# เสาร์ 5 ส.ค. 2023
ช่วงเสาร์-อาทิตย์ 5-6 สิงหาคม 2023 ได้ไปเที่ยวจังหวัดอากิตะมาคนเดียว
แผนเที่ยวนี้เกิดขึ้นจากการที่หอพักที่อยู่นั้นจะดับไฟตั้งแต่ช่วง 7 โมงเช้าวันเสาร์ที่ 5 ไปจนถึง 6 โมงเย็นวันอาทิตย์ที่ 6 ดังนั้นช่วงเวลาระหว่างนั้นจึงต้องไปหาที่อยู่ จึงมาลงตัวที่การไปเที่ยวค้างเมืองอื่น
และก็พอดีว่าช่วงนี้ที่
เมืองอากิตะ (秋田市) ในจังหวัดอากิตะมีจัดงาน
เทศกาลอากิตะคันโตว (秋田竿燈まつり) จึงตัดสินใจไปเที่ยว ที่ผ่านมายังไม่เคยเที่ยวจังหวัดอากิตะมาก่อนเลย
สำหรับแผนครั้งนี้วางไว้ว่าขาไปและกลับจะไปโดยเส้นทางต่างกันไป โดยขาไปนั้นจะนั่งรถบัสไปต่อรถไฟ โดยผ่านทางจังหวัดยามางาตะ ส่วนขากลับนั่งชิงกันเซงต่อเดียวจากอากิตะถึงเซนได
โดยที่ขาไปนั้นไปต่อรถที่
สถานีทสึรุโอกะ (鶴岡駅) ใน
เมืองทสึรุโอกะ (鶴岡市) ทางตะวันตกสุดของจังหวัดยามางาตะ แล้วก็นั่งรถไฟขึ้นเหนือต่อแวะเที่ยวที่แถว
สถานีคิซากาตะ (象潟駅) ใน
เมืองนิกาโฮะ (にかほ市) ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ทางตอนใต้สุดของจังหวัดอากิตะ
แผนทางการต่อรถขาไปเป็นดังนี้
รถบัสจากเซนไดไปทสึรุโอกะ 7:05 - 9:50
รถไฟด่วนพิเศษอินาโฮะจากทสึรุโอกะไปคิซากาตะ 10:12 - 11:04
รถไฟธรรมดาจากคิซากาตะไปอากิตะ 13:08 - 14:19
ส่วนขากลับนั้นนั่งชิงกันเซงโคมาจิรอบ 13:06 จากอากิตะ ถึงเซนได 15:30
และเนื่องจากเห็นว่าเป็นช่วงงานเทศกาล กลัวว่าคนจะแน่นจนรถไฟหรือรถบัสเต็ม เลยจัดสินใจจองตั๋วไว้ล่วงหน้าเท่าที่จะทำได้ โดยไปจองตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค. ก่อนเดินทาง ๓ วัน
อันนี้เป็นใบจองรถบัสและตั๋วรถไฟที่ซื้อไว้ล่วงหน้า
ทางซ้ายเป็นใบจองรถบัส ไปจองที่ตรงศูนย์รถบัสเร็วเซนได (
仙台高速バスセンター) ซึ่งเป็นจุดขึ้นรถบัสที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสถานีเซนได สามารถจองโดยยังไม่ต้องจ่ายเงิน แล้วพอถึงวันออกเดินทางก็เอามายื่นแล้วจ่ายเงินพร้อมรับตั๋ว
ส่วนทางขวาบนเป็นรถไฟด่วนพิเศษอินาโฮะจากสถานีทสึรุโอกะไปคิซากะตะ และทางขวาล่างเป็นตั๋วชิงกันเซงจากอากิตะกลับเซนได สำหรับรถไฟจากคิซากาตะไปอากิตะนั้นเป็นรถไฟธรรมดาจึงไม่สามารถจองได้ เลยไม่ได้อยู่ในนี้ด้วย
ทีนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างเดินทางนั้นเกิดจากขบวนรถไฟด่วนพิเศษที่นั่งจากทสึรุโอกะไปยังคิซากาตะ มีชื่อว่า
อินาโฮะ (いなほ) วิ่งอยู่ระหว่าง
สถานีนีงาตะ (新潟駅) ในเมืองนีงาตะจังหวัดนีงาตะและ
สถานีอากิตะ (秋田駅) ในเมืองอากิตะจังหวัดอากิตะ โดยระหว่างทางผ่านจังหวัดยามางาตะ
ปกติรถไฟในญี่ปุ่นจะวิ่งค่อนข้างตรงตามเวลา อาจมีล่าช้าเลื่อนเวลาไปบ้าง และบางครั้งเลวร้ายกว่านั้นก็คือยกเลิกเที่ยวรถไปเลย ซึ่งได้ยินว่าจะเกิดกรณีแบบนี้ไม่บ่อยนักแค่นานๆครั้ง และก็ปรากฏว่าโชคร้ายที่มันเกิดขึ้นกับขบวนรถไฟที่เราจองครั้งนี้
ตอนที่เราไปถึงสถานีแล้วพบประกาศว่าเที่ยวรถไฟอินาโฮะ 10:12 ที่จะขึ้นนั้นเกิดยกเลิกขึ้นมากะทันหันก็รู้สึกตกใจกังวลไม่รู้จะทำยังไง จึงได้แต่ลองถามเจ้าหน้าที่สถานี ปรึกษาพูดคุยดู บอกเขาว่ามาเที่ยว อยู่ๆรถไฟยกเลิกแบบนี้เดือดร้อนแย่ ตั๋วก็ซื้อไว้แล้ว
ตอนแรกเขาก็บอกว่าทำอะไรไม่ได้ ให้ทำการขอคืนตั๋วและเงินคืน กรณีเกิดปัญหาแบบนี้ตั๋วสามารถคืนได้เต็มจำนวน
อย่างไรก็ตามถึงได้เงินคืนแต่แผนเที่ยวที่เสียไปแล้วก็ไม่อาจทำอะไรได้อยู่ดี เที่ยวรถต่อไปที่จะออกนั้นคือเวลา 11:00 แถมไม่ใช่รถด่วนและยังต้องต่อรถอีกทีด้วยจึงจะไปถึงปลายทางที่ต้องการได้ จึงไม่ใช่ทางแก้ปัญหา
หลังจากคุยอยู่สักพักเขาจึงบอกว่าจะชดเชยโดยเรียกแท็กซีมาให้นั่งแทนเพื่อส่งเราไปถึงสถานีปลายทาง โดยค่าแท็กซีนั้นทางบริษัทรถไฟจะรับผิดชอบให้ ให้เราจ่ายเงินแค่เท่ากับค่าตั๋วรถไฟจากสถานีนี้ไปยังสถานีปลายทาง
ที่จริงแล้วนอกจากเราก็มีผู้โดยสารคนอื่นที่เจอปัญหาเดียวกันนี้แล้วก็เห็นเขาคุยกับเจ้าหน้าที่สถานีเหมือนกัน แล้วสุดท้ายก็ได้นั่งแท็กซีเช่นเดียวกัน และคนที่ไปที่เดียวกันเขาให้นั่งแท็กซีไปคันเดียวกันด้วย แต่ของเราไม่มีคนอื่นที่ปลายทางอยู่ที่เดียวกันเลยได้นั่งคนเดียว
หลังจากนั้นลองค้นข้อมูลดูก็พบว่าเมื่อเจอกรณีที่รถไฟยกเลิกกะทันหันแบบนี้สามารถเรียกร้องความช่วยเหลือจากทางสถานีได้จริงๆ แล้วเขาจะจัดหารถแท็กซีให้ เพียงแต่ว่าจะได้หรือไม่ได้ต้องดูเป็นกรณีไป ซึ่งก็ไม่ได้มีเงื่อนไขที่กำหนดแน่ชัด แล้วแต่ทางฝ่ายสถานีจะพิจารณา ครั้งนี้ยังดีที่เขาเห็นสมควร เราเลยได้ขึั้นแท็กซีไปยังสถานีที่ต้องการแทน ไม่ต้องเสียแผนมากนัก
เพียงแต่ว่ากว่าเขาจะเรียกแท็กซีก็ต้องรอนาน จากเดิมที่รถไฟควรออก 10:12 นั้นกลายเป็นว่าต้องรอถึง 10:40 จึงได้ขึ้นแท็กซี แถมแท็กซีก็ไม่เร็วเท่ารถไฟอยู่แล้ว ทำให้ยิ่งช้าไปอีก เวลาที่เราถึงปลายทางนั้นจากที่เดิมทีควรเป็น 11:04 จึงกลายเป็น 11:55 เท่ากับหายไปเกือบชั่วโมง แต่ยังดีที่เราเผื่อเวลาเที่ยวในคิซากาตะไว้เยอะ จึงยังมีเวลาอยู่ แค่ต้องรีบมากขึ้น รีบเที่ยวแล้วมาขึ้นรถไฟเวลา 13:08
โดยรวมแล้วก็คือ การเริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้เจอเรื่องผิดคาดจนคิดว่าจะแย่ซะแล้ว แต่สุดท้ายก็ผ่านพ้นมาได้ ไม่งั้นไม่รู้จะเป็นยังไง ก็ต้องชื่นชมว่าทางญี่ปุ่นมีมาตรการรับมืออย่างดีจริงๆในเรื่องนี้
ต่อไปจะเริ่มเล่าเรื่องการเดินทางโดยละเอียดตั้งแต่ขึ้นรถที่เซนไดไปจนลงรถที่คิซากาตะ
ตอนเช้าวันเสาร์ เราเดินทางมาถึงศูนย์รถบัสเวลา 6:50
บรรยากาศภายในศูนย์รถบัส เต็มไปด้วยผู้คนที่นั่งรอรถ
จากนั้นเราก็ไปเอาใบจองรถไปยื่นที่จุดขายตั๋วพร้อมจ่ายค่าตั๋ว ๓๔๐๐ เยนแล้วก็ได้ตั๋วสำหรับเดินทางมา
จากนั้นก็ออกมาเดินแถวหน้าป้ายรอเวลารถมา ระหว่างนั้นก็เห็นรถบัสสำหรับไปเมืองอื่นๆ เช่นทางซ้ายเป็นรถบัสไปโมริโอกะ ทางขวาเป็นรถบัสไปฟุกุชิมะ
คันนี้เป็นรถบัสไปสนามบินนาริตะ เพิ่งรู้ว่ามีด้วย แต่วันนึงมีแค่รอบเดียวเท่านั้นคือ 7:10 ถึงสนามบินนาริตะเวลา 14:45 ใช้เวลานานมาก
ส่วนรถบัสที่เราจะขึ้นในที่สุดก็มาแล้ว
เราได้ที่นั่งแถวที่ ๒ ริมหน้าต่างฝั่งซ้าย ถือเป็นตำแหน่งที่ดี เห็นคนที่เข้าออกรถบัสได้สะดวก ภายในรถบัสนั้นมีคนอยู่แค่ประมาณครึ่งนึง ไม่ได้เต็มรถ ดังนั้นจริงๆแล้วต่อให้ไม่ได้จองตั๋วมาก็คงไม่ได้มีปัญหาอะไร
หลังจากที่รถบัสออกจากเซนไดมาแล้วก็เดินทางไปทางตะวันตกเรื่อยๆ จนมาจอดพักที่จุดแวะพักฟุรุเซกิ (
古関PA) หลังออกมาได้ ๔๐ นาที ซึ่งเห็นแล้วก็งงว่าระยะแค่นี้ก็ต้องแวะพักด้วยหรือ ยังเพิ่งไปไม่ทันถึงไหน ตรงนี้ยังอยู่ในพื้นที่จังหวัดมิยางิอยู่เลย ต้องต่อไปอีกหน่อยจึงจะเป็นจังหวัดยามางาตะ
ไหนๆก็แวะจอดแล้วก็ลงไปเดินเล่นหน่อย จุดแวะพักนี้มีแค่ร้านขายของชำ ร้านอาหาร และห้องน้ำ
หลังจากนั้นรถก็เข้าสู่พื้นที่จังหวัดยามางาตะ แล้วก็ลงจอดที่ป้ายแรกที่ให้ผู้โดยสารลงคือที่ป้ายซางาเอะ SA ใน
เมืองซางาเอะ (寒河江市) 8:30
โดยตรงนี้ไม่ใช่บริเวณกลางเมือง แต่เป็นจุดแวะพักบนถนนที่ผ่านข้างเมือง
แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองซางาเอะในจังหวัดยามางาตะ แสดงเป็นช่องสีชมพูเข้มตรงกลาง
ต่อมารถบัสก็มาจอดป้ายต่อไปคือที่แยกนิชิกาวะ IC ใน
เมืองนิชิกาวะ (西川町) ตรงนี้ก็มีคนลงคนนึง
ทิวทัศน์ที่ถ่ายทันทีที่รถบัสออกจากป้ายนี้มา
แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองนิชิกาวะเป็นสีเหลืองเข้มกลางจังหวัด
หลังจากตรงนี้รถบัสก็ผ่านป้ายถัดไปคือโชวไนอาซาฮิ (
庄内あさひ) แต่ป้ายนี้ไม่มีใครลง ตำแหน่งตรงนี้อยู่ภายในบริเวณของเมืองทสึรุโอกะแล้ว แต่ว่ายังห่างจากใจกลางอีกมาก
แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองทสึรุโอกะเป็นสีชมพูเข้มขนาดใหญ่ทางตะวันตกติดริมฝั่งทะเลญี่ปุ่น เมืองนี้มีขนาดใหญ่แบบนี้จากการควบรวมเขตการปกครองในปี 2005 โดยเอาเมืองเล็กๆข้างๆมารวมกันให้หมด
บริเวณแถบตะวันตกของจังหวัดยามางาตะนั้นมีชื่อเรียกรวมว่า
ภูมิภาคโชวไน (庄内地方) โดยเมืองทสึรุโอกะเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของภูมิภาคนี้
ป้ายต่อไปที่รถบัสมาจอดคือที่ศูนย์ผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวโชวไน (
庄内観光物産館) ตั้งอยู่บริเวณชานเมืองทางตะวันตกของเมืองทสึรุโอกะ
หลังจากนั้นรถบัสก็วิ่งไปเรื่อยๆภายในเมืองทสึรุโอกะ เราได้จังหวะถ่ายภาพในเมืองมาหลายภาพ
แล้วในที่สุดรถบัสก็มาจอดที่ป้ายเอสมอล (エスモール) ซึ่งเป็นท่ารถประจำเมืองนี้ ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีทสึรุโอกะ จากตรงนี้เดินไปนิดเดียว
ภายในตัวอาคารตรงนี้เป็นที่ขายตั๋วและที่นั่งรถรถ
และในอาคารเดียวกันนี้ยังเป็นห้างด้วย
แต่เมื่อลองเข้าไปดูในห้างแล้วก็พบว่ายังไม่เปิด เพราะยังไม่ถึงเวลาเปิดคือ 10 โมง บรรยากาศเป็นแบบนี้
จากนั้นเราก็เดินออกมาจากท่ารถบัส
เท่าที่เดินดู แถวๆนั้นมีพวกโรงแรมอยู่เต็มเลย
เดินไปทางโน้นเพื่อไปยังสถานีทสึรุโอกะ
แล้วก็มาถึงลานด้านหน้าสถานี
ที่ฝั่งตรงข้ามสถานีนั้นเป็นร้านขายของฝากโรงแรม แต่โรงแรมนั้นกำลังซ่อมแซมอยู่ ภายนอกหุ้มด้วยสีฟ้า
เนื่องจากเห็นว่าเหลือเวลาเราจึงเข้าไปเดินเล่นดูของในร้านสักหน่อย
ในนี้เต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ต่างๆของเมืองนี้มากมาย ซึ่งเราก็ดูผ่านๆ ยังไงก็ไม่ได้ซื้อเป็นที่ระลึกอยู่แล้วเพราะครั้งนี้แวะเมืองนี้แค่เป็นทางผ่าน ไม่ได้มาเที่ยวที่นี่
อันนี้ดูแล้วน่าสนใจดี เป็นขนมที่ทำเป็นรูป
กัสซัง (月山) ภูเขาสูง ๑๙๘๔ เมตรที่เป็นสถานที่เที่ยวขึ้นชื่อของเมืองนีซึ่งเราเองก็คิดอยากหาโอกาสมาเที่ยวปีนเขานี้เหมือนกันแต่ยังไม่มีโอกาส
ร้านนี้มีส่วนเชื่อมกับโรงแรม ตรงนี้สวยดี
ตรงนี้เป็นโรงแรม
จากนั้นก็เดินข้ามไปยังสถานี
ที่ด้านหน้าสถานีมีอนุสาวรีย์ที่ด้านบนมีคนแบกฟาง
ลองดูด้านใต้เขียนว่าสถานีที่เด่นๆรอบๆที่นี่ เช่นทางตะวันออกคือกัสซัง ทางตะวันตกเป็นทะเลญี่ปุ่น ส่วนทางเหนือมีไคโจวซัง (
鳥海山) สูง ๒๒๓๖ เมตร ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดยามางาตะ
จากนั้นก็เข้าไปในอาคารสถานี
ภายในอาคารสถานี
และเมื่อเข้ามาดูจอแสดงเวลารถไฟก็จึงได้รู้ว่ารถด่วนพิเศษอินาโฮะที่ต้องการขึ้นนั้นได้ถูกเขียนว่า "อุงกิว" (
運休) ซึ่งหมายถึงหยุดวิ่ง
จากนั้นจึงไปปรึกษาเจ้าหน้าที่สถานีซึ่งอยู่ในห้องนี้ ดังที่ได้เล่าไว้แล้วข้างต้น จนในที่สุดเขาก็จัดแท็กซีให้
ก่อนจะขึันแท็กซีเขาบอกให้เราซื้อตั๋วรถไฟวิ่งจากทสึรุโอกะไปคิซากาตะ ราคา ๑๑๗๐ เยน แทนค่าแท็กซี แต่พอซื้อเสร็จเขาก็ไม่ได้เก็บตั๋วนี้ไป เลยกลายเป็นตั๋วที่เก็บกลับไปเป็นที่ระลึกไป
ระหว่างที่รอเขาเรียกแท็กซีเราก็มารอในห้องนั่งรอนี้
ในที่สุดแท็กซีก็มา หลังจากที่รอนานประมาณ ๒๐ กว่านาที พอเราขึ้นแท็กซีมาคนขับก็ถามว่าคิซากาตะที่จะไปนั้นอยู่ที่ไหน เพราะเขาเองก็ไม่คุ้นกับจังหวัดอากิตะ พอลองคุยดูเขาก็บอกว่าเขาเป็นคนในเมืองทสึรุโอกะ ส่วนใหญ่ก็ขับอยู่แต่ในเมืองนี้ แทบไม่เคยขับไปถึงจังหวัดอากิตะที่อยู่ข้างๆนี้เลย
ทิวทัศน์ระหว่างทางในช่วงที่ยังอยู่ในเมืองทสึรุโอกะ
เส้นทางนั้นต้องผ่านกลาง
เมืองซากาตะ (酒田市) ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญของจังหวัดยามางาตะ เลยถ่ายภาพภายในเมืองระหว่างทางไว้ด้วย
แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองซากาตะเป็นสีชมพูเข้มด้านบน ติดทะเลญี่ปุ่น
ระหว่างทางเห็นคนเดินขบวนประท้วงอะไรกันด้วย ลองขยายแผ่นป้ายดูแล้วก็พบว่าเป็นเรื่องของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โอนางาวะ (
女川原子力発電所) ของการไฟฟ้าโทวโฮกุ (
東北電力) ที่เมืองโอนางาวะ (
女川町) จังหวัดมิยางิ
หลังจากนั้นก็ออกจากบริเวณเมืองซากาตะ เข้าสู่
เมืองยุซะ (遊佐町) เมืองยุซะเป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ทางตอนเหนือสุดของจังหวัดยามางาตะ แสดงเป็นสีเหลืองเข้มบนสุดในแผนที่นี้
หลังจากนั้นก็เข้าสู่ส่วนรอยต่อระหว่างจังหวัดยามางาตะกับอากิตะ ระหว่างนั้นทิวทัศน์เริ่มเห็นเป็นชายฝั่งทะเล นี่คือทะเลญี่ปุ่น ตั้งแต่มาญี่ปุ่นครั้งนี้เพิ่งจะได้มีโอกาสมาเห็นเป็นครั้งแรกเลย จากที่ครั้งก่อนที่ได้เห็นคือตอนนั่งโฮกุริกุชิงกันเซงเมื่อปี 2018 ที่มาเที่ยว
หลังจากนั้นก็เข้าสู่บริเวณของเมืองนิกาโฮะจังหวัดอากิตะแล้ว ซึ่งเป้าหมายแรกของเราก็อยู่ในเมืองนี้เอง
แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองนิกาโฮะในจังหวัดอากิตะ แสดงเป็นสีชมพูเข้มเล็กๆด้านซ้ายล่างสุด
ระหว่างทางที่ถ่ายภาพมาได้คือโกดังคิซากาตะหมายเลข 51 (
象潟51
号倉庫) ของ JA อากิตะชินเซย์ (JA秋田しんせい) ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรทางตอนใต้ของจังหวัดอากิตะ อยู่เลย
สถานีคามิฮามะ (上浜駅) มานิดหน่อย
แล้วก็ผ่านโรงงานของอากิตะไคฮัตสึนามะคอนกรีตในคิซากาตะ (
秋田カイハツ
生コンクリート) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตคอนกรีดของจังหวัดอากิตะ
หลังจากนั้นรถก็วิ่งมาจนถึงแถวป้ายรถเมล์ฮามายามะ (
浜山) ซึ่งอยู่ก่อนถึงสถานีคิซากะตะซึ่งเป็นเป้าหมายห่างไปประมาณ ๘๐๐ เมตร พอมาถึงตรงนี้เราบอกให้แท็กซีจอดให้ลงระหว่างทางไม่ต้องไปจนถึงสถานีคิตากาตะ เพราะว่าสถานที่เที่ยวแรกทีต้องการไปนั้นอยู่ใกล้ตรงนี้
ที่จริงแล้วได้มีถามคนขับแล้วว่าไหนๆก็เป็นแท็กซีแล้วจะให้ไปส่งถึงเป้าหมายที่ต้องการที่ไม่ใช่สถานีได้หรือเปล่า แต่เขาบอกว่าไม่ได้ เพราะแท็กซีเที่ยวนี้มีไว้แทนรถไฟ ดังนั้นปลายทางจะต้องเป็นสถานีรถไฟเท่านั้น จะออกนอกเส้นทางไม่ได้ แต่เขาก็บอกว่าถ้าเป็นสถานที่ที่อยู่ในเส้นทาง คือรถต้องผ่านอยู่แล้วเพื่อไปถึงสถานีละก็ลงได้ ดังนั้นจึงขอลงตรงนี้ ซึ่งอยู่บนถนนสายหลักก่อนไปถึงสถานี แม้ว่าจะยังต้องเดินอีกหน่อยเพื่อไปยังสถานที่เที่ยวเป้าหมายก็ตาม แต่ก็ประหยัดเวลากว่าเดินจากสถานี
ตอนลงรถก็บอกเขาว่าขอลงตรงนี้เขาก็ปล่อยให้เราลงได้เลย ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องจ่ายเงินด้วยเพราะเขาจะไปเก็บกับทางสถานีเอาแทน เราก็ลงมาแล้วเริ่มเที่ยวได้เลย
เมื่อมาถึงเมืองเป้าหมายแล้วที่เหลือก็เป็นการเที่ยวภายในเมืองนี้ สำหรับเรื่องเกี่ยวกับเมืองนี้และการเดินเที่ยวภายในเมืองจะเขียนเล่าถึงในตอนหน้า
https://phyblas.hinaboshi.com/20230808