตั๋วตรงหน้าประตูนี้ จึงจะเดินผ่านประตูเข้าไปชมในบริเวณตัววัดได้

ตั๋วราคา ๗๐๐ เยน

เมื่อเดินผ่านประตูเข้ามาด้านในบริเวณวัด ในนี้เป็นสวนสวยที่เต็มไปด้วยต้นไม้ที่กำลังมีใบไม้เปลี่ยนสีสวยงาม

นี่คือแผ่นหินที่สลักบทกลอนของ มัตสึโอะ บาโชว (
松尾 芭蕉, ปี 1644-1694) กวีเอกซึ่งแต่งขึ้นขณะที่เดินทางมาถึงพื้นที่แห่งนี้ในปี 1689 แผ่นหินฝั่งซ้ายนี้ถูกสร้างขึ้นโดบ ไทกะโบว ยาเรียว (
碓花坊 也寥) หลานของบาโชว ส่วนแผ่นหินทางขวาตั้งขึ้นในปี 1802 โดยกวีท้องถิ่น

นี่เป็นภาพวาดบริเวณนี้ในสมัยที่อาคารต่างๆยังคงอยู่ในสภาพเดิม

ที่อยู่ตรงกลางของสถานที่นี้คือบึงโออิซึมิงะอิเกะ (
大泉が
池)

ตรงนี้คือส่วนอาคาร ฮนโดว (
本堂) อาคารหลักของวัดแห่งนี้ ซึ่งถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 1989

เดินถัดมาด้านในต่อเจอสวนดอกอายาเมะ (
菖蒲園) ซึ่งจะบานในช่วงเดือนพฤษภาคม

ข้างๆกันนั้นเป็นอาคารไคซันโดว (
開山堂) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อบูชาพระจิกากุไทชิ เอนนิง (
慈覚大師 円仁, ปี 794-864) ที่เป็นผู้บึกเบิกสร้างวัดนี้ขึ้นมาในช่วงยุคแรกสุด ก่อนที่ตระกูลโอวชูฟุจิวาระจะเข้ามา

จากนั้นเดินไปชมทางฝั่งเหนือของบริเวณนี้ซึ่งเป็นที่ตั้งของพวกซากอาคารต่างๆที่ไม่ได้ถูกสร้างจำลองขึ้นมาใหม่

เริ่มจากซากวัดคาโชว (
嘉祥寺) ซึ่งเคยมีพระพุทธรูปยากุชิเนียวไร (
薬師如来) สูง ๔.๘ เมตรตั้งอยู่

โควโดว (
講堂) ซากอาคารฟังธรรมที่โดนเพลิงไหม้ไปในสงครามปี 1573

วัดคนโดวเอนริว (
金堂圓隆寺) วัดที่สร้างขึ้นเพื่อถวายจักรพรรดิ ซึ่งไหม้ไปในอัคคีภัยปี 1226

ถัดมาเป็นยาริมิซึ (
遣水) คลองที่เอาไว้คอยส่งน้ำให้กับบึงกลางสวน ยังถูกอนุรักษ์ไว้ในสภาพเดิมจากเมื่อตอนที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายยุคเฮย์อัง

จากนั้นเดินข้ามคลองนี้ไป

ตรงนั้นเป็นที่ตั้งของโจวเงียวโดว (
常行堂) ซึ่งบูชาพระอามิดะเนียวไร (
阿弥陀如来) หรือพระอมิตาภพุทธะ (
अमिताभ बुद्ध)ตัวอาคารที่เห็นในปัจจุบันนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 1732

ข้างๆนั้นมีหอระฆัง

แต่มีป้ายเขียนไว้ว่าไม่ให้ตีระฆังนี้

ส่วนข้างๆกันนั้นเป็นซากอาคาฮกเกโดว (
法華堂) และโจวเงียวโดวเก่าที่ถูกไฟไหม้ไปในปี 1597

ต่อมาเดินมาทางด้านตะวันออกของบึง

ชายฝั่งตรงนี้เรียกว่า สึฮามะ (
洲浜) ถูกทำเป็นลักษณะคล้ายชายฝั่งทะเลจึงถูกเรียกโดยใช้คำว่า "ฮามะ" (
浜) ซึ่งปกติจะหมายถึงชายฝั่งทะเล

ส่วนตรงนี้จะเห็นแหลมที่ยื่นออกไป เรียกว่าเดจิมะ (
出島) และกองหินตั้งทาเตอิชิ (
立石) และไกลออกไปมีเกาะเล็กๆกลางบึง เรียกว่านากาจิมะ (
中島)

หลังจากนั้นก็เดินชมวนรอบบึงจนกลับมาถึงบริเวณทางเข้า แล้วเราก็เดินออกไป ได้เวลาจากสถานที่แห่งนี้ไปแล้ว ใช้เวลาชมทั้งหมดประมาณครึ่งชั่วโมง

การเที่ยวชมในวัดโมวตซือก็จบลงเท่านี้ หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปเที่ยวชมสถานที่อื่นๆในฮิราอิซึมิต่อไป
https://phyblas.hinaboshi.com/20221115